http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
ทริปสังคโลกเกาหลี ติ่งหูอย่างอินดี้ : DAY 0 ออกเดินทาง

by merveillesxx



คำเตือน:

1. เป็นบันทึกประสบการณ์ส่วนตัว ไม่สามารถใ้ช้เป็นทิปแนะนำการท่องเที่ยวได้

2. มีการใช้คำหยาบคายมากมาย


=================


หนึ่งในเรื่องที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเรา (นอกจากเรื่องที่ชอบคิดว่าเราคือล็อกอิน สามีแทยอน ในเวบผู้จัดการ) คือ ชอบนึกว่าเราเคยไปเมืองนอก และมโนกันไปว่าไปมาแล้วหลายประเทศ แต่ความเป็นจริงคือ...กูไม่เคยออกนอกประเทศไทยเลย! แอร๊ยยยส์ส์ส์ ฉะนั้นเอง ด้วยแรงบิวด์จากคนรอบข้าง ประจวบกับตรากตรำเก็บเงินมาได้พอประมาณ จึงคิดในใจว่าปี 2012 นี้หนอจะต้องเป็นธีมโกอินเตอร์ของกู วะฮะฮ่า (ทำไมมึงจะต้องมาโกอินเตอร์ตอนปีโลกแตก)

ทริปสังคโลกเกาหลีเกิดขึ้นมาได้เพราะเพื่อนของข้าพเจ้านามว่า หญิง (จะได้ยินชื่อนี้บ่อยมาก เพราะกูมีเพื่อนเหลือไม่กี่คน) ออกปากชวนว่าไปดูคอนเสิร์ต Big Show 2012 วง Bigbang ที่โซลกันมั้ย คิดอยู่ไม่นานก็เซย์เยสเห็นงาม เพราะอยากไปเกาหลีอยู่แล้ว + มันไม่น่าจะเที่ยวยาก + และ Bigbang เนี่ยก็เป็นวงที่ชอบเป็นอันดับต้นๆ ของเพลงเกาหลี (ซีดีเคป็อปที่ซื้อแผ่นแรกก็เป็นของวงนี้นะเอ้อ)

ทว่าทริปนี้จะเป็นจริงได้ อันดับแรกเราก็ต้องได้บัตรคอนเสิร์ต Big Show 2012 มาเสียก่อน ถึงแม้ว่ากูจะได้ฉายาว่า “เทพแห่งการจองบัตร” เพราะจองมาแล้วทั้ง แร็พเตอร์, เดี่ยว9 และ เกิร์ลเจน แต่สำหรับ Big Show 2012 นั้นสู้ไม่ไหว จริงๆ เพราะบัตรแม่งขายหมดในสามนาที! ดังนั้นจึงต้องฝากเวบของคนเกาหลีจองให้ ซึ่งเธอมีชื่อว่า เรนะ กว่าเรนะจะคอนเฟิร์มว่าเราได้ตั๋วคอนเสิร์ตแน่ๆ ก็เกือบกลางเดือน ก.พ. ดังนั้นสิริรวมแล้วทริปนี้จึงมีเวลาเตรียมตัวไม่ถึงครึ่งเดือน



นี่แหละครับ คอนเสิร์ตที่จะไปดู

เรากับหญิงเห็นตรงกันว่าพวกเราจะไปแบบลุยกันเอง ไม่ไปกับทัวร์ เพราะจากที่ฟังมาจากคนรอบข้าง ล้วนพบประสบการณ์อันน่าเก็บเข้าช่องผักจากการไปกับทัวร์ แถมเมื่อลองไปอ่านโปรแกรมทัวร์ของแต่ละเจ้า สถานที่มันไปมันก็จะวนเวียนอยู่ไม่กี่อย่าง อาทิ ตึกนัมซาลที่ไปผูกลูกกุญแจกัน ซึ่งถ้ากูไป กูจะไปตัดกุญแจแม่งให้หมด หรือเกาะนามิ อันมีรูปปั้นแบยองจุน (รุ่นพี่เราคนนึงเรียกเกาะนี่ว่า “เกาะส้นตีน” 555555555) หรือถ้าเป็นทัวร์แนวเคป็อปก็จะพาไปร้านไก่ย่างของพี่เซเว่น กูก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจะไปทำไม ไปแล้วเจอแต่ไก่ ไม่ได้เจอพี่เซเว่น

