http://twitter.com/merveillesxx
และ
http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
MOVIE PLAY
MUSIC
CONCERT REVIEW
สาระ+จับฉ่าย
BOOK
นิยาย-เรื่องสั้น
mer's BIOGRAPHY
คลังข้อสอบ
GALLERY
Teaching
Third Class Citizen
All Blogs
List of CD/DVD/Blu-ray shops in Hong Kong
Taiwan Tips : เกร็ดโน่นนั่นนี่เที่ยวไต้หวัน by เมอฤดี (update: Mar 2014)
FYI : ขอวีซ่าท่องเที่ยวไต้หวัน (Update: FEB 2014)
10 ข้อ : สรุปชีวิต แอดเวนเจอร์ออฟเมอฤดี ประจำปี 2013
เมอร์ซามะบุกร้าน Maidreamin ...เนี้ยวววววววววววว
สรุปชีวิตปี 2012 แบบเมอร์ๆ
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ ภาค 2 : สามวัน-สองประเทศ-สามคอนเสิร์ต...บ้าไปแล้ว! (PART 2 / จบ)
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ ภาค 2 : สามวัน-สองประเทศ-สามคอนเสิร์ต...บ้าไปแล้ว! (PART 1)
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 5 จูร่ง สวนนกอลังการ (จบภาคแรก)
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 4 New Order Live in Singapore วงดนตรีสี่แผ่นดิน
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 3 Garbage Live in Singapore รักนะ...อีดอก
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 2 เกาะนรกเซนโตซ่า
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 1 วันแรกก็ล่อไนท์ซาฟารี
เปิดซิง ส่องกล้องดูกระเพาะตัวเอง
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 7 ฟิล์มเลิฟเวอร์ไปฟิล์มมิวเซียม (ตอนจบ)
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 6 เก๋ๆ ที่ปราสาทชาร์ลอทเทนบูร์ก
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 5 วาทยากรระดับโลก แดเนียล บาเรนบอยม์
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 4 ตะลุยเกาะมิวเซียม
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 3 มื้อเย็นกับท่านทูต
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 2 บุกเบอร์ลินฟิลฮาร์โมนิคฮอลล์
ทริปสังคโลกเบอร์ลิน อินดี้อย่างคลาสสิก : DAY 1 การเดินทางสิบห้าชั่วโมง!
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 6 สุดท้ายต้องไปสุสานซะงั้น (ตอนจบ)
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 5 แฟนบอยล้มละลาย
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 4 เปลือยกายที่จิมจิลบัง (แอร๊ยส์!)
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 3 ไปขี่จักรยานในเกาหลี
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 2 ได้เวลา BIGBANG
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 1 กิมจิมิวเซียม สถานที่ที่ไม่มีทางหาเจอ!
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 0 ออกเดินทาง
เข้าร้านถ่ายรูปในรอบ 5 ปี
10 ข้อ : สรุปชีวิตปี 2011 แบบเมอร์ๆ
10 ข้อ : สรุปชีวิตปี 2010 แบบเมอร์ๆ
ถอดเทป: เด็กหัวใส...ฉลาดใช้ไอซีที
Surrealism from Khao Ko Trip
สรุป 10 เหตุการณ์สำคัญปี 2009 แบบเมอร์ๆ
ประสบการณ์ระทึก!! : การสอนหนังสือในช่วงข้ามปี
10 Warning Signs for entering the first kind of Mid-life crisis
Surrealism is all aorund 03
วะฮะฮ่า โดนภาษีกับเค้ามั่งแล้ว
Surrealism is all aorund 02
Surrealism is all aorund 01
ความรู้สึกของฉันที่มีเธออยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคนบนโลกใบนี้
Absurdity is all around 02 : Sex is not easy
Mother and Son
WE TALK ABOUT LOVE & LIFE
Absurdity is all around 01
WHEN THE LIGHTS GO OUT
SNAKE ON THE FLOOR!
ครั้งแรกลองเสียว ประสบการณ์ผ่าฟันคุดแบบเมอร์ๆ
The day is coming! ...และแล้วเราก็ต้องผ่าฟันคุด
บล็อคแม่งเลย! (BLOCK 'EM UP!)
