Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

จัดหนักบุฟเฟ่ต์ที่ Salt // Pepper @CTW ผ่าน Hungry Hub



ฟินเต็มพิกัด จัดหนักไม่อั้นกับบุฟเฟต์อาหารฝรั่งสไตล์ฟิวชั่นร้าน Salt // Pepper ในราคา 690บาทnet เมื่อจองผ่าน Hungryhub (ถึง 31 ต.ค. 2017)









Salt/Pepper เป็นร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่นที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่ในโซน Atrium ชั้น 7ของ CTW ตอนนี้ทางร้านจัดบุฟเฟต์ร่วมกับ Hungry Hub เมื่อจองผ่าน Hungry Hub แล้วจะสามารถสั่งเมนู signature ได้คนละ 1 เมนู และสามารถสั่งอาหารอื่นๆอีกมากกว่า 40รายการได้ไม่อั้น โดยมีเวลาจำกัด 2 ชั่วโมง
รายละเอียดตาม link เลยครับ https://www.hungryhub.com/ayce/hh/saltpeppercentralworld


signature menu ที่จำกัดให้สั่งได้คนละ 1 จาน เราไปกัน3คน สั่งมา 3 อย่าง จานแรกคือ Pork BBQ Spare Ribs ซี่โครงหมูอบจนนุ่มเนื้อร่อนจากกระดูก รสหวานเค็มกำลังดี





ตามมาติดๆด้วย Triple B Burger ที่ใช้เนื้อวัวTajima Wagyu มาทำตัวเนื้อบดประกบ mocha bun หอมกลิ่นกาแฟอ่อน ๆ ไส้ในมีบลูชีสกับเบคอน และหัวหอมที่ผัดเคี่ยวจนออกรสหวาน







อีกจานเป็น Crispy Skin Salmon ปลาแซลมอนเค้าทอดมาหนังกรอบสมชื่อเมนู เสิร์ฟมากับ riso pasta ผัดซอสครีม





เมนูอื่น ๆ ได้ลองหลายจานอยู่ แต่ละจานไซส์ใหญ่เท่ากับเมนูปกติ เล่นเอาอิ่มกลิ้งกลับบ้านเลยทีเดียว ได้ลองมันฝรั่งทอดที่อลังการงานซอส ด้วย dipping แปลกใหม่จัดเต็มมาถึง 8 แบบ ได้แก่ พริกไทยดำ, มะเขืออบแห้ง, Dill, ketchup, ทาร์ทาร์ซอส, spicy mayonnaise, ซอสส้ม และซอสมายองเนสผักดอง เกือบทั้งหมดทำแบบ homemade ในร้าน






สลัด spicy tuna ที่ใช้ปลาทูน่ากระป๋องมาคลุกน้ำยำแบบไทย ๆ ไม่เผ็ดมากออกหวาน





Truffle Cream Soup ที่หอมเห็ดและรสกลมกล่อมกำลังดี เค้ารินลงจานให้ตอนเสิร์ฟที่โต๊ะด้วย งานนี้สายเทที่ชอบถ่ายรูป shot ตอนเทได้มีปลื้มครับ






 Korean Chicken Wings ที่ทอดมากรอบดีมาก ขนาดวางไว้สักพักยังกรอบอยู่เลย ซอสที่เคลือบเป็นซอสเกาหลีเค็มหวานเผ็ดจัดจ้าน





ปิดท้ายมื้อด้วยพาสต้าสักจาน คือ spaghetti bacon onsen egg เป็นสปาเกตตีผัดซอสสไตล์ญี่ปุ่นใส่เห็ดแล้วโปะไข่ลวกเยิ้ม ๆ คลุกให้เข้ากันแล้วทานอร่อยดีครับ





เป็นบุฟเฟ่ต์ที่คุ้มค่ามาก อิ่มแบบเนื้อหนังหนักแน่นมาเต็ม ไม่กั๊กของ ปริมาณต่อจานก็เหมือนสั่งทานปกติเลย ราคาของเมนู signature ที่สั่งได้ 1จานต่อคนนี่ ถ้ามาทานแบบปกติิอยู่ที่ 350-590B อย่างเช่น ซี่โครงหมูอบซอสBBQ นี่ก็จานละ 530B แล้ว เรียกได้ว่า บุฟเฟ่ต์ราคา 690B net นี่คือ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แนะนำอย่างแรงครับ


Salt // Pepper @Central World

Mon-Sun 11:00-22:00

094-249-0409




 

Create Date : 04 ตุลาคม 2560   
Last Update : 4 ตุลาคม 2560 0:25:03 น.   
Counter : 2060 Pageviews.  