แต่แน่นอนว่าพอไปกันเองเนี่ย มันก็จะเหนื่อยหน่อย การจัดการทุกอย่างก็ต้องทำเอง เรากับหญิงก็ใช้ระบบแบ่งงานกันทำ หญิงจัดการตั๋วคอนเสิร์ตและตั๋วเครื่องบิน (จอง Korean Air ไป เจอไปสองหมื่นกว่า งึ่ดเลยทีเดียว) ส่วนเราจัดการเรื่องจองโรงแรม ซื้อคู่มือท่องเที่ยว Lonely Planet ศึกษาเส้นทาง ปรินท์ออกมาเลยว่าไอ้ตรงนี้ ต้องลงสถานีไหน ออกประตูไหน แผนที่อะไรปรินท์ออกมาให้หมด (มาพบภายหลังว่ามันมีประโยชน์จริงๆ) ว่าง่ายๆ ว่าเราเป็นฝ่ายข้อมูล ถึงขั้นมีแฟ้มหนาปึ้กอันนึงใส่กระเป๋าไปเกาหลีทีเดียว

จัดการเรื่องส่วนรวมแล้ว ก็ต้องจัดการเรื่องส่วนตัว เนื่องจากเราไปเมืองนอกครั้งแรก ของใช้ใดๆ จึงต้องซื้อใหม่หมด เราเป็นคนซื้ออะไรพวกนี้ไม่เป็นเลย (ชีวิตนี้เวลาเข้าห้างกูเดินอยู่สามอย่าง ร้านซีดี ร้านดีวีดี ร้านหนังสือ) หญิงเลยต้องมาช่วยเลือกให้ วันแรกก็ไปซื้อเสื้อหนาว ตอนแรกก็พาไปร้านแฟชั่นจ๋าเลย เพราะเกาหลีเค้าแต่งตัวกันแรง เราต้องไม่ยอมแพ้ (กูจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า) เจอร้านนึงใส่แล้วขึ้นเหมือนกันนะ แต่เสื้อแม่งไซส์ L กูใส่แล้วยกแขนไม่ได้ อีพนักงานก็พยายามเชียร์ให้กูซื้อเสื้อหนาวสีแดงอยู่นั่นแหละ แต่กูใส่แล้วรับตัวเองไม่ได้อ่ะ แม่งเหมือนซานต้าคลอสเลย อีห่า สรุปร้านนี้แห้วไป

จากนั้นไปร้าน North Face เจอเสื้อตัวละหมื่นสาม กูจะเป็นลม กลายเป็นว่าภารกิจการซื้อเสื้อหนาวนี่แม่งใช้เวลายาวนานมาก เดินแม่งทุกห้างทุกร้าน สยามดิส สยามเซ็น พารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ (พวกกูนี่หัวสูง) สรุปไปได้เสื้อจาก Esprit ที่แม่งมีเสื้อขนเป็ด 2XL ที่ใส่แล้วพอดิบพอดี แถมกันหนาวแบบเอาอยู่มากๆ ตัวนี้เสร็จไปเจ็ดพันกว่า วันถัดมาไปซื้อกระเป๋าเดินทางที่เซ็นทรัลลาดพร้าว หญิงแนะนำยี่ห้อ Caggioni เจอไปอีกสามพัน ...แค่นี้กูหมดไปหมื่นนึงแล้ว แสรดดดดดดดดดดดดดด

แล้วก่อนไปเกาหลีเนี่ยชีวิตกูไม่ได้สบายเล้ยยยย นอกจากจะต้องเคลียร์งาน เคลียร์ต้นฉบับแล้ว ปรากฏว่าปวดฟันจี๊ดดดดขึ้นมา คือปวดแบบสัสๆๆๆ อ่ะ ต้องนอนพักเลยทีเดียว เลยรีบไปหาหมอฟัน เพราะถ้าไปปวดที่เกาหลีไม่สนุกแน่ สรุปว่าต้องรักษารากฟัน เจอไปซี่ละ 18000 ต้องทำสองซี่ กูจะเป็นลมรอบสอง ยัง...ยังไม่พอ ปรากฏว่าก่อนไปเกาหลี 4 วัน แอร์ที่ห้องแม่งเสีย! แล้วเมืองไทยช่วงนั้นก็ร้อนบัดซบ สรุปคือ กูต้องพิมพ์งาน จัดกระเป๋า หาข้อมูลทริป และทนปวดฟัน ท่ามกลางอากาศร้อนฉ่า เหงื่อไหลติ๋งๆๆๆ ชนิดอาบน้ำปุ๊บ สามนาทีถัดมาเหงื่อแม่งท่วมแล้ว กูจะบ้าตาย

