http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
อีกหนึ่งวันที่ชีวิตฉัน “พังทลาย”

โดย merveillesxx

เคยรู้สึกกันบ้างมั้ยครับว่า วันนี้เป็นวันที่…แย่ที่สุด เฮงซวยที่สุด ซวยที่สุด ของฉันเลย (โว้ย)

หรือบางทีอาจจะเรียกเป็นวันที่ชีวิต “พังทลาย” อย่างย่อยยับ ไม่เหลือเศษซากชิ้นดี

สำหรับ วันที่ 19 มกราคม เป็นวันแรกของปี 2006 ครับ ที่ผมรู้สึกแบบนั้น

แย่ไปกว่านั้น วันนี้เป็นวันเกิดของแม่ผมครับ แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในวันนี้ก็คือ พูดว่า “แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะแม่” แล้วก็เดินขึ้นห้องไป

วินาทีหนึ่งที่ผมเหลือบไปมองหน้าแม่ ผมรู้เลยว่าแม่รู้ว่าวันนี้ผมไม่มีความสุข และแน่นอนแม่ก็คงไม่มีความสุขไปด้วย…


กระบวนการพังทลายย่อยยับ มันเริ่มขึ้นเป็นลำดับขั้นดังนี้ครับ (เรียงตามลำดับเวลา)

1. ตอนเช้าผมเล็บฉีก เพราะเอามือล้วงไปในถังขยะ


2. วันนี้ผมนัดแฟนไว้ที่โรงหนัง ปรากฏว่าผมรออยู่ 3 ชั่วโมง แฟนผมก็ยังไม่มา แล้วจนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น โทรไปก็ไม่รับ


3. เพื่อนผมโทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะรวมรายงาน ผมยังไม่ได้พิมพ์สักกะหน้า แน่นอน…เพราะเรื่องจากข้อ 2 ผมไม่มีทางทำมันเสร็จแน่นอน ตอนนี้ก็เตรียมโดนเพื่อนด่าลูกเดียวเลย

หลังจากวางโทรศัพท์กับเพื่อน ผมนั่งอยู่บนรถเมล์ แล้วรถก็วิ่งผ่านป้ายรถเมล์ที่ผมเดินไปส่งแฟนเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วผมก็ร้องไห้ออกมาเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน


4. ผมโดนข้อหาว่า “ปั่นหุ้น”

ข้อความต่อไปนี้มาจากกระทู้ //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=25411

25411 ขอสอบถามคุณmerveillesxx หน่อยคะ
อยากทราบว่ามีวิธีคิดวิธีในการเขียนทั้งหนัง(ฉายโรงมิใช่dvd นะ)-คอนเสริต์อย่างไรค่ะคืออ่านที่บล๊อคคุณทีไร รู้สึกทุกครั้งไปว่าดูไปด้วยนั่งจดไปด้วยรึเปล่า ชอบนะขอชมว่าเก่งมากๆ

จากคุณ : ไอซ์ : - [ 19 มค. 2006 09:47:01 ]


25419
ขอตั้งข้อสังเกตหน่อย ไม่ทราบว่าแถวนี้จะมีใครแอบปั่นหุ้นรึเปล่า เข้าใจความหมายใช่ไหมครับ คือจะให้ดีควรจะพูดคุยชื่นชมกันเป็นการส่วนตัวกว่านี้จะสะดวกกว่านะ ไม่ต้องมาโพสบนบอร์ดก็ได้

บางทีการวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา อาจช่วยให้เจ้าของบทวิจารณ์ได้ประโยชน์ใช่ไหมครับ บทวิจารณ์และความเห็นของคุณ merveillesxx หลาย ๆ ครั้งก็ จะพูดว่ายังไงดีล่ะ คือไม่ได้โดดเด่นกว่าคนอื่นที่โพสในแบบเดียวกันบนบอร์ดไบโอ และมีข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนให้เห็นบ่อย ผมก็วนเวียนอยู่แถวนี้มานาน ติดตามมาตลอด เช่นเรื่อง All about Lily Chou-Chou กระทู้เก่า ๆ ของคุณ merveillesxx เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเยอะมาก แต่รายละเอียดที่อ้างอิงจากหนังผิดหลายจุด อันนี้ผมไม่ได้รู้เองครับ แต่มีคนอื่นโพสแก้ไว้

สำหรับ All about Lily Chou-Chou ผมชอบกระทู้ของท่านหนึ่งมาก ๆ โพสที่บอร์ดนี้ละ และเป็นกระทู้ที่มีการถกเถียงกันยืดยาวมาก ระหว่างฝ่ายเจ้าของกระทู้ กับฝ่ายของคุณ... และคุณ merveillesxx เท่าที่ผมจำได้เจ้าของกระทู้เข้าใจหนังเรื่องนี้ค่อนข้างกระจ่างและถูกต้องมากกว่าครับ

ผมเองก็ชอบ All about มาก เห็นความเห็นของเจ้าของกระทู้คนดังกล่าวแล้วชอบใจ ข้อหนึ่งที่ผมจำได้ว่าเขาเปิดขึ้นมาเป็นคนแรกเลยคือ ความเห็นว่าโยโกะ คุโนะ เป็นตัวแทนของแสงสว่างและฉากที่เธอถูกรุมข่มขืน จะมีปุยนุ่นสีขาวปลิวว่อนในแสงสว่างเจิดจ้า สื่อถึงปีกแห่งความดีงามถูกย่ำยีนั่นเอง ตรงนี้ผมลองย้อนกลับไปดูแล้วตบเข่าฉาดเลยครับ มันอย่างที่เขาว่าจริง ๆ หนังไม่ให้คนดูเห็นภาพคุโนะตอนโดนรุมเลย มีแต่แสงสว่างจ้าไปหมด ขณะที่ฉากแรง ๆ หลายฉากในหนังเรื่องนี้ เขาจะสื่อให้เห็นกันอย่างสมจริง ลองนึกดูนะ เหมือนกับว่าโยโกะที่ดีงามบริสุทธิ์มีค่าและอ่อนไหวสำหรับหัวใจของหนังมาก จนไม่อาจเสนอฉากโยโกะถูกข่มขืนอย่างสมจริงได้

อีกประเด็นในกระทู้ดังกล่าว ที่ถกเถียงกันยาวยืด เจ้าของกระทู้เห็นว่ายูอิจิมีความคิดจะสังหารโฮชิโนะ ก่อนที่จะมีคอนเสิร์ต เนื่องจากแรงกดดันต่าง ๆ จากสิ่งที่โฮชิโนะก่อขึ้น , และการสังหารโฮชิโนะไม่ได้มาจากการที่ยูอิจิรู้ขณะคอนเสิร์ตกำลังจะเริ่มว่าโฮชิโนะคือเพื่อนในโลกไซเบอร์ ผ่ายคุณ... และคุณ merveillesxx แย้งว่ายูอิจิแทงโฮชิโนะเพราะรู้ความลับดังกล่าวต่างหาก

ถกกันยาวมากครับ ผมเองเห็นว่าเหตุผลของเจ้าของกระทู้น่าเชื่อถือมากกว่า หรือจะบอกว่าความเห็นของอีกฝ่ายไม่เข้าท่าก็ได้ ตอนแรกที่ได้ดูผมก็คิดเหมือนกันว่ายูอิจิสะเทือนใจที่ได้รู้ความลับจนต้องฆ่าคน แต่พอมาอ่านความเห็นของกระทู้นี้แล้วก็คิดว่า มันไม่สมเหตุสมผลเลย อย่างที่กระทู้บอกว่าหนังไม่น่าจะใช้การเปิดเผยว่าโฮชิโนะคือเพื่อนที่ดีในโลกไซเบอร์เป็นเหตุกระตุ้นให้ยูอิจิฆ่าคน ความเกลียดชังจากพฤติกรรมของโฮชิโนะที่สั่งสมมาทั้งเรื่องต่างหากที่กระตุ้นให้ยูอิจิอับจนหนทางจนต้องกำจัดโฮชิโนะไปจากชิีวิต

และกระทู้กล่าวอีกว่าความลับที่เปิดเผย ไม่ใช่สิ่งที่สร้างเหตุฆาตกรรม แต่เป็นเพื่อสื่อให้เห็นว่าเด็กเลวอย่างโฮชิโนะมีแง่มุมที่ดีอยู่บ้าง และการทำร้ายเข่นฆ่ากันก็ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสีย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพบีบคั้นกดดันแค่ไหนก็ตาม อันนี้เอามาจากกระทู้เช่นกันครับ

ตรงนี้ คุณ... ยังคงแย้งไปได้อีกยาว ส่วนคุณ merveillesxx ที่สนับสนุนความเห็นของคุณ... ในตอนแรกก็หายไปเลย แต่ก็เป็นการแย้งแบบถูไถไปเรื่อยมากกว่า ในที่สุดคุณ... จะลมขึ้นหรือเปล่าไม่ทราบ หลุดออกมมาว่าเสียเวลาจริง ๆ ที่หลงเข้ามาอ่านกระทู้ของคุณ(เจ้าของกระทู้) แล้วก็หายจ้อยไปอีกคน ทิ้งให้เจ้าของกระทู้อบรมมารยาทอยู่คนเดียว

ยังไงก็เหอะ ผมชอบกระทู้นี้มาก เสียดายว่าไม่ค่อยมีคนโพสตอบเท่าไหร่ แต่ของคุณ merveillesxx ที่มีข้อผิดพลาดหลายจุดจากการอ้างอิงอย่างคลาดเคลื่อน กลับมีคนโพสตอบเยอะ ไม่เข้าใจจริง ๆ
อันนี้ผมกอปปี้เก็บไว้ครับ

