......บันทึกการเดินทางของชีวิต แบบเรื่อยเปื่อยตามแรงอารมณ์......


แม่เจ้าเมฯ
Location :
Great Yarmouth United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





แม่ของลูก 3 เมฯ
เมธัส เมฑิรา เมษวีร์
...รวบรวมบันทึกรูปภาพและเรื่องราว
ของวันดีๆในช่วงชีวิตที่ประทับใจ...
ชีวิตครอบครัว...มิตรภาพ-เพื่อนฝูง...
อาหารการกิน...เรื่องราวท่องเที่ยว...
สิ่งแปลกใหม่ในสถานที่แปลกตา
และสิ่งจรรโลงใจทั้งหลายทั้งมวล...
...ไม่มาก-ไม่น้อย แต่ไม่พอดี???
...ไม่ขาด-แต่ไม่เกิน ไม่เต็ม-แต่ไม่ล้น...

Enjoy your life while you can.




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่เจ้าเมฯ's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 
ทัวร์ทุลักทุเลใน London


วันที่ 25 26 27 สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาวอีกครั้งหนึ่ง
เพราะวันจันทร์เป็นวันหยุดธนาคาร
เราเลยวางแผนเข้าไปเที่ยวเมืองหลวงกัน
การมา London ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 20กว่าๆของเราได้แล้วมั๊ง???
เลยไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่อ่ะ...
โดยครั้งนี้เรามีเป้าหมายที่จะไปเที่ยวพิพิธภัณต์สถานแห่งชาติกัน...
และพักค้างคืนใน B&B กันซะ 1 คืน
วันรุ่งขึ้นเราจะไปเที่ยวสำเพ็ง-พาหุรัดณ.ลอนดอนกันด้วย...
ที่เรียกว่าทัวร์ทุลักทุเลนั้นก็เพราะการเดินทางที่แสนจะยุ่งยากนี่เอง
เช้าวันเสาร์เราต้องถ่างตาตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า
(ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องผิดปกติของเรามาก....
เพราะเราไม่ค่อยได้เห็นโลกเวลา 6 โมงเช้ากะชาวบ้านเขาบ่อยนัก...)
ตื่นมาก็ อาบน้ำแต่งตัว...เดินทางไปสถานีรถไฟใกล้ๆบ้าน
เพื่อไปขึ้นรถไฟอีกต่อที่ Norwich และจากนั้นก็ต้องลง
ที่ Colchester เพื่อต่อรถโค้ชเข้าไปที่สถานี Liverpool Street
ในลอนดอนอีกที...
แค่เริ่มต้นก็ฟังดูยุ่งยากซะแล้วนะนี่...
เหตุที่ต้องเดินทางเช่นนี้เพราะทางการรถไฟต้องการ
ปิดซ่อมทางระหว่าง Clochester ถึง Liverpool Street London
ใน 3 วันหยุดราชการนี้นั่นเอง...
แหม...ทำไมต้องมาทำเอาตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้สิ... ฮ่วย....




เอาล่ะ...พอมาถึงลอนดอนแล้วเราก็หาทางไปที่พิพิธภัณต์กันเลย
นั่งรถไฟใต้ดินไปโผล่เอาที่ Russell Square แล้วก็เดินตามป้ายบอกทางกันไป
พอรู้แล้วว่าอยู่ตรงไหนเราก็เดินหาร้านกินกลางวันกันก่อน
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง...แอ่มๆ...ก็หิวอ่ะ
เดินหาๆ...ในนาทีนั้นอยากกิน Burger King ที่สุดเลย...
แต่เดินหาจนท้องเริ่มบอกว่า"ไม่ไหวแล้วน๊า...กินอะไรก็ได้น่า.."
เอ้า...มาเจอร้านอาหารจีนบุฟเฟ่ท์เข้า...เอาฟ๊ะ...ร้านนี้แหละ
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว ปกติร้านพวกนี้เขาจะเตรียม
ทุกอย่างพร้อมก่อนเปิดร้านในเวลาเที่ยงตรง...
แต่ตอนที่เราเข้าไปนั้นเขายังทำอาหารไม่เสร็จเลย
ทยอยยกออกมาที่ละถาด...เราก็เออๆ เอาเหอะ ลองดูๆ
ปรากฎว่าทั้งร้านขายแต่อาหารมังสวิรัติค่ะ....เอ...
คนชอบกินเนื้ออย่างเรา 2 คนจะอิ่มได้รึเนี่ย????
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็กินกันจนคิดว่ากินต่อไม่ไหวแล้ว (เลี่ยนมากเลยอ่ะ...)
จึงจ่ายตังค์แล้วเริ่มออกเดินไปหน้าพิพิธภัณต์กัน...
...จ๊าก....ดันมาเจอรถเข็นขายฮอทดอกอยู่ตรงนี้อีก...
เฮ้ย...มองไปซ้ายมือมีร้านอาหารไทยอยู่ตรงนั้นด้วยล่ะ...
ฮือ...ฮือ...ฮือ....
อยากจะฆ่าตัวตายเพราะความโง่ของตัวเองแท้ๆเล๊ย...



