พาเที่ยวสนามฟุตบอลดังแดนกระทิงดุ

ส่องสเปน 15 วัน ดูบอลจนตาแฉะ ทีวีโรงแรมมีเคเบิลคานาลพลุส ไม่ก็ยูโรสปอร์ต หรือฟุตบอลทีวี 24 ชม. บางแ่ห่งมีเรอัล มาดริดทีวี บาซาทีวี ได้ดูทั้งลา ลีก้า (บาซ่า-เดปอร์) ยูซีแอล (บาเลนเซียทีมรักเจอเชลซี) ยูฟ่าคัพ (เอสปันญอล เซบิญ่า โอซาซูนา) สเปนเจอไอซ์แลนด์นัดคัดเลือกยูโร 08 แถมมีแผล๋มโบคา จูเนียร์ส ทีมโปรดอีกทีม ยิงตรงจากอาร์เจนติ๊หน่าให้ดูอีกตะหาก ไปเที่ยววัฒนธรรมผสมยลสนามฟุตบอลในแดนกระทิงดุ แต่ไม่ได้ดูบอลแบบเกาะขอบสนามสักคู่ เป็นการเที่ยวเดี่ยวผสมทีม ไม่สะดวกแยกร่างในวันเสาร์อาทิตย์เพื่อไปดูฟุตบอลเพราะเป็นความชอบส่วนตัว อีกทั้งเวลาไม่มากพอจะปลีกตัวในช่วงไปกับทัวร์ พอได้ฉายเดี่ยวในวันเที่ยวที่เพิ่มเองก็ไม่ตรงกับสุดสัปดาห์ เอาเหอะ ไม่ได้ดูบอลสักคู่เดียว แต่เรามองโลกในแง่ดีเสมอแม้ชีวิตจะไม่ดีเลิศเสมอไป จะได้เป็นข้ออ้างให้กลับไปใหม่ไงเล่า (เริ่มเก็บเงินได้ อีกสองปีกลับไปอีก คราวนี้ลากกระเป๋าเที่ยวเองและต้องดูบอลอย่างน้อย 2 นัด)

บลอคนี้จะพาไปยลสเตเดียม เริ่มจากเหนือสุดสเปน สนาม San Mames เมืองบิลเบาในดินแดนบาส์ก ไล่ลงมา Camp Nou ของเอฟซีบาร์เซโลนา ทีมเจ้าบุญทุ่ม และ Olympic de Montjuïc ของทีมเอสปันญอลที่บาร์เซโลน่า เซบิญ่าไม่มีเวลาไปดูสนาม แต่ผ่าน Estadi Luiz de Lopera ของสโมสรเรอัล เบติสตอนรถบัสวิ่งเข้าเมือง สนามสวยใหญ่อลังการ ส่วน Ramón Sánchez Pizjuán ของทีมเซบิญ่า แชมป์ยูฟ่าสองปีซ้อน อยู่ไกลเมืองออกไปอีกนิด อันโตนิโอเอลโชเฟอร์ถามเราว่าทำไมรู้จักทีมฟุตบอลสเปนเยอะนักล่ะ อ้าว...ก็ชอบดูอ๊ะจิซินญอร์ พอชมทีมเซบิญ่าว่า “มุย มุย เบียง” รูปหล่อยิ้มแก้มแทบแตก ทริพนี้รามอน ซานเชส ปิซฆวนเลยต้องรอไปก่อน (เดือดร้อนต้องรีเทิร์นทูเซบิญาด้วยล่ะซิ) จากนั้นก็ตามด้วย Estadio Vicente Calderón ที่อยู่คนละฟากเมืองกับ Santiago Bernabéu ซึ่งวางแผนไปยลก่อนออกจากมาดริดไปบาเลนเซีย เพื่อจบด้วย Estadi de Mestalla ของค้างคาวทีมรัก