ต่อมาคุณ merveillesxx ก็ผิดเรื่อง Hana & Alice อันนี้ไม่ได้เซฟไว้ จำได้คร่าว ๆ ว่าได้สรุปใจความ แสดงความคิดเห็นต่อหนัง โดยตกหล่นบทสรุปที่พระเอกเริ่มจะมีความรักจริง ๆ กับฮานะ โดยบอกกับฮานะว่าเธอเข้าใจไปเองว่าความรักที่กูขึ้นไม่มีวันเป็นจริง แถมยังเข้าใจผิดว่า ภาพอลิซหอบถุงของพะรุงพะรังเป็นเพราะเธอช็อปปิ้งแบบบ้าพลังเป็นการระบาย ซึ่งจริง ๆ แล้วผมเห็นมาก่อนที่จะมีคนแย้งในกระทู้ครับ ว่าถุงของพวกนั้นน่ะ มันเหมือนถุงจ่ายตลาดมากกว่า เพราะไม่มีโลโก้แบรนด์เนมอะไรเลย จึงเป็นอย่างที่เขาแย้งว่าอลิซเธอต้องจับจ่ายซื้อของกินของใช้เข้าบ้านมากกว่า เพราะแม่ตัวเองละเลยงานบ้านให้เธอทำอยู่คนเดียว

ล่าสุดสด ๆ ร้อน ๆ กระทู้ April snow คุณ merveillesxx อ้างอิงผิดพลาดอีกแล้ว บอกว่าตัวละครใน One find spring day ต้องรักร้าง เพราะความแตกต่างของวัย ซึ่งหนังก็บอกอยู่ค่อนข้างชัดเจนว่าความรักหมดไปเพราะฝ่ายหญิงไม่ได้ทุ่มเทให้ฝ่ายชาย ไม่ได้คิดจะฝากอนาคตไว้กับฝ่ายชาย ที่สุดฝ่ายชายที่รักมากหมดหัวใจก็ต้องใจสลายไปในที่สุด ตรงนี้พอมีคนแย้งมา คุณ merveillesxx ก็หายจ้อยจากกระทู้นั้นไปเลย ไม่โพสตอบอะไรทั้งสิ้น

ผมจึงตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการแอบปั่นหุ้นกันรึเปล่า ถึงผมจะมองและถูกมองในแง่ลบ แต่ถ้ามันมีความเป็นไปได้ คนอื่น ๆ ที่ใช้บอร์ดนี้ก็อาจจะถูกปั่นไปด้วยเหมือนกัน ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นครับ และต้องขออภัยที่ผมจะใช้ชื่ออื่น ไม่ใช่ที่ใช้อยู่ประจำ

จากคุณ : canary : - [ 19 มค. 2006 15:50:22 ]




เรื่องในข้อ 2 ทำให้ “ผม” หัวใจสลาย
ส่วนเรื่องในข้อ 4 ทำให้ merveillesxx หัวใจสลาย
แน่นอน ผมกับ merveillesxx เป็นคนๆ เดียวกัน
ผมไม่ได้มีหัวใจสองดวง
เพราะฉะนั้นผมจึงหัวใจสลายสองครั้ง…


ว่ากันตามตรงแล้ว ตอนนี้ตัวผมแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้วครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมอะไรๆ ก็ต้องเข้ามาประเดประดังกันในวันนี้
ให้ตายเหอะ ผมอยากจะระเบิดอนุสาวรีย์เหมือนตัวร้ายในหนังเรื่อง “มหาอุตม์” จริงๆ


เมื่อวานผมเพิ่งไปดูหนังเรื่อง In Her Shoes (2005, Curtis Hanson, A) มาครับ ในหนังมีฉากที่ คาเมรอน ดิแอซ อ่านกลอนที่น่าประทับใจมากว่า

“The art of losing isn't hard to master; so many things seem filled with the intent to be lost that their loss is no disaster”

ผมเคยเชื่อกลอนบทนี้อยู่ 1 วันครับ แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ผมเปลี่ยนความเชื่อเป็น…

"The art of losing is hard to master; so many things seem filled with the intent to be lost that their loss is disaster"

(ประโยคนี้มาจากหนังเรื่อง In His Condom (2006, merveillesxx, D+) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก In Her Shoes อีกที)


เรื่องตลกแบบ Irony อีกอย่างหนึ่งก็คือ วันนี้ผมควรจะได้ดูหนังเรื่อง Just Like Heaven
แต่ก็อดดูเพราะเหตุผลในข้อ 2

...และชีวิตผมในวันนี้มันคือ Just Like Hell


ปล. อย่างไรก็ตามความดีงามยังหลงเหลืออยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต ผมต้องขอบคุณพี่เจ้าชายน้อย และพี่แมดเดอลีนมากๆ เลยครับ พออ่านกระทู้ //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=25338 แล้วใจเย็นลงเยอะ แล้วรู้สึกดีมากๆ …ขอบคุณจริงๆ ครับ



Create Date : 20 มกราคม 2549
Last Update : 20 มกราคม 2549 2:20:40 น. 39 comments
Counter : 3313 Pageviews.

 
อ่านชื่อเรื่องแล้วตกใจ
นึกว่าเรื่องอะไร
โธ่ แมกเวย XX แค่นี้เอง
เรื่องข้อ 4 ไม่เห็นน่าสนใจเลย

ฝาก Happy Birth Day คุณแม่
และขอให้คืนดีกับแฟนได้โดยไว

Cheers up


โดย: grappa วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:7:16:26 น.  

 
เอ่อออออ ถ้าเรารู้ตัวว่าเราทำอะไร แล้วเราไม่ได้ทำใครเดือดร้อน ทำไปเถอะฮะ

เราไม่จำเป็นว่าต้องทำแล้วถูกใจคนทุกคนนี่นา

เอาใจช่วยให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปฮะ


โดย: err_or วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:8:11:12 น.  

 
สู้ๆ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:12:00:48 น.  

 
เคยสิคะ วันที่เลวร้ายของเรา

แต่ของเรามันเป็น "ปี" ที่เลวร้ายค่ะ


ลูกทัวร์ด่าน้ำตาไหลตลอด ๔ วัน

รถเสีย

เงินถูกขโมยในทัวร์

ทำของลูกทัวร์หาย

ที่สำคัญ แฟนนอกใจเราไปมีอะไรกับคนอื่น




สำหรับเรา ปีนั้นเป็นปีที่เราอยากลบไปจากความทรงจำจริงๆ ค่ะ



เรารู้ว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคนรู้สึกตอนนี้ไม่ใช่เรา


แค่อยากจะบอกว่า แล้วมันจะผ่านไปค่ะ


หาอะไรทำที่ทำให้เวลามันวิ่งไปได้เร็วขึ้นแล้วกันนะ

มันจะได้ผ่านไปเร็วๆ ด้วย



เรื่องในข้อ 2 ทำให้ “ผม” หัวใจสลาย
ส่วนเรื่องในข้อ 4 ทำให้ merveillesxx หัวใจสลาย
แน่นอน ผมกับ merveillesxx เป็นคนๆ เดียวกัน
ผมไม่ได้มีหัวใจสองดวง
เพราะฉะนั้นผมจึงหัวใจสลายสองครั้ง…



เป็นย่อหน้าที่เศร้ามากเลยสำหรับเรานะ อ่านแล้วอยากร้องไห้เลยน่ะ



ฝากสุขสันต์วันเกิดแม่ด้วยนะคะ ถ้าฝืนตัวเองได้ อย่าให้ท่านต้องมาทุกข์กับเราเลยค่ะ ทำอะไรให้ท่านสักนิดแล้วกัน



ข้อ ๔ อย่าสนใจเลยค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรก็ไม่ต้องสนใจสิ่งที่ใครเค้าว่าหรอกค่ะ



ส่วนข้อ ๒

อย่าให้มีอะไรร้ายแรงเลยนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:12:01:42 น.  

 
ว่าแต่ยังไม่ได้ตอบคำถามคุณไอซ์เลยนะครับ
ผมรออ่านอยู่นะ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:12:02:02 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นเราไม่อาจคาดเดาได้ วันนี้เราหัวเราะ พรุ่งนี้เราอาจร้องไห้ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นดิฉันหวังว่าพรุ่งนี้ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นวันที่ดีขึ้นของคุณ merveillesxx

เรื่องนึงที่อยากเอาใจช่วยมากคือเรื่องหวานใจ เป็นห่วงนะคะ ถ้าเกิดว่าจู่ ๆ หวานใจเราหายไป ไม่มาตามนัด ติดต่อก็ไม่ได้อีก อันนี้อยากให้คุณ merveillesxx คิดในแง่ดีไว้ค่ะ อย่าเพิ่งคิดอะไรไปในทางร้าย เพราะตัวคุณนั่นแหละจะรุ่มร้อน ท่าจะให้ดี หากยังสลัดความกังวลไม่ได้ ติอต่อตามหาเธอค่ะ บางทีเธออาจจะไม่สบายก็ได้ ไปหาเธอ อยู่ข้าง ๆ เธอ แล้วสอบถามเธอถึงสาเหตุที่หายไป และที่สำคัญอย่าคิดมากนะคะ ต้องมีกำลังใจค่ะ



ปล. เคยตกอยู่ในภาวะเดียวกับคุณ จึงเข้าใจในหลาย ๆ จุด โดยเฉพาะส่วนที่เรื่องนั้นทำให้เราทำงานต่อไปไม่ได้


โดย: Tai-Sarunya วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:12:21:49 น.  

 
ปวดหัวแทน แต่เชื่อกันว่า วันไหน ซ-ย มาก ๆ เป็นนิมิตรหมายว่าจะเฮงสุด ๆ ง่ะ

เค้าเรียก ล้าง ซ-ย จ๊ะ พอผ่านไป ก็รอรับโชคดีนะจ้า


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:13:46:58 น.  

 
เป็นเรื่องธรรมดานะต่อ เรื่องซวย ๆ เดี๋ยวมันก็จบลง

เรื่องข้อ 4 ต่อจำเพลงวง " ครับ" ที่เราต่างชื่นชอบได้ไหม

One single moment betrayed, a million difference meanings

Moment that you’re stop pleasing with your own strange idea

I will stop feeling down, why do I just have to care with any other idea…


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:14:50:28 น.  

