Ieri, oggi, e domani, c'e sempre e solo l'inter

อย.สหรัฐประกาศห้ามใช้ยาแก้หวัดที่ไม่มีใบสั่งแพทย์ ในเด็กอายุไม่เกิน 2 ปี

หลังจากที่มีนักวิชาการเสนอเรื่องนี้ในเดือนต.ค. ปี 2007, ล่าสุดเมื่อช่วงกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมาทางอย.สหรัฐ (US FDA) ได้ประกาศห้ามใช้ยาแก้หวัดแบบที่วางขายกันทั่วไปหรือ OTC/Over-The-Counter (ยาที่สามารถหาซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์) ในเด็กอายุไม่เกิน 2 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เหตุผลหลักคือ หลังจากที่ได้ติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพของการใช้ยาแก้หวัด รวมทั้งอาการข้างเคียงที่เกิดจากยาพบว่า การใช้ยาแก้หวัดเหล่านี้ นอกจากจะไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเนื่องจากหวัดในเด็ก ยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการข้างเคียงได้มากขึ้น เนื่องจากการที่ยาบางตัวเป็นสูตรผสม (เช่น ยาลดไข้ + ยาลดน้ำมูก + ยาแก้คัดจมูก ในเม็ดเดียว) หากกินยาร่วมกับยาเดี่ยวๆ อาจทำให้ได้รับยามากเกินขนาดได้

จากการประกาศนี้ทำให้ยาแก้หวัด OTC สูตรที่ใช้สำหรับเด็กอายุไม่เกิน 2 ปี ต้องถูกถอนออกจากตลาดของสหรัฐ และสำหรับยาที่ใช้ในเด็กอายุเกิน 2 ปี ต้องระบุข้อความว่า “ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี” ไว้ที่ฉลากยาด้วย

ปัจจัยเรื่องของประสิทธิภาพของการใช้ยานั้น จากการศึกษาพบว่า ยาแก้หวัดเหล่านี้ ไม่มีผลดีไปมากกว่าการใช้ยาหลอก (มีการศึกษาบางชิ้นที่ชี้ว่าการใช้ยาหลอกดีกว่าด้วย) ที่เรามักรู้สึกว่าอาการดีขึ้นหลังจากใช้ยาแล้ว ส่วนใหญ่เกิดจากการที่อาการหวัดทุเลาลงไปเอง (อ่านเพิ่มเติมในหัวข้อ placebo effect)

Note นักวิชาการบางคนยังกล่าวว่า ยาแก้หวัดเหล่านี้ นอกจากจะใช้ไม่ได้ในเด็กแล้ว ในผู้ใหญ่ก็แทบจะไม่มีประโยชน์ด้วย

ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