เมืองแรก ขึ้นเหนือสุดสเปนที่บิลเบา ทีมดังของเมืองนี้ก็ต้องนี่เลย สโมสรมีห้องโทรฟี่จัดได้ดีทีเดียวแต่ห้ามถ่ายรูป แม้ขณะนี้จะลูกผีลูกคน ประวัติทีมก็ยิ่งใหญ่ และ El Pichichi คือนักเตะชาวบาสก์ของแอตเลติก บิลเบา ชื่อของเขาอยู่เป็นอมตะในลีก้าสเปนจนทุกวันนี้ สนามนี้เราเดินดูกับไกด์ผู้หญิงแค่สองคน บรรยกาศฝนฉ่ำ เป็นอะไรที่ชอบมากเลย ไกด์หญิงก็คือคนที่เก็บตั๋วอยู่หน้าห้องโทรฟี่นั่นแหละ เธอพูดภาษาอังกฤษเก่ง แม้จะไม่ปร๋อ แต่เรียกว่า 80% เราเข้าใจได้หมด

[ซ้าย] นี่เป็นทางเข้าห้องประธาน [ขวา] วิวสนามมองผ่านผนังกระจกบานใหญ่


[ซ้าย] สิงโตตัวนี้ ประธานสโมสรอาลาเบส ทีมเมืองหลวงแคว้นบาสก์ (ตอนนี้ตกไปอยู่ดิวิชั่นสอง) มอบให้สโมสรบิลเบา ตั้งอยู่มุมซ้ายของห้อง เห็นแล้วเราถึงบางอ้อเลยเพราะชุดเยือนของบิลเบาจะมีลายสิงโต ส่วนข้างหลังเป็นรูปนักเตะบิลเบาทุกคนที่เคยเล่นให้ทีมชาติ [ขวา] รูปปั้น Pichichi ตั้งอยู่หน้าประตูทางออกมาอัฒจรรย์จากห้องรับรอง ทุกซีซั่น แต่ละสโมสรที่มาเล่นนัดเยือนที่ซาน มาเมส จะนำช่อดอกไม้มาเสียบในห่วงกลมสองข้างก่อนเกมเริ่มเป็นการแสดงความเคารพ


[ซ้าย] ห้องประชุมนักข่าวก่อนและหลังเกม [ขวา] ไกด์อธิบายรูปติดผนังในห้องนี้ว่าเป็นการฉลองแชมป์ของสโมสรบิลเบา ทีมจะล่องเรือแห่ถ้วยไปตามแม่น้ำให้แฟนๆชื่นชม


[ซ้าย] ห้องแต่งตัวทีม สะอาดขาวจั๊วะ ห้องน้ำขาวจั๊วะกว่านี้อีก ไม่ได้ถ่ายรูปมา เดี๋ยวไกด์หัวเราะ [ขวา] ทางลงไปสนามของสองทีม


ติดขอบสนาม


จบจากบิลเบา เรามาต่อกันที่บาร์เซโลนา [ซ้าย] เนินเขาที่เห็นลิบๆคือ Mont Juïc หรือ Mount Jews เพราะเคยมีคนยิวอยู่เยอะ เนินเขานี้เป็นที่ตั้งสนาม Olimpic de Montjuïc ของเอสปันญอล ที่นี่คือสวนโอลิมปิกปี 1992 บรรยากาศโดยรอบสนามสโมสรเอสปันญอลหรือทีมนกแก้วเรียกตามตัวมาสคอต ดีกว่าทีมใหญ่ร่วมเมืองเยอะ ต้นไม้เขียวชอุ่ม อากาศสดชื่น [ขวา] สนามทีมเอสปันญอลเคยใช้ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกส์...บาร์เซโลนา 92