 
ตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นบ้าง

ข้อ 1 -- เล็บที่ฉีกก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก คงไม่เป็นบาดทะยักตาย (ถ้าตายเพราะเอามือล้วงไปในถังขยะคงอนาถน่าดู)


ข้อ 3 -- สรุปวันนี้ก็ไม่ได้ไปประชุมเรื่องรายงานกับเพื่อน ก็เลยตัดสินใจทำแมนรับผิดชอบด้วยการขอรับงานที่เหลือมาทำทั้งหมดเอง (เท่ซะ..) เพราะผมคิดว่าการจะอ้างเพื่อนแบบว่า "เฮ้ย กูทำรายงานไม่ไหวว่ะ พอดีกูมีปัญหากับแฟน" มันก็ไม่ใช่เรื่อง

แต่ก็แอบช็อกเล็กๆ ตอนแรกนึกว่าส่งพฤหัสหน้า แต่เพื่อนเพิ่ง sms มาบอกว่าความจริงคือ อังคารหน้า แบบนี้ก็ต้องรีบทำให้เสร็จในวันเสาร์ เพราะวันอาทิตย์ก็ไม่ว่าง ไปดู Backstreet Boys (ซึ่งก็คงดูไม่สนุกเท่าไรหรอก)

แต่ก็ดีใจที่เพื่อนๆ ในกลุ่มรายงานไม่ได้ด่าว่าอะไร รู้สึกดี (หรือมันไม่กล้าด่าต่อหน้าหว่า เหอะๆๆ)


ข้อ 4 -- เรื่องกระทู้ปั่นแปะอะไรนั่นก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้ว ตัวเองก็เล่นเน็ตมานานพอควร พอจะรู้ว่าอะไรควรใส่ใจ อะไรควรมองผ่านไป

ถ้าในสภาวะปกติเจอกระทู้แบบนี้ก็คงโกรธปนฮา แต่เมื่อวานไม่ไหว มันเจอมาแล้วทั้ง ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 พอมาเจอ ข้อ 4 อีก อะไรที่มันจะระเบิด ก็เลยระเบิดออกมาทันที ...ประมาณว่า วันนี้โลกแห่งความเป็นจริงก็ซัดเราซะอ่วมแล้ว พอหนีมาโลกไซเบอร์ก็เจอ "ใครก็ไม่รู้" มาพูดแบบนี้ใส่อีก

ตอนนี้กลับไปอ่านกระทู้นั้นแล้วก็ฮาดี ลองเข้าไปอ่านกันเองแล้วกันครับ

----------------------------------

จริงๆ วันนี้มันก็ยังแย่อยู่ มันมีผลต่อเนื่องมาจากเมื่อวาน

เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนเลย นอนไม่หลับ คิดไม่ออก ไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง ก็เลยโทรไปเล่าให้เพื่อนร่วม 5-6 คนฟัง พอดึกมากๆ เค้านอนกันหมดแล้ว ก็เลยเข้า MSN ไป แล้วก็ยาวเลย

ทีนี้ตอนเช้าก็ตื่นไม่ไหว เรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า ก็เลยโดดตัวแรก แล้วจะไปเรียนตัวที่สองที่เรียนตอน 9.30 ปรากฏระหว่างนั่งรถไปมหาลัย หัวสมองก็เอาแต่คิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดแต่เรื่องนั้น เรื่องนี้ วนไปวนมา และแล้วอาการปวดหัวก็กำเริบ พอลงรถเดินเข้ามหาลัยเจอแดดเปรี้ยงๆ เข้าไปอีก เท่านั้นแหละ มันก็จี๊ดดดดดดดดดดดดด ขึ้นสมองเลย คงจะเป็นไมเกรนเลยมั้งเนี่ย ปวดข้างซ้ายข้างเดียว ปวดรุนแรงมาก แบบไม่อยากเดินแล้ว อยากนอน อยากจะนอนลงไปตรงนั้นเลย

สรุปก็ฮามาก เข้าไปในมหาลัยได้ 15 นาที บอกกับตัวเอง "กูไม่ไหวแล้ว" โบกแท็กซี่ไปรถใต้ดิน กลับบ้านเลย (ยังงงตัวเองอยู่เลยว่าทำอะไรลงไป)

รู้สึกไม่ค่อยดีก็คือ วันนี้ก็โดดเรียนทั้งสองวิชาเลย (เมื่อวานก็โดดไปสองวิชา -- เดี๋ยวเล่าอีกทีข้างล่าง) แล้วก็ไม่ได้ไปประชุมรายงานกลุ่มกับเพื่อนตามที่นัดไว้ด้วย แต่ก็โชคดีว่าพอโทรไปบอกเพื่อน เพื่อนก็เข้าใจ ไม่ว่าอะไร แถมยังบอกว่า...

"ต่อ กินพาราแค่สองเม็ดนะ ห้ามกินทั้งขวดนะเว้ย"


โดย: merveillesxx วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:15:05:13 น.  

 
เรื่องทั้ง 3 ข้อ (ข้อ 1 3 4) ตอนนี้มันเป็นเรื่องจิ๊บๆ ไปแล้ว ตอนนี้เรื่องที่ยังคากบาล คาใจ คาอก มากที่สุดคือ เรื่องข้อ 2

นิราศแห่งความพลัดพราก (โดยละเอียด)


(**คำเตือน -- ยาวมาก)


มันเริ่มจากว่าปกติวันพฤหัสผมมีเรียนตอน 8 โมง แต่พอดีเมื่อวานอาจารย์งดคลาส ผมก็เลยนอนเพลินไปเลย ปรากฏว่าตื่นมาก็ 10 โมงกว่าแล้ว แล้วตัวต่อไปเรียน 11 โมง ดูยังไงก็ไปไม่ทันแน่นอน ก็เลย "เอาวะ โดดเรียนครั้งแรกในเทอมนี้ ขอวันนึงแล้วกัน"

พอกินมาม่าเสร็จ เดินขึ้นมากำลังเลือกแผ่น DVD จะนอนดูอย่างสบายใจ แฟนผม (**ความจริงยังไม่ใช่แฟนอย่างทางการ แต่พฤติกรรมมันก็ใช่ เพราะฉะนั้นก็เรียกแบบนี้ไปแล้วกัน) ก็โทรมาพอดี

คุยไปคุยมา เขาก็บอกว่าวันนี้เขาก็โดดเรียนเหมือนกัน (โอ ตายแล้ว อนาคตประเทศชาติ แหะๆๆ) พอรู้ว่าผมโดดเรียนด้วย เขาก็เลยบอกว่า "ต่อ ไปเที่ยวกันมั้ย"

นั่นแหละ ก็เลยสรุปกันว่าจะไปดู Just Like Heaven รอบ บ่ายสาม ที่เมเจอร์รังสิต (บ้านเค้าอยู่แถวนั้น) ไอ้ผมก็ถ่อนั่งรถจากลาดพร้าวไปเมเจอร์รังสิต ซึ่งไม่ใช่ห้างที่ใกล้บ้านสักกะนิด

เค้านัดผมประมาณ 14.30 ผมไปถึงตั้งแต่ 14.00 ไปนั่งรอในเชสเตอร์กริลล์แบบหน้าด้านมาก เพราะไม่สั่งอะไรมากินเลย รอจน 14.30 ก็แล้ว 14.45 ก็แล้ว 15.00 ก็แล้ว ก็ยังไม่มา แถมโทรไปก็ไม่รับสาย

ผมก็เลยเกิดความละอายใจ เดินออกจากเชสเตอร์ไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าโรงหนังแทน ตอนนั้นติดเอาหนังสือไปอ่านด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอ่านไม่รู้เรื่องเลย เพราะเสือกเอาเรื่อง "สาวน้อยคนนั้น" ของ ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้ ไปอ่าน (แต่ความจริง เวลาคุณนั่งรอใครนานๆ แม้แต่ "ขายหัวเราะ" ก็อ่านไม่รู้เรื่องหรอก)

พอ 15.00 แฟนผมยังไม่มา ผมก็เริ่มคิดแล้วว่า คงชวด Just Like Heaven รอบบ่ายสามแน่นอน ขณะกำลังคิดแพลน B ว่าจะเปลี่ยนเรื่องหนัง หรือเปลี่ยนไปกินข้าวดี ประมาณบ่ายสามกว่าๆ แฟนผม sms มาว่า

"กำลังอยู่บน TAXI นะคะ รอก่อนนะ"

บอกได้เลย ตอนนั้นผมหายหงุดหงิด 100% เลย หน้าตายิ้มแย้มร่าเริง (ใครผ่านไปมาเห็นแล้วคงกลัว) นั่งรอแบบไกว่เท้าไป ร้องฮัมเพลงไป ...คิกขุมากกกก

แต่แล้วผมก็คิดผิด...

คือ sms เมื่อกี้ ทำให้ผมเข้าใจว่า เขาคงใกล้ถึงแล้ว อีก 10-15 นาทีก็คงกำลังมาถึง แต่ปรากฏว่า 15.30 ก็ยังไม่มา 15.45 ก็ยังไม่มา 16.00 ก็ยังไม่มา แล้วผมคอยโทรไปทุก 15 นาทีก็ไม่รับ

ทีนี้ผมก็คิดวิตกจริตสิครับ ลองคิดดู แฟนคุณ sms มาล่าสุดว่า "อยู่บนแท็กซี่" แล้วจู่ๆ เธอก็หายไปเลยเกือบ 1 ชั่วโมง โอ้โห ทีนี้ล่ะ ไอ้ข่าวแท็กซี่ ฆ่า-จี้-ปล้น-ข่มขืน ที่ลงหน้า 1 ไทยรัฐประจำ ก็ลอยเข้ามาในหัวเลย ผมก็นั่งรออยู่อยู่ไม่สุขแล้ว เครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไง โทรไปกี่ทีก็ไม่รับ ประสาทแดกแล้วทีนี้

แต่ผมก็ลองคิดในแง่ดี เพราะว้าวุ่นใจไปก็เหนื่อยเปล่า เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ก็เลยโทรไปบ่นกับเพื่อนประมาณ 2-3 คน

สรุปว่าผมรอถึง 17.00 เบ็ดเสร็จแล้ว 3 ชั่วโมง พอกันทีผมหมดความอดทนแล้ว

ตามปกติแล้ว ผมให้ลิมิตการรอคนไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ผู้หญิงคนนี้ผมให้ 2 ชั่วโมง แล้วในที่สุดเมื่อวานก็ทำลายสถิติ 3 ชั่วโมงไปแล้ว...