Ichika 一花 Japanese Cuisine @Rembrandt hotel



วันนี้ได้มีโอกาสมาลองทาน omakase sushi ระดับพรีเมียมที่เพิ่งเปิดใหม่ ชื่อร้าน ว่า Ichika อยู่ในโรงแรม Rembrandt สุขุมวิทซอย18   



ร้านนี้เอาจริงเอาจริงจังมากๆในการเลือกเฟ้นวัตถุดิบมาทำซูชิ จริงจังแค่ไหนก็คิดดูว่าเค้านำเข้าวัตถุดิบมาจากญี่ปุ่นทั้งหมด บางอย่างเช่น พวก กุ้ง หอย ก็มาถึงร้านแบบเป็นๆ แล้วเลี้ยงต่อในตู้ปลาที่ร้าน ชนิดที่ว่า กุ้ง หอยยังว่ายน้ำอยู่เลยก่อนเราทานไม่ทันไร แบบนี้จะไม่สดก็ให้มันรู้ไป   







ตัวเชฟเป็นเชฟซูชิที่คร่ำหวอดในวงการอาหารญี่ปุ่นมานาน เตรียม sushi ให้เราได้ลิ้มลองในหลายรูปแบบ ร้านนี้ไม่มี a la carte เพราะอยากให้ลูกค้าได้ลิ้มลองประสบการ์รการทานอาหารแบบ Omakase ที่แปลตรงตัวว่าเชฟจัดให้นั่นเอง อาหารทั้งหมดจึงมาในรูปแบบคอร์ส โดยมื้อกลางวันราคาอยู่ที่ 1,700-3,700บาท และมื้อเย็นราคาอยู่ที่ 3,700-9,700บาท จำนวนคำของซูชิทุกคอร์สจะใกล้เคียงกันคือ ราวๆ10 คำ แต่ราคาที่เพิ่มมาก็จะทำให้ได้ปลาที่พรีเมียมกว่า และของทานเล่น/อาหารปรุงสุกในคอร์สก็จะเพิ่มทั้งจำนวนและความพรีเมียมของแต่ละจานด้วย






ผมได้ทานคอร์ส Fugenzo ในช่วงมื้อเย็น ราคา 4,700บาทต่อคน เชฟเปิดมื้อด้วยของทานเล่น คือ Toro Konbu เป็นปลาทูน่าส่วนท้อง (Toro) พันสาหร่ายหอมๆ เรียกน้ำย่อยได้ดีเลย





ตามมาติดๆด้วย ปลาMadai นึ่งซีอิ๊วที่ปรุงรสอ่อนหน่อยไม่เค็มจัด





และอีกจานแบบร้อนที่มาเรียกน้ำย่อย คือ ไข่ตุ๋นใส่ฟัวกราส์ กับทรัฟเฟิลหอมๆ รสเข้มข้น ไข่ก็เนื้อเนียนมากเลยครับ






appetizers ยังไม่หมดเท่านี้ ช่วงนี้ใกล้เข้าปลายปีแล้ว เชฟจัดวัตถุดิบฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาวมาให้ชิมได้แก่ Ankimo Tofu หรือตับปลา Ango แบบบดผสมเต้าหู้แล้วชุบแป้งทอดมาให้ทาน



แล้วยังมี Shirako หรือ ถุงสเปิร์มปลาคอดที่หอมมันด้วย ทานกับซอสเปรี้ยวและ momiji daikon (หัวไชเท้าขูดผสมพริกป่น) ตัดเลี่ยน






เข้าสู่ช่วงเวลาที่เรารอคอยกับ sushi ที่เชฟเตรียมซูชิให้เราทานโดยเรียงลำดับจากรสอ่อนไปหาเข้ม เริ่มด้วย ปลา Hamachi ที่รสหวานอ่อน ๆ และมันพอควร ทาโชวยุมาแล้วเสร็จสรรพไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม






คำที่สอง Madai แบบติดหนังมาด้วย อันนี้เชฟภูมิใจนำเสนอมากว่ามันสดกิ๊กแบบขั้นสุดจริง ๆ เลย หนังกรอบและแต่เคี้ยวง่าย คำนี้อร่อยเลยครับ





คำที่สาม Shima aji คำนี้ก็อร่อยหอมมันกำลังดี






คำที่สี่ Ika เชฟเอาเกลือหิมาลายันสีชมพูมาขูด พรมลงไปเพื่ิอปรุงรสเค็มอันนุ่มนวล และบีบยุซุตามไปหน่อยเพิ่มความหอม ช่วยดึงรสหวานธรรมชาติของปลาหมึก







มาถึงตรงนี้พวกเครื่องรสอ่อน ๆ หมดแล้วเชฟเลย พักลิ้นเราด้วยการเสิร์ฟห่อผักสาหร่าย ได้เแก่ ดอกขิง (Myoga) และหัวไชเท้าซอยละเอียด ปรุงรสด้วยบ๊วยดองออกเปรี้ยหวานเค็มกำลังดี ได้สัมผัสกรอบ ๆ ของผักหั่นฝอยและมีกลิ่นMyogaหอม ๆ ด้วย