It may be the end but it's beautiful
ถึงโบ๋...หลับให้สบาย
รูปงานรับปริญญา : วันจริง
รูปงานรับปริญญา : วันซ้อมใหญ่
Im just the 22 Year-Old Virgin
ครั้งสุดท้ายกับธรรมศาสตร์ รังสิต
น้องเมอร์รับปริญญาจ้า
เมืองไทย เมืองพุทธ !?
เที่ยวห้อง CUD38 ห้องสาม : ภาคฉลองจบการศึกษา
ประสบการณ์สอบ TOEIC
ประสบการณ์สอบ CU-TEP
ประสบการณ์สอบ TU-GET
ชิงช้าสวรรค์ ดอกไม้ไฟ และสิ่งดีดีที่หายไป
MY BLOODY VALENTINE
รูปเลี้ยงห้อง CUD38 ห้องสาม (ครั้งที่ 1)
FTA ไทย-สหรัฐ: หายนะหรือวัฒนะต่อการเข้าถึงยา
BLOG TAG PHENOMENON
สวัสดี "ปีใหม่"
ทริปเสม็ด 2006 : ตอน เสม็ดเสร็จกู!
50 คำถามเกย์ๆ
แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แด่เธอ : ให้เธอนะจ๊ะ แตงโม
สรุป : สัมมนาเรื่อง กองทุนหมู่บ้าน : สร้างรายได้หรือก่อหนี้
แบบว่า...ผ่านเข้ารอบสอง BEX Competition 2006 ซะงั้น
น้องดาว
ไดอารี่ ฝึกงาน ของน้องเมอร์ (PART 2)
ไดอารี่ ฝึกงาน ของน้องเมอร์ (PART 1)
บทสัมภาษณ์ : นิตยสาร Esquire เมษายน 2549
สรุปประเด็น : สัมมนาทางวิชาการประจำปี 2549 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์
ประเทศพัฒนาแล้ว-กำลังพัฒนา-ด้อยพัฒนา เขาวัดกันยังไง?
IELTS : กลยุทธ์และการเตรียมพร้อม
ภาพ : งานเลี้ยงห้อง CUD38 ห้อง 3
In the memory of RED (1993-2006)
บทสัมภาษณ์ merveillesxx (Bloggang.com)
อีกหนึ่งวันที่ชีวิตฉัน พังทลาย
10 ธันวาคม : วันธรรมศาสตร์
Fwd: เราอาจรู้จักกันมากขึ้น
มนต์รัก "Sukiyaki" จากโฆษณา AIS ถึงเรื่องราวของ "พี่หน้าเหี้ยม"
สุดทางฝันและรอยทางแห่งน้ำตา (Academy Fantasia 2 / ละคร อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก)
ถึง บล็อก ที่รัก #01
คำขอบคุณจากใจ merveillesxx
ปรากฏการณ์เรือนกระจก The Green House Effect
ข้อแนะนำสำหรับการไปเข้าค่าย รด. เขาชนไก่
วิธีขยายเมลบ็อกซ์ของ HOTMAIL ให้เป็น 25 MB (250 MB ??)
วิวัฒนาการอัตราดอกเบี้ยอเมริกา
เศรษฐศาสตร์...ฤๅจะเป็นแค่เพียง 'โลกสมมติ' ?
Genetic Engineering-พันธุวิศวกรรม
อัลตราซาวด์ (Ultrasound)
เสียง Sound? Voice? Noise?
ทซึนามิ (TSUNAMI) เพียงปรากฏการณ์หรือโศกนาฏกรรม?
วิกฤตเศรษฐกิจไทย พ.ศ. 2540
โครงการเส้นทางลัดสู่ภาคใต้
ธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม
ทริปสังคโลกสิงคโปร์ อินดี้อย่างเดียวดาย : DAY 5 จูร่ง สวนนกอลังการ (จบภาคแรก)
by merveillesxx
(คำเตือน: ไม่ใช่คู่มือการท่องเที่ยว เป็นเพียงบันทึกประสบการณ์ส่วนตัว ใช้คำหยาบคายมากมาย และมีการเหยียดเชื้อชาติ)
และแล้วก็ถึงวันสุดท้ายของทริปสิงคโปร์ ด้วยความที่แพ็คกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืน ตอนเช็คเอาท์ก็เลยชิวๆ มีเวลาเพ้อเจ้อเช็คนู่นเช็คนี่ เปิดตู้ เปิดลิ้นชัก เผื่อลืมอะไรไว้ และทันใดนั้นเอง ขณะไล่เปิดไอ้นั่นไอ้นี่ กูก็ได้พบความโง่ครั้งยิ่งใหญ่ส่งท้ายทริป นั่นคือ
กูเพิ่งรู้ว่าห้องตัวเองมีตู้เย็นด้วย!!