ผมโกรธมาก เพราะ

1. เขาเป็นคนชวนผมออกมาเอง แล้วผมก็ถ่อมาไม่ใช่ใกล้ๆ

2. เขาเป็นคนนัดเวลาเอง

3. ก่อนจะออกจากบ้าน เขาเพิ่งพูดกับผมว่า "คราวนี้เราสัญญา เราไม่สายแน่นอน เราจะไปถึงก่อน 15 นาทีเลย"

ผมก็เลยคิดเล่นๆ บางทีแฟนผมอาจจะไปผิดที่ ไปเมเจอร์เอกมัยแทนหรือเปล่าวะเนี่ย ???

4. ข้อนี้สำคัญที่สุด คือ เรื่องที่เขาไม่ยอมโทรมมา หรือไม่ยอมรับสาย คือผมไม่โกรธมากหรอกนะ ถ้ามาสาย แต่มันแย่ที่ไม่รู้ว่า ตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้ว ทำไมเขาถึงมาสาย แล้วชั้นต้องรออีกกี่ชั่วโมงวะ ...ขอบอกว่า "ทรมาน" มากๆ

คือ งงมาก ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมไม่มี contact กลับมาเลย หายไปแบบไร้ร่องรอย ถ้าจะคิดอะไรให้สมเหตุสมผล ก็มีแต่เรื่องร้ายๆ หรือเรื่องสุดวิสัยเท่านั้น


ประมาณ 5 โมงกว่าๆ ขณะผมกำลังจะสติแตก ถึงขั้นคิดวางระเบิดเมเจอร์รังสิต โชคดีมากว่ามีรุ่นน้องคนนึงกำลังจะมาที่นี่พอดี ผมก็เลยบอกให้มันมาอยู่กับผมโดยด่วน ไม่งั้นผมต้องกินหัวคนแถวนั้นแน่นอน ...เซ็งโคตร เห็นแฟนเดินกระหนุงกระหนิงจูงมือเข้าโรงหนังตลอดเวลาเลย คุณคิดดูสิผมนั่งอยู่ตรงนั้นเกือบ 3 ชั่วโมง เห็นประมาณ 30 คู่ ได้มั้ง เครียดมาก

ในที่สุดรุ่นน้องผมคนนั้นก็มาถึงด้วยความไวเร็วกว่าแสง ก็เลยชวนกันไปกิน BAR-B-Q PLAZA แก้เครียด ปรากฏว่าผมกินแทบไม่รู้รสเลย แล้วก็ถอนหายใจทุก 3 นาที

ล่วงไปถึง 6 โมงเย็น รุ่นน้องผมกำลังเลือกซื้อ MP3 อยู่ ผมเซ็งๆ ความวุ่นวายแถวนั้นก็เลยหลบฉากออกมา แล้วก็ส่ง sms ไปหาแฟนว่า

"ถ้าว่างโทรกลับหาต่อด้วย หายไปแบบนี้ต่อเป็นห่วงนะ"

คือตอนแรกผมคิดถึงขั้นจะโทรเข้าบ้านไปถามพ่อแม่เขาเหมือนกัน แต่ก็กลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ก็เลยลองส่ง sms อันนี้ไปดู

ปรากฏว่าได้ผล 15 นาทีถัดมามี sms กลับมา แต่เป็น sms ที่ทำให้ผมเครียดหนักกว่าเก่า ...เอาเป็นว่าผมจะยังไม่ลงว่าข้อความมันว่าอย่างไร เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะเสียหายเสียเปล่าๆ แต่สรุปได้ว่าข้อความนั้นมัน(เหมือนจะ)ไม่ได้มาจากแฟนผม แต่มาจาก มือที่สาม ที่เฮี้ยนไปกว่านั้นก็คือ เขา (หรือเธอ) คนนั้นอาจจะเป็นเพศที่สามด้วย

และนี่คือสิ่งผมหวาดผวามาตลอดชีวิต ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องมาเจอกับตัวเอง

แต่เอาเถอะ อย่างน้อย sms นั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าแฟนผมยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คงไม่ได้ถูกแท็กซี่ฉุดไปอย่างที่เป็นห่วง (อย่างน้อยการถูกใครสักคนกักตัวไว้ ก็น่าจะดีกว่าถูกฉุดไป)

แต่นั่นแหละ คำว่า ทำไม เพราะอะไร เกิดอะไรขึ้น (วะ) ก็ยังลอยเต็มอยู่ในหัวอยู่

ตกกลางคืนผมโทรไปอีกสองรอบ ตอน 2 ทุ่ม กับ 5 ทุ่ม เขาก็ยังไม่รับอยู่ดี

ผมก็เลยส่ง sms ไปว่า... (ให้ตายเถอะ ชีวิตนี้ไม่เคยส่ง sms บ่อยขนาดนี้)

"พร้อมเสมอสำหรับคำอธิบายของคุณ
ถ้ามันมีเหตุผล ผมพร้อมจะให้อภัย"

(ตอนส่งจริงเป็นภาษาปะกิดนะ ไม่ได้ทางการแบบนี้)

ปรากฏว่า...เงียบ

เมื่อเช้าโทรไปอีกรอบตอน 9.30 ก็ไม่รับอีก

และ ณ ตอนนี้ผมก็หมดแรงจะโทรแล้ว พอกันที ผมก็คงได้แต่รอ รอ รอ และรอให้เขาโทรมา

แน่นอน การรอของผมมีขีดจำกัด และคำว่า "จบ" สำหรับผมก็ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น

เพราะผมบอกเพื่อน พ่อแม่ หรือแม้แต่แฟนของตัวเองอยู่เสมอว่า เหตุผลอันดับ 1 ของการที่ผมจะคบใครสักคนคือ "อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ และคุยกันรู้เรื่อง"

แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ มันห่างไกลกับสิ่งที่ว่ามากๆ เลยครับ


ที่ยิ่งช้ำใจไปกว่านั้น พอผมเปิดกระเป๋าตัวเองก็เจอ ช็อกโกแลตยี่ห้อ HERSHEY'S 3 แพ็กหลอด ที่อุตส่าห์ซื้อไว้ก่อนเข้าไปในเมเจอร์ กะจะเอาไปฝากแฟนตัวเอง เพราะจำได้ว่าเค้าชอบกินช็อกโกแลตยี่ห้อนี้ ...แต่ปรากฏว่าก็ไม่ได้ให้

เพื่อนผมบางคนบอกว่า "เอาไปให้หมากินซะ"

แต่ปรากฏว่าตอนนี้เป็นผมนั่นแหละ ที่นั่งแทะช็อกโกแลต "เฮอร์เชี่ย" ดังกร๊วบๆ อยู่ ทั้งที่ไม่ได้ชอบกินเล้ยยย

(คุ้นๆ มั้ยครับ ว่าเคยได้ยินเรื่องนี้ที่ไหน ก็ตัวละครของ ทาเคชิ คาเนชิโร่ ที่กินสับปะรดกระป๋องในหนังเรื่อง Chungking Express ของหว่องกาไวไงครับ --โถ อี mer มิวายหนังขึ้นสมอง)


ตอนนี้ผมก็หมดแรงจะทำอะไรทั้งสิ้นแล้ว วันนี้ขอนอน นอนนิ่งๆ...

ส่วนแฟนผม ผมก็แค่บอกจะบอกว่า ตอนนี้ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นแล้ว ผมแค่อยากได้ยินเสียงเขาเท่านั้นก็พอ


โดย: merveillesxx วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:15:54:09 น.  

 
เฮ้อ.. เวรกรรม น่าสงสารจริงๆ
แต่ไม่เป็นไรหรอก แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง
ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์คุณน้าด้วยนะ
อ้อ.. ใครทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับอย่างนั้น
ถือว่าเป็นกรรมเก่าละกัน อย่าคิดมาก

"คุณจะเชื่อผมมั้ย ถ้าจะบอกว่า ในโลกนี้..ผมคือคนที่รักคุณมากที่สุด" - The Butterfly Effects


โดย: Mint@da{-"-} IP: 58.136.66.21 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:16:20:34 น.  

 
สวัสดีครับ พี่เมอร์
ผมคงไม่สามารถจะพูดอะไรมากได้
แต่ขอให้พี่เมอร์ผ่านเรื่องเลวร้ายและความเจ็บปวดเหล่านี้ไปให้ได้นะครับ

พยายามเข้าครับ


โดย: Nighty (Meroko ) วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:16:54:24 น.  

 
ยิ่งอ่านยิ่งมัน
จะทำภาคต่อหรือเปล่าครับ


อิอิอิ
ล้อเล่นนะครับ
แจ่มใสเร็วๆ ละกันนะ


โดย: strawberry machine gun วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:18:36:52 น.  

 
เรารู้ว่ามันยากนะกับการที่จะบอกใครซักคนให้ลุกขึ้นมาจากความเจ็บปวดโดยไว เราเข้าใจว่าความอ่อนหวานความผูกพัน และความคาดหวังที่มันอัดแน่นกันเป็นแพกเกจอยู่ในความรักน่ะ พลังของมันช่างร้ายกาจเสียยิ่งกว่าลอร์ดโวลเดอร์มอร์ซะอีก เพราะมันแทบจะหมดเรี่ยวแรงในการต่อสู้ แล้วจะรุนแรงกับมันมากก็ไม่ได้ (เรื่องมากจริงๆเลยเล้ยยย เจ้าความรักเนี่ย)

แต่ยังไงก็ตาม บนโลกสีน้ำเงินใบนี้ โลกที่มีจุดเล็กๆอยู่จนนับไม่ถ้วน โลกที่เต็มไปด้วย mind เราขอให้นายผ่านพ้นมันไปได้ในที่สุดนะ.........นาย


โดย: ผู้เฝ้ามอง IP: 202.28.68.11 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:19:44:03 น.  