เออ...โง่เองแล้วยังจะมาบ่นบ้าให้คนอื่นเขาฟังอีก...จ๋มน้ำหน้า...

...มาเข้าเรื่องพิพิธภัณต์กันเสียทีดีกว่าเน๊าะ...
ที่จริงในลอนดอนนั้นมีพิพิธภัณต์อยู่มากมายหลายแห่งด้วยกัน
แต่ British Museum แห่งนี้เป็นพิพิธภัณต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก...
เป็นให้บริการมาตั้งแต่ปี คศ. 1753 โดยนักฟิสิกชื่อ Sir Hans Sloane
และที่นี่เป็นที่รวบรวมสิ่งที่น่าสนใจจากเกือบทุกประเทศทั่วโลก
ช่วงที่เดินดูในห้องโซนกรีกและอียิปต์ด้านหน้าสุดของพิพิธภัณต์
คุณผู้ชายเราออกความเห็นว่า "ถ้าเราไปถึงกรีกอาจจะไม่ได้เห็น
วัตถุโบราณพวกนี้เลยก็ได้นะ..."
เราก็ว่างั้นแหละ ก็เพ่เล่นไปขนสมบัติเขามาหมดแล้วนี่หว่า...
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกๆคือ...
วัตถุโบราณล้ำค่าส่วนใหญ่นี้เขาตั้งไว้แบบไม่มีอะไรขวางกั้นด้วยนี่สิ...
ใครนึกจะจับเล่นยังไงก็ได้...ถึงจะมีป้ายบอกไว้ว่าห้ามจับก็เถอะนะ
ท่านผู้ชมที่หลั่งไหลกันมาจากทุกสารทิศทั่วโลก...คงคิดเหมือนๆกัน
ได้มาเห็นกับตาก็ยังไม่เหมือนกับได้จับต้อง...นะเฟ้ย....ไรเงี๊ยะ ใช่ป่ะล่ะ?
ถึงจะมีพี่ยามเดินสายกันรอบแทบแข้งขาจะพันกัน มันก็ไม่พ้นอยู่ดีแหละน่า
เอ...รึว่าไอ้ที่เขาเอามาตั้งโชว์อยู่นี่้มันเป็นเพียงของจำลองหว๋า...ฮึ????
ใครรู้ช่วยมาเฉลยให้เราหายโง่-หายงงทีเหอะจ้ะ...

จากนั้นก็เดินไปดูห้องโซนแอฟริกา และเอเซีย มีของพี่ไทยเราด้วยล่ะ
มีเศียรพระและซากกำแพงจากสวรรคโลก และถ้วยโถจากเชียงของ
ของพี่จีนจะเยอะกว่ามาก นอกนั้นก็อินเดียและเขมร...
เดินดูแค่ 5-6 ห้องแรก คุณผู้ชายเราก็บ่นเบื่อซะแล้ว
แกบอกว่าส่องกระจกที่บ้านก็ได้เห็นวัตถุโบราณเหมือนกัน
ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นเลย...
แหม...แต่เราชอบนิ่...ยังอยากใช้เวลาในนั้นให้มากกว่านี้...
เลยตั้งใจว่าเที่ยวหน้าจะมาเดินคนเดียว 3-4วันให้สะใจไปเลย
ไม่พกพาวัตถุโบราณจากบ้านมาบ่นให้รำคาญใจอีกแล้วล่ะ...ฮึ่...
...งั้นไปหาห้องเก็บมัมมี่กันก่อนนะ นะจ๊ะคนดี...อย่าบ่นมากไป...
เอ้า...เดินหากันจนเจอ...เราตั้งใจจะมาดูที่นี่โดยเฉพาะ
ก็เพราะไม่แน่ใจว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ไปเหยียบอียิปต์รึป่าว...
ตอนเด็กๆเคยอ่านหนังสือ"ต่วยตูน" และติดหนึบหนับ
กับเรื่องราวของไอยคุปต์และจานบิน เลยอยากเห็นของจริง
เคยเข้าใจว่าที่นี่เป็นที่เก็บโลงเก็บมัมมี่ของกษัตริย์ ตุตันคาเมน
เดินวนหากลับไป-กลับมาสามรอบก็หาไม่เจอ...สงสัยเราจะจำผิดซะแล้วล่ะ...
แต่ก็คุ้มค่าที่ได้เห็นสิ่งของเกี่ยวกับกรรมวิธีการทำมัมมี่ที่เราเคยอ่านๆมา...