ตั้งแต่คอร์สนี้เป็นต้นไป เชฟจัดข้าวซูชิผสมน้ำส้มสายชูสีน้ำตาลที่เรียกว่า akazu รสจัดจ้านกว่าน้ำส้มสายชูแบบใส เพื่อให้จับคู่กับเครื่องที่รสเข้มขึ้น

คำที่ห้า Hotate หรือน้องหอยเชลล์ที่เป็น ๆ อยู่ในตู้ปลาของทางร้าน หอยสดใหม่มาก เนื้อกรอบเด้งนิด ๆ และหวานมาก ปรุงรสออกเค็มหวานด้วยสาหร่ายปรุงรส คำนี้ยกให้ฟินเป็นอันดับต้น ๆ ของมื้อเลย






คำที่หก Kohada ปลาโคฮาดะ ที่ดองในน่้ำส้มสูตรเฉพาะของร้านนี้ รสเปรี้ยวออกจัดจ้านหน่อยเพื่อดับคาวปลา เชฟตัดรสด้วยไข่แดงที่คั่วมาเป็นผงแล้วโรยมาด้านบน ปรับรสให้กลมกล่อม





คำที่เจ็ด Akami หรือปลาทูน่าแบบไม่ติดมัน ตกแต่งด้วยทองคำเปลวอลังการ เชฟเสริมรสด้วยวาซาบิดอง และไข่ปลาคาร์เวียร์ ออกมาเค็มมันและหอมมาก





คำที่แปด Otoro หรือปลาทูน่าส่วนท้องcแบบมีไขมันแทรก หวานมันละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยว รสน้ำส้มที่จัดจ้านหน่อย ช่วยดึงความสมดุลของคำนี้ได้ดีเลย






จานต่อมานี่เป็น special ที่ทางเชฟจัดให้ครับ เพราะในคอร์สเองจะมีหลายอย่างที่ทางเชฟเตรียมให้นอกเหนือจากซูชิที่ปั้นเป็นคำ ๆ จานนี้เป็น Uni สองแบบ คือ หอยเม่นแบบแช่ salted water มา กับแบบสดที่แช่เย็นมา เสิร์ฟสองแบบเพืิ่อให้เราได้ลองความแตกต่างของทั้งสองแบบ ส่วนตัวผมคิดว่าแบบสดหวานกว่า แต่ทางแบบแช่น้ำเกลือจะทานง่ายกว่าสำหรับคนไม่ถนัดอุนิและ texture ก็จะแน่นกว่าหน่อย ๆ








คำที่เก้า กุ้งตัวใหญ่ยักษ์เนื้อกรอบหวาน ยังอุ่น ๆ อยู่หน่อย ๆ ด้วย





คำที่สิบ คำสุดท้ายของซูชิ เป็นปลาไหล Anago ทาซอสหวาน ปิดท้ายมื้อได้ลงตัว





จากนั้นยังมีไข่หวานสูตรพิเศษที่เนื้อแน่นหน่อย รสหวานของไข่มาเต็ม





ซุปใสร้อน ๆ ใส่ลูกชิ้นปลาทูน่าให้เราจิบปิดท้ายมื้อ เรียกความอบอุ่นคืนสู่กระเพาะอาหารหลังทานซูชิ





ของหวานปิด ท้ายมื้อเป็นพุดดิ้งงาดำที่ได้รสงาดำชัดเจนมาก





ชอบมากๆครับ เชฟมีการเอากุ้ง Ise Ebi หรืิอลอบสเตอร์ญี่ปุ่นแบบเป็น ๆ มาโชว์ด้วย กุ้ง Ise Ebi แบบเป็น ๆ นี่จะอยู่ในคอร์ส 9,700บาทครับ



เป็นร้านน้องใหม่ที่พิถีพิถันเรื่องวุตถุดิบและการนำเสนอรสชาติที่แปลกใหม่ แนะนำครับ


Ichika 一花 Japanese Cuisine
(Rembrandt hotel)

Tue - Sun 12:00 - 14:30 / 18:00 - 22:30

061-165-6546




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2560   
Last Update : 3 ตุลาคม 2560 19:42:42 น.   
Counter : 2880 Pageviews.  