 

เหมือนนิยายเรื่องสั้นที่ต้อง "ติดตามชมตอนต่อไป" เลยค่ะพี่


โดย: Crisis IP: 58.8.200.118 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:20:03:42 น.  

 
หวาดดี ไอ้ต่อ กรูก็เจอเรื่องโคตรเซ็งเหมือนกัน ขอระบายบนบอร์ดนี้ละกันนะ
วันที่ 19 มกรา 2549 กรูไปสอบTOEFL มาหว่ะ แต่ผลออกมาแม่ง ไม่ได้ใกล้เคียง 213 เลยหว่ะ กูโคตรเซ็งตรง Part Listening สุดๆ คือ แค่ธรรมดากูก็ฟังไม่ค่อยรุ้เรื่องอยู่แล้ว แม่ง!!!คนข้างๆเสือกไม่สบาย ไอตลอดเวลา กูก็เลยไม่ได้ยินเหี้ยอะไรเลย.... สาดจริงๆ
PS กูเสียค่าสอบไปซะแพง....เสียดายตังค์พ่อแม่จัง..ฮือฮือ
ยัง...ความซวยยังไม่จบ... ข้างล่างนี่ก็คือบทสนทนา 2นาทีของกูกับอนาคตกูอีก2ปี..555เศร้า
กู : ป๊าค้าบฮงมีอะไรจะบอก(อุตส่าห์เกริ่นนะเนี่ย..สาดจิงๆจะเกริ่นทำไมวะตู)คือว่าคะแนนสอบไม่ถึง213 ...งั้นฮงขอทำงานก่อนละกันเดี่ยวอีก2ปีค่อยไปต่อโทเน้อ
ป๊า : อ๋อไม่เป็นไร...ก็ให้ต่อโทเลยในประเทศนี่แหละที่ไหนก็ได้
กู : ที่ไหนๆเขาก็Required คะแนนสอบที่213 กันทั้งนั้นแหละ ศศินทุ์ NIDA เขาก็ประมาณนี้
ป๊า : งั้นก็ไปเรียนที่ลดเกรดลงมาดิ สมองมีแค่นี้ก็เรียนแค่นี้ไป
กู : .....(อ้าว..เหี้ย..ซะงั้นหง่ะ..ดื้อด้านจริงโว้ยพ่อกู)
ป๊า : ..เงียบทำไม..คิดไม่ออกเหรอว่ามีที่ไหนบ้าง
กู : ก็คงมีที่เกษมบัณฑิตละมั้ง แต่ฮงไม่อยากเข้านี่(กูอยากทำงานก่อนโว้ย..อันนี้คิดในใจนะ)
ป๊า : ทำเป็นพูดดี เข้าให้ได้ไปก่อนแล้วค่อยมาพูด
กู : ...(ก็กูอยากทำงานก่อนโว้ย..อันนี้คิดในใจนะ)
ป๊า : เออ เข้าใจตามนี้นะ สรุปว่าต่อโทไปก่อนที่ไหนก็ได้
ห้ามทำงานก่อน เข้าใจไหม
กู : เอ่อ...ครับ
สรุปชีวิตของ กรู คือ
1.จบตรีที่ T.U.
2.จบโทที่ เกษมบัณฑิต
จริงหรือวะเนี่ย!!!!!! ไม่อาวๆๆกูอยากทำงานก่อนโว้ย แต่บ่นไปก็เท่านั้น เฮ้อ เซ็งสาด..


โดย: ฮง ณ TU (Mate เก่า) IP: 203.144.235.164 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:20:19:30 น.  

 
...เคยมีวันซวยอยู่เป็นพักๆครับ แล้วได้แต่คิดว่า ทำไม่วันนี้ตรูถึง ซวยซ้ำซวยซากซวยซ้อน เช่นนี้ แล้วมันก็แปลกดีวันประเภทนี้มันจะซวยเป็นชุดๆ

ซวย 1 ของคุณ merveillesxx ... ถ้าเป็นแผลขึ้นมาอย่าลืมกินยาฆ่าเชื้อให้ครบจำนวนวันนะครับ เพราะมันเป็นบริเวณที่เรามักจะไปผจญกับเชื้อโรคเสมอ

ซวย 2 ของคุณ merveillesxx ... คุณเป็นคนมีความอดทนมากกับการรอคอย เข้าใจความทรมานของการรอคอยที่เงียบสนิท ขอเป็นกำลังใจให้สิ่งที่เจอในตอนนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี

ซวย 3 ของคุณ merveillesxx ... เชื่อว่าจะเสร็จสิ้นได้โดยไว เข้าใจว่ามันมีผลมาจากซวย 2 ที่เจอ

ซวย 4 ของคุณ merveillesxx ... เข้าใจว่าถ้าเป็นตัวเองแวบแรกคงมีความรู้สึกแบบ พุ่งปรี๊ดๆ อยู่บ้าง พออ่านที่คุณเขียนไว้ว่า ตัวเองก็เล่นเน็ตมานานพอควร พอจะรู้ว่าอะไรควรใส่ใจ อะไรควรมองผ่านไป ก็เลยไม่รู้จะแสดงความเห็นอย่างไรแล้ว เพราะข้อความนี้เป็นคำตอบที่ดี

ขอให้ผ่านพ้นเวลาแห่งความหมองหม่นไปได้ไวไวครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:20:19:43 น.  

 
เอ้อ ...ไอ้ต่อ กู ก็ไม่รู้จาช่วย มึง ยังไงเหมือนกานหว่ะ
กูก็เป็นกำลังใจให้ละกานน้า ส่วนยาพาราก็อย่ากินเกินขนาดนะโว้ย มันเป็นอันตรายต่อตับ
(มึงเคยเตือนกูไว้ตอนที่กูอยู่หอ)

มึงชอบแอบกินเพิ่มตอนช่วงสอบเป็นประจำ..555 กูยังจำเสียงขวดยาที่มึงเขย่าก่อนกินได้อยู่เลย..อิอิ มันเข้ามาอยุ่ในฝันกูบ่อยๆเวลาที่พวกเราสอบ Mid term กับ Final ไง..555 ขนาดผ่านไป 2 ปี แล้วนะเนี่ย

ถ้ามึงเครียดก็กิน Fisherman Friend ละกันนะโว้ย..ชีวิตก็งี้แหละ ขำขำเน้อ อย่าซีเรียส นะเพื่อน
P.S กูไปเข้าห้องนำเเป๊ปเดียว มีคุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" มา post ต่อซะแร้ว แหม...blogg นี้ HOT จิงวุ้ย
สู้ สู้ นะโว้ย เป็นกำลังใจให้อยุ่นะค้าบ


โดย: ฮง ณ TU (Mate เก่า) IP: 203.144.235.164 วันที่: 20 มกราคม 2549 เวลา:20:34:51 น.  

 
เราก็เหมือนจำได้ว่าเรา Post ไปแล้ว แต่พอกลับมาดูอีกที ไหงไม่เห็นสะงั้น สงสันเนตช้าไป ปิดไปก่อน แต่ไม่เปงรัย เราพิมพ์ใหม่ได้ นานๆที เราจะได้ทำอะไรดีดีให้กับพี่โต๊ะบ้าง....
พี่ต่อ อย่างเครียดนะ รู้ไม๊ มันไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้ง ไมเกรน มะเร็ง... มากมาย
เสียดายเวลานะ เพราะงั้น ห้ามเครียด อย่าให้ใครมาทำร้ายตัวเรา แล้วตัวเราก็อย่าทำร้ายตัวเองนะจ้ะ
มล ก้อเคยดูหนังก่ะเค้าเหมือนกันนะ ..... แต่จำไม่ได้แล้ว รู้ว่าพี่ต่อชอบดูหนัง เพราะงั้น เอาไปเลบย....
คุ้นๆว่า "การที่เรารุ้สึกเจ็บปวด ก็หมายความว่า เรายังมีชีวิตอยู่" เพราะงั้น การที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราก็น่าจะดีใจใช่ม่ะ?? เพราะเราจะยังมีโอกาสเจอกับสิ่งดีดี ในวันข้างหน้าอีก เพราะงั้นก็อย่าท้อแท้
พี่ต่อก็อย่าเครียดละ คนนั้นถ้ามันไม่ดี ก้อทิ้งๆไปเลย คนใหม่ที่ดีกว่า รออยู่ไง
!!!!ห้ามเครียดนะ ไม่ดีต่อสุขภาพ!!!!!!!!!!!
เสียดายเวลาด้วยนะ ถ้าไม่สบายไปอ้ะ
...........น้องกอไผ่....................


โดย: kamkao IP: 61.91.97.12 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:2:06:59 น.  

 
อ่านคร่าว ๆ แล้วครับ
(ยังไม่ได้อ่านในรายละเอียดเรื่องปั่นหุ้น)
สู้ ๆ นะหนุ่มสาว

ผมก็เคยเจอวันแย่ ๆ แบบนี้หลายครั้งและมักจะนึกถึงเพลง
บ่อย ๆ เหงา ๆ หน่อยก็ Life On Mars?

หรือช่วงหลัง ๆ หนาว จะนึกถึงอารมณ์ OK Computer แอบเอามาให้ฟัง เพื่อวันเซ็ง ๆ จะได้ผ่านไป
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=shadowservant&group=1&month=12-2005&date=24&blog=1



โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:3:20:03 น.  

