Claudio CANIGGIA ...... through Diego's eyes

ชอบมาราโดนา แต่รักคานิคเกีย ไม่รู้ทำไม ถูกสเปคอย่างแรง เห็นปั๊บก็ปิ๊งเลยคนนี้ ผมยาวมาดดาราร็อค เท่ระเบิด แบ้ดบอย (นั่งข้างสนามก็ใบแดงได้) วิ่งเร็วเป็นลมกรด สุดยอดจอมจบสกอร์คนหนึ่งของเกมฟุตบอล

นี่เป็นเรื่องราวเล็กน้อยเกี่ยวกับเขา ....จากมุมมองและการบอกเล่าของมาราโดนา เพื่อนรุ่นพี่ในทีมชาติที่ชื่นชมเขามาก และถ้านักฟุตบอลระดับนี้ปลื้มเขาขนาดนี้ คานิคเกียไม่ธรรมดาแน่ มาราโดน่าพูดถึงคนที่จะมาเป็นคู่ใจบนสนาม และหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาที่ยังคบหากันมาจนถึงปัจจุบัน ไว้ใน “เอล ดิเอโก้” หนังสืออัตชีวประวัติของเขา

------------- ตัดจากที่แปลไว้ เฉพาะตอนที่มาราโดนาเล่าถึงคานิ “อ้ายน้องรัก” ....เริ่มจากโคปา อเมริกา 87 -------------



...สิ่งดีเพียงอย่างเดียวของเกมนั้นคือผมได้รู้จักคานิ ... เคลาดิโอ พอล คานิคเกีย ตูร์โก้น้องชายของผมได้ฝึกซ้อมฟุตบอลกับเขาและโอ่ถึงเขาไม่หยุด ดังนั้นผมบอกทันทีที่เห็นหน้าเขา “ผมรู้จักคุณดีเลยนะ ผมว่าเราต้องเข้าขากันได้แจ๋วแน่” แต่บิลาร์โดส่งเขาลงไปแทนซิวิสกี้แค่ห้านาทีก่อนจบเกม ผมบอกได้ทันทีว่าผมจะต้องสู้หัวชนฝาเพื่อคนนี้อีกแล้ว สำหรับผมแล้วคานิคือ ... เขาคือสหายคู่ใจ

…..ผมป่วยหนักจนไม่สามารถไปร่วมฉลองครบรอบหนึ่งปีแชมป์โลก’86 ผมไม่ได้ฝึกซ้อมแต่ผมก็ลงเล่นในนัดที่สองกับเอควาดอร์ เราถล่ม 3 – 0 และในที่สุดบิลาร์โดก็ตัดสินใจส่งคานิคเกียลงเล่นในครึ่งหลัง คานิเล่นได้เยี่ยมยอดแต่บิลาร์โด ... ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคาร์ลอสไม่ยอมรับเขา แฟนบอลต้องการเขา แฟน ๆ ทำป้ายติดบนอัฒจรรย์ที่บอกว่า ‘บิลาร์โดอย่าทำอย่างที่เมนอตติทำกับมาราโดน่า ส่งคานิคเกียลงไป’ ข่าวดีคือเราผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ แต่ข่าวร้ายคือไข้หวัดใหญ่ของผมลามเป็นโรคหลอดลมอักเสบมีไข้ขึ้น ผมเจอแต่เรื่องซวย

ผมลงดวลแข้งกับปารากวัยโดยป่วยมีไข้ขึ้นแบบนี้แหละ แต่อย่างน้อยผมก็อุ่นใจที่มีคานิคเกียอยู่เคียงข้าง ฟรานเชสโกลิและลูกทีมของเขาเฉือนชนะเรา 1 – 0 และมันก็จบลงสำหรับเรา อาร์เจนตินาไม่ได้เข้าไปชิงแชมป์โคปา อเมริกา เราต้องไปชิงที่สามและผมไม่เคยชอบชิงตำแหน่งรอง จะชิงอันดับสามไปทำหอกอะไร เราลงเล่นเพราะเราเคารพแฟน ๆ แต่สปิริตของเราแหลกเหลวไม่มีดี โคลอมเบียชนะเรา 2 – 1 ในสนามโมนูเมนตัลที่แปลกมาก ผมคิดว่าทุกคนที่อยู่ในสนามจะไม่ลืมวันนี้แน่นอน หมอกลงจัดมากจนผมมองไม่เห็นประตูที่คานิยิงในช่วงทดเวลา ผมคิดว่าภาพพจน์ทีมชาติโคปา อเมริกาชุดนี้ยังคงถูกห่อหุ้มอยู่ในหมอกหนานั้น ... ความรู้สึกผิดหวัง ความล้มเหลว ถึงเราจะไม่ได้เล่นเลวร้ายขนาดนั้น

...เราเตรียมลุยโคปา (89) กันเต็มที่ นี่คือหนึ่งในความฝันของผม มันคล้ายได้กลับไปเล่นในโคปา ลิเบอร์ตาดอเรสให้โบคา มันยังมีความสำคัญในแง่ที่ว่าผมเชื่อว่านี่จะเป็นการช่วยเตรียมทีมเพื่อลุยอิตาเลีย’90 ผมเชื่อมั่นในคานิคเกีย เขาเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บในเวโรนา คานิยังเด็กมากและถูกปฏิบัติอย่างไม่ดีนักทั้งในและนอกสนาม เขาต้องมาเป็นแพะรับบาปเหมือนผม คนกล่าวหาว่าเขาค้ายาทั้งที่สิ่งเดียวที่เขาขาย – และขายได้เก่งมาก – คือฟุตบอล ผมพูดสิ่งหนึ่งในตอนนั้นซึ่งผมขอยืนกรานเหมือนเดิม “ทำไมคนเห็นมันเป็นสิ่งเท่เวลานักรักบี้เมาเป็นหมา แต่ถ้านักฟุตบอลดื่มแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เป็นโคคาโคลา เขาจะถูกมองว่าเป็นอ้ายขี้เมา มันมีสองมาตรฐาน เลิกงี่เง่ากันเสียที ทุกคนจ้องหาเรื่องเคลาดิโอและมันทำให้ผมโกรธจริง ๆ” ผมพูดไว้เมื่อสิบปีก่อนและมันยังเป็นจริงจนทุกวันนี้ ผมว่าผมก็ไม่ค่อยโง่นะ