ก็แม่งเล่นมีฝาตู้มาบังไว้ แถมไม่มีที่จับ ที่เปิดอะไรทั้งสิ้น กูจะรู้มั้ย แสรดดดด
คิดแล้วสมเพชตัวเองจริงๆ ใช้ชีวิตในห้องโดยไม่มีน้ำเย็นดื่มอยู่ตั้งห้าวัน ...เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ชีวิตเราต้องก้าวต่อไป (จะพูดให้ดราม่าทำไม) ว่าแล้วก็ลากกระเป๋าปุเลงๆ ไปจัดการเช็คเอาท์ พร้อมทั้งขอฝากกระเป๋าไว้ที่ล็อบบี้ เพราะไฟลท์กลับรอบสองทุ่มนู่น
จุดหมายของวันนี้คือ สวนนกจูร่ง หรือ Jurong Bird Park หนึ่งในสามสวนสัตว์หลักของสิงคโปร์ (อีกสองอันคือ Singapore Zoo และ Night Safari) ตอนแรกจะกะตัดที่นี่ทิ้งแล้ว เพราะไม่ได้พิศวาสนกเท่าไร แถมอ่านจากไกด์บุ๊คหรือเวบไซต์ต่างๆ ก็มักบอกว่า ถ้ามีเวลาน้อยก็ให้เลือก Singapore Zoo หรือ Night Safari ดีกว่า ไอ้ Jurong นี่ถ้าว่างค่อยมา แต่เนื่องจากซื้อบัตร 3-in-1 Park Hopper (ซื้อใบเดียวเข้าได้สามอันเลย) ไปแล้ว ก็ต้องเอาให้คุ้ม
การเดินทางไป Jurong ก็นอกออกนอกเมืองอีกแล้ว นั่ง MRT สายสีเขียวไปสถานี Boon Lay นู่นเลย (เกือบสุดสาย) พอออกชานเมืองก็เห็นไซต์ก่อสร้างแบบนี้เป็นระยะ อย่างที่บอกว่าสิงคโปร์นี่สร้างอะไรไม่หยุดหย่อนจริงๆ
ตอนอยู่ใน MRT ฟ้าก็เริ่มครึ้มๆ แล้ว แต่ก็เข้าข้างตัวเองว่าแค่เมฆเยอะมั้ง ฝนคงไม่ตกหรอกนะ นะ นะ นะ (เสียงเอคโค่หลอกตัวเอง) พอลงที่สถานี Boon Lay ก็ต้องไป Bus Interchange นั่งรถเมล์สาย 194 ต่อไปยัง Jurong ซึ่งวันนี้โชคดีมาก พอไปที่ป้ายปุ๊บ รถเมล์ก็มาทันที แถมรถไม่แน่นด้วย คงเพราะ Jurong นี่ไม่ค่อยฮิตเท่าอีกสองสวนสัตว์นั่นเอง
และขณะที่อยู่บนรถเมล์ ฝนก็ตกตู้มลงมาจนได้ หนักด้วย ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ไปต่างประเทศทีไร ไม่ว่าจะโซล, เบอร์ลิน, สิงคโปร์ วันสุดท้ายของทริปต้องเจอฝนตกทุกที
Jurong นั่งรถเมล์ไม่นานมาก แค่ 15-20 นาทีเองมั้ง แต่ทุกคนก็ต้องมาติดฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์อันนี้ (รถมันไม่ได้เข้าไปจอดที่ Jurong โดยตรง ต้องเดินต่อเองอีกหน่อย)
ยืนปลงอยู่ในป้ายรถเมล์อยู่เกือบสิบนาที คิดว่ายืนไปก็เท่านั้น กางร่มลุยฝนออกไปเลยดีกว่า ก็กระดึ๊บๆ มาถึงทางเข้า Jurong จนได้
พอไปถึง Jurong ก็ไปนั่งหลบฝนอยู่ด้านหน้า เห็นบางคนกางร่มลุยฝนเข้าไปในสวนเลย บางคนก็ซื้อเสื้อกันฝน (ลายนกเพนกวิน) ของสวนสัตว์ลุยเข้าไปเช่นกัน แต่ดิชั้นคิดว่ามันไม่น่าจะสนุกเท่าไร ก็เลยรอจนฝนซาๆ หน่อย