 
ต่อเอ่ย

พี่ดองก็ไม่รู้จะบอกและช่วยต่ออย่างไร แต่ยังไงเสียพี่ดองคิดว่าต่อจะค้นหาทางออกที่เหมาะสมได้

ช่วงนี้ก็ทำใจนิ่ง ๆ สงบ ๆ ไว้นะ อย่าไปคิดอะไรมาก ค่อย ๆ หาหนทางแก้ไขไปทีละนิด

พี่ดองเป็นกำลังใจให้เสมอ....

ขอให้เธอคนนั้นกลับคืนมาเหมือนเดิมครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:11:01:21 น.  

 
ถึง ฮง เพื่อนรัก

(เชี่ยมากเลยมึง เมื่อกี้กูพิมพ์ไว้ยาวมาก เกือบจบแล้ว แต่แม่งหายหมดเลย นี่กูต้องพิมพ์ใหม่เลย)

ข้อความของมึงทำให้กูรู้สึกดีมาก กูอ่านแล้วฮามาก (แต่ตัวมึงคงไม่ค่อยฮาเท่าไร แหะๆ) ชั้นเชิงการเขียนมึงใช้ได้เลยนะเนี่ย สนใจเข้าวงการมั้ย เดี๋ยวกูเทรนให้

เรื่องต่อ ป.โท กับเรื่องพ่อ กูก็มีปัญหาเหมือนกัน พ่อกูไซโคให้ต่อโท เสดสาด ว่ะ แบบว่าชิบหายมาก นี่กูอุตส่าห์ยอมรับโจทย์เกียรตินิยมอันดับ 1 ได้แล้วนะ นี่พ่อให้โจทย์ใหม่กับกูมาอีกแล้ว กูนี่แบบเครียดมาก อยากไปจะกรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด กลางสนามศุภวันนี้ เอาให้แม่งได้ยินทั้งแสตนด์ จุฬา-ธรรมศาสตร์เลย ให้ตายสิ

ส่วนเรื่อง พารา เดี๋ยวกูกินน้อยลงมาก หันมากิน ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ส อย่างที่มึงว่านั่นแหละ แต่ช่วงสอบก็ยังต้องกินอยู่ แม่งอ่านหนังสือทีไรก็ปวดหัว กูว่าร่างกายกูมันต้องต่อต้านหนังสือเรียนแน่ๆ เพราะเวลาอ่านนิยาย หนังสือพิมพ์ อ่านกระทู้ในอินเตอร์เน็ต หรืออ่านหนังสือโป๊ ไหงมันไม่เห็นเป็นเลยวะ

ข้อความของมึงทำให้กูคิดได้ว่า ประโยคบางประโยคถึงแม้มันจะไม่ใช่การปลอบใจ แต่มันก็ทำให่รู้สึกดีได้ แต่การปลอบใจของบางคนมันคือ “ความหายนะซ้ำสอง”

ความหายนะในบล็อกนี้มึงลองอ่านดู ก็คงเห็นแล้ว เพื่อนกูคนนึงโทรเตือนเมื่อคืนแล้วว่า “ต่อ มึงอย่าเพิ่งเปิดบล็อกอ่านตอนนี้ ถ้ามึงยังไม่อยากเสียสติเป็นรอบที่สาม” แต่กูก็ยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไร แต่นั่นแหละ พอกูเปิดปุ๊บ เชี่ยมาก กูน่ะอยากออกไปเที่ยวบาร์เกย์แก้เครียดตามคำชวนของน้องโต๊ดเลย (รุ่นน้องที่มาช่วยชีวิตกูวันนั้น ก็คือ น้องโต๊ดอดีตเมียเด็กกูนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ)

เพื่อนกูบางคนนี่อ่านแล้วโกรธมาก บางคนแม่งดูโกรธกว่ากูอีก จนกูฮาเลย พวกแม่งเตรียมวางแผนปฏิบัติการถล่มฆ่าประจานเสียบหัวคนกลางบล็อก แต่กูก็ปรามๆ มันไว้ ไม่ใช่อะไร ต้องรักษาภาพพจน์หน่อย ตอนนี้กูยิ่งถูกคดี “ปั่นหุ้น” อยู่

ทีนี้กูจะเล่าถึง “ความหายนะ” ที่เกิดนอกจอให้มึงฟัง

ต่อไปนี้คือ ตัวอย่างการปลอบใจอันเฮงซวยที่กูเจอมา

1. เพื่อน : “ต่ออย่าคิดมากเลยนะ ลองมองดูรอบๆ ตัวสิ ยังมีคนที่มีปัญหามากกว่าต่อตั้งเยอะ อ่านข่าวหนังสือพิมพ์บ้างมั้ยล่ะ ยังมีเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งอยู่ทุกวัน…บลา บลา บลา”

กู : “อีสัด! มึงหุบปากไปเลย กูไม่สนหรอกนะว่า พ่อเด็กคนไหนจะมีเมียน้อย หรือแม่ใครที่จะไปมีชู้ ไอ้เหี้ยเอ๊ย ปัญหาของกูตอนนี้คือ แฟนกูหายหัวไปสองวันแล้ว ไปไหนก็ไม่รู้ ติดต่อก็ไม่ได้ แล้วปัญหาใหม่ตอนนี้ก็คือ มึงยังมาพูดเหี้ยๆ แบบนี้ใส่กูอีก ไปไกลๆ เลยมึง ไปไกลๆ ตีนกูเลย”

(แล้วมันก็วางโทรศัพท์ไปแทบไม่ทัน)


2. กูส่ง sms ไปบอกเพื่อนว่า “วันนี้ต่อไม่เข้าเรียนนะ พอดีเมื่อคืนมีปัญหากับแฟน ฝากด้วยนะ ขอบคุณมาก”

เพื่อนกูก็โทรมาว่า…

“ต่อทำไมแกไร้สาระแบบนี้วะ โดดเรียนด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ นี่แกพ่อแม่ส่งเงินมาเรียนหนังสือนะ…”

กูสวนกลับทันที (เพราะขี้เกียจฟังมันพล่ามไปมากกว่านี้แล้ว)

“หุบปาก! หุบปากของมึงเดี๋ยวนี้เลย มึงกล้าดียังไงมาพูดกับกูแบบนี้ เงินมันก็ของพ่อกูแม่กู มันไปกระทบส่วนไหนของสินทรัพย์-หนี้สิน-งบดุลของโคตรเหง้าตระกูลมึงเหรอ มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร พ่อแม่กูยังไม่เคยพูดกับกูขนาดนี้ มึงสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยหรือเปล่า”

(เว้ยหายใจ 0.3 วินาที แล้วซัดต่อทันที)

“แล้วกูจะบอกให้นะ พ่อแม่กูน่ะ ถ้าเขารู้ว่ากูโดดเรียนเพราะเรื่องอะไร เขาจะยอบรับเหตุผลของกู เพราะกูถือว่าความชิบหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เหี้ยมากๆ เป็นเรื่องที่กูรับไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว …กูมั่นใจว่าเขาก็จะไม่ด่าไม่ว่ากูแน่นอน และก็ไม่พูดประโยคควายๆ แบบที่มึงกำลังพูดกับกูตอนนี้ด้วย รู้ไว้ซะ!”

(วางโทรศัพท์ทันที)


นั่นแหละ จริงๆ กูก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่ด่าแรงขนาดนั้น แต่มันก็ช่วยไม่ได้ แม่งเสือกมาพูดอะไรงี่เง่าๆ ตอนที่กูกำลังเฮี้ยนๆ อยู่พอดี ถือว่าแม่งซวยไปแล้วกัน


ตัวอย่างของประโยคที่อ่านแล้วรู้สึกดี แม้จะไม่ใช่การปลอบใจ

1. ข้อความของมึง + ข้อความของหลายๆคนในที่นี้



2. เมื่อคืนก่อนนู้น กูคุยกับพี่เต้ bioscope แทนที่มันจะปลอบใจกูด้วยประโยคแบบ cliche โคตรๆ ว่า “อย่าคิดมากเลยนะต่อ” หรือ “ทำใจดีๆ นะ เดี๋ยวมันจะผ่านไปเอง” มันดันเล่าเรื่องผีที่เพื่อนมันเพิ่งเจอให้กูฟัง (!) ซึ่งมันเล่าได้ฮามาก กูฟังแล้วขำกลิ้งกลุกๆๆๆ หายเครียดไปเยอะ



3. ข้อความของพี่เจ้าชายน้อย จากเวบบอร์ดไบโอสโคป

“แวะมาตอบน้องเมอในตอนเช้าครับ

ผมเองเคยเจอเหตุการณ์แบบในกระทู้ข้างบนอยู่บ่อยเหมือนกัน
ในครั้งกระนั้น จำได้ว่า รู้สึกโกรธและเสียใจมากทีเดียว
แทบจะเลิกเล่น อินเตอร์เนทไปเลยทีเดียว
เพราะนึกสงสัยว่า เราทำอะไรไปขนาดนั้นเลยเหรอ

แต่พอผ่านเหตุการร์เหล่านั้นมา
แล้วย้อนมองดูกลับไป
ที่แท้มันเป็นเพียง ข้อบกพร่องทางการสื่อสาร
เป็น code unknown ของโลกไซเบอร์

แต่ในเมื่อเราไม่ได้เป็นเช่นนั้น อาจรู้สึกไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้มันก็จะไม่มีผลอะไรกับเราอยู่ดี

พยายามเข้าครับ”

จากคุณ : เจ้าชายน้อย feat. BUSTER KEATON : - [ 20 มค. 2006 07:46:17 ]