อ้อ...อีกอย่างที่เราทึ่งมากจนถึงมากที่สุดคือ...ที่นี่ไม่มีค่าผ่านประตูค่ะ...
โอ๊ว....ของฟรียังมีในอังกฤษด้วยรึนี่?????ว๊าว....ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ...




พอหลุดพ้นออกจากพิพิธภัณต์ได้ คุณผู้ชายก็เรียกหา Pub ก่อนอื่นใด...
เพราะอากาศวันนั้นร้อนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเดินยิ่งร้อน อันนี้เข้าใจกันค่ะ...
ไม่ต้องไปไกลมากแค่ฝั่งตรงข้ามก็เห็นแล้วผับแรก มีที่นั่งตากแดดด้านนอกด้วย...
แต่...ทำไม๊....จะต้องมานั่งมองผู้คนเดินเข้า-ออกร้านอาหารไทยที่เราพลาดไป
ให้เจ็บกระดองใจซ้ำซ้อนด้วยก็ไม่รู้สิน่า...
แล้วเราก็เริ่มมองหาเป้าหมายต่อไป...ถามกันไป-ถามกันมา
ในนาทีที่สิ้นคิดตอนนั้น...ก็ไปลงที่ ไชน่าทาวน์...อีกแล้วค่ะ...
มาลอนดอนกี่เที่ยวๆก็ต้องไปไชน่าทาวน์...แหม...ก็ต้องสำรวจบ้างสิคะ
ว่าเดี๋ยวนี้เขามีอะไรใหม่ๆตกมาถึงกรุงลอนดอนบ้างรึยัง?
แต่ขอโทษ...ไม่ว่าจะไปมากี่รอบก็ยังทำใจให้ยอมรับไม่ได้ว่า
ที่นี่ยังเจริญและพัฒนาไปได้ช้ากว่าเพื่อนบ้านอย่าง ปารีสหรือ ซูริค
มากมายหลายกิโลเข่ง....ได้แต่ปลอบใจตนเองแบบโง่ๆ(อีกแล้ว...)
ว่าถ้าเราได้กินดี-มีสุขทุกประการปานนั้น ป่านฉะนี้อิฉันคงจะแปลงร่างเป็น
ทายารอสรู(หมู)ไปแล้วเป็นแน่แท้...
ชักชวนเฉไฉ ไถลเถลือกไปได้ไกลแท้....เอ้า...จากไชน่าทาวน์
มิพานพบสิ่งใดต้องประสงค์เลย...จิ๊....ได้แค่มาม่าเกาหลีรสแปลกใหม่
ไกลตาบ่านน๊อก-บ่านน่อกอย่างเรามาหอบนึงก็ดีแร๊ะ...
เดินทางกันต่อ...ถ่อรถเมล์-เห่รถไฟฟ้าใต้ดินกันหลายรอบ
จนส้นเท้าเริ่มออกอาการ คอนเวิร์ส "ตูไม่อยากไปกะมรึงอีกแล้วล่ะ..."
อ่ะอ้าว..มาด้วยกัน ก๊อต้องไปด้วยกันซี๊...ให้พักหน่อยนึงก็ได้อ่ะ...
แวะลงที่ Paddington แวะดื่มกันคนละกรึ๊บ
แล้วส่ายตาหาของกินแก้เซ็ง....ไปเจอเอาร้าน Abedeen Angus Staek house เข้าค่ะ...
แหม...งานนี้จะพลาดได้ไง...เมื่อเช้าเจอแต่อาหารผักๆ...
เดินตากแดด-ตากลมเผาผลาญแคลลอรี่กันไปหมดแล้ว
ได้เติมโปรตีนจากเนื้อสัตว์ซะหน่อยคงจะดีเน๊าะ...