โอเค ฝนซาแล้ว พอเข้ามาใน Jurong สิ่งแรกที่เราจะเจอก็คือ Penguin Coast เป็นฝูงเพนกวินดูเพลินดีแท้ เพราะเยอะดี แล้วมีทั้งตัวที่เดินเตาะแตะ และตัวที่ว่ายน้ำกันอย่างร่าเริง (คิดแทนมันเสร็จสรรพ)
หน้าทางเข้าหลัก ก็เจอนกสิบกว่าตัวรอให้ไปถ่ายรูปด้วย
ปกติไม่ค่อยสนใจพวกโชว์ในสวนสัตว์เท่าไร แต่ตอนเข้ามา เผอิญว่ากำลังจะมีโชว์ที่ Pools Amphitheatre (ชื่ออลังการมาก กูนึกว่าชื่อวิทยาศาสตร์ของยาบ้า) พอดี เลยแวะดูซะหน่อย รู้สึกแปลกแยกเล็กน้อย เพราะมีแต่ครอบครัว กับเด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาทั้งนั้น มีกูนั่งเดี่ยวๆ อยู่คนเดียว
ตอนแรกปรามาสไว้ว่าคงเป็นโชว์ก๊อกแก๊กหลอกเอาใจเด็ก แต่ปรากฏว่าการแสดงก็เพลิดเพลินทีเดียวเชียว พวกนกแสนรู้กันน่าดู ณ จุดนี้เริ่มแอบมีใจให้กับเหล่านกเล็กน้อย (ในภาพนี้เป็นเล่นละคร)
โชว์หลังๆ เน้นการเข้าถึงผู้ชม นกบินมาเฉี่ยวหัวหัวเลยทีเดียว (สังเกตด้านซ้ายของภาพนะจ๊ะ)
อันนี้ให้อาสาสมัคร ยืนถือห่วง แล้วให้นกบินรอดห่วง ก็ผ่านไปอย่างลุล่วง (คนถือนี่คงเกร็งน่าดู เกิดทำองศาผิด นกบินชนห่วงตายห่าไป คงซวยหนัก)
แน่นอนว่ามาสวนสัตว์ ก็ต้องพบกับน้องๆ ผู้น่ารัก (กัดฟันพูด) แต่ไม่เดือดร้อน เพราะสวนนี้มันกว้าง หนีน้องๆ เค้าได้ง่าย
เป็นโชคดีที่ก่อนหน้านี้ฝนตก ทำให้บรรยากาศในสวนสัตว์ค่อนข้างเย็นสบาย และจากที่มา Jurong อย่างไม่คาดหวังอะไร มาแบบให้คุ้มกับค่าบัตรไปงั้นๆ แต่พอใช้เวลาไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่า เอ้อ ที่นี่มันก็ดีนี่หว่า โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปยังโซนนกสีสันสวยงามอลังการ ดิชั้นก็กรี๊ดสาวแตกเลยทีเดียว แบบว่าชอบมากกกกกกกก
เจอโซนนี้เข้าไป ถ่ายรูปไม่ยั้งเลย (ยังแอบสงสัยว่าสวนสัตว์มันจับนกไปย้อมสีป่าววะ 555)
โซนนี้เป็นโซนใกล้ชิดสัตว์ มันจะเป็นโดมใหญ่ๆ พอเข้าไปแล้ว จะมีแจกอาหารนก พอเราถือเข้าไป นกจะบินมาจิกกินทันที (เหวอ) อีนกพวกนี้ดูไม่เกรงกลัวมนุษย์มากๆ เกาะหัว เกาะมือ เกาะไหล่ ชนิดที่ว่าตีสนิทพวกกูภายในเวลาครึ่งนาที แต่เรารู้สึกว่ามันใกล้ชิดเกินไปหน่อย เข้ามาใกล้ขนาดนี้ก็แอบแหยง เลยไม่ได้ถือเอาอาหารมาด้วย