4. ข้อความของพี่แมดเดอลีน ในเวบบอร์ดไบโอสโคป

“ส่วนเรื่องที่อาจจะมีบางคนไม่ชอบสิ่งที่น้องเขียนนั้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ถ้าน้องทำอะไรผิด แล้วมีคนมาชี้จุดที่น้องทำผิดให้รู้ตัว เราก็จะได้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่ถ้าน้องไม่ได้ทำผิดอย่างที่เขากล่าวหา ก็ไม่ต้องไปสนใจอะไร น้องจงคิดซะว่าขนาด “อายูมิ ฮามาซากิ” ยังมีคนที่ไม่ชอบเธอตั้งมากมายหลายคน น้องจงคิดซะว่าตัวเองก็เหมือนกับอายูมิ ฮามาซากิ มีหลายคนที่ชอบและมีหลายคนที่ไม่ชอบ แต่เธอก็ยังคงผลิตผลงานใหม่ๆออกมาอย่างมากมาย ไม่ได้ท้อถอย และไม่ได้เสียเวลาไปกับการกังวลว่าคนจะเกลียดชังเธอมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อใดที่น้องพบว่ามีคนไม่ชอบน้อง แล้วน้องรู้สึกท้อถอย ไม่มั่นใจในตัวเอง และหมดกำลังใจ น้องจงคิดซะว่า “ฉันคืออายูมิ ฮามาซากิ ถ้าหากจะมีคนไม่ชอบฉัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดา” หรือไม่น้องก็ตะโกนออกมาดังๆให้คนแถวนั้นได้ยินกันทั่วว่า “ฉันคืออายูมิ ฮามาซากิ” แล้วน้องก็จะรู้สึกดีขึ้นและกลับมามั่นใจในตัวเองตามเดิมค่ะ แต่ถ้าหากคนแถวนั้นช่วยกันจับน้องส่งโรงพยาบาลบ้า ก็ไม่ต้องมาโทษว่าเป็นเพราะคำแนะนำของดิฉันนะคะ :-)”

จากคุณ : M.Scudery Worships Olivier Zabat : - [ 20 มค. 2006 21:45:34 ]


เอาล่ะ กูพล่ามมามากแล้ว มึงคงอ่านจนตาลาย เอาเป็นว่ากูขอบคุณมากๆ อีกทีนะ เป็นกำลังใจให้มึงเช่นกัน แล้วตอนกูไปต่อ ป.โทที่เมืองนอกแล้ว พอว่างๆ เวลากูกลับมาเมืองไทย กูจะแวะไปเยี่ยมมึงที่เกษมบัณฑิตนะ ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: merveillesxx วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:14:43:13 น.  

 
ทีนี้ลองทำตามวิธีที่พี่แมดเดอลีนแนะนำดูบ้าง...





"ฉันคือ อายูมิ ฮามาซากิ..."





“ฉันคืออายูมิ ฮามาซากิ ถ้าหากจะมีคนไม่ชอบฉัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดา”





"ฉันอาจจะร้องไห้ ในบางครั้ง"





"หรืออาจจะล้มตัวลงนอน อย่างผู้แพ้"





"แต่ฉันจะไม่อ้อนวอนขอพรจากพระเจ้าบนฟากฟ้าอีกต่อไป"





"เพราะหากไม่มีใคร ฉันก็จะปลอบประโลมหัวใจของฉันเอง"





"เพราะฉันคือ อายูมิ ฮามาซากิ ถึงจะถูกความซวย ความชิบหาย ความหายนะ เล่นงานขนาดไหน ฉันก็ยังสวย..."





"แล้วฉันก็จะลุกขึ้นยืน เชิดหน้า กลับมาสวยสง่าอีกครั้ง"





"เพราะฉันคือ อายูมิ ฮามาซากิ..."



Note:

Pic 1 - ปกอัลบั้ม I am...

Pic 2 - งานอะไรสักอย่าง

Pic 3 - ปกอัลบั้ม A BEST

Pic 4 - ปกอัลบั้ม MY STORY (Special Edition)

Pic 5 - ปกซิงเกิ้ล HEAVEN (CD+DVD Edition)

Pic 6 - ปกอัลบั้ม A BALLAD (Special Edition)

Pic 7 - ปกซิลเกิ้ล NEVER EVER

Pic 8 - อิมเมจซิงเกิ้ล "M"

Pic 9 - ปกอัลบั้ม Loveppears (นี่คือรูปแรกที่ทำให้ผมรู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อว่า "อายูมิ ฮามาซากิ")


โดย: merveillesxx วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:17:05:47 น.  

 
เฮ้ยต่อกูฟังเรื่องมึงแล้วกูรู้สึกแปลก ๆ ว่ะมึงโทรไปหาเขาถี่ขนาดนั้นแล้วเขาไม่ตอบมา ลองคิดดูนะแฟนมึงเป็นฝ่ายชวนมึงไปดูหนังแล้วไม่ได้ไปแล้วปล่อยให้รอเป็นหลายชั่วโมงแถมไม่โทรมาบอกสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น(เริ่มรู้สึกถึงลางร้ายแล้ว)อันนี้กูเห็นมาบ่อยเกิดกับกูด้วยสรุปง่าย ๆ คือเขาต้องการจะเลิกกับมึง(โทษทีที่กูพูดตรง ๆ แต่กูก็รู้สึกแบบมึงนั่นแหละแต่ของกูแรก ๆ ไม่รับพอถี่เข้าเค้าเลยรับแล้วก็บอกเลิกกัน) สรุปคือเวลาผู้หญิงเขาอยากลาเขาจะไม่บอกมึงตรง ๆ เขาจะไม่ติดต่อมึงเลย(ยิ่งโทรคุยยิ่งเป็นไปไม่ได้)สาเหตุหลัก ๆ ที่กูพอสรุปได้จากกรณีกูกับเพื่อน ๆ ที่รู้จักคือ
1.เขาเบื่อมึง (เขาอาจใช้เหตุผลต่าง ๆ มาอ้างแต่สรุปแล้วมาจากสาเหตุเดียวกัน)
2.เขามีคนใหม่
กูอาจมองโลกในแง่ร้ายก็ได้บางทีเหตุการณ์อาจไม่เลวร้ายถึงขนาดนั้นแต่กูมีวิธีง่าย ๆ ที่พอจะทำให้มึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คือใช้senseของมึงสิเรื่องของมึง เรื่องของตัวเองตัวเราเองเราจะรู้(มันเหมือนใช้ความรู้สึกนั่นแหละเหมือนกับเราเอามือสัมผัสน้ำเย็นแล้วรู้ว่ามันเย็นห้ามใช้เหตุและผลนะเว้ยเอาsenseของมึงอย่างเดียว)อย่างของกูกูส่งsmsไปแล้วไม่มีการตอบกลับกูก็ลองใช้senseของกูดูแล้วโทรไปหาถี่ ๆ ปรากฎว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างที่senseกูบอก(มันอาจฟังดูงง ๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้วเราจะรู้) แต่ถ้าเป็นตามMurphy's lawจริงกูพอมีวิธีแก้
1. หาคนใหม่
2.เข้ากับเพื่อน คุยกับเพื่อนให้มาก ๆ หรือหาอะไรทำแล้วมันจะค่อย ๆ ลืมน้อยลง(เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะให้ลืม) แต่กูขอบอกว่าถ้าเขาเบื่อมึงแล้วเขายังไม่มีคนอื่นเขาทำแบบนี้เขาก็เจ็บเหมือนกัน


โดย: sweet goodbye IP: 58.147.22.4 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:19:28:46 น.  

 
สิ่งที่จะพิมพ์ต่อไป ก็คงมีคนใช้บอกคุณไปแล้ว เหมือนอย่างที่คุณเขียนไว้ข้างบนว่าน่าจะปลอบแบบนี้

"แล้วมันก็จะผ่านไป"

เหมือนเป็นคำปลอบ แต่ไม่ได้ปลอบค่ะ เพราะว่ามันเป็นความจริง จริงแท้แน่นอนที่สุด เพียงแต่จะใช้เวลานานเท่าไรก็แล้วแต่คิดได้เมื่อไรน่ะค่ะ



โดย: cottonbook วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:20:53:00 น.  

 
...โลกนี้ยังสวยงามคะ....

สู้ๆ


โดย: afternoon IP: 58.8.27.116 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:20:53:45 น.  

 
เย็นวันนั้น(19-1-49)
วันสุดท้ายที่ฉันทำงานที่นั่น

ขากลับ ตอนแยกกับพี่ที่ทำงานด้วยตรงทางลงบันไดเลื่อนไปรถใต้ดิน
ทำไม ฉัน คนที่ไม่เคยเป็นอะไรแบบนี้

น้ำตาแทบไหลออกมาตรงนั้น


เฮ่อ
ทำไมฉันต้องเห็นเงินเป็นใหญ่กว่าจิตใจด้วยนะ


...

กอดแม่บ้างนะ
ลองดูวันไหนก็ได้
มันอบอุ่นจริงๆ

เราเองก็ทำให้แม่หัวใจร้าวมามากกว่าครั้งนึงแล้วแหละ
ตั้งแต่ตอนที่ต้องบอกให้แม่รู้ว่าหนูต้องดรอปทีสิสและเรียนอีกครึ่งปี และอะไรอีกหลายๆอย่าง





ไม่ว่าใครจะว่านายยังไง
ฟังไว้ก็ได้ แต่ถ้ามันหนักมาก
ก็ให้มันออกหูอีกข้างลอยลมไปซะบ้าง
เรายังอยู่ข้างนายนะ

ยังขอเป็นแฟนตัวหนังสือของน้องเมอต่อๆไปจ้า


โดย: quin toki วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:22:23:59 น.  

 
อืมม์...

ไม่รู้ว่าตกลงเรื่องราวของต่อกับคุณคนนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป


แต่ถ้าเป็นเรา..ถ้าเขาไม่เป็นห่วงคนที่ห่วงเค้ามากขนาดนี้


เราจะไม่ทำให้เค้าอยู่ในฐานะที่ทำเราเจ็บปวดได้อีกต่อไปค่ะ




พ้นทุกข์ไวๆ นะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 22 มกราคม 2549 เวลา:22:43:08 น.  