ทั้งหมดที่ว่ามายังไม่ใช่เรื่องเครียดที่สุด จุดพีคก่อนเดินทางคือ อีกสามวันจะบินแล้ว ปรากฏว่าตั๋วคอนเสิร์ตยังไม่มาค่าาาาา เรากับหญิงก็ทั้งเมลทั้งทวิตหาเรนะ แต่เธอก็ไม่ว่างตอบ เพราะเฉพาะลูกค้า Big Show ก็ล่อไป 50 คนแล้ว (คือเรนะเนี่ยเธอรับซื้อทุกอย่างในเกาหลีตั้งแต่ตั๋วคอนเสิร์ต, เสื้อผ้า, กระเป๋า, บลาๆๆ) จนพวกกูเนี่ยวิตกจริตเช็คเมลกันทุกสิบนาที หรือแทบจะไปบนพระพรหมเอราวัณกันเลยทีเดียว

คือทางเราบอกว่าให้เรนะส่งตั๋วมาที่ไทย แต่ถ้าเวลามันกระชั้นให้เรนะส่งไปโรงแรมของเราที่เกาหลี ณ จุดนั้นพวกเราก็กลัวว่า ถ้าเกิดตั๋วแม่งเสือกมาถึงไทยตอนพวกกูบินไปเกาหลีแล้ว แม่งจะทำไงวะเนี่ย เลยคิดแผนสำรองว่า ถ้าซวยขั้นนั้นจริงๆ ต้องให้คุณสุนันท์ (แม่กูอีกแล้วค่ะ) ส่ง FedEx ไปให้ แต่พอโทรไปถาม FedEx ก็พบว่ามันไม่มีทางส่งทันแน่นอน เพราะวันที่ 1 มีนาแม่งเป็นวันหยุดราชการของเกาหลี ไปรษณีย์ไม่ทำงาน WTF!!!??? ได้ยินแล้วกูถึงขั้นหัวเซไปโขกกำแพงเลยทีเดียว

แต่ระหว่างที่เครียดสุดขีดกับเรื่องตั๋ว เรนะก็เมลมาบอกว่าจะส่งตั๋วไปให้ที่โรงแรมนะ กรี๊ดดดด โล่งอกโล่งใจยิ่งกว่าเอนท์ติด เราก็เลยรีบเมลไปบอกทางโรงแรมเลยว่า เอ้อ จะมีจดหมายมาหาไอนะ ยูช่วยเก็บไว้ให้ไอด้วย เวรี่อิมพอร์แทนต์มาก แล้วถ้าจดหมายมาแล้วช่วยเมลบอกด้วยนะ พลีสสสส โรงแรมก็น่ารักมาก ช่วงเช้าของวันที่เราจะเดินทาง ทางโรงแรมก็เมลมาบอกว่าได้จดหมายแล้วนะจ๊ะ กรี๊ดดดดด โล่งอกโล่งใจยิ่งกว่าเอนท์ติดสองเท่า (อนึ่ง โรงแรมที่เราพักชื่อ Nox Boutique Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่ดีมากๆๆๆ เราจะสรรเสริญอย่างเป็นทางการในตอนต่อๆ ไป)

หลังจากปลดปล่อยจากความวิตกเรื่องตั๋วก็ได้เวลาจัดกระเป๋าเสียที จริงๆ วางแผนว่าจะจัดตั้งแต่สามวันก่อน แต่ด้วยความที่แอร์เสีย + วุ่นวายเรื่องตั๋ว สรุปก็ได้จัดอีวันจะออกเดินทางนี่แหละ แต่เราก็เอาของไปไม่เยอะมาก หลักๆ คือเสื้อผ้า, เครื่องกันความหนาว และยา มีอุปกรณ์พิเศษสองชิ้นที่ตอนแรกกลัวจะยัดไม่ลงคือ เสื้อหนาวขนเป็ด 2XL (มันใหญ่และพองมากกกกกกกกก) และแท่งไฟ Bigbang แต่สรุปว่าทุกอย่างก็ยัดลงกระเป๋าไปได้แบบสบายๆ ลองชั่งน้ำหนักกระเป๋าก่อนไปอยู่ที่ 11 กิโลกรัม

