All Blog
|
meismeme : ลิบบาล์มบำรุงฝีปากแบรนด์ไหนที่เมเมรักที่สุด Jill Stuart , Sugar และ แบรนด์ของคนไทย Sacebo
ช่วงนี้มีโอกาสลองผลิตภัณฑ์ของ Sacebo เยอะมาก เลยเอามาเม้าท์ได้ วันนี้เลยเลือกหยิบลิบบำรุงมาเม้าท์ค่ะ ใครที่ติดตามเมเมจะรู้ว่าเมเมลองลิบบำรุงมาเยอะมาก ไม่ต้องนับแบรนด์ที่มีขายในเมืองไทย ในท้องตลาดบ้านเราทั่วไป เพราะบางแบรนด์ทำเมเมแพ้กระจุยกระจาย บางแบรนด์นำเข้าก็ยังใช้แล้วปากลอกตลอด เลยเป็นที่รู้กันว่า เมเมปากแห้ง มากๆๆๆจริงๆ และ ผิวปากก็แพ้ง่ายด้วยค่ะ หลังจากเสาะหามาเยอะแล้ว เลยได้เลือกสิ่งที่ใช้ประจำมาแล้วจากทุกแบรนด์ที่พอจะหาซื้อได้ คือ Jill Stuart และ Sugar และมีโอกาสได้ลองแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์ค่ะ Sacebo ทั้ง 4 แบรนด์ที่ว่า Jill Stuart Lip Balm N ขนาด 7 g ราคา 140 ดอลล่าฮ่องกง ตีเป็นเงินไทยประมาณ 560 600 ค่ะ สถานที่ซื้อ ค่อนช้างซื้อยาก ต้องซื้อที่ฮ่องกง หรือ ญี่ปุ่น หรือ ไต้หวันเท่านั้น สั่งซื้อออนไลน์ไม่ได้ แพคเกจ อมตะ เลอค่า คู่ควรกะสาวน้อยเจ้าหญิงมาก (ฮ่าๆๆ) ความเห็นของเมเม : เป็นลิปบาล์ม เคลือบบำรุงริมฝีปาก ทามากจะรู้สึกเหนียวหนึบๆ ทาแล้วห้ามพูด ห้ามอ้าปาก เมเมชอบทาตอนก่อนนอน เพราะทาแล้วตื่นเช้ามาปากนิ่มมาก โดยส่วนตัวถือว่าเป็นลิปสำหรับคนปากแห้งมากๆที่เอาไว้ทากลางคืนดีที่สุดค่ะ เมเมยังไม่เคยชอบลิปทาตอนนอนอันไหนไหนมากกว่าอันนี้เลย ทั้งกระปุกน่ารัก กลิ่นหอมอ่อนๆ แอบชิมแล้วก็อร่อยดีด้วย สีชมพูอ่อนๆ ทำให้ปากดูระเรื่อน่าจุ๊บยามเช้า ถ้าคะแนนเต็ม 10 เมเมให้ 8.5 หัก .5 ข้อหาซื้อยาก และ หักอีก .5 ข้อหาทามากเหนียวๆหนึบๆ หัก .5 เหนียว เปื้อนมือใช้ยากแต่เอาอยู่
Sugar Lip Treatment ขนาด 0.15 oz ราคา 22.50 USD สถานที่ซื้อ เว็บ Sephora หรือ ที่ Sephora //www.sephora.com/sugar-lip-treatment-spf-15-P57002 แพคเกจ พกพาง่าย ดูเรียบๆดี ความเห็นของเมเม : เห็นแว๊บแรก ดูเป็นลิปธรรมดามากชวนให้นึกถึงลิปมันราคาแท่งละไม่ถึงร้อย พอเปิดมา ดมกลิ่น เมเมว่ากลิ่นหอมคล้ายๆน้ำตาลผลึก (น้ำตาลในลูกอมรูปเท้าที่แตกในปากโป๊ะเป๊ะ) พอลองใช้ แอบผิดหวังอ่ะ ไม่ได้ทำให้ปากชุ่มชื่นเท่าที่ควร คนปากแห้งมากอย่างเมเมทานอนกลางคืนไม่ไหว ตื่นเช้ามาปากแห้งดังเดิม แต่ทากลางวันยอมรับว่าสะดวกดีค่ะ แต่ถ้าถามถึงความคุ้มค่า ด้านราคาและคุณภาพเมเมไม่รู้สึกว่าน่าซื้อค่ะ ไปใช้อันอื่นเถอะ เมว่าเสียดายเงิน ถ้าคะแนนเต็ม 10 เมเมให้ 4 หัก 1 ซื้อยาก หัก 2 ไม่ชุ่มชื่นมากเท่าที่คิด หัก 1 ราคาแพง หัก 3 ไม่ประทับใจเลย เสียดายเงินค่ะ SugarAdvanced Therapy