ระหว่างเดิน เจอนกสองตัวนี้กำลังคลอเคลียอี๋อ๋อน่ารัก เลยถ่ายรูปสักหน่อย ปรากกว่ามันฉี่ปรี๊ดๆๆๆ ออกมาทันที อีห่า หมดกัน ความโรมานซ์ของกู
ขออภัยที่ถ่ายรูปห่วย แต่นี่คืออีกโซนที่ชอบมาก เป็นพวกนกเหยี่ยว นกอินทรี ซึ่งมันตัวใหญ่บึกบึน และดูมีรัศมีอาฆาตแผ่ซ่านมากๆ ยังกลัวเลยว่าไปใกล้กรงมันมากๆ มันจะแดกกูหรือเปล่า
เรื่องน่าประทับใจคือ มีอักษรเบรลล์สำหรับคนตาบอดในสวนสัตว์นี้ด้วย
นกที่นี่มีหลายแบบ บางตัวก็มาเสนอหน้าให้เราถ่ายรูปกันอย่างง่ายดาย หน้าเหมือนแบบ “ถ่ายกูสิ ถ่ายกูสิ อีพวกมนุษย์หน้าโง่”
บางตัวก็ขี้อาย ไปแอบหลบตามมุมบ้าง ตามที่สูงๆ บ้าง
โซนบ่อน้ำ มีนกฝูงใหญ่มากกกก แกรนด์ดีแท้น้อ
โซนน้ำตก ซึ่งทางสวนสัตว์โม้ไว้ว่าเป็นน้ำตกมนุษย์สร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก (มันน่าภูมิใจมั้ยเนี่ย) มีป้ายบอกว่าถ้าปีนบันไดขึ้นไปข้างเนี่ยจะมีนกด้วยนะจ๊ะ อ่ะ กูก็บ้าจี้ปีนขึ้นไป ปีนขึ้นไป ปีนขึ้นไป ปีนขึ้นไป ...อีห่า ไหนล่ะนก ไม่เห็นสักตัว ปรากฏว่าข้างบนจะมีป้ายอธิบายว่า “นกบางตัวอาจจะขี้อายนะจ๊ะ ถ้าโชคดีก็จะโผล่มาให้เห็น แต่ยังไงคุณก็ได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติแห่งนี้แล้ว” ...อีสัส หลอกกู
อย่างไรก็ดี ก็มีนกโผล่มาให้เห็นประปราย
นกยูงตัวนี้อยู่ที่ชั้นบนสุดเลย เหมือนเป็นเจ้าแม่เฝ้าน้ำตก
และก็ถึงโซนท้ายๆ ของ Jurong และเป็นโซนที่ข้าพเจ้าฟินมาก นกฟลามิงโกสีสดงดงาม ดูแล้วเหมือนภาพศิลปะก็มิปาน (ตอนโพสต์ลงเฟซบุ๊ค เพื่อนยังถามว่านี่ของจริงหรือภาพวาด) ทำให้รู้สึกดีใจมากๆ ที่เลือกมาที่ Jurong แห่งนี้
อันนี้เป็นโซนสนามเด็กเล่น
ที่ฮาคือ ลานโชว์ของนกเหยี่ยว พร็อพประกอบมึงฮาร์ดคอร์มาก เป็นซากควายกันเลยทีเดียว
ขาออกจะมีโซน Nursery บอกกระบวนการฟูมฟักเลี้ยงดูนกของที่นี่ (ในตู้จะมีนกอยู่จ้ะ)
ตบท้ายด้วยมื้อกลางวันที่ Hawk Cafe ตอนแรกว่าจะสั่งข้าวอะไรสักอย่าง แต่สั่งผิดไปได้ Laksa มาแทน เป็นก๋วยเตี๋ยวเลี่ยนๆ เผ็ดนิดๆ สไตล์สิงคโปร์ ก็พอกินได้ แต่ถ้าถามว่าจะกินอีกมั้ย ก็คงไม่ 555
วันนี้โชคเข้าข้างจริงๆ พอออกมารอรถเมล์ รถสาย 194 ก็มาจอดรอทันที ดวงดีผิดปกติจนทำให้วิตกจริตว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องชิบหายๆ ตามมาหรือเปล่า
เหลือเวลาอีกไม่มาก ก็ต้องไปสนามบิน เลยคิดว่าเก็บตกพวกมิวเซียมแถวๆ รอบโรงแรมแล้วกัน ก็นั่ง MRT ยาวจากสถานี Boon Lay มาที่ถิ่นเดิม Bras Basah ที่เล็งไว้คือจะไป Peranakan Museum แล้วก็ 8Q SAM
