รถไฟจอดเทียบสถานี Suidobashi ฉันตัดสินใจลงจากขบวนรถและวิ่งรี่ไปหาเจ้าหน้าที่สถานีเพื่อแจ้งความทันที หวังว่าหัวขโมยตัวดีคงไปไหนได้ไม่ไกล ฉันรัวภาษาอังกฤษใส่นายสถานีด้วยความตกใจ Excuse me, I just lost my JR rail pass in the train coming from Tokyo station this morning . Someone on that train might stole it. Please help me !!
แต่อยู่ดีดี ฉันเกิดปิ้งไอเดียขึ้นมาได้ วันก่อนที่ผ่านมาแถวนี้ ฉันจำได้ว่ามี Travel Service Center อยู่ตรงไหนซักแห่งภายในสถานีนี่แหล่ะ ที่นั่นต้องมีคนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างแน่นอน ฉันเดินวนหาทั่วสถานี เห็นป้ายเคาน์เตอร์ travel service อยู่ลิบๆ มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่ ฉันดิ่งตรงไปหาผู้หญิงคนนั้น เอ่อ...... Excuse me . Can you speak English ? ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง Yes . May I help you ?
ฉันได้กระดาษโน้ตมีข้อความเป็นภาษาญี่ปุ่นมา 2 แผ่น ผู้หญิงคนนั้นเขียนให้ฉันบอกว่า แผ่นแรกให้ยื่นให้กับนายตรวจตั๋วที่ประตูทางออกของสถานี ส่วนแผ่นที่ 2 นี้ใช้สำหรับติดต่อที่ เคาน์เตอร์ติดตามของหาย (Lost and Found ) และติดต่อนายสถานีของสำนักงาน JR Station ฉันทำตามที่เค้าบอกทุกประการ พอเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเห็นกระดาษโน้ตก็ยิ้มแล้วเปิดประตูพิเศษให้ฉันออก(ไป)จากสถานีทันที ไม่ต้องคุยให้เมื่อยมือ
จากนั้นฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์ Lost and Found แล้วก็ทำอย่างเดิม ฉันยื่นกระดาษโน้ตแผ่นที่ 2 โดยไม่ต้องเอ่ยปากซักคำ เจ้าหน้าที่ก็กุลีกุจอไปเปิดสมุดบันทึกดูประวัติอย่างขะมักเขม้น ซักครู่ใหญ่เจ้าหน้าที่เดินหน้ามุ่ยกลับมา และรัวภาษาญี่ปุ่นใส่ฉันอีกแล้ว
โดโมะ ชิสุกะ ไจแอนด์ แอ่นแอนแอ้น #&*%
ดูจากท่าทางประกอบโบกไม้โบกมือแบบนี้ แสดงว่าหาไม่เจอแน่ๆ ฉันเดินคอตกหมดหวังกลับมาที่สำนักงานของ JR Station เป็นความหวังสุดท้าย พร้อมยื่นกระดาษอันเดิม
ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะ อ่านไปก็ลุ้นไปด้วยว่า จขบ. จะสื่อสารกับนายตั๋วกันรู้เรื่องไหม
ท่ามกลางความโชคร้ายทั้งมวล หากลองมองให้ดี อาจเห็นหนทางสว่างซ่อนอยู่ ดิฉันเชื่อแล้วค่ะ