|
|
ความจริงของตลาดหุ้นและกฎเหล็กของคนเล่นหุ้นรายวัน โดย อยากเชือก
วันนี้ได้ขายหุ้นเก็งกำไร 2 ตัวที่มีวอลุ่มติดอันดับ (กำไรมากพอสมควร) หลังขายเสร็จแบบล้างพรอททั้ง 2 ตัว ได้กำไรเป็นกอบกำ ในเวลา 2 - 3 วันเท่านั้น
(เล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานตั้ง 3 - 4 เดือนยังกำไรได้ไม่เท่าหุ้น 2 ตัวนี้ใน 2 วันนี้) เที่ยงจึงไปทำบุญ แล้วเลยไปหาอาจารย์คุย ได้ความรู้เพิ่มอีก
ผมเล่าให้อาจารย์ผมฟังว่า กำไรจากหุ้นเน่า ๆ (ในสายตาคนเล่นหุ้นเกือบทั้งตลาด เป็นวอแร้นท์ทั้งคู่) ไม่เข้าใจว่าทำไมคนมากมายทั้งตลาดจึงเล่นหุ้นแบบนี้ cpf-w2 มีจำนวนดิว 10932 ตั๋ว ส่วน kmc-w1 มีดิว 9726 ตั๋ว ไม่มีเหตุผลเลยนอกจากการเก็งกำไร 100%
อาจารย์ผมบอกว่า ความจริงของตลาดหุ้น คือการไม่มีเหตุผล เพราะหากหุ้นจะขึ้นลงตามการคำณวนแบบมาเหตุผล ราคาหุ้นจะนิ่งตลอด ไตรมาส จนกว่าจะมีประกาศผลดำเนินงานก็จะรีบกระโดดราคาไปตามเหตุผลที่มีอยู่ในตำรา ถ้าอย่างงั้น ตลาดหุ้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวทุกวัน หรือเคลื่อนราคาช้ามากเพราะต่างก็ยึดราคาที่มีเหตุผลเป็นหลัก ในความเป็นจริงของราคาหุ้นจะขึ้นกับความพอใจของรายใหญ่เสียสาวนมาก และบางครั้ง(น้อยครั้งมาก)ที่จะยอมให้ตามใจราคาของรายย่อย เมื่อราคาขึ้นกับผู้ถือเงินก้อนใหญ่ จึงขึ้นกับกลวิธีการเล่นของคนกลุ่มนั้นๆ และโดยธรรมชาติ มนุษย์ทุกคนที่เอาเงินเข้ามาในตลาดก็ต้องการเพียงหลักที่ว่าให้กำไรมากที่สุดในเวลาสั้นที่สุด เท่าที่ตนเองจะทำได้และอาศัยสภาวะแวดล้อมเป็นตัวเกื้อหนุนผสมกัน ดังนั้นราคาหุ้นจึงไม่ยึดเหตุผล แต่ยึดอารมย์รายใหญ่ที่ปั่นหรือเข้าซื้อโดยอ้างเอาเหตุผลการลงทุนบังหน้า
คนคุมกฎก็อาศัย ความคึกคักของระบบเป็นส่วนการเลี้ยงชีพ ตลาดไม่คึกคนก็หายเงินไม่มี บ จ ก็จะหนีไปค่าส่งเสียเลี้ยงดูพนักงานตลาดก็หดหาย แล้วจะไปวางแผนเพิ่มระบบคอมพิวเตอร์ ขยายสร้างตึก เพิ่มพนักงานได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องขึ้นเวทีบ่อย ๆ แล้วก็โฆษณาชักจูงให้คนเอาเงินมาเล่นหุ้น หลอกว่าถือยาวๆยิ่งคุม อาศัยเงินที่ติดดอยของคนส่วนใหญ่ในการจูงให้อยู่ตลาด คนที่จะยอมถอยโดยตัดแขนขาทิ้งจริงๆ มีน้อยคนมาก ดังนั้นบัญชีคนเล่นหุ้นมีแต่เพิ่มขึ้น (ยิ่งมาก ตลท ยิ่งชอบ โบรกก็ชอบ)
นั่นคือความจริงของตลาด
ส่วนกฎเหล็กของคนเล่นหุ้นรายวัน มาตลาดทุกวัน ไม่มีรายได้อื่น คนแก่มีเงิน ในกมีเงินมากก็อยู่ตลาดได้นานกว่าคนมีเงินน้อยหรือมีภาระส่วนตัวหนัก