เพิ่งมารู้สึกตัววันสุดท้ายว่ารอบโรงแรมนี่โบสถ์เยอะมากเลย
ตึกสีสดใสอันนี้แหละคือ Peranakan Museum (ใช้บัตร 3 Day Museum Pass ได้เช่นกัน)
เปอรานากัน หมายถึงกลุ่มคนที่มีเชื้อชาติผสมกันของจีน/มลายู จะอยู่ตามประเทศไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดเนเซีย ...มิวเซียมแห่งนี้ก็พูดถึงความเป็นมา และวิถีชีวิตของเปอรานากัน (ละเอียดมาก มีตั้งแต่บ้านเป็นยังไง, ระบะบครอบครัวเป็นแบบไหน, กินอะไร, พิธีแต่งงานเป็นยังไง ฯลฯ)
แต่ก็อยู่ใน Peranakan อย่างสงบสุขไม่ได้ เนื่องจากมีกองทัพน้องๆ มาทัศนศึกษาพอดี แล้วมิวเซียมก็เล็ก หนีไปห้องนึง อีเด็กพวกนี้ก็ตามกันมาทีนึง สุดท้ายเลยยอมแพ้ ออกก็ได้วะ
ข้างๆ Peranakan จะมี The Substation เป็นที่แสดงงานศิลปะเก๋ๆ ฉายหนังอาร์ตๆ
ตอนไปก็มีนิทรรศการเล็กๆ อยู่ อารมณ์ประมาณ White Space ที่ลิโด้ (ปิดไปแล้ว)
มีโรงหนังด้วย แต่ตอนเราไปไม่มีโปรแกรมฉาย
จบจาก Peranakan ก็เดินไปยัง 8Q SAM เป็นเหมือนสาขาเล็กของ Singapore Art Museum (SAM) ระหว่างทางก็เจอโบสถ์อีกแล้ว
หน้าตาของ 8Q SAM จะสดใสๆ หน่อย
แต่พอทำท่าจะเดินเข้าไปใน 8Q SAM ปุ๊บ ลุงยามก็เดินออกมาทำแขนไขว้กากบาทใส่ทันที สรุปว่ามันปิด! อ้าว เวร ลุงอธิบายว่าตอนนี้ปิดนะจ๊ะ เพราะว่ากำลังเตรียมงาน Night Festival กันอยู่ (เป็นงานโชว์แสงสีเสียงอลังการ ยิงโปรเจคเตอร์ใส่ตึกมิวเซียม มีเล่นดนตรี มีนู่นมีนี่ และมีหลังจากกูกลับไม่กี่วัน ...กูล่ะเซ็ง)
นั่นไง กูว่าแล้วต้องมีความซวยบังเกิด พอ 8Q SAM ปิด มันก็เลยทำให้มีเวลาเหลือ คิดว่าลองไปที่ Singapore Philatelic Museum (ต่อไปขอย่อว่า SPM) แล้วกัน เป็นมิวเซียมเกี่ยวกับจดหมายและแสตมป์ ซึ่งเราไม่ได้อิน ตอนแรกเลยตัดทิ้งไป ความบัดซบคือ ไอ้ SPM เนี่ยจริงๆ มันใกล้กับ Peranakan นิดเดียว นี่กูก็อุตส่าห์เดินมาซะไกล ต้องย้อนกลับไปทางเก่าอีก ฮ่วยยยย
หน้าตาประมาณนี้ ดูอบอุ่นดีนะ
พอเข้าไปข้างใน จะยื่นตั๋ว ก็ดันเจอคู่ผัวเมียฝรั่งเศสที่ซื้อจดหมายและแสตมป์เยอะมาก เยอะจนกูสงสัยว่ามึงเอาไปส่งทั้งหมู่บ้านเลยหรือไง (แล้วฝรั่งเศสไม่มีแสตมป์ขายเหรอไงวะ??) ทำให้กูต้องยืนรออยู่เกือบสิบนาที จนอยากจะขอลัดคิว เพราะของกูเนี่ย แค่ยื่นตั๋วให้แป๊บเดียว ไม่เกิน 15 วินาที ก็เสร็จแล้ว