แต่...กลายเป็นว่าจากเป้าหมายที่ต้องการหาของกระแทกปากแก้เซ็งนั้น...
กลับทำให้เซ็งและหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิมเป็น 100 เท่า...
เป็นเพราะเราคาดหวังสูงไปหรือเปล่านะ????
เราคิดว่า Angus Beef หรือ Scotch Beef นั้นเป็นเนื้อวัวที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยชิมมา
เพราะเราเองเคยเลือกซื้อเนื้อนี้จากห้าง Makro มาปรุงสเต็กเอง
แล้วค้นพบว่าเนื้อนี้อร่อยนุ่มนวล ละลายในปากต่างจากเนื้อวัวอื่นๆ
เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน...แล้วร้านที่มีสาขามากมายทั่วลอนดอน
อย่างนี้ก็น่าจะเป็นร้านที่ดีที่สุดสำหรับมื้อสเต็ก...
เรื่องราคามาที่หลัง แต่ความพึงพอใจนั้นต้องมาก่อนอื่น...
พอรู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับมันไม่ประทับใจเท่าที่ควรแล้ว...
เลยทำให้รู้สึกว่าแค่เนี๊ยะนะตั้ง 44 ปอนด์เชียว...(รึว๊ะ...!)
แต่ถ้าอร่อยถูกปากก็จะเป็น"แค่ 44 ปอนด์เองค่ะ..."
แถมบรรยากาศที่เหมือนตู้ปลาไร้อ๊อกซิเจนของร้านยิ่งไม่ช่วยอะไรได้เลย
รีบจ่ายเงิน-รีบเผ่นออกมาก่อนที่เราจะจ้องอาฆาตใครไปมากกว่านี้...
แต่...ไม่เท่านั้นสิคะ ก่อนที่จะหมดวันหรรษาฤดูร้อนของเราวันนี้...
เรายังจะต้องตามล่าหาโรงแรมที่เราจองไว้อีก...
ก่อนมาพี่สาวของคุณผู้ชายโทรมาเตือนไว้ว่าย่านที่เราจะไปพักกันนั้นอันตรายเหลือหลาย
ถ้าเลือกได้ก็เปลี่ยนเสียเถอะ...ไปพักที่อื่นดีกว่า...แต่ด้วยความดื้อของเรา
จะเปลี่ยนทำไม...ไหนๆแล้ว ลองดูสิ...มันจะแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ(วะคะ)???
...ปรากฎว่า มันแย่พอสมควรค่ะ กว่าจะหากันเจอแทบจะโดดแลกเขี้ยวกันแล้วเชียว
พอหาเจอก็เบ๊งใส่พนักงานต้อนรับไปเซ็ทนึง...เจอเบ๊งกลับมาด้วยค่ะ...
เอ้า...กลายเป็นว่าตูโง่เอง...อีกแล้วรึไรนี่??????
เฮ้อ...แต่ห้องพักก็สะอาดและใหม่พอสมควร เอาเถอะถือซะว่าเจ๊ากันไป...
เข้าห้องได้อาบน้ำ นอนดูโทรทัศน์... ฝันร้ายกันต่อไปว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรกันอีกว๊า????