[ซ้าย] ชื่อสโมสรเจ้าของสนาม [ขวา] หันคอไปอีกด้านก็เห็นชื่อเต็มของสนามนี้


สนามของทีมน้องอยู่ใกล้ทะเลบนเนินเขาเขียวชอุ่มร่มรื่น ส่วนสนามพี่เบิ้มอยู่เหนือขึ้นไปนิด [ซ้าย] ตู้ขายตั๋วเข้าชมสนามของพี่เบิ้ม [ขวา] ซื้อแล้วก็หันหลังกลับเดินเข้าประตูนี้ ทุกที่ให้หูฟังฟรี ทีมน้องเมสซี่คิดค่าหูฟัง 3 ยูโร เลยถามซะเรยว่า Camp Nou อ่านยังไง ซินญอร่าบอกว่า "กัม เนา"


[ซ้าย] จ่ายเงิน รับหูฟัง แล้วก็เดินทะลุออกไปประตู 17 [ขวา] เริ่มโดยเดินลงไปดูสนาม


[ซ้าย] ขวามือของชานพักบันไดทางลงไปสนามจะเป็นโบสถ์เล็กๆ [ขวา] บาร์เซโลนาเมืองแห่งดีไซน์ ไม้กางเขนในโบสถ์เล็กๆของบาซ่าก็มีดีไซน์


[ซ้าย] ส่วนฝั่งซ้ายของชานบันได ถัดโบสถ์ขึ้นมานิดหนึ่งจะเป็นห้องส่งของบาซ่าทีวี เรียกว่ารายงานติดขอบสนามกันเลย [ขวา] “กัม เนา” หรือ คัมป์นู สำหรับคอบอลนอกแดนกระทิงดุ ที่เห็นกันในทีวีทุกเสาร์-อาทิตย์


หลังจากเดินชมสนามสองคนกับไกด์ในบิลเบา สนามนี้มีเพื่อนร่วมเดินชมเป็นร้อย 80% คือแฟนบอลอังกฤษ บางคนมาแล้วเมื่อวาน วันนี้มาอีก...ได้ยินเขาคุยกันตอนยืนรอซื้อตั๋ว [ซ้าย] แต่มุมนี้เงียบสงบ ทางเข้า lounge VIP [ขวา] ถ้าเห็นปธ. Laporta เดินออกไปนั่งช้ากว่าคนอื่น คงแช่อยู่แถวนี้แหละ


[ซ้าย] จ่ายแค่ 11 ยูโรก็ได้เห็นวิวเดียวกับปธ. ต่างกันตรงเราเห็นแค่สนามโล่งๆ และคำขวัญประจำทีม "More than a Club" [ขวา] ห้องกระจกของนักข่าว สามารถเห็นรูปเกมได้ชัดเจนขณะรายงาน


[ซ้าย] ห้องประชุมนักข่าว [ขวา] ส่วนห้องนี้อยู่ข้างหลัง นักฟุตบอลจะยืนหลังราวโค้งด้านผนังสีฟ้าที่คั่นยาวตลอด นักข่าวจะออถามคำถามอยู่อีกด้าน


[ซ้าย] ทางลงไปห้องนิทรรศการหมุนเวียนและมิวเซียม หลังเสร็จจากชมสนาม [ขวา] Barca art


นิทรรศการหมุนเวียนที่กำลังจัดแสดงคือรูปถ่ายจากสื่อต่างๆในยุคต่างๆ [ซ้าย] อดีตเบอร์ 10 บาซ่ากับคุณแม่ [ขวา] เบอร์ 10 คนปัจจุบัน หลอกล่อจนอีกฝ่ายหนีบกลัวเสียฟอร์มโดนเตะบอลลอดขา


อายุของ memorabilia ฟุตบอลบางชิ้นที่นำมาจัดแสดง เรายังไม่เกิดเลย



ทีมบาสฯของบาซ่าก็เจ้าพ่อถ้วยรางวัล


[ซ้าย] เข้ามาในส่วนของฟุตบอล แต่ละชื่อที่พะหลังเสื้อ [ขวา] ขนาดไม่มีชื่อติดก็รู้ว่าเสื้อใคร สองเบอร์นี้เป็นเพื่อนซี้กัน เยอรมันกับอาร์เจนติน่า ชวนกันไปทุ่มถ้วยรางวัลคริสตัสจนแหลกคาห้องโทรฟี่มาแล้ว