ก็อย่างที่ว่าไป ใน SPM ก็เป็นเรื่อง จดหมาย และแสตมป์ และจดหมาย และแสตมป์ วนเวียนไปเช่นนี้แล ข้าพเจ้าก็เดินชมอย่างอุเบกขา และใช้เวลารวดเร็ว
ขากลับโรงแรม ก็เพิ่งมาเจอแกลเลอรี่แห่งนี้ ซึ่งมีตั้งสี่ชั้น แถมดูจะเป็นงานคอนเทมด้วย ฟ้ากกกกก แล้วกูไปเสียเวลาอยู่ใน SPM ทำไมตั้งนาน แต่ ณ จุดนั้นดูไม่ทันแล้ว ต้องไปสนามบินแหล่ว
เดินกลับเข้าโรงแรมยื่นใบรับกระเป๋าให้พนักงาน แต่ พนง. ดันทำหน้างงๆ ใส่ แล้วพูดว่า “จำกระเป๋าตัวเองได้มั้ยครับ” อ้าว ก็ปกติโรงแรมอื่น มันต้องยื่นหลักฐานอะไรสักอย่าง แล้ว พนง. ถึงจะยอมให้เอากระเป๋าไปนิ ปรากฏว่าที่นี่เป็นแบบบริการตัวเอง คือเดินเข้ามา แล้วก็หยิบเองเออเอง เอาไปได้เลย แถมที่นี่ไม่มีห้องฝากกระเป๋าด้วย วางกันกองๆ ไว้หน้าประตูเลย ฮ่วยย ไม่มีการ protect อะไรกระเป๋ากูเล้ย แต่เพิ่งมาเห็นในใบฝากกระเป๋า มันจะมีเขียนว่า “ทางโรงแรมไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นกับกระเป๋าของท่าน” ...โอเค จบ เขาเขียนไว้ชัดแล้ว กูผิดเอง
จากนั้นก็หอบสังหาร ลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ ไปยังสนามบิน Changi
MRT จะมาส่งที่ Terminal 2 คนกลับ Air Asia ต้องนั่งรถไฟขบวนสั้นต่อไปยัง Terminal 1
มาถึงล่วงหน้าเกือบสามชั่วโมง เคาน์เตอร์โล่งผีหลอก
น้ำหนักกระเป๋าขากลับ 12.6 กิโล ขามารู้สึกจะ 10-11 กิโลนี่แหละ แทบไม่เพิ่ม เพราะไม่ได้ซื้ออะไรเลย
ชอบไอ้นี่ (ไม่รู้จะเรียกอะไร) ของสนามบิน Changi มากเลย เป็นรูปหยดน้ำแล้ววิ่งขึ้นลงไปมาได้ ดูแล้วเพลินดี
เนื่องจากเวลาเหลือบาน เลยหาข้าวกิน มื้อส่งท้ายขอไฮโซหน่อย จัด Saboten ไปโลด คิดราคามาเกือบ 700 บาท แอบช็อคเหมือนกัน
Duty Free ที่นี่ใหญ่พอควร แต่สุวรรณภูมิกว้างกว่า ไม่คิดจะซื้ออะไรอยู่แล้ว เลยไม่ได้สนใจเดิน
สำรวจสนามบินไปเรื่อยๆ เจอส่วน observation deck เห็นลุงคนนี้มองยืนเครื่องบินอยู่ ดูเหงาๆ ดี หยั่งกะหนังหว่องกาไว
มีป้ายขอบคุณที่ไม่มานอนแถวนี้
ใกล้ๆ กันมีโซนสนามเด็กเล่น แต่แบบดูเงียบเหงามืดมน น่ากลัวมาก เด็กที่ไหนจะกล้าเล่นฟระ
หลังจากอ้อยอิ่งทอดน่องอยู่นานก็ได้เวลาเข้า gate แต่ยังมิวายแวะเล่นเน็ตระหว่างทาง พิมพ์ลงเฟซบุ๊คว่า Already at Changi, it is always sad when the journey ends and have to go back to the reality.