เช้ามาลุกออกไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร...เลยทำให้รู้ว่าที่นี่ค่อนข้าง Popular ทีเดียว
เพราะยังมีลูกค้าอีกมากมายมาร่วมชะตากรรมพร้อมกันกับเราที่นี่...
เก็บข้าวของเสร็จก็เช็คเอ๊าท์ ขอฝากสัมภาระ-สัมภารกไว้ที่โรงแรมก่อน
จะได้เที่ยวท่องล่องถนนกันได้สะดวกๆหน่อย...
เป้าหมายของเราเช้านี้คือ...Petticoat Lane Market
ถึงได้รู้ว่าลอนดอนก็มีโบ๊เบ๊-พาหุรัดกะเขาด้วยแฮะ...
คุณผู้ชายบอกว่าตอนเด็กๆ สมัยที่เขายังอาศัยอยู่ในลอนดอน
พ่อ-แม่เขามักจะพามาเดินเล่นที่นี่เกือบทุกเช้าวันอาทิตย์
ที่นี่มีสินค้ามากมายหลากหลาย แต่เน้นหนักไปทางเสื้อผ้า...
ดูๆแล้วไม่ค่อยต่างจากพาหุรัดบ้านเราจริงๆค่ะ...จิปาถะจริงๆเลย
ผู้คนก็หนาแน่นอย่างกะมารอรับสินค้าแจกฟรีอย่างนั้นแหละ...
บางร้านค้าด้านหลังแผงลอยก็เปิดขายปกติ เหมือนไม่ใช่ประเทศอังกฤษ
ผู้คนมากชาติหลายศาสนามาทำการซื้อขายกันที่นี่อย่างอุ่นหนา-ฝาคั่ง
ราคาก็ถูกจนเหลือเชื่อ...นี่สินะตลาดนัดขวัญใจคนจนกลางกรุงลอนดอน
ไม่รวยก็สวยได้...ของจริง-ของก๊อปมีหมด
เสื้อผ้าแบรนด์เนมของไฮท์สตรีทที่เพิ่งตกรุ่นหรือสินค้าเกรด ก็มีให้เลือกซื้อหา
กันมากมายที่นี่แหละ...
เดินกันรอบดีแล้วเราก็หาแหล่งพักขากันซะหนึ่งรอบ....จะเป็นที่ไหนซะอีกล่ะ???
ก็ผับไง...ตรงข้ามทางเข้าตลาดมีผับหนึ่งตรงหัวมุมพอดี...เอาตรงนี้แหละ
แล้วเราก็เข้าไปอาศัยแปลงกายในห้องน้ำได้ด้วย...ร้อนๆแบบนี้...ชะแว๊บ...
เปลี่ยนจากขายาวมาเป็นขาสั้นที่เพิ่งไปสอยมาซะเลย...
แล้วก็หันมาเจ๊อะ"คุณเล็ก" สาวตัวเล็กสมชื่อในชุดเชฟเต็มยศ
ทักเอาว่า"คนไทยรึป่าวค๊า...?" แม่นล่ะค่า...
ทีนี้ก็เลยคุยกันน้ำไหล-ไฟมอดไปหลายกอง...
(ติดตามเรื่องราวของคุณเล็กได้ในบล็อก "นัดแนะ แวะชิม"ค่ะ)
ต่อจากนั้นก็เดินทางกันต่อ...
เดินหาป้ายจอดรถเมล์เจอก็ต้องมางมหากันอีกว่าป้ายนี้มีรถสายไหนจอดบ้าง?
รถสายนี้จะพาคุณไปถึงไหน? ระหว่างที่เราเดินวนรอบป้ายรถเมล์อยู่นั้น
รถกระบะสองตอนคันหนึ่งที่จอดติดอยู่ที่บรรทุกหนุ่มๆหน้ามนมาเต็มคันรถ
ก็ส่งเสียง "วี๊ด วิ๊วๆ..."กันใหญ่ เราก็มิได้เอ่ะใจหันไปมอง แต่หันมาจ๊ะเอ๋
คุณผู้ชายของเราเองเท่านั้นแหละ ถึงได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร?
ก็หนุ่มๆพวกนั้นรีบโบกไม้-โบกมือ ขอโทษคุณผู้ชายเรากันใหญ่...
ก๊ากกกกกก...บังอาจมาแซวป้าได้...โชคดีนะที่วันนี้คุณลุงถือศีล...
หลังจากนั้นเราก็หาหนทางไปเยี่ยมสะพานในดวงใจกันอีก...
Tower Bridge คืออีกเป้าหมายที่เราไม่เคยพลาดซักครั้งเมื่อมาลอนดอน...
ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงชอบสะพานนี้นักหนา...
ตอนเด็กๆก็เคยหลงรักสะพานพุทธฯจนหัวปัก-หัวปำมาทีแร๊ะ
แต่ตอนนี้สะพานนี้กลายมาเป็นที่หนึ่งในดวงใจของเราซะแล้ว...
เดินย่ำต๊อกไปอีกด้านหนึ่งใต้สะพานจึงเห็นท่าจอดเรือยอท์ชของผู้มีอันจะเหลือกินทั้งหลาย...
ก็เพิ่งจะมารู้เที่ยวนี้แหละว่าตรงนี้มีท่าจอดเรือยอท์ชด้วย...
แหมรวยกันจนน่าเกลียดนักเชียว...