เราชวดแชมป์แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของผมหรือของทุกคนในทีม เราเริ่มได้ดี ชนะชิลี 1 – 0 เมื่อ 2 กรกฎาคมจากประตูของคานิคเกีย หลังจากนั้นเราเล่นได้สุดบู่ในนัดที่เจอเอกวาดอร์ บิลาร์โดอยากฆ่าเรายกทีมและเขามีสิทธิ์เต็มที่ เขาก่นด่าเรานานสองชั่วโมง ทั้งห้องเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น เราน่าสมเพชมาก



------------- Fast forward มาอิตาเลีย 90 อ่านเอาเองว่ามาราโดนาเชื่อมั่นในคานิคเกียขนาดไหน -------------

บิลาร์โดก็ไม่คิดจะเรียกคานิคเกีย ... อ้ายน้องรักของผม! แต่ผมยื่นคำขาดในกรณีของคานิ ถ้าคาร์ลอสไม่เรียกคานิคเกียติดทีมชาติ ผมก็จะไม่เล่นในอิตาเลีย ’90

...บ่ายวันพุธที่ 6 เราฝึกซ้อมแบบเอาเป็นเอาตายอย่างที่ผมชอบ บิลาร์โดเรียกเราไปกลางสนามเมื่อซ้อมเสร็จเพื่อบอกรายชื่อสิบเอ็ดคนแรก : คานิจะเป็นตัวสำรอง ทุกคนรู้ว่าผมอยากให้เขาเป็นตัวจริงแต่ผมปิดปากเงียบ ผมรู้ว่าถ้าคานิลงมาในครึ่งหลัง เขาจะสร้างความปั่นป่วนอันตราย ผมมีความเชื่อมั่นในตัวเขาสูงมาก

...นาทีเป็นตายใกล้เข้ามาทุกที ใกล้เวลาลงสนาม เราดวลแข้งกับคาเมอรูน นัดเปิดสนามศึกฟุตบอลโลกในวันรุ่งขึ้น วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน

....ผมเคยชินกับเหตุการณ์แปลกในฟุตบอล แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นสร้างความประหลาดใจและเจ็บช้ำให้ผม คาเมอรูนไล่เตะอัดเรา แต่พูดไปก็เหมือนแก้ตัว ยังไงก็ตาม มันเป็นปัญหาของกรรมการ : คนพวกนี้ดึงดันที่จะไม่คุ้มครองทักษะที่ถูกหยุดด้วยความรุนแรง นี่คือฟุตบอลโลกที่ควรเป็น ‘แฟร์เพลย์ เวิร์ล คัพ’ แต่มันเริ่มโดยพวกเขาไล่เตะพวกเราจนอ่วมอรทัย ผมเชื่อมาจนทุกวันนี้ว่าถ้าเราจบได้คมกว่านั้น นัดนั้นจะเป็นมหกรรมถลุงตาข่ายสำหรับเรา และถ้าคานิคเกียได้ลงมาตั้งแต่ต้น ... เรื่องราวจะเป็นคนละอย่าง

...เราฝ่าด่านเข้าไปถึงรอบชิง ความสุขในห้องแต่งตัวนั้นล้นหลามจนเราลืมปัญหาของเราไปชั่วขณะ โทษใบแดงและใบเหลืองของเราจะทำให้ไม่มีโอลาร์ติโกเชีย ไม่มีบาติสต้า ไม่มีจิอูสติ และไม่มีคานิคเกียในรอบชิงชนะเลิศ คานิโดนใบเหลืองคาดโทษที่สุดแสนจะงี่เง่า – ทำแฮนด์บอลที่กึ่งกลางสนาม ผมเชื่อมาจนทุกวันนี้ว่าจะไม่มีใครเอาชนะเราได้ ถ้าคานิคือหนึ่งในสิบเอ็ดคนบนสนาม



------------- นี่คือตอนท้ายเล่ม -------------

เคลาดิโอ พอล คานิคเกีย : ผมรักเขาเหมือนน้อง ทุกครั้งที่ผมเห็นเขา ผมรู้สึกว่าผมต้องปกป้องเขา ผมไม่เคยเห็นนักฟุตบอลคนไหนตบเกียร์เร่งสปีดความเร็วได้อย่างเขา คานิคือคนที่มาแทนที่ผมในหัวใจของแฟนบอล



รูปล่าสุดของสองคู่หูอันตรายแห่งทีมฟ้าขาว ถ่ายไว้หลังจากเป่ยจิงโอลิมปิกส์ 2008 จบลงไม่กี่วัน เมื่อมาราโดนาบินจากกรุงปักกิ่งมาหาลูกสาวกับลูกเขยในกรุงมาดริด และต่อไปหาเพื่อนรักที่ย้ายจากอาร์เจนตินามาปักหลักอยู่เมืองมาร์เบลลา สเปน


Create Date : 09 กันยายน 2551
Last Update : 9 กันยายน 2551 20:46:34 น. 0 comments
Counter : 1219 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

la liga fan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อย่าฟังความข้างเดียว เหรียญมีสองด้าน

ไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าเราไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อน

A rich man is not one who has the most, but one who need the least.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add la liga fan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.