คนพวกนี้ต้องเล่นหุ้น ด้วยความหวังทั้งสิ้น เพราะคนประเภทเกือยทั้งหมดยิ่งเล่นนาน ยิ่งขาดทุนยั่งยืน ไม่มีทางฟื้นคืนทุนได้นอกเสียจากว่าจะยึดกฎเหล็กคือ ห้ามคิดว่า ..รู้งี้ซื้อตอนเช้าดีกว่า.. หรือ รู้งั้นไม่ขายตอนนั้น อะไรทำนองนี้ นั่นคือคนพวกนี้มักหวลกลับสู่สิ่งที่เป็นอดีต รำพึงแต่อดีตที่ไม่อาจหวลกลับไปแก้ไขได้เลย
คนที่จะกำไรในหมู่คนประเภทนี้คือ ยึดกฎเหล็กว่า ไม่มีรู้งี้ มีแต่จะทำไงข้างหน้า คิดแก้ปัญหา ค้นหาช่องทางวันข้างหน้า ชั่วโมงหน้า นาทีหน้าเท่านั้น โดยเอาข้อมูลเก่าที่ผ่านมาสดๆ ไม่นานนักมาวิเคราะห์จับทางราคาให้ได้แล้วใช้ความกล้าหาญอย่างมีหลักการเข้าซื้อหรือขาย เสร็จแล้วก็จบไปเป็นเรื่องๆ เป็นตอนๆ ไม่มีรีบซื้อคืนเพื่อเอาชนะตลาดในเวลาสั้นๆ เพราะกรรมวิธีนี้จะเพาะนิสัยหลงตนเองว่าเก่ง(ที่จริงโง่มาก) แล้วสุดท้ายก็ติดกับตลาด จากกำไรเป็นขาดทุนอย่างรุนแรง แล้วก็ไปบอกใครต่อใครว่าตนเองโลภมากไปหน่อย (ความจริงคือโง่มากไปหน่อย)
อาจารย์เล่าให้ฟังแล้วก็ขอตัวไปทำธุระ จึงต้องลาจากกันเพียงเท่านี้ ก็แค่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟัง
ตลาดหุ้นจะไม่ใช่เราเก่งอยู่คนเดียว จะมีคนเก่งกว่าเสมอ
ตลาดจะไม่มีวันแก่ (แม้ดัชนีจะแกว่งไปสูงและต่ำสุด) แต่คนเล่นนับวันจะแก่ลงทั้งสังขารและความคิด
ระวังตนเองให้ดี เพราะตลาดเป็นธุระกรรมท้าทายสูงมาก
หรือจะพูดให้น่าเกลียดคือ ตลาดมีความเสี่ยงสูง เพราะกฎธรรมชาติของตลาดคือ การอยู่รอดต้องกำจัดคนอื่นก่อนมิเช่นนั้นก็คือการฆ่าตัวเอง
ขอให้โชคดี
| Create Date : 11 สิงหาคม 2548 |
| Last Update : 11 สิงหาคม 2548 13:23:47 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 824 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]
|
สวัสดีครับทุกท่าน...ผมหมากเขียวแห่งสินธร...จาก Head of Prop Trade สู่ Private Trader อิสรภาพที่รอคอย
สงวนลิขสิทธิ์ © พ.ศ.2553 โดย หมากเขียว™ ห้ามลอกเลียน ทำซ้ำ หรือคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความที่เขียนโดยข้าพเจ้านอกจากจะได้รับอนุญาต
Copyright © 2010.All rights reserved. These articles and photos may not be copied, printed or reproduced in any way without prior written permission of Mhakkeaw™.
|
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