ชื่นชมสะพานอันเป็นที่รักสมอุราดีแล้วเราก็ต้องรีบจรลี
หาหนทางกลับไปรับกระเป๋าที่ทิ้งไว้ที่โรงแรมกันอีก...
เราเลือกนั่งรถเมล์เพราะอยากเห็นถนนหนทางมากกว่าผนังท่อรถไฟฟ้าใต้ดิน...
แต่หารู้ไม่ว่า...นั่นคือทางเลือกที่ผิดมหันต์...
เพราะวันนั้นคือวันเฉลิมฉลองของคนผิวดำทั่วทั้งลอนดอน
เราคิดว่าเขาจะฉลองกันแค่แถว Notting Hill ซึ่งมี Carnival หรืองานพาเหรดกลางถนน ประจำปี
แต่เราดันลืมไปว่าย่านที่เราไปพักอยู่นั้นก็เป็นแหล่งของคนผิวสี...
จึงมีการเฉลิมฉลองด้วยเช่นกัน...จึงทำให้การจราจรเกือบเป็นจราจลไป...
และรถเมล์คันที่เราโดยสารมานั้นก็แน่นขนัดไม่ต่างจาก ขสมก.บ้านเราเลย
บวกกับอากาศที่ร้อนระอุชวนให้มาคุได้ทุกนาทีนั้น...ยิ่งแย่ลงไปทุกที...
แต่แล้วก็บังเกิดสิ่งที่แย่หนักไปกว่านั้นอีก...
ช่วงนาทีที่เราเบียดเสียดหลุดพ้นออกจากรถเมล์คันนั้นได้...
คุณลุงคนหนึ่ง...ก็โซซัด-โซเซลงมาจากประตูด้านหลังของรถเมล์
และล้มลงแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาเรา......ห่างไปแค่สามฟุตเอง...
เราได้ยินเสียงแกล้มฟาดไปกับขอบฟุตบาธอย่างชัดเจนมาก
นาทีนั้นทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ งวยงงไปชั่วขณะ รวมทั้งตัวเราเอง...
บางคนเริ่มได้สติกรีดร้องขอความช่วยเหลือ...ผู้คนก็เริ่มเฮละโลลงมายืนมอง
เราถูกคุณผู้ชายดันหลังให้รีบเดินข้ามไปในโรงแรม...
ใจเราก็ยังห่วงว่าจะมีใครเรียกรถพยาบาลมาช่วยแกหรือเปล่า?
เราเลยวานให้พนักงานในโรงแรมช่วยโทรเรียกให้...
ตอนที่เราออกมาจากโรงแรมผู้คนก็ยังคงยืนล้อมรอบร่างอันไร้สติของคุณลุงคนนั้นอยู่เลย...
รถเมล์ก็เคลื่อนตัวไปต่อไม่ได้จนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง...
เราเองก็ต้องรีบเดินทางกลับไปสถานีรถไฟให้ทันรถเที่ยวสุดท้าย...
ด้วยภาพที่ติดตาและภาวนาขอให้คุณลุงคนนั้นไม่เป็นอะไรมาก...นะคะ...
God Bless You....




พอหาหนทางกลับขึ้นรถไฟสายยาวกลับบ้านได้..
จากที่ตั้งใจไว้ว่าจะหลับเอาแรงซักงีบ..ก็หลับไม่ลง...
จิตใจพะว้า-พะวงห่วงคุณลุงคนนั้นมาตลอดทาง...

...กว่าจะกลับถึงบ้านได้ก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว...เก็บข้าวของ-อาบน้ำ
เข้านอนตีหนึ่งเศษๆ...
โชคดีที่พรุ่งนี้(วันจันทร์)เป็นวันหยุดชดเชยอีกหนึ่งวัน...
เลยได้นอนส่ายตูดท้าตะวันกันเกือบเที่ยงแน่ะ...แฮะ แฮะ ...