ระหว่างเดินไป gate เจอสวนกระบองเพชรด้วย เปิดออกไปเป็นสวน มีบาร์เล็กๆ มีคนดื่มเบียร์ สูบบุหรี่กันอยู่ แต่มืดมาก
Gate ที่สนามบิน Changi จะเป็นห้องกระจก ไม่มีห้องน้ำในตัว ดังนั้นก็ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนแสกนกระเป๋านู่นนี่ คุณพี่ จนท. บอกว่าให้เราแยกโน้ตบุ๊คออกมาด้วย ก็ต้องทำการล้วงควักระเบิดกระเป๋าอีกครั้ง ตรวจอย่างเบลอๆ อยู่พักนึง สุดท้ายก็ผ่านไปได้ อ้อ ข้างใน gate มีน้ำดื่มให้เติมฟรีด้วย
เนื่องจากมีประสบการณ์ประสาทแดกจากไฟลท์ขามา ตอนนั่งรอเลยรีบมองใหญ่เลยว่ามีคนจีน/คนแขกหรือไม่ มองคร่าวๆ แล้วไม่เห็นเท่าไร รอสักพักแอร์สาวสวยก็ประกาศให้ขึ้นเครื่อง คราวนี้ข้างๆ เรามีคนนั่งด้วย แต่เนื่องจากข้างหลังมันโล่งตั้งสามสี่แถว พอ take off เรียบร้อยก็เลยย้ายหนีไปนั่งข้างหลัง มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง เย้
ขากลับเป็นวันธรรมดา คราวนี้แอร์เลยแต่งชุดฟอร์มเต็มยศ ดูเรียบร้อยขึ้น และมีสติมากขึ้น 5555 ไม่ค่อยสก๊อยเหมือนขามา อุตส่าห์ย้ายไปนั่งข้างหลัง นึกว่าจะสงบสบาย ปรากฏว่าต้องฟังเหล่าแอร์เม้ามอยแทน (กูรู้หมดเลย คนนั้นทะเลาะกับผัว คนนั้นอยากได้ไอโฟน คนนี้อย่างนั้น คนนั้นอย่างนี้ บลาๆๆ) แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก
รูปสุดท้ายของทริปนี้ ...กูนี่มันโรคจิต
และแล้วทริปสิงคโปร์ก็จบบริบูรณ์ แม้จะเจอความชิบหายบรรลัยหลายประการ แต่ก็มีช่วงเวลาน่าประทับใจเยอะทีเดียว เป็นประเทศที่เที่ยวง่าย สะดวกสบาย แม้หลายอย่างจะดูสร้างเพื่อหลอกเอาตังค์กูเหลือเกิน 555 แต่ก็ยังมีหลายที่ที่ยังเก็บไม่หมด ไว้คราวหน้าแล้วกัน
แล้วพบกันใหม่สิงคโปร์ (แต่ไม่ขอเจออีพี่แขกคนนั้นแล้วนะ)
.
.
.
.
.
.
ยังไม่จบ!
เพราะสองเดือนถัดมา ก็ได้ไปสิงคโปร์อีกรอบซะงั้น!!
to be continued ...ทริปสังคโลกสิงคโปร์ภาคสอง : สามวัน-สองประเทศ-สามคอนเสิร์ต
Create Date : 28 ธันวาคม 2555
Last Update : 29 ธันวาคม 2555 0:31:55 น.
0 comments
Counter : 5644 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [
?
]
สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Mint@da{-"-}
grappa
I will see U in the next life.
cottonbook
strawberry machine gun
fonkoon
แพนด้ามหาภัย
renton_renton
DropAtearInMyWineGlass
พรเก้าประการ
แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
วัชเจียเหว่ย
KiSs MoRe
ต้องบอกด้วยเหรอ
แฟนผมตัวดำ
BlueWhiteRed
Evil is Live
ปลาทองแก้มยุ้ย
ฟ้าดิน
ยิ่งยง นั่งยองยอง
BloodyMonday
Webmaster - BlogGang
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
BioScope
House
Apex Siamsquare
วินทร์ เลียววาริณ
สำนักหนังสือไต้ฝุ่น
THAIWRITER.NET
Madeliene du Scudery
มูลนิธิหนังไทย
thaishortfilm.com
เจ้าชายน้อย
โอเพ่นออนไลน์
Riverdale
Nomorebrain
visuallyyours2
Boat@CalArts
ทศพล บุญสินสุข
MurderCase & Mystery
BLACK FOREST
danaya
lolay
nanoguy
THIRD CLASS CITIZEN
Bioscope blog
Fuse blog
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.