แต่ก็ยังเหลือโทรฟี่....โทรฟี่อีกเยอะให้นำมาจัดแสดง


[ซ้าย] ป้ายจารึกวันเดือนปีที่เปิดและชื่อปธ.ผู้ริเริ่มทำมิวเซียมเอฟซีบาร์เซโลนา [ขวา] นักเตะบาซ่าในอดีตและปัจจุบัน


มาจบที่เมกะสโตร์ซึ่งมีสินค้าทุกชนิด บาซ่าเป็นร้านเดียวที่รูดการ์ดแล้วไม่ขอดูพาสปอร์ต ไม่สนอะไรเลย ขายอย่างเดียว และพี่ปูกัปตันคนเก่ง รับหน้าที่บอกทาง และโฆษณานัดที่กำลังจะฟาดแข้ง ค่าตั๋วเริ่มจาก 30 ยูโร นัดนี้สนุกซะด้วย


นายแบบเหยินเสน่ห์ทางฝั่งซ้ายและนายแบบหน้าเป๋อเหลอทางฝั่งขวา


ขยับมากลางประเทศสักนิด ไปยลอีกสองสนามของทีมใหญ่คู่กัดประจำเมืองหลวง สนามสโมสรแอตเลติโก้ มาดริดของพี่เฝอหาไม่ยาก ลงเมโทรสาย 5 (สีเขียวอ่อน) [ซ้าย] ขึ้นสถานี Piramide ก็เจอป้ายนี้เลย เดินอีกนิดตามลูกศร [ขวา] สนามของทีมตราหมีอยู่ทางฝั่งใต้ของเมือง


[ซ้าย] เมกะสโตร์สีแดงสวยเด่น เข้ากับเกาะกลางถนนโดยไม่ตั้งใจแน่นอน [ขวา] นายแบบหน้าร้าน


[ซ้าย] เดินเลยไปทางเข้ามิวเซียม แต่ปิด มุดเดินลงไปเจอร้านอาหารก่อนเห็นห้องขายตั๋ว ตกแต่งสีดำแดงเท่มาก คนแน่นเอี๊ยด นึกว่าเข้าผิด แงะ...ไม่กล้าถ่ายรูปร้านอาหาร แต่สวยมั่ก [ขวา] เลยได้แต่เดินกลับขึ้นมา ชะแว้บเข้าประตูอันตรายที่อยู่ข้างๆ แหะๆ หมดไปหลายตังค์ฮ่า


[ซ้าย] ชอบเสื้อทีมตราหมีมากกว่าเสื้อทีมรักของเราเสียอีก เป็นเสื้อเยือน กราฟฟิกสวยแต่ไม่ใช่ขาวแดง (rojablanco) สีประจำของทีม [ขวา] Estadio Vicente Calderón ใกล้ๆอีกที


จากนั้นก็ไปยลสนามเศรษฐีที่ฝั่งเหนือของเมือง ขึ้นจากเมโทรก็เห็นเลย


[ซ้าย] เดินลัดลานจอดรถไปซื้อตั๋วที่หน้าต่าง 10 [ขวา] แล้วก็เดินเลียบไปเข้าประตู 20 เพื่อเริ่มทัวร์


[ซ้าย] มุดผ่านประตูก็ขึ้นลิฟท์แก้วไปอัฒจรรย์ส่วนบนสุดเพื่อดูสนามจากมุมสูงก่อน (ให้สังเกตว่าบาซากับเรอัล มาดริดจะทำกลับกันทุกอย่าง) [ขวา] โคตรทีมแห่งศตวรรษที่ 20