Create Date : 28 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2553 18:22:46 น. 16 comments
Counter : 751 Pageviews.

 
รุปสไลท์ไม่ขึ้นแฮะ

อดดูอ่ะ


โดย: maxpal วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:21:28:08 น.  

 
ตามเที่ยวจ้า...ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล๊อกนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ


โดย: My name is h-n-u-n-a วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:23:07:58 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยครับ ผมเองอยู่ไม่ไกลแต่ยังไม่มีโอกาสไปลอนดอนเลยครับ


โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:23:37:19 น.  

 
แวะมาดูคนชอบเที่ยวเหมือนกันครับ

เดือนหน้าผมจะไปฮานอย จะเอามาเล่าให้ฟังนะครับ

LONDON เป็นอีกที่ครับที่ในชีวิตนี้ต้องไปเที่ยวให้ได้ อยากไปขึ้น LONDON EYE จังครับ





โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:0:03:02 น.  

 
ไม่ยอมครับ ขอแอดคืนบ้างแล้วกันนะ


โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:1:03:31 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: missy pink poison วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:8:28:33 น.  

 
มาเที่ยวด้วยคนน่าสนใจและบล็อกก็สวย จขบ.ก็สวยยินดีที่รู้จักคะลอนดอนอยากไปเที่ยวสักครั้งเหมือนกันแถบยุโรปไปมาหลายประเทศเหลือแต่ลอนดอนนี้แหละไว้วันหลังแวะมาทักทายใหม่ ชอบบล็อกคุณจังคะ


โดย: SwissSydney วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:12:19:52 น.  

 
มารำลึกความหลังแล้วเจ๊ญ่า ข้อยก็ไม่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์เหมือนกันอ่ะ จะเข้าเฉพาะบางที่เท่านั้น อิอิ


โดย: เจี๊ยบ IP: 77.251.100.72 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:14:06:42 น.  

 
ไปเที่ยวลอนดอนด้วยคนนะคะ


โดย: Complicatedgirl วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:17:37:15 น.  

 
รูปไม่ขึ้นว่ะเจ๊ย่า


โดย: อิเจ๊ IP: 195.229.242.54 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:18:01:08 น.  

 

คิดถึงลอนดอน อิ๊กเลยค่ะ
เห็นบริทิชมิวเซี่ยม แล้ว สะเทือนใจอย่างแรง คิดถึง
คิดถึงตอนพาพ่อไปดู ตอนนั้นภาษายังไม่แข็งแรง อ่านอยู่นาน
อ๊อ เขาบอกว่า อย่าจับ มันมีสัญญาณเตือนนะ
อ่านจบ เสียงก็ดังพอดี เพราะว่า
พ่อ เอามือไปจับ กร๊ากก เดินหนีแทบไม่ทัน
ขอบคุณที่เอามาให้ดูอีกค่ะ


โดย: laughingbug วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:23:12:08 น.  

 
ตามมาเที่ยวลอนดอนด้วยคนนะคะ..
บ้านเมืองสวยงามและหลายๆสิ่งน่าสนใจจริงๆเลยค่ะ..


โดย: tiktoth วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:2:37:33 น.  

 
i miss London
i love your photo
it "s so beautiful
now i live in Sydney


โดย: hi there (anan29 ) วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:9:20:26 น.  

 
ตอนนี้ทั้งเดน่าและมามี๊ป่ายค่ะ เอ๋ติดเดน่ามา ตอนนี้เดน่าดีขึ้นแล้วแต่ตัวเองเนี่ยค่ะ เปื่อยเลย...คงยังไม่ได้อัพบล๊อกจนกว่าจะหายค่ะ แต่อย่างไงก็แวะมาเยี่ยมนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะ อย่าป่วยแบบเอ๋เด็ดขาดค่ะ...


โดย: aey_tara วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:19:19:54 น.  

 
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ...เอ...ทำไมภาพสไลด์ไม่ขึ้นล่ะ???
สำหรับเพื่อนใหม่ๆจะทยอยตามไปเยี่ยมนะคะ...


โดย: แม่เจ้าเมฯ วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:9:17:34 น.  

 
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย??????????


โดย: กุ๊กกุ๋ย IP: 81.79.12.42 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:19:00:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.