 
มาแอบอ่านบล็อกคุณต่ออยู่นานแระ แต่ไม่ค่อยได้เขียนเม้นต์ ... วันนี้คงต้องถึงเวลาเขียนซะที

- ผมเองก็เคยเจอวันซวยๆ เหมือนกันครับ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น หนักขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นพลาดรถเมล์แบบฉิวเฉียด ... จนถึงตอนเย็นที่โดนรถชน แต่ของผมหลายๆ ปีจะเจออยู่แค่ 1 วัน
- คิดซะว่าชีวิตคนเรา ยังไงๆ ก็ต้องเจอะเจอความทุกข์ มีพายุฝนก็ต้องมีวันฟ้าใส ... เก็บเรื่องราวในวันนี้เอาไว้ แล้วเตรียมตัวเผชิญความสุขในวันต่อไปจะดีกว่า
- เรื่องที่คุณต่อโดนข้อหา "ปั่นหุ้น" ... ผมมองตามสุภาษิตไทยว่า "คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" ... ถ้าคุณอยู่ในที่สาธารณะ ยังไงๆ ก็ต้องมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ (หรือบางคนอาจหมั่นไส้หรืออิจฉา จ้องทำลายกำลังใจเราอยู่) เพราะฉะนั้นอย่าใส่ใจในทุกความเห็นหรือความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อตัวคุณ เพราะเราคงไปทำให้คนทั้งโลกพึงพอใจไม่ได้หรอก ... สิ่งสำคัญก็คือ ใส่ใจความรู้สึกของคนที่เรารักและรักเรา จริงใจต่อเราก็พอครับ (ผมเคยเจอสถานการณ์คล้ายๆ แบบนี้เช่นกันในพันธุ์ทิพย์ จนเป็นสาเหตุให้ผมหายหน้าหายตาออกมาจนทุกวันนี้ เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกอ่ะครับ)
- ก็ขอเป็น "เพื่อนผู้หวังดี" อีก 1 กำลังใจให้คุณต่อฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตในวันนี้ไปให้ได้นะครับ เพราะถ้าเราก้าวข้ามพ้นไปได้ มันก็น่าจะทำให้ชีวิตเราแข็งแกร่งขึ้นอีก 1 ขั้น ... ขอให้โชคดีครับผม


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 23 มกราคม 2549 เวลา:10:42:06 น.  

 
เรื่องมันไม่ได้ประดังประเดเข้ามาในวันเดียวหรอกค่ะ มันทับถมกันมาเรื่อยๆ แต่พอมีเรื่องมาจุดประกาย มันก็...


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก กูอยากจะบ้าตาย..


เป็นกันทุกคนล่ะคะ ผ่านมันไปให้ได้นะคะ


โดย: เหวียนสีเทียนจุ้น วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:16:58:41 น.  

 

เป็นอย่างไรบ้างหรือ
แวะมาถามข่าวคราวจ้า


โดย: quin toki วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:22:23:33 น.  

 
เอ่อ...ไอ้ต่อ

กรูว่าข้อความของ "พี่แมดเดอลีน ในเวบบอร์ดไบโอสโคป " ...แม่งเจ๋งหว่ะ กูชอบ



เเบบว่า...ขออนุญาตเอาไปเผยแพร่นะค้าบ


.......เราเป็น “อายูมิ ฮามาซากิ”.....อืม..ฉันเป็น “อายูมิ ฮามาซากิ


PS. พอกรูเห็นไอ้รูปสุดท้ายของ “อายูมิ ฮามาซากิ” ( ที่เป็น wall paper หน่ะ).....จาบอกว่า กูเคยเห็นเธอแอบอมยิ้มด้วยนะเฟ้ย!!! เอาซะกรูหลอนเรยซะงั้น..

แถมเสื้อนักศึกษาแขนยาวของมึงดันหายอีก...555 จนบัดนี้กูก็ยังหาไม่เจอเรยหว่ะ ไม่อยู่ที่บ้านกู แล้ว มันไปอยู่ไหนละเนี่ย!!

...C7 302 เฮี้ยนซะงั้น สงสารรุ่นน้องที่ไอ้รองแนะนำให้มาอยู่หว่ะ ฮ่าๆ หลอดไฟก็เสีย ฝักบัวก็เสีย ผนังห้องน้ำก็หลุด ห้องข้างๆก็เสือกเปิดเพลง โลโซ กับ clash ซะงั้น

ก็ไอ้ห้อง 301 ไง ที่เป็นคู่อ้วน-ผอม แล้วหลังจากที่พวกเราด่าพวกแม่งกันไม่นาน มึงก็ดันไปรู้จักน้องเค้าซะงั้น..ไอ้น้องคนที่คล้ายๆเกย์แต่ไม่ใช่..และก็เคยขอให้มึงไปพิสูจน์ด้วยถ้าไม่เชื่อ ..น้าน แผนสูงนะไอ้น้อง..

กูยังจำได้นะเว้ย..ที่มึงบอกว่า ฟังเพลงที่พี่ BANK ร้องทำให้มึงหายปวดขี้เลยที่เดียว..ฮ่าๆ




ส่วนการต่อโทของกรูนั้น สงสัยจะหนีไม่พ้นเกษมบัณฑิตแล้วละเว้ย ...กรู้ เอ่อ...สำหรับเพื่อนๆที่สนใจต่อโทที่เกษมบัณฑิตนั้น ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.kbu.ac.th นะครับ ....น้านข้อมุลพร้อมซะงั้น กรู

สุดท้ายแหล่ว ก็..โชคดีนะเว้ย ไอ้ต่อ สู้ๆ สู้ต่อไปนะขบวนการ “อายูมิ ฮามาซากิ” ....อะโจ้ !!


โดย: ฮง ณ TU (Mate เก่า) IP: 210.246.161.53 วันที่: 25 มกราคม 2549 เวลา:13:35:37 น.  

 

-- รายชื่อหนังในเทศกาล Bangkok Internatonal Film Festival 2006 ออกแล้ว ดูที่

//www.bangkokfilm.org/en/press/new_detail.aspx?id=83

งานในปีนี้จะมีช่วง 17-27 ก.พ. จัดที่ Grand EGV และ Siam Paragon

โปรดระวังว่า ความไม่แน่นอนคือความไม่แน่นอน โปรแกรมหนังอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

Bioscope เล่มใหม่จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ BKKIFF ด้วย และสกู๊ปใหญ่ของเล่มนี้จะทำให้แผงหนังสือกลายเป็นสีม่วง (หุหุหุหุ)


-- สำหรับคนรักหนัง ห้ามพลาดหนังสือ 151 CINEMA ของสำนักพิมพ์ Openbooks หนังสือที่ว่าถึง "151 หนังด้อยโอกาส" ที่ไม่ควรพลาด


-- คอนเสิร์ต Backstreet Boys เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น่าประทับใจมาก ถึงแม้โปรดักชั่นจะเหมือนงานวัด และ Nick Carter จะบวมฉุประหนึ่งถังแก๊ส แต่ไม่เคยเจอคอนเสิร์ตไหนที่คนดูร้องเพลงดังสุดๆ ขนาดนี้มาก่อนเลย ...ไว้จะมาเล่าละเอียดๆ อีกทีนะครับ


-- และอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ผมก็จะไปต้อง อิมแพค อารีน่าอีกแล้ว กับคอนเสิร์ตของวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกดนตรี ...Dream Theater นั่นเอง

แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังจ้า


โดย: merveillesxx วันที่: 25 มกราคม 2549 เวลา:14:30:25 น.  

 
กลับมายังอะ ?


โดย: nant IP: 58.10.223.218 วันที่: 26 มกราคม 2549 เวลา:1:10:19 น.  

 
คอนเสิร์ต DREAM THEATER เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ ถึงแม้ระบบเสียงจะห่วยบรม (แต่ก็ดีขึ้นเป็นพักๆ)

นี่คือ คอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยดูในชีวิต ห้าสมาชิกของวงนี้คือ "ยอดมนุษย์" โดยสมบูรณ์แบบ ดูแล้วจะน้ำตาไหล เพลงที่เคยสงสัยมาตลอดมาว่า "ไอ้เพลงแบบนี้มันจะเล่นสดได้ยังไงวะ" บัดนี้ข้อคำถามเหล่านั้นได้คำตอบกระจ่างแจ้งแล้ว

ไว้จะมาเล่าอีกทีแล้วกันครับ

----------------------------------------

UPDATE สถานการณ์ (ความซวย 4 ข้อข้างบน)

1. เล็บที่ฉีกไม่เป็นไร หายสนิทแล้ว

2. ผ่านไป 1 สัปดาห์แล้ว ยังคงไม่ได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น มี SMS จากเขามาหนึ่งที แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ถ้าอีก 2-3 วันยังคงไร้การติดต่อกลับมา ก็คงถึงเวลาโหวตออก-จำกัดจุดอ่อน ..."เชิญค่ะ คุณคือจุดอ่อน"

3. รายงานส่งไปแล้วเรียบร้อย ทำโต้รุ่งถึง 6 โมงเช้า

4. กระทู้ไร้สติ ปล่อยมันไป

คงจะได้อัพบล็อกเร็วๆนี้...


โดย: merveillesxx วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:0:33:33 น.  

 
^
^
^
เยี่ยม!!!!!!


โดย: ZM IP: 71.107.79.116 วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:4:06:04 น.  

 
รอค่ะ รออัพบล็อกนะคะ


ขอให้ "หาย" ไวๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:14:32:48 น.  

 
รอให้เล่า dream theatre อยู่เน้อ
อัพเร็วๆ มาต่อคิวจากคุณสาวไกด์จ้า


โดย: quin toki วันที่: 28 มกราคม 2549 เวลา:11:40:28 น.  

 
เพิ่งจะทราบเรื่องก็ตอนนี้เอง

ป่านนี้แล้ว ผมว่าคุณคงจะโอเคทุกอย่างแล้วมั้งครับเนี่ย

สู้ ๆ นะคับ


โดย: Autumn_N IP: 203.170.228.172 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:13:29:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.