ไฟลท์ขาไปของเราคือ 01.45 ของวันที่ 1 มีนาคม (หรือช่วงดึกของวันที่ 29 ก.พ. นั่นแหละ) เรากับหญิงนัดเจอกันที่แอร์พอร์ตลิงค์พญาไทตอนเกือบๆ สี่ทุ่ม ขอสารภาพว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เราขึ้นแอร์พอร์ตลิงค์ และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เราไปสุวรรณภูมิด้วย (!!!) หลายคนอาจสงสัยว่า อ้าว ไม่ใช่มึงไปรับนักร้องเกาหลีอยู่บ่อยๆ เหรอ...ขอตอบว่า แก่แล้วเฟร้ย ไปไม่ไหว กูกรี๊ดอยู่แค่หน้าคอมเท่านั้น หรือบางคนอาจสงสัยว่า นี่มึงไม่เคยไปส่งเพื่อนไปเรียนต่ออะไรแบบนี้เลยเหรอ ...ก็อย่างที่บอกไปตอนต้น กูไม่มีเพื่อน // จบ.



แอร์พอร์ตลิงค์ตอนสี่ทุ่ม

เนื่องจากขึ้นเครื่องบินครั้งสุดท้ายตอน ป.6 ที่ไปภูเก็ต แถมตอนนั้นพ่อแม่ก็จัดการให้หมด พอมาถึงสุวรรณภูมิก็งงแดกเลย นี่กูต้องทำอะไรยังไงวะเนี่ย ก็ได้แต่ตามหญิงต้อยๆๆ แล้วก็พยายามศึกษาไว้ คราวหน้าจะได้ทำเองเป็น ตอนแรกเราก็คิดว่านั่งไฟลท์ดึกตีสอง แถมเป็นวันธรรมดา คนแม่งโล่ง สบายแหงๆ ปรากฏว่าไปเจอตอนทัวร์ลง ทัวร์ไทยไปเกาหลีนี่แหละ คนเยอะชิบหายยยย แล้วคิว ตม. แม่งก็ยาวโคตรรรรร พวกมึงจะไปเที่ยวไหนก็กันตอนเที่ยงคืน ตีสองคร้าบบบบ



คิวยาวทะลุโลก

กว่าจะผ่านด่านเช็คอินและ ตม. ไปได้ แม่งใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง แล้วก็เดินเข้า Gate ไป ตอนนั้นหิวขึ้นมา ก็เลยอยากหาอะไรกิน เคยได้ยินมานะว่าอาหารในสุวรรณภูมิแม่งแพง แต่กูนึกว่ามันจะจานละ 100-150 บาท ปรากฏว่าสิ่งที่เจอคือ ข้าวมันไก่จานละ 230 บาท (พ่องงงงง!) ดังนั้นสิ่งที่กูได้มากินกันตายคือแซนด์วิชแฮมเน่าๆ อันละ 90 บาท พร้อมกับน้ำเปล่าขวดละ 30 บาท ...เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืมนะเธอว์

หลังจาก รอ รอ รอ รอ รอ และ รอ ก็ได้เวลาขึ้นเครื่องบินสักที เนื่องจากขึ้นเครื่องบินในรอบ 15 ปี หญิงเลยจัดที่นั่ง Window Seat ให้เรา ที่นั่งถัดจากหญิงเป็นฝรั่งหน้าตาดี เค้าก็ชวนหญิงคุย และเหมือนจะพยายามชวนกูคุยด้วย แต่ ณ ตอนนั้นไม่มีอารมณ์จะคุยอย่างแรง (ยังโมโหข้าวมันไก่จานละสองร้อยบาทอยู่) เลยเปิดทีวีหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ก็พบว่า เฮ้ย ไฮโซใช่เล่นนะเนี่ย มีหนังอย่าง The Descendants, J. Edgar หรือ My Week with Marilyn ซะด้วย แต่เนื่องจากเป็นไฟลท์ดึก และพอลงที่โซลเราต้องออกเที่ยวทันที จึงพยายามนอน ซึ่งก็นอนไม่ค่อยจะหลับเท่าไร



โปรแกรมหนังบนเครื่อง

หลับไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แอร์ก็เปิดไฟปลุกให้ตื่นมากินข้าวเช้า และแม่งไม่อร่อยเลย แต่พอมองออกนอกหน้าตาไปเรื่อยๆ ก็พบว่าเช้าแล้ว เครื่องบินค่อยๆ ลดระดับบินต่ำลงเรื่อยๆ





ในที่สุดเสียงออกจากลำโพงว่า “ขณะนี้ทางเราได้นำเครื่องลงสู่สนามบินอินชอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”

กูมาถึงกรุงโซลแล้ว! การออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิต!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

โปรดติดตามตอนต่อไป...




Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 22:25:29 น. 0 comments
Counter : 2166 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.