ขนาด 0.15 oz ราคา 25 USD สถานที่ซื้อ เว็บ Sephora หรือ ที่ Sephora //www.sephora.com/sugar-advanced-therapy-lip-treatment-P302103 แพคเกจ พกพาง่าย ดูเรียบๆดี ความเห็นของเมเม : ราคาอาจจะแรงไปสักนิด เพราะก็เกือบๆ พันในแพคเกจที่ต่างจากรุ่นออริจินอลแค่สี ใครที่ไม่ประทับใจอันนั้นอาจจะไม่ตัดสินใจซื้อ แต่เมเมลองเสี่ยงซื้อมาดู ให้โอกาสอีกครั้งหลังจากที่ด่าไว้เปิดเปิง เปิดมาดมกลิ่น เออ ก็เดิมๆแอบหวั่นเล็กๆกับคำว่าแอ๊ดว๊านซ์ซะแล้วล่ะ แต่พอได้ลอง ไม่ผิดหวัง ทากลางคืนตื่นเช้ามาปากอาจจะไม่นุ่มเท่าจิลค่ะ แต่ไม่แห้งเหมือนรุ่น ออริจินอล นับว่ายังไม่น่าเสียดายเงินมากนัก แต่มันจะเวิร์กมาก สำหรับทากลางวัน เพราะว่าทาแล้วไม่เป็นคราบขาวๆที่ปากหรือมุมปาก ทำให้ปากนุ่มได้ดี และมันพกพาสะดวก เอาออกมาทาได้ง่ายค่ะ เลยกลายเป็นลิปสุดเลิพที่เมเมรักและพกติดตัวไปซะงั้น มันแอ๊ดว๊านซ์กว่ารุ่นธรรมดาจริงๆน่ะ ถึงราคาจะแพงกว่านิดแต่เมว่าคุ้มค่าที่จะจ่ายหากว่ามันดีจริงๆ ถ้าคะแนนเต็ม 10 เมเมให้ 7 หัก 1 ราคาแพงไปกว่าปกติทั้งๆที่ปกติแพงแล้ว หัก 1 หาซื้อยาก คนรับหิ้วมักบวกเยอะ ลิปแท่งนิดเดียวบวกกัน 2-3 ร้อย (แอบบ่น ฮ่าๆ) หัก 1 เมไม่ค่อยพอใจกับราคาเลยจริงๆ เลยขอหักเพิ่มข้อหาที่เอาไปทากลางคืนไม่ได้ = =
Sacebo Lip Care Gel ขนาด 5 g. ราคา 250 บาท ซื้อได้จาก //www.facebook.com/sacebo11 แพคเกจ : แพคเกจขนาดจริงยังไม่เห็นค่ะเมเมได้รับเป็นขนาดทดลองมาลอง ความเห็นของเมเม : เนื้อลิปเป็นบาล์มกึ่งเจลใส เนื้อไม่หนักจนเรียกบาล์ม แต่ไม่เบาขนาดเจล เมเมเลยเรียกบาล์มกึ่งเจล กลิ่นเหมือนๆน้ำมันมะพร้าวแต่ไม่แรงเท่านะ กลิ่นเบากว่ามาก แต่หอมน่ากิน >< เนื้อลิบเบา ทาแล้วชุ่มชื่นดี ไม่เหนียวเหนอะหนะ แอบรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เคลือบผิวปากเท่านั้นแต่เหมือนมีส่วนผสมของสารบำรุงที่สามารถซึมเข้าไปบำรุงริมฝีปากได้ด้วย ถามเมเม เมเมชอบมั้ย ชอบเนื้อ ไม่ชอบกลิ่น เมเมว่าเหมาะกับเอาไว้ทาตอนหน้าร้อน หรือ ทากลางวันค่ะ สำหรับเมเมมันยังไม่สามารถทาแล้วรักษาความชุ่มชื่นของริมฝีปากได้ตลอดทั้งคืน ถ้าคะแนนเต็ม 10 เมเมให้ 8 หักกลิ่น เมเมไม่ชอบ ทาเยอะๆเมา 1 อาจไม่สะดวกใช้กลางวันเพราะต้องใช้มือควัก หักอีก 1 เมเมหวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยขน์กับสาวๆไม่มากก็น้อย (ยกเว้น Sacebo เมเมได้รับมาทดลองฟรีค่ะ)
[SR] Review : clear nose มากส์ดำลอกสิวเสี้ยนด้วย 3 ขั้นตอนง่าย ๆ แต่เริ่ดมาก