เรอัล มาดริดจะเริ่มโดยให้ดูมิวเซียมก่อน เริ่มด้วยชั้นจัดแสดงถ้วยรางวัลและ memorabilia กีฬาทุกชนิดของราชันนอกเหนือจากฟุตบอล เรอัล มาดริดจะเน้นความสว่าง ขณะที่มิวเซียมของบาซ่าจะตกแต่งแบบสลัว อึมครึมตามความรู้สึกของ Blaugrana (สีน้ำเงิน-แดงเลือดหมู)




[ซ้าย] โปสเตอร์ 100 ปีสโมสร [ขวา] ถ้วยรางวัลของทีมบาสฯ


ตามทางเดินด้านนอกจะมีรูปขนาดใหญ่ของบรรดาเทพเรอัลแต่ละยุคสมัยติดผนังเป็นช่วงๆ [ซ้าย] จอมโขกบรรลือโลก [ขวา] คนนี้เทพของจริงเพราะเขาไม่อยู่กับเราแล้ว


[ซ้าย] ประตูลงไปอัฒจรรย์หน้าห้องโทรฟี่ทีมฟุตบอลที่แยกพื้นที่ลงมาครอบครองทั้งชั้น [ขวา] ทางเข้าห้องถ้วยรางวัลของทีมฟุตบอล


ชอบมุมนี้ เ่ท่ดี รายชื่อนักฟุตบอลเรอัล มาดริดในอดีตและปัจจุบัน สำหรับ exhibition design เรอัล มาดริดได้คะแนนมากกว่าบาซ่า [ซ้าย] มองทางนี้เป็นโลโก้ [ขวา] เดินผ่านไป หันกลับ เป็นชื่อสโมสร


[ซ้าย] ตู้ถ้วยซูเปอร์โคปาเอสปาน่า 7 สมัยเป็นตู้เล็กที่สุดบนชั้นนี้ [ขวา] ส่วนห้องเก็บถ้วยแชมป์ลีก้าต้องแยกจัดวางเป็นสองฟาก เพราะมีเยอะมาก


[ซ้าย] ถ้วยแชมป์ลีก้า ดูกันใกล้ๆ [ขวา] ถ้วยที่ราอูลแบกกลับจากไทยแลนด์ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนสุด


แต่ห้องขุมทรัพย์ใช้ข่มทับคู่กัดเอล คลาซิโก้ ก็ต้องมุมนี้แหละ นับเองกี่ถ้วยที่ได้ครอบครองแบบถาวร


[ซ้าย] ตู้จัดแสดงเกือกคู่ใจของนักเตะของทีมปัจจุบัน ชื่อบนคือตู้บน ชื่อล่างคือตู้ล่าง


[ซ้าย] สตั๊ดของเอลกะปิตัน [กลาง] จอมโขกประจำทีม [ขวา] คนนี้ใส่เกือกอะไรก็ได้ ถุงมือสำคัญกว่า

[ซ้าย] อาร์เจนติ๊หน่าคนนี้เลือกสีแดง [กลาง] อาร์เจนอีกคนขอสีขาว [ขวา] รองเท้าเหลืองของเบอร์ 10 บราซิล ของจริงเหลืองอ๋อย

ขอนินทาว่าตรีนใหญ่สุดคือเอเมอร์สัน รองลงมาคือพี่ม้า เห็นไกลๆนึกว่าพาย ตรีนยักษ์จริงๆ จบจากมิวเซียมก็ได้เวลายลสนาม อะไรที่บาซ่าให้ดู เรอัล มาดริดก็ไม่ให้ดู เช่น Vip lounge, ห้องกระจกของสื่อ ได้แต่ส่องเข้าไปดูจากภายนอกบนอัฒจรรย์ เบอร์นาบิวไม่มีโบสถ์ หรืออาจจะมี แต่พอบาซ่าให้ดู ราชันเลยไม่ให้ดูก็อาจเป็นได้