3 Geori Butcher's @SHOW DC

ชื่อร้าน : 3 Geori Butcher's
รายการอาหาร : Korean BBQ
ที่ตั้งร้าน : SHOW DC, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand
พิกัด GPS : 13° 45' 2.29" N 100° 34' 19.61" E





3 Geori Butcher's เป็นร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่มีสาขาแรกที่ย่านฮงแดในโซล ส่วนสาขาแรกในกรุงเทพฯนี่เปิดอยู่บนชั้นดาดฟ้าของ SHOW DC โดยโซนนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านขนม และไนท์คลับที่อยู่ในโซนเดียวกัน ชื่อว่าโซนYG Replubic ครับ






ร้านนี้ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี เมนูก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น ตัวร้านมี 2 ชั้น กว้างขวางที่นั่งเยอะ ผนังด้านหนึ่งโปร่งเป็นกระจกใสชมวิวจากชั้นดาดฟ้าได้ด้วย








หลังสั่งอาหารเสร็จทางร้านจะยกเครื่องเคียงมาให้ ซึ่งทุกชนิดเติมได้เรื่อย ๆ มีทั้ง กิมจิ สลัดผัก ยำมะละกอ คะน้าดองหวาน ยำต้นหอมหั่นฝอยใส่ไข่ดิบ






ตัวน้ำจิ้มมี 3 แบบ แปลกใหม่เช่นกัน ทั้งเกลือเม็ดคลุกพริกไทยดำ มัสตาร์ดกระเทียม และ หอมดองกับพริกในน้ำส้มรสออกเปรี้ยวหวาน




เริ่มด้วยเมนูปิ้งย่างจริงจังอย่าง Rib Eye Japanese Wagyu (150g.) 1,650B เนื้อวัววากิวริบอายเกรดพรีเมียม เนื้อลายสวยมาก และนุ่มมาก ร้านนี้มีพนักงานมาย่างให้ด้วยครับ เนื้อวากิวออสฯนี่แนะนำให้จิ้มเกลือพริกไทยก็อร่อยแล้ว เพราะตัวเนื้อเองก็อร่อยรสเข้มข้นด้วยตัวเองอยู่แล้ว












Butcher's Sampler (600g.) 1,140B ใครไม่ทานเนื้อ เมนูปิ้งย่างหมูก็มีครับ อันนี้เป็น platter แบบรวมเนื้อหมู 3 ชนิด เนื้อหมูสันคอ, เนื้อส่วนไหล่และ เนื้อสามชั้น ปริมาณก็เยอะมาก กินได้ 4 คนอิ่มจริง ๆ มีพนักงานมาย่างและบรรจงเอากรรไกรตัดให้เช่นกัน เตาที่นี่ดูดควันดีมากด้วยครับ แทบไม่มีกลิ่นเหม็นติดเสื้อผ้าเลย










เมนูอาหารจานเดียว ได้ลอง ซุป 2 อย่าง คือ Kimchi Stew 240B (ซุปหมูกิมจิ) กับ Gochujang Stew 240B (สตูว์หมูตุ๋น) ที่หน้าตาละม้ายคล้ายกันเหลือเกิน แต่รสชาติคนละแบบ ซุปหมูกิมจิจะจัดจ้านกว่ามีรสแบบซอสเกาหลีเข้มข้น ตุ๋นมาจนหมูเปื่อยแทบละลาย ใส่เต้าหู้ด้วย ในขณะที่สตูว์หมูใช้หมูสามชั้นต้มจนนุ่มแต่ไม่เปื่อยเท่าใส่ผักหลาย ๆ อย่างทั้ง ซุคคินี มันฝรั่ง น้ำก็ใสกว่า โดยส่วนตัวชอบ ให้คะแนนซุปหมูกิมจิมากกว่าหน่อยนึง







Bibimbap 280B ข้าวยำเกาหลีของร้านนี้หนักเครื่อง ผักเยอะมาก เค้าปรุงรสมาอ่อน ๆ ให้เราปรุงเพิ่มเอาเองครับ








Kimchi Pancake 240B พิซซ่าเกาหลีหน้ากิมจิ อันนี้เป็นอีกเมนูที่ต่างจากพิซซ่าเกาหลีทั่วไป คือ มันหนามาก เครื่องเยอะมาก และขอบ ๆ ก็กรอบสะเทือนจักรวาลมาก สายของทอดขอให้ลอง




ราคารวม ๆ จะสูงกว่าร้านปิ้งย่างเกาหลีทั่วไปหน่อย แต่วัตถุดิบคุณภาพดี ร้านสวยมากและเตาก็คุณภาพดี ไม่ค่อยมีกลิ่นควันติดเสื้อผ้า อาหารก็อร่อย แนะนำให้ไปโดนครับ


3 Geori Butcher's @Show DC

44 Thanon Phra Ram 9, Khwaeng Bang Kapi, Khet Huai Khwang, Krung Thep Maha Nakhon 10310

11:00 - 21:30

02-111-5442




 

Create Date : 29 กันยายน 2560   
Last Update : 29 กันยายน 2560 18:48:38 น.   
Counter : 1422 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend