PAPA YOU'RE CRAZY
Group Blog
 
All blogs
 
ในเงามีไร่ ในไร่มีเงา

“แคร้ง!” เกิดการวัดใจระหว่างเหล็กกับหินถึงขั้นแตกหัก แล้วอะไรบางอย่างที่แวววาวก็กระเด็นหวือวับหายไป เรือสองในสี่ลำสูญเสียใบพัดไปตรงท้องน้ำที่ตื้นเขิน และบางช่วงเรือวิ่งไม่ได้ เราต้องขึ้นจากเรือเดินตัดสันเขา
กลางลำน้ำ อากาศกลางหุบเย็นลงอย่างรวดเร็วเมื่อความมืดเริ่มโรยตัวมาตักเตือน ฉันนั่งมองเด็กหนุ่มผู้ทำหน้าที่อย่างแข็งขันตรงหัวเรือ บางทีถ่อบางคราวค้ำบางหนโถมน้ำหนักใส่ข้างใดข้างหนึ่งเพื่อเบนหัวไปตามทิศทางที่ต้องการตามคำสั่งของนายท้าย ภาษาชาวเขาแปร่งหู เด็กหนุ่มนั้นเงียบเฉยอย่างยิ่ง เขาแลดูแกร่งกร้านกว่าวัย ฉันมองไม่เห็นรอยยิ้มของเขา

บ่ายสี่โมง บนถนนจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพฯ
เมืองหลวงเหมือนมีใครสุมไฟกองใหญ่ส่งควันมาคลุมครอบ ความขะมุกขะมัวสะท้อนเข้าไปในดวงตาขุ่นข้นของผู้คนที่เรียงแถวเรียงรายรอความหวังอยู่ที่ป้ายรถเมล์ คนหน้าคล้ำ ตาดำๆ คิ้วขมวด หน้าย่น เพราะต้องกรำชีวิตไปเกินวัยกับการเบียดบีบกระย่องกระแย่งยักแย่ยักยันยื้อแย่งดิ้นรน อยู่ กิน ดื่ม อาบ
ฉันสงสัยว่าพวกเราอยู่กันได้อย่างไร

หลายวันก่อน บ่ายสาม เมืองทองธานี
แผ่นพับ ‘ฉันไม่ได้รักป่า’ แผ่หราอยู่กับมือ หากหนึ่งปากสนทนาเจื้อยแจ้วกับคนที่อยู่ฟากตรงข้ามของโต๊ะ โต๊ะนั้นมีสารพันสินค้าจาก ‘ชุมชนคนรักป่า’ วางอวดโฉม แต่ที่กระตุ้นให้ใจเต้นแรงขึ้นคือคำเชิญชวนไปล่องสายน้ำแห่งจินตนาการ แม่น้ำเงา ที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน คนกรุงอย่างฉันจินตนาการไปถึงที่แบบนั้นไม่ออกจริงๆ ดูเหมือนเป็นดินแดนในเทพนิยายมากกว่าจะไปสัมผัสได้จริง ฉันพยายามซักถามรายละเอียด เวลาสถานที่ นัดหมาย หอบเอกสารและซื้อสินค้าเพื่อยืนยันกับตัวเอง ทั้งยังสมัครสมาชิกเพื่อสร้างพันธะสัญญาบางอย่าง
ฉันหลบออกมาตัดสินใจ พนักงานกินเงินเดือนนั้นยากนักจะได้ออกไปไหนๆ ถ้าไม่ใช่วันหยุดช่วงเทศกาล แต่ทุกสิ่งที่ฉันหอบหิ้วมาจากเมืองทองธานีวันนั้นมันร้องเรียกอยู่ทุกคืน
และแล้ว ฉันก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นกดเลขหมาย รอจนได้ยินอีกปลายสายโชยเสียงมา ฉันจึงแนะนำตัวและนำความตั้งใจที่จะร่วมเดินทางบอกออกไป
ฟังจากน้ำเสียงเหมือนเธอจะดีใจ เธอจดชื่อฉันและแจงรายละเอียดที่ฉันต้องทำ
“จะไปรับที่อาเขตตอนหกโมงเช้าของวันที่เจ็ดนะคะ”
“ไปคนเดียวได้นะคะ”
“มาเลยค่ะ มาหาเพื่อนใหม่ที่นี่”
เราคุยกันถึงคนที่จะมาร่วมขบวน ฉันตื่นเต้นที่จะได้เป็นหนึ่งในนั้น

ทุ่มสิบห้า สถานีขนส่งสายเหนือ หมอชิตใหม่
หนึ่งมือกำตั๋วรถแน่น หนึ่งใจร้องไชโย แม้ยังหวิวหวั่นกับการเดินทางและจุดหมายที่รออยู่ แต่ฉันจะได้ออกไปจากชีวิตเดิมๆ ในมหานครแห่งนี้แล้ว

เช้ามืด สถานีขนส่งอาเขต เชียงใหม่
เหมือนฉันจะเป็นคนแรกที่มาถึง รถโดยสารประจำทางปรับอากาศคันนั้นคงทำเวลาได้ดี แต่มันทำให้ฉันหวั่นใจไม่ใช่น้อย แม้จะนัดแนะกับชาวชุมชนชัดเจน แต่ฉันรู้สึกเคว้งคว้างชอบกล อาจจะเป็นเพราะความมึนงงที่ได้รับจากการเดินทางไกล และฉันไม่รู้จักผู้ร่วมขบวนแม้แต่คนเดียว
บนรถทัวร์ฉันแทบไม่ได้หลับเลย คิดโน่นกังวลนี่สารพัด แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนี้ได้อย่างไร ทำไมมาไกลถึงขนาดนี้ หรือบางทีคนต้องทำอะไรที่ตัวเองไม่เข้าใจบ้าง
รถตู้พาพวกเราเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ฟ้าค่อยสว่างขึ้นทุกขณะ เมื่อสางความมืดออกเราก็พบว่าดอยสุเทพ
ตระหง่านเป็นประจักษ์สถานอยู่เบื้องหน้า รถพาฉันเลียบเลาะขุนเขาไป นี่เป็นถนนสายที่งดงามยิ่งเท่าที่ฉันเคยพบมา มันอาจเกินเลยไปบ้าง แต่ฉันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
เรือนไม้ผสมก่ออิฐถือปูนสองชั้นแวดล้อมด้วยร่มครึ้มเปิดรอเราอยู่ ดูท่าทางทุกคนจะชมชอบดื่มด่ำกับใบไม้สายลมเสียงนกที่รายรอบ
แล้วฉันก็ได้พบกับเจ้าของเสียงนั้น พี่อ้อย รจเรข ผู้หญิงร่างเล็กที่จะเป็นคนพาพวกเราไปฟังนิทานจากสายน้ำ
ฉันเห็นรอยยิ้มในตาคู่นั้นฉายแววไมตรี

บ้านชุมชนคนรักป่า เชียงใหม่
กว่าคนจำนวนสามสิบจะมาพร้อมหน้า แดดสายก็ฉายให้เราได้เห็นหน้าค่าตากัน ส่วนใหญ่แล้วมาจากแดนไกลผ่านหลักกิโลเมตรมาหลายร้อยหลักกว่าจะถึงเชียงใหม่ ไม่มีใครยอมให้ใครหยุดพัก เรามุ่งหน้าสู่แม่สะเรียงทันทีที่ทุกคนอิ่มข้าวเช้า ผ่านการแช่อิริยาบถในอากาศที่ปรับแล้วของรถตู้นานเกินสี่ชั่วโมงจึงมาสบกับเรือที่รอเราอยู่ที่ท่าสบเมย
“เอ้า ทุกคนรีบขนสัมภาระไปลงเรือเลยค่ะ เอาข้าวไปด้วย เราจะไปกินกันในเรือ”
เราต้องแช่ไปในน้ำต่อโดยมีไม้กระดานเรือกั้นกลาง เบื้องแรกที่เห็นสายน้ำขุ่นจนแอบขุ่นใจ แต่ยิ่งเรือแล่นทวนน้ำเข้าไปลึกเท่าไร รูปรอยเงาก็ยิ่งปรากฏแจ่มชัดขึ้นท่ามทิวเขียวสองฟากที่โบกมือทักทายผู้มาเยือน
สายลมหยอกเอินทุกคนให้ครึ้มใจ

เกือบหกโมงเย็น
เด็กหนุ่มไร้รอยยิ้มจากไป
“ไร่ในเงา” ของวีระศักดิ์ ยอดระบำ รอโอบอุ้มเราอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงตีนของภูเขา ณ หนึ่งโค้งของสายน้ำ ผู้มาถึงก่อนลงมารอรับเพื่อลำเลียงข้าวของนานาที่จะต้องใช้กินอยู่ตลอดสามคืน
เรือลำสุดท้ายเกยตลิ่ง เท้าข้างสุดท้ายก้าวขึ้นฝั่ง เต็นท์หลังสุดท้ายก็กางเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดสิบห้าหลัง นั่นคือห้องนอนกลางไร่ของเรา
แม้อาหารเพื่อสุขภาพไร้เนื้อสัตว์ที่พี่ยอดและเก๋ผู้เป็นเจ้าเรือนเตรียมไว้ให้จะแปลกลิ้นฉันไปบ้าง แต่การเคลื่อนที่มาตลอดวันทำให้ฉันกินได้มากกว่าที่เคย
เป็นครั้งแรกของฉันกับ ผักสด ถั่วเน่า ข้าวซ้อมมือ ยินดีต้อนรับสู่อวัยวะภายใน

มืดแล้ว ข้างกองไฟ
ระหว่างที่หลายคนไปพักผ่อนกันรอบกองไฟ ฉันอยู่ในระหว่างรออาบน้ำ เบื้องแรกที่เห็นห้องน้ำทำฉันผงะ รางไม้ไผ่นำสายน้ำมาปล่อยเนืองนองอยู่ในแอ่ง โดยมีกอไม้สูงไม่เกินอกเป็นผนัง หามีประตู เพดาน ฝากั้นอื่นใดไม่ ดูหน้าหลายคนคงทำใจลำบาก ฉันเองก็เช่นกัน แต่ผ้าถุงที่เขาบอกให้เตรียมมาใช้การได้เหมาะเจาะทีเดียว พอลองลงไปยืนให้น้ำท่วมตาตุ่ม เริ่มอาบความฉ่ำเย็นจากสายธารพร้อมอาบแสงดาว ฉันเบิกบานนัก อาบไปฮัมเพลงไป คนที่อยู่ในครัวคงได้ยินชัด เพราะห้องน้ำอยู่ด้านหลังครัว เก๋ยิ้มๆ เมื่อเห็นฉันเดินออกมา
ฉันหยิบสมุดบันทึก หมายใจจะนั่งเขียนข้างกองไฟ เคียงกับเสียงกรุ๋งกริ๋งจากกีตาร์ของพี่เอี้ยว ไชยพร นามประทีป นักดนตรีอิสระ ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อน แต่บางบทเพลงที่เขาบรรเลง ฉันคงเคยได้ยินมาสักครั้งในแห่งหนหนึ่งที่ผ่านมา ข้างกองไฟมืดจนฉันเขียนไม่ถนัด จึงวางทั้งหมดลง นั่งเงียบๆ สลับบทสนทนากับคนข้างๆ ที่เพิ่งเริ่มทำความรู้จักกัน และนั่งดูคนอื่นๆเท่าที่พอเห็นได้จากกองไฟ
บางคนเป็นนักศึกษา ตลอดจนเจ้าของกิจการ บ้างเป็นหมอ พยาบาล พนักงานบริษัทเอกชน เอ็นจีโอ คนอิสระหลายคน พวกเขาทำฉันอิจฉาในเสียงหัวเราะ
ฉันกลับมาเขียนในเต็นท์ บางทีฉันชอบเขียนในความมืด ไม่ต้องกังวลอยู่กับลายมือ ช่องไฟ วรรคตอน
สะกด การันต์ วรรณยุกต์ ฉันว่าถ้าเราลืมๆมันไปเสียบ้างก็สนุกดีเหมือนกัน
ฉันดึงเอาส่วนลึกเร้นในใจออกมาท่ามกลางสภาวะไร้แสงอย่างไม่อายใคร

หาดทรายริมเงา นกสยายปีกแรกออกหากิน
ฉันแหวกซิบเต็นท์ออกมาไล่คว้าสายหมอกที่ไล่เรี่ยอยู่ทั่วไปในกลางหุบ เช้านี้ฉันไม่ต้องออกไปยืนรออัดในรถเมล์
เขาเริ่มเข้าครัวกันแล้ว ทำอาหารเลี้ยงคนจำนวนมากไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เราจะช่วยตัวเองกันบ้างแล้วก็ตาม
ฉันนั่งลงแตะโน่นบ้างนี่บ้างเท่าที่พอจะทำได้ พี่ยอดมีหม้อต้มน้ำก๋วยเตี๋ยวใบใหญ่ (ยืนยันว่าหม้อต้มก๋วยเตี๋ยวจริงๆ) ที่เป็นของตกทอดจากผู้ที่นึกสนุกจะทดลองใช้ชีวิตกลางดง แต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการเบื้องลึก ฝากทรัพย์สินที่คร้านหอบหิ้วไว้กับเงา
สายนี้เราจะออกเดินเลาะเลียบล่องริมน้ำย้อนสายขึ้นไป
“อยากให้เดินกันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ คอยสังเกต พูดคุย ซักถาม แม่น้ำจะเป็นตัวเล่าเรื่อง เรามาดูซิว่าสายน้ำที่อยู่มาหลายพันปีกับหลายร้อยชุมชน เขาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” พี่อ้อยอารัมภบทก่อนก้าวเท้า
พี่ยอด บอกให้เราภาวนาพร้อมไปกับการเดิน เป็นการเดินสู่ภายใน ฉันไม่เคยทำมาก่อน ฉันเคยแต่เดินช็อปปิ้ง แต่เอาเถิด ฉันจะลองดู
ระหว่างทาง ฉันพยายามเดินให้ทันพี่ยอด แต่มันเป็นภาระหนักหนาเกินสองแรงน่อง จึงปล่อยให้คนอื่นทำหน้าที่นี้ไป พี่ยอดหยุดพักบ้างเป็นระยะ พร้อมชี้ให้ดูสิ่งต่างๆรอบตัว ฉันเหม่อมองมวลหยดน้ำ ฟังเสียงพี่ยอดผสานไปกับท่วงทำนองของเงา
“…ผมมาแม่เงาหลายปีก่อน เพราะจะมาทำข่าวเรื่องสร้างเขื่อน… เขาว่าแม่น้ำมันไหลไปเปล่าๆปลี้ๆ ไม่มีประโยชน์ พูดอย่างนั้นได้อย่างไร พืชสัตว์สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เท่าไหร่ หน้าที่สายน้ำก็คือไหลไปลงทะเล ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว… คนนี่แหละที่อยู่เปล่าๆ เที่ยวเอาระเบิดไปทิ้งที่โน่นที่นี่ นกหนูแมลงตายไปเยอะแยะ เดือดร้อนกันไปหมดเพราะคนคนเดียว…”
“คนไม่ได้อยู่เปล่าๆนะ เบียดเบียนด้วย” เสียงแทรกเสริมเรียกรอยยิ้ม
“ผมว่าแม่น้ำเงาเป็นสายน้ำที่สมบูรณ์สายหนึ่งของโลก ดูจากเรือที่ยังวิ่งได้หลายสิบกิโลเมตร แสดงว่าท้องน้ำยังไม่ตื้นเขิน เพราะตลิ่งมีรากไม้ยึดเกาะเกือบตลอดแนว ดินทรายไม่ไหลลงสู่แม่น้ำจึงไม่เสียหายมาก…เขาจะเอาแม่น้ำสายนี้ไปผันแม่น้ำสายโน้น ต่อท่อใต้น้ำกันให้วุ่นวายไปหมด ทำผิดผีหลวง พอแม่น้ำสายนี้เน่าก็จะเอาน้ำจากสายอื่นมา มันก็เน่าอีกแหละ ถ้าใจคนยังเน่ายังไงมันก็ต้องเน่า จะแก้ปัญหานี้มันต้องแก้ที่ใจคน…”
¬หลังข้าวคลุกกะปิ(ถั่วเน่า) ในห่อใบไม้ริมหาดทรายบรรจุลงกระเพาะ หลายคนสมัครฟังเล็คเชอร์กลางป่า หลายคนหาที่ทางวางหลังลงแนบเม็ดทราย พริ้มตาหลบแดดบ่าย บางคนหาของสวยๆ ที่สวยๆ ผลาญฟิล์ม และไม่กี่คนหานกดู
ตอนนั่งกินข้าว เรือหลายลำผ่านเราออกไปสู่ปลายน้ำ บนนั้นมีคนบรรทุกเต็มลำ คนเหล่านั้นดูเหมือนกับเรา เป็นคนภายนอก บางคนโบกมือทักทาย
“ชาวบ้านยังรับมือไม่ถูกกับพวกที่เข้ามา เขาไม่เข้าใจ” ฉันได้ยินพี่ยอดรำพึง
คล้ายบ่ายจะคล้อยลงไม่มากตอนเรากลับถึงที่พัก หลายคนจะไปเที่ยวหมู่บ้าน ฉันขอตามพวกเขาไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หมู่บ้านที่เราไปเยือนมีโทรศัพท์สาธารณะที่บ้านผู้ใหญ่บ้านแต่ใช้ไม่ได้
หากใครจำเป็นก็ต้องใช้โทรศัพท์ผ่านดาวเทียมบนบ้านที่คิดเวลาโทรเป็นนาที เมื่อไหร่หนอที่การบริการของรัฐจะกระจายไปถึงทุกที่อย่างเท่าเทียมเสียที
บางคนได้ตะกร้าติดมือออกมา พวกชอบเฮฮาก็หาเหล้าต้มเองพื้นบ้านไปเพิ่มความครึกครื้น ฉันลองชิม รสแรงซ่านลิ้นจนขมคอ วูบวาบไปตามขดลำไส้
ทั้งขาไปและขากลับเราต้องเดินข้ามแม่น้ำ ฉันชอบน้ำ เห็นน้ำเยอะๆไม่ค่อยได้ จะเอาตัวลงไปสัมผัสกับความฉ่ำเย็นให้จมหัว นาทีนั้น แม่เงาต้อนรับฉันด้วยกระแสเชี่ยวกรากที่พัดพาทุกสิ่งไปพร้อมกัน หากฉันไม่ฝืนยืนตัวยึดเท้าไว้กับหินก้อนโต สายน้ำคงพาทั้งฉันและเงาออกสู่ห้วงทะเลไกลโพ้น
หากมือที่เรากุมกระชับกันแน่นสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นในใจได้ประหลาดนัก

ค่ำคืน รอบกองไฟคล้ายรอบบ่อนไก่
พี่ยอดเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นเพเป็นชาวสวน พี่ยอดผ่านความรุนแรงทางการเมืองครั้งตุลาคมจนต้องหลบเข้าป่า ผ่านการเดินทางทำข่าวทำสารคดี จนถึงวันที่หาสาระจริงของชีวิต จึงหันหลังให้กับสังคมเมือง เข้ามาหักร้างถางพง ทีแรกเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน แต่ก็ปรับเปลี่ยนหาที่เหมาะสมจนมาเป็นที่ปัจจุบันซึ่งห่างออกมาพยายามอยู่ด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ถึงแม้วันนี้ยังปลูกข้าวได้ไม่พอ แต่พี่ยอดบอกว่าวันหนึ่งจะพอ
พ่อ แม่ ลูกสามคนเหมือนอยู่ในอีกดินแดนที่เกือบตัดขาดจากโลกภายนอก หลายคนเป็นห่วงอนาคตของน้องต้นข้าวลูกสาวพี่ยอด แต่ฉันว่าในเมื่อต้นแบบชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีอะไรน่าห่วง ที่น่าห่วงคือพวกเราๆ ต่างหาก
คืนนี้กองไฟดูสว่างไสวและอบอุ่น เพื่อนอีกกลุ่มเข้ามาสมทบ กลุ่มนี้เข้ามาก่อน ดูเขาคุ้นเคยกับพี่ยอดได้ยินว่าเขามาช่วยจัดที่ทางให้เรา
“กวีขุดส้วมให้ขี้แล้วยังจะเอาอะไรอีก” พี่ยอดถามปนหัวเราะแบบไม่ต้องการคำตอบ
พี่ยอดบอกว่าแกใช้จอบใช้เสียมใช้พร้าเขียนบทกวี

ฉันนึกชอบนักที่มีคนถามเคล็ดลับการปลูกต้นไม้ พี่ยอดกลับตอบว่าแกปลูกไม่เก่ง เมล็ดที่งอกมีน้อยกว่าที่กลายเป็นดิน พอเห็นอย่างนั้นแกก็ยิ่งปลูกเยอะขึ้นไปอีก
“ที่ไม่งอกก็ถือว่าเป็นการงอกอย่างหนึ่ง ผมทำหน้าที่ของผมเสร็จแล้ว ที่เหลือเป็นหน้าที่ของเมล็ดเองที่ต้องเติบโต”
เสียงไม้ไผ่ประทุไฟดังเป็นระยะ เพิ่มสีให้กังวานเสียงพี่ยอดที่สะท้อนเรื่องจาก ’ข้างใน’
ข้างในที่พยายามหลุดล่อนจากเปลือกทุนนิยม ข้างในที่พยายามอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ฉันมึนงงกับคำให้การเชิงลึกของวีระศักดิ์ ยอดระบำ และหลังจากที่แกสีไวโอลินทำนองพื้นบ้านเห่กล่อมเราด้วยสำเนียงเฉพาะตัว ฉันก็เข้าไปนั่งข้างๆ ผู้อาวุโส และขอคำอธิบายถึงหลายสิ่งที่ค้างคา
“ใครรับได้แค่ไหนก็เอาไปแค่นั้น ใครถอดรหัสได้ก็เอาไป”
พี่ยอดพูดถึงรหัส รหัสที่มีอยู่ในธรรมชาติ รหัสในเมล็ด ในต้นไม้ที่ให้เมล็ด ในผีเสื้อในแมลง
จักรวาลมีคลื่น ป่าส่งสัญญาณบางอย่างออกมา พี่ยอดบอกว่าทุกคนรับได้ถ้าศรัทธาและตั้งใจ
กวีในเงาส่งคลื่นออกไปกับความถี่เสียงและคันชักไวโอลิน ใครมีเสาสัญญาณดีก็อาจรับได้ คลื่นนั้นถูกส่งออกไปถึงเอกภพ
ฉันสงวนความง่วง*ต่อไปไม่ไหว และไม่อยากทุจริตทางอารมณ์ *จึงทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ*ไปค้นหาความหมายในถุงนอน
*สามวลีนี้ฉันแอบได้ยินกวีเขาคุยกัน เลยยืมมาใช้บ้าง

บ่ายนี้มีความเศร้า
วันนี้เราเดินขึ้นเขาเพื่อดูไร่จากมุมสูง พี่ยอดพยายามปลูกพืชให้ได้หลากหลายโดยไม่เน้นพื้นที่มากมาย ทั้งยังมีการนำพันธุ์พืชท้องถิ่นภาคใต้มาทดลองปลูก พี่ยอดเน้นอาหารหลักที่ธัญพืช ส่วนผักผลไม้ก็จะรองลงไป เมื่อก่อนพี่ยอดยังตกปลากินปลา แต่แกเล่าให้ฟังว่า ปลาในแม่น้ำเงาสวยเหลือเกิน แกเห็นแล้วเสียดายเลยเลิกกินมานับแต่นั้น
ฉันได้ยินพี่ยอดพูดถึงธรรมชาติ ผืนดิน โลก จิตวิญญาณ วิถีชีวิต ภาษา การเคลื่อนตัวทางความคิด อยู่บ่อยครั้ง ฉันเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ตัวเองรู้สึกว่าได้รับคำตอบบางคำตอบ แม้พี่ยอดคงไม่ได้ตั้งใจตอบ แต่การ ทำ ของพี่ยอดเป็นครูที่ดีโดยไม่ต้องสอนอะไรมาก
ขากลับลงจากเนินเราแบกฟืนลงมาคนละท่อน เพราะสองวันมานี่เราผลาญไม้ฟืนของพี่ยอดไปไม่น้อยไม้ไผ่ลำใหญ่ๆ หนาๆ ติดไฟง่ายแต่ก็มอดเร็ว
เราลงมาต่อด้วยหลักไดนามิก แรงดึง แรงผลัก แรงเฉื่อย เดธพ้อยท์ กับ ครกสี อุปกรณ์แยกเปลือกออกจากข้าว ดูเหมือนว่าจะง่าย แต่ต้องใช้หลักสมดุลย์ หลายคนเข้าไปบริหารเอวแขนกันสนุกสนาน
ขั้นตอนที่ยากคือการฝัดข้าวเพื่อร่อนเอาเปลือกออก เห็นพี่ๆ พยาบาลสองสามคนฝัดด้วยท่าทางทะมัด ทะแมง เราช่วยกันคนละไม้ละมือ ฉันว่าอาหารมื้อนี้คงมีคุณค่าและประทับรอยบางอย่างไว้มากกว่ามื้อปกติ สิ่งใดที่เราเอามือเอาแรงลงไปคลุกเอง คงน่าจดจำมากกว่ารอมันมาถึงปาก
…
ความตายมักตักเตือนเราเสมอ หากเราไม่ค่อยได้ยินมันจะตะโกน
และครั้งนี้เราสะดุ้งเฮือกกับการจู่โจมของมัน
เรื่องเศร้าเกิดขึ้นกับพอวาเด็กหญิงตัวน้อย ลูกสาวของคุณสุวิชานนท์ ที่ตั้งใจจะมากับเราด้วย แต่ลูกสาวเกิดป่วยจึงต้องอยู่ดูแล
และข่าวร้ายเดินทางมาถึงไร่ในเงาเมื่อแดดบ่ายเริ่มแรง
เจ้าหน้าที่บางส่วนคงต้องออกไปก่อนในตอนเช้ามืด เพื่อให้ทันส่งเด็กน้อยกลับคืนสู่ฟ้า

คืนส่งท้าย แต่ไม่ท้ายสุด
หลังอาหารมื้อค่ำ กองไฟยังคงทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ฉันนั่งฟังทุกคนพูดถึงความรู้สึก บางถ้อยเรียกเสียงหัวเราะ บางคำฉุกให้ชะงักฉงน ทีมงานรับฟังทุกข้อคิดเห็น แว่วความปรารถนาดีอยู่ในทุกน้ำเสียง
ฉันนั่งพิงขอบหลุมปูฟางอย่างบันเทิงอารมณ์ ตามองกองไฟ แต่ใจกลับคิดถึงสายน้ำ
‘เวลาลงไปในแม่น้ำ ลองเปิดให้สายน้ำเข้าไปชำระภายในสิ แล้วคุณจะโล่ง เย็น เบา สบาย น้ำจะเข้าไปล้างสิ่งสกปรกภายใน’ คำแนะนำของกวีชาวไร่แว่วมาตอนเราจะลงไปอาบเงา
‘ใครอาบแม่น้ำเงาแล้วจะต้องกลับมาอีก เป็นสัญญาระหว่างกัน’
ฉันไม่คิดว่า การเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนใครได้แบบพลิกหน้า แต่บางคนอาจพบทางเลือก ได้ทบทวนตัวเอง บางคนอาจรับคลื่นได้ บางคนอาจถอดรหัสได้ แต่ทุกคนคงได้รับการปลูกบางสิ่งไว้บนผืนดินภายใน
ฉันเหลือบมองดาว
แม้ยังไม่รู้ว่า กลับไปแล้วจะเป็นอย่างไร แม้ยังพร่าเลือน แต่ยามนี้ฉันมีความสุขกับแสงดาว พร้อมเพื่อนใหม่ในอีกดินแดน
‘แม่น้ำเงาตอนผมอยู่กับครอบครัวก็เป็นอย่างหนึ่ง ตรงนี้ผมก็มานั่งดูดาวอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อคนสามสิบคนเข้ามา ดินแดนนี้ก็เปลี่ยนไปอีกอย่าง ผมก็ต้องเข้ามาในอีกดินแดน’
พี่ยอดชักชวนมาชมเงาที่เป็นเงาจริงๆ ยามที่ร้างเงาผู้คน
‘ไร่ในเงาเหมือนเป็นประตูเปิดสู่อีกโลก ผมเข้าไปก่อนแล้ว ผมอยากบอกให้คนเข้ามาลองดู แต่ก็เห็นว่าเกินกำลัง แล้วแต่บุญกรรม’
ทุกคนต่างเต้นรำด้วยท่วงท่าเฉพาะตัว เราอาจต้องค้นหาวิถีของตัวเอง ท่ามกลางความจำเป็นที่ถูกอ้างนานา เมื่อใช้ชีวิตจนช่ำ คุณอาจต้องการหาสิ่งที่จะช่วยพาหลุดพ้นไปจากมัน
และวันนั้น ไร่ในเงา อาจเป็นคำตอบ

เช้า คนคืนเมือง
เราช่วยกันเก็บห้องนอน ใครเก็บไม่เป็นก็ไปช่วยเก็บของเก็บขยะ หลังอาหารเช้า ทั้งหมดทยอยขนของกันลงมา ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงจึงติดขัดบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทุลักทุเล
พี่ยอด เก๋ และน้องต้นข้าว มาส่งเราลงเรือตรงที่เราขึ้นจากเรือ เราอำลาและขอสมาลาโทษสถานที่ที่เราเข้ามาเหยียบย่างล่วงเกินตลอดเวลาที่อาศัย เรามายืนเคียงกันเพื่อบันทึกภาพ นาทีนี้มีแต่รอยยิ้ม
พี่ยอดยังยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าของสถานที่ เป็นแค่ผู้พักพิงก่อนจากลา
และเรากำลังลาจาก เรือกำลังออกจากตลิ่งเบนหัวไปทิศเดียวกับสายน้ำ
ฉันมองครอบครัวในเงาทั้งสาม ยกกล้องขึ้น
ภาพในวิวไฟน์เดอร์ไม่แจ่มชัด แต่ฉันก็กดชัตเตอร์