[ซ้าย] กล่องแก้วยาวๆคือที่นั่งวีไอพี [กลางและขวา] สนามและอัฒจรรย์จากมุมมองของกาซิยาสที่ปากประตู


[ซ้าย] ที่นั่งของประธานและแขกวีไอพี [ขวา] มุมมองของกัลเดรอน


[ซ้าย] ที่นั่งข้างสนามของโค้ชและทีมสำรอง [ขวา] บันไดทางลงจากห้องแต่งตัวก่อนเข้าสนาม กรุหินอ่อน ปูพรมอย่างหรู


[ซ้าย] แต่เราใช้เดินย้อนขึ้นไปดูห้องแต่งตัว [ขวา] มีอ่างน้ำ jacuzzi ให้ด้วย บาซ่าก็มี เป็นสระกลมแต่ไม่ใส่น้ำจัดให้น่าถ่ายรูปแบบนี้


[ซ้าย] ห้องประชุมนักข่าวจะอยู่แยกอยู่อีกตึกใกล้ๆ [ขวา] แล้วก็มาจบที่ tienda แปลว่า shop


ลำดับต่อไปก็สนามของทีมรัก ขึ้นเที่ยวบินมาดริด-บาเลนเซีย 45 นาทีในวันรุ่งขึ้น ตอนลดระดับลงเหนือเมือง เห็นเมสตาญาเด่นเป็นสง่า ไม่ได้ถ่ายรูป แอร์ห้าม ดันนั่งตรงข้ามเรา ว่าจะถ่ายเป็นหนังไว้ซะหน่อยอดเลย

[ซ้าย] ชม.แรกๆในบาเลนเซียก็หายนะซะแร้วสำหรับเรา ร้านนี้อยู่ในเมือง ไม่ไกลจากโรงแรม [ขวา] สนามเมสตาญาเดินจากตัวเมืองเก่าราว 40 นาที อากาศเย็นสบาย ไม่เหนื่อย เลยเลือกเดิน ถ้าขี้เกียจเดินก็ขึ้นรถเมล์สาย 71 จาก Placa de Reina กลางเมือง วิ่งผ่านหน้าสนาม หรือลงรถไฟใต้ดิน ขึ้นสถานี Aragon เดินนิดเดียวถึง


พอเห็นเมสตาญ่าก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสโมสรขายสนามเป็นเงินมหาศาล ยกประวัติศาสตร์บาเลนเซียให้เทศบาลทุบทิ้งทำศูนย์การค้าและคอนโดมิเนียมในอีกไม่นาน เอสตาดิอยู่กลางเขตเมืองใหม่ พูดง่ายๆคือทำเลทอง ติดขอบเขตเมืองเก่าแค่ขับรถข้ามสะพานเหนือสวนสาธารณะ Turia อีกอย่างที่เพิ่งรู้คือที่มาของชื่อเมสตาญ่า สมัยก่อนจะมีคลองระบายน้ำใหญ่มากชื่อเมสตาญาซึ่งอยู่ใกล้ทำเลที่ตั้งสนาม ปัจจุบันคลองถูกถมไปพร้อมกับแม่น้ำ Turia แม้คลองเมสตาญากับแม่น้ำจะหายไปแล้วแต่ชื่อยังคงไว้

และก็มีแต่สนามของทีมรักตูนี่แหละ โคตะระขี้เกียจ ไม่มีเข้าชมห้องโทรฟี่ ไม่มีทัวร์ อยากยลข้างในต้องซื้อตั๋วเข้าไปดูเกม อย่างไรก็ตาม เจ้าของบลอคฉวยโอกาสเท่าที่มี เมียงมอง ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกว่ามาถึงแล้ว

[ซ้าย] รูปนี้ถ่ายจาก Placa Valencia CF หน้าสนาม [ขวา] ชื่อเห็นไม่ค่อยชัด น่าจะทำเป็นสีส้มตัวโตหนาๆ