จริง ๆ คือเค้าเพิ่งมีงานเปิดตัวเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่เมเมไม่สามารถไปได้ค่ะ ทางแบรนด์เลยส่งผลิตภัณฑ์มาให้ทดลองใช้ ขอบคุณทางแบรนด์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เมเมว่าคงน้อยคนที่จะไม่มีสิวเสี้ยน เพราะสาวๆรวมทั้งหนุ่มๆส่วนมากก็มักจะมีปัญหาสิวเสี้ยนด้วยกันทั้งนั้น ปกติมากส์ลอกสิวเสี้ยนแบบอื่นๆที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาดเมเมลองมาหมดแล้ว และพบว่ามันลอกสิวเสี้ยนที่จมูกเมเมไม่ออกเลย พอทางแบรนด์ติดต่อมาว่าจะส่งมาให้ทดลองดู เมเมก็แอบอยากรู้ ว่าจะลอกสิวของเมเมออกหรือเปล่า ??? เรามาลองดูพร้อมๆกันค่ะ หน้าตาของ clear nose เป็นลักษณะกล่อง ๆ แบบนี้ค่ะ มีขายเฉพาะที่วัตสันเท่านั้น ภายในกล่องจะประกอบด้วย Step 1 : Magic Water น้ำมหัศจรรย์ที่จะ warm ผิวคุณให้อ่อนนุ่ม เพื่อพร้อมสำหรับการขจัดสิวเสี้ยน (ไม่ทำให้ผิวคุณแห้งกร้านหรือแสบร้อน) Step 2 : Japanese Secret Eraser Mask มาสค์ดำ หัวใจสำคัญสำหรับภารกิจการลอกสิวเสี้ยนของเรา Step 3 : Cotton Peel Off Sheet แผ่นคอดต้อนที่ออกแบบมาพิเศษ ผู้ช่วยสำคัญในการลอก สิวเสี้ยน ที่จะทำให้คุณต้องอึ้งกับผลลัพธ์ ที่เกินความ คาดหมาย ส่วนวิธีการใช้ ทำแบบนี้ค่ะ ล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด แล้วทา Magic Water ลงบนจมูกของเรา ทาให้ทั่วและชุ่มมากๆนะคะ หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1-2นาทีค่ะ ขวดเจ้า Magic Water แอบมีจุกปิดกันรั่วซึมออกมาให้ด้วย ออกแบบมาได้ใส่ใจลูกค้ามากๆ น่ารักจริงๆเราแอบปลื้มตรงนี้นิดนึงค่ะ เทออกมาใส่ฝ่ามือเราก่อนค่ะ เพราะครั้งแรก เทใส่จมูก (ด้วยความฉลาดน้อยไปนิด) Magic Water ไหลเข้าจมูกแทบเช็ดไม่ทันเลย หน้าเปลือยมาเชียว อิอิ ทาให้ทั่วนะคะ ให้จมูกเปียกๆเลยค่ะ ^^ ทิ้งไว้ 1-2 นาทีค่ะ รอ Magic Water ทำงานนิดนึง แล้วก็หยิบเจ้า สเต็บ 2 ออกมา นั่นก็คือ Japanese Secret Eraser Mask ค่ะ หน้าตาเป็นหลอดขาวๆแบบนี้ มากส์ดำจะเหนียวๆกว่ามากส์ดำของโคเซ่นะคะ แต่ก็ไม่ได้เกลี่ยยากอะไรค่ะ จากนั้นทาให้ทั่วบริเวณจมูกที่เราได้ทา Magic Water ทิ้งไว้เลยค่ะ ขั้นตอนสุดท้าย Step 3 : Cotton Peel Off Sheet แผ่นคอดต้อนที่ออกแบบมาพิเศษ ผู้ช่วยสำคัญในการลอก สิวเสี้ยน เป็นซองๆแบบนี้ค่ะ กล่องนึงมีมาให้ 8 ซอง บรรจุซองละ 1 ชิ้นค่ะ แกะซองให้ดูค่ะ แล้วก็แปะลงบนจมูก ตรงที่เราทามากส์ไว้ค่ะ ค่อยๆแปะให้เรียบนะคะ ยิ่งเรียบยิ่งทำให้แห้งไวและลอกสิวเสี้ยนออกมาได้ดียิ่งขึ้นค่ะ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งสนิท ประมาณ 15 นาทีค่ะ แล้วค่อยลอกออก ลอกโดยการดึงจากสองข้างมุมซ้าย ขวา ล่าง แล้วดึงย้อนขึ้นนะคะ แอบเจ็บนิดนึง แต่ทนได้ค่ะ เพื่อขจัดน้องสิวเสี้ยน T^T สิวเสี้ยนที่ลอกออกจากจมูกเมเมอาจจะเห็นไม่ค่อยชัดค่ะ เนื่องจากจะเป็นสิวเสี้ยนเล็กๆ ซึ่งอาจจะถ่ายรูปแล้วไม่ค่อยเห็น แต่สำหรับเมเม ถือว่าเป็นมากส์ที่ลอกสิวเสี้ยนออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่เคยลองใช้ของยี่ห้ออื่นๆที่มีขายมาเลยค่ะ ที่สำคัญ ใช้แล้วจมูกไม่แห้ง แดง หรือลอกเป็นขุยๆ สามารถแต่งหน้าได้เนียนกริบ ของเมเมอาจจะเห็นไม่ชัดอย่างที่บอกค่ะ เลยจัดการยืมจมูกน้องชายมาลอกให้ชมกันแบบแอบสยองนิดนึงค่ะ มาให้คะแนนผลิตภัณฑ์กัน แพคเกจ : เต็ม 10 ให้ 10 ค่ะ เมเมว่าเค้าออกแบบมาใส่ใจผู้ใช้มากๆ ค่ะ ความยาก ง่าย ของขั้นตอนในการใช้ : ให้ 9 เต็ม 10 ค่ะ จริงๆตอนแรกแอบคิดว่าจะยุ่งยากกว่านี้ แต่พอลองใช้แล้วก็ไม่ยากอย่างที่คิดไว้ค่ะ อาจจะต้องระวังตอนทา Magic Water สักนิดค่ะ เพราะอาจจะหกเลอะได้ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ : เมเมให้ 9.5 เต็ม 10 ค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นมากส์ที่ลอกสิวเสี้ยนออกมาได้สะใจที่สุดค่ะ แถมจมูกไม่ แดง แห้งเป็นขุยๆ หลังจากมากส์แล้วด้วยค่ะ ราคา : 375 บาทต่อ 1 เซต ใช้ได้ 8 ครั้ง (มีโปรโมชั่นที่วัตสันจนถึงเดือนกันยายนในราคา 275 บาทค่ะ) ปริมาณ : จริงๆแอบคิดว่าให้ Cotton Peel Off Sheet มาน้อยเกินไปค่ะ เพราะกะดูแล้วว่า Cotton Peel Off Sheet หมด 8 แผ่นแล้ว แต่ Magic Water และ Japanese Secret Eraser Mask คงใช้ได้ประมาณ 20 ครั้งเลยทีเดียว สรุปว่าเป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ปลื้มค่ะ ใครที่มีปัญหาสิวเสี้ยนมากวนใจ หาซื้อมาลองกันได้ที่วัตสันนะคะ ขอบคุณ clear nose ที่ส่งผลิตภัณฑ์ดีๆมาให้เมเมได้ทดลองใช้ค่ะ Disclaimer : Sponsor Content ขอบคุณที่เข้ามาชมบล๊อกของเมเมค่ะ ติดตามอัพเดตสิ่งใหม่ๆได้ที่ FB ของเมเมนะคะ [SR] Review : Tween HAB-5 คู่แข่งของ SkinCeuticals Hydrating B5 Gel ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเกินราคา
คลิปนี้เป็นคลิป Sponsored Review คลิปแรกของเมเมเลย tween HAB-5 คือ ?? ส่วนผสม Purified water, Hyaluronic acid, Pantothenic acid, Optiphen, Citricacid เลข อ.ย. 10-2-5503499 ขนาด 100 ml. ผู้ที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์นี้ 1. คนที่ผิวมันและเป็นสิวง่าย 2. ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงตัวอื่นแล้วสิวขึ้น 3. คนที่ผิวแพ้ง่าย ความคิดเห็นส่วนตัวของเมเม หลังจากทดลองใช้มา 2 สัปดาห์ เมื่อเทียบระหว่างTween HAB-5 และ SkinCeuticals Hydrating B5 Gel
รีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเมเมนะคะ สาวๆควรใช้วิจารณญาณในการอ่านและตัดสินใจ สิ่งที่ดีสำหรับเมเม ที่เมเมชอบ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับทุกคน ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรไปลองเทสดูก่อนค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาชมบล๊อกของเมเมค่ะ ติดตามอัพเดตสิ่งใหม่ๆได้ที่ FB ของเมเมนะคะ [Review] : StriVectin-SD™ Eye Concentrate for Wrinkles อายครีมที่คุ้มค่า คุ้มราคา น่าลงทุนในงบไม่เกิน 2,000 บาท
จากคลิปที่เมเมรีวิวรวบยอด ทุกสิ่งที่ใช้แล้วชอบใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา StriVectin-SD™ Eye Concentrate for Wrinkles ตัวนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งในหลายๆสิ่งที่เมเมชอบ แต่ ไม่มีขายในเมืองไทย (อีกแล้ว >O<"") เมเมซื้อมาในราคา 1,980 บาทถ้วนนะคะ ถ้าเพื่อนๆเจอใครขายแพงกว่านี้ก็ต้องพิจารณากันเอาเองค่ะ หน้าตาเจ้าอายครีมตัวนี้เป็นแบบนี้ค่ะ เปิดกล่องออกมา คู่มือคำแนะนำการใช้ ใบแนะนำผลิตภัณฑ์ เค้าจะมีซีลที่ตรงนี้นะคะ เมเมชอบแพกเกจเค้านะคะ บีบออกมาใช้ง่ายดี ก่อนเปิดใช้ ดูวันผลิตหรือวันหมดอายุข้างกล่องแล้ว อย่าลืมดูนะคะ ว่าผลิตภัณฑ์นี้ควรใช้ให้หมดหลังจากการเปิดใช้กี่เดือน เช่ย อายครีมตังนี้คือ 12 เดือนนะคะ เมเมจะเขียนวันที่เปิดใช้ครั้งแรกไว้ด้วยค่ะ เขียนแล้วแปะติดเอาไว้เลย เนื้อครีมเค้าจะมีลักษณะแบบนี้ค่ะ เมเมใช้มาได้น่าจะเกือบเดือนแล้ว ก็เห็นว่าเห็นผลที่ชัดเจนดีค่ะ ร่องริ้วรอยตื้นขึ้น รอยใต้ตาดูตื้นขึ้น ส่วนเรื่องแพนด้าไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่นะคะ เนื้อครีมซึมง่าย เกลี่ยไม่นานก็ซึมหมดแล้ว เลยสามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ แพ๊กเกจ : เมเมชอบแพกเกจเค้านะคะ ออกแบบมาให้ใช้ง่ายดี แล้วก็ไม่เปลืองที่วาง เนื้อครีม : ซึมง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ ปริมาณ : ถ้าคิดในราคา 2,000 บาทกับ 30 ml เมเมว่าเยอะมากค่ะ การหาซื้อ : ไม่มีขายในเมืองไทยค่ะ ต้องซื้อตามร้านพรีออเดอร์ ซึ่งก็ต้องระวังของปลอมด้วยนะคะ ความพึงพอใจ : เมเมพึงพอใจมาก ในราคาเท่านี้ คุณภาพแบบนี้ เหมาะสำหรับ : ผิวทุกประเภท และผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา สรุปว่าถ้าให้คะแนน เมเมให้คะแนนเต็มนะคะ สำหรับอายครีมตัวนี้ ซื้อมาแล้วรู้สึกคุ้มราคา คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ผลการใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และ ความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ซึ่งสาวๆต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจค่ะ เมเมหวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยขน์กับสาวๆไม่มากก็น้อย Disclaimer : Non Sponsor Content ขอบคุณที่เข้ามาชมบล๊อกของเมเมค่ะ ติดตามอัพเดตสิ่งใหม่ๆได้ที่ FB ของเมเมนะคะ [Review] : DiorSnow White Reveal UV Protection BB Cream SPF 50 PA+++
วันนั้นที่ทำกระทู้รีวิวแบบอัพเดตนานา(ไร้)สาระในสรรพสิ่งที่ใช้ 2-3 เดือนที่ผ่านมา แล้วก็มีคนถามถึง บีบีครีมของดิออร์ พอดีเมเมไปแอบสอยเทสเตอร์มาก่อนหน้านี้พอดี เนื่องจากกำลังคิดว่าถ้ากันแดดดิออร์ที่ใช้อยู่หมด จะซื้อกันแดดต่อ หรือซื้อบีบีมาลองดี หรือซื้อทั้งคู่ (ฮ่า) เท่าๆที่เมเมทราบมา คือบีบีครีมรุ่นนี้เค้ามีสีเดียวค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้ เมเมลองบีบออกมาให้ดูสีค่ะ ลองเกลี่ยดู เนื้อครีมเนียนไปกับผิวเลย แล้วก็ปรับสีผิวให้ดูเรียบเนียนมากขึ้นค่ะ ระดับการปกปิด บางเบา แต่ก็ยังถือว่าพรางรอยเล็กๆน้อยๆได้อยู่ แต่ถ้ารอยแผลเป็นอาจจะต้องใช้คอนซีลเลอร์เพิ่มอีกสักนิด เมเมลองให้ดูกับใบหน้า (หน้าเปลือย ๆ) เมเมใช้ปริมาณไม่มากค่ะ กับทั้งหน้า ลงบีบีครีมแล้วลงแป้งฝุ่นทับเฉยๆ ก็ปกปิดได้นิดหน่อย เหมือนกับทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้นมากกว่า อาจจะเหมาะกับวันสบายๆ ที่แสนจะขี้เกียจเลยทาสิ่งนี้เพื่อลดขั้นตอนในการแต่งหน้า (เพราะปิดรอยยุงกัดแดงๆที่แก้มไม่ได้) ทาบีบีตัวนี้ก็เหมือนกับทากันแดดนั่นแหล่ะค่ะ แต่เป็นกันแดดที่มีเบสปรับสภาพผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้นค่ะ เนื้อผลิตภัณฑ์ : เมเมว่าเกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ไม่หนาหนัก เบา สบาย คุมมัน : เมเมว่าคุมมันกลางๆค่ะ แต่คนผิวผสมก็ใช้ได้นะคะ แต่คนผิวแห้งคงต้องไปลองเทสก่อนเพราะอาจจะแห้งไป ทนเหงื่อ ทนน้ำ : ประสิทธิภาพบีบีตัวนี้คะแนนตกเรื่องนี้เลยค่ะ ไม่ทนเหงื่อ เหงื่อออกแล้วคราบมาเชียวแหล่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมผสมในผลิตภัณฑ์ ถ้าถามเมเมว่าจะซื้อมั้ย เมเมคงไม่ซื้อค่ะ เพราะการไม่ทนเหงื่อคงไม่เหมาะกับชีวิตเมเท่าไหร่ แต่ถ้าคนที่ไม่มีเหงื่อเยอะ ไม่มีรอยให้ปกปิดมากมาย ก็ไปลองเทสดูค่ะ เพราะว่าเค้าผสมน้ำหอม แนะนำให้เทสก่อนเสียเงินให้กับสิ่งที่เราจะซื้อจริงๆค่ะ ผลการใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และ ความพึงพอใจของแต่ละบุคคล ซึ่งสาวๆต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจค่ะ เมเมหวังว่ารีวิวนี้จะมีประโยขน์กับสาวๆไม่มากก็น้อย Disclaimer : Non Sponsor Content ขอบคุณที่เข้ามาชมบล๊อกของเมเมค่ะ ติดตามอัพเดตสิ่งใหม่ๆได้ที่ FB ของเมเมนะคะ |
meismeme
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] "คุณเสียอะไรที่คุณไม่เคยมีไม่ได้"
Friends Blog
Link |