ภาคผนวก
ระหว่างร่องน้ำ
หลายเสียงเงียบลง ฉันนึกถึงผู้ที่ล่วงหน้าไป และอยากเขียนบางคำถึง

ลูกสาวกวี
เธอตั้งคำถามถึงชีวิตและความตาย
เธอเปิดประตู และก้าวล่วงไปในอีกดินแดน

ลูกสาวกวี
เธอทิ้งความเศร้าไว้ในหยาดน้ำตาของผู้คน
เสียงที่เราร่ำร้องคงต่างไปจากเสียงที่เธอยิน

ลูกสาวกวี
เธอทิ้งความหมายของชีวิตไว้ให้เราใคร่ครวญ
ให้เราตระหนักถึงความดับสูญทุกลมหายใจ
เธอคงไม่ปรารถนาเห็นใจที่แตกสลายซึมเศร้า

เพื่อนเอ๋ย
เราจะได้ยินเธอพูด หากเราตั้งใจฟัง
มือน้อยนั้นเฝ้าปาดรอยน้ำตา หากเรารู้สึก
ผู้คนต่างขานนามเธอ-นางฟ้า
และเพียรเฝ้าจับจ้องนภาเปล่า รอนางฟ้าปรากฏกาย
ฉันไม่เคยเห็นนางฟ้า หรือเคยเห็นแต่จำไม่ได้
ฉันขอเรียกเธอตามต้นไม้น้อย
ต้นไม้ที่จะเติบโต และเฝ้ามองผองเราเดินสู่ปลายทาง
ปลายทางที่เธอรออยู่ก่อนแล้ว



Create Date : 24 กันยายน 2550
Last Update : 24 กันยายน 2550 11:01:30 น. 3 comments
Counter : 2563 Pageviews.

 
ค่อยไล่เรียงอ่านแต่ละตัวอักษรอย่างระมัดระวังกลัวถ้อยอักษรบางคำจะตกหล่น อ่านจบก็อิ่มเอมเลยครับ กับอีกวิถีทางเพื่อฉีกผ่านบางวันอันจำเจของชีวิต.....
....เคยดูไร่ในเงา ของ คุณวีรศํกดิ์ ทางรายการ "คนค้นคน" ก็ประทับใจ ได้อ่านงานของคุณ ก็ยิ่งประทับใจครับ...


โดย: โฟล์คเหน่อ วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:12:20:43 น.  

 
สวัสดีค่ะ
คงต้องค่อยๆไล่เรียงอ่านอย่างที่คุณ ลำภา (โฟล์คเหน่อ)ว่าเพราะยาววววว เดี๋ยวแปะไว้ก่อนนะคะ ทำงานก่อน แล้วจะกลับมาอ่านค่ะ


โดย: โสนบ้านนา วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:15:16:46 น.  

 
ต้าบลึ พะโดะ ภาษากะเหรี่ยงแปลว่า ขอบคุณจั๊ดนัก ภาษาเมืองแปลว่า ขอบคุณหลายๆ แท้งกิ้วเวรี่มัช ค่อยๆอ่านไปก็ได้เจ้า


โดย: มันบด (Mayim ) วันที่: 24 กันยายน 2550 เวลา:22:49:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลิตเติลวอเตอร์
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หมายิ้มอยู่เชียงใหม่ ชอบดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดื่มและกิน เรามีสตูดิโอชื่อ หมายิ้มสตูดิโอซึง่มีสโลแกนว่า วิดีโอเพื่อสังคมใหม่ เราชอบทำงานสื่อสร้างสรรค์อย่างวิดีโอ หนัง สารคดี แล ดนตรีร่วมสมัย ชอบเห่าดังๆให้โลกฟังถึงเรื่องราวอันผิดรูปผิดรอย เพราะอยากให้คนทุกคนมีรอยยิ้มแบบเดียวกับหมา
Friends' blogs
[Add ลิตเติลวอเตอร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.