Estadi Mestalla สร้างในปี 1923 เริ่มโดยจุแฟนบอลได้ 17,000 คน เพิ่มเป็น 25,000 คนในปี 1927 จากนั้นก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตลอด (เพิ่งทราบว่าเมสตาญ่าแห่งนี้เคยใช้เป็นที่หลบภัยของประชาชนระหว่างที่สเปนมีสงครามกลางเมือง) สนามเพิ่มความจุเป็น 45,000 ในยุคห้าสิบ ปัจจุบันจุแฟนบอลได้ 55,000 เบ็ดเสร็จอายุถึงขณะนี้ก็ 70 กว่าปี แต่จะไม่ได้ฉลอง 100 ปีเพราะสนามใหม่กำหนดเปิดปี 2009 สภาพสนามก็เก่าตามอายุ ดูภายนอกก็เหมือนสนามกีฬาเก่าแก่ทึมๆทั่วไป บอกตรงๆว่าไม่สวยเลย เคยอ่านเจอในฟอรั่มที่เข้าประจำ แฟนบาเลนเซียเจ้าของเมืองบอกสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆภายใน สู้สนามสมัยใหม่ไม่ได้ ไม่ว่าจะต่อเติมซ่อมแซมยกเครื่องแค่ไหน เพราะระบบบางอย่างก็ใส่เข้าไปยากในอาคารอายุเท่านี้ ดังนั้นถึงแฟนบอลส่วนใหญ่จะเสียดายเมสตาญา หลายคนยินดีกับสนามใหม่ที่จะย้ายไปนอกเมืองอีกนิด แต่เพียบด้วยความทันสมัย ล้ำยุค ความสะดวกสบาย สร้างบนที่ดินผืนใหญ่ที่ปธ.คนหนึ่งของทีมค้างคาวมองการณ์ไกล กว้านซื้อไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ตั้งแต่ราคาที่ดินแถวนั้นถูกมาก ตอนนี้พุ่งขึ้นหลายเท่าตัว นอกจากสนามใหม่ที่จะจุคนเพิ่มเป็น 7 หมื่นกว่า ยังจะมีสนามฝึกซ้อมและศูนย์กีฬาให้ชาวเมืองบาเลนเซีย และเมสตาญ่าก็จะกลายเป็นอดีตเมื่อทุกอย่างแล้วเสร็จ

ขอไว้อาลัยล่วงหน้า ไม่รู้จะได้เจอกันอีกไหมก่อนเธอกลายเป็นเศษอิฐเศษปูน วันอำลาเมสตาญ่าคงเป็นวันยิ่งใหญ่วันหนึ่งของเหล่าสาวกค้างคาวอย่างแน่นอน...เศร้า

หลังจากยืนไว้อาลัย 1 นาที ก็รี่เข้าแฟนช็อปทันที อิ อิ...ซื้อต่อ เผื่อมีของที่ร้านในเมืองขายหมดแล้ว

[ซ้าย] มุมนี้ถ่ายจากหน้าร้าน มองเห็นอัฒจรรย์บางส่วน [ขวา] แฟนช็อปหน้าสนามตรงข้ามพลาซ่า ฆัวคินยืนเรียกอยู่นั่น ขอแวะเข้าก่อน ความหายนะเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ แต่สุขใจได้ของ


ห้องตั๋วเริ่มขายบัตรนัดแข่งยูซีแอลวันที่ 10 แต่เราอยู่ไม่ถึง มันญาน่า มันญาน่า...อีกครั้ง [กลาง] ด้านข้างก็น่าเกลียด แต่แนวต้นไม้สวย


[ซ้าย] ด้านหลังสนาม ต้องเอารูปมหึมาของคนหล่อมาปิดความน่าเกลียด พี่ไอร์มาหนุ่มหน้าหวานยังไม่ไปไหนนะน้องๆ รู้ล่ะซิว่ามีคนคิดถึง น่ารักที่ซู้ด [ขวา] ความหายนะ (ของกระเป๋าเงิน) ... งามๆทั้งนั้น


จบทัวร์สนามฟุตบอลดังเมืองกระทิงดุค่ะ โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ถ้ามีวาสนาได้ไปสเปนอีกครั้ง จะหาโอกาสเข้าไปชมการแข่งขัน ดูแข้งระดับโลกตัวเป็นๆในสักสนามสองสนาม

ถ้าอยากเที่ยวที่อื่นของสเปนที่ไม่ใช่สนามฟุตบอล เิชิญบลอค Hola Espana ค่ะ

... adiós


Create Date : 28 พฤษภาคม 2550
Last Update : 28 พฤษภาคม 2550 16:56:14 น. 8 comments
Counter : 7138 Pageviews.

 
ได้ดูแบบเต็มอิ่มเลยครับ
ขอบคุณมากนะครับที่นำภาพมาแบ่งปันกัน


โดย: sak (psak28 ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:04:33 น.  

 
สวรรค์ของคนชอบฟุตบอลแต้ ๆ ลูกเล็กเด็กแดง บร้าบอลกันไปโม้ด ข้าวปลาไม่กิน อิอิ ดูกันตาแฉะเรยจิ ฮ่า

ชอบ Camp Nou ที่ซู้ดด ก็บ้ิานเราเองนี่น่ะ ฮี่ ๆๆๆ


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:30:25 น.  

 
emoemoemoemoemo

คุณ la liga fan ยังไม่ลบรูปดอรี่ทิ้งอีกเหรอคะ ลบเถอะค่ะ ท่าจะหนักมาก....แต่ว่าเอาไว้ก่อนก็ได้ รีบไปอวยพรวันเกิดน้องราฟากับดอรี่ก่อนดีกว่าค่ะ ที่บล็อกของดอรี่นะคะ


โดย: Dory (conejodulce ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:11:07:52 น.  

 

คุณ la liga fan (มีชื่อเล่นไม๊อ่ะคะ? ) ไปเชียร์น้องราฟากันไม๊คะพรุ่งนี้ อยู่กรุงเทพรึเปล่าคะตอนนี้ เมื่อวานดอรี่ไปเชียร์กับ น้าแป๋วแหวว มาค่ะ เชียร์แล้วน้องชนะก็เลยจะไปกันอีก ดูบรรยากาศงานเมื่อคืน คลิ๊กที่นี่ค่ะ

หวังว่าจะได้ไปเชียร์น้องด้วยกันนะคะ


โดย: Dory (conejodulce ) วันที่: 9 มิถุนายน 2550 เวลา:21:14:43 น.  

 
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ Real Madrid ได้แชมป์ La Liga แล้นนนน เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
emoemoemoemoemoemo


โดย: Dory (conejodulce ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:21:58:31 น.  

 
เอ้ย เลือกอีโมผิด ต้องเป็นอันข้างล่างนี้ค่ะ แหะ ๆ emo
emoemoemoemoemoemoemoemoemoemo


โดย: Dory (conejodulce ) วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:22:01:06 น.  

 
บาร์เซร้อนโคตร ๆ แวะมาบ่น อิอิ เห็นข้างบนเชียร์นาดาลตรูดงอนกัน หมีก็ชอบ ฮ่าาาาาาาาาาา


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:14:52 น.  

 
ดีจ้า แวะมาเยี่ยม อิอิ ทริปหน้าไปไหนต่อจ๊ะ เก็บตังค์ไปเที่ยว ๆๆๆ


โดย: ไ่่ก่ย่างคุกกี้กรอบหมีชอบหมด วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:5:09:39 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

la liga fan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อย่าฟังความข้างเดียว เหรียญมีสองด้าน

ไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าเราไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อน

A rich man is not one who has the most, but one who need the least.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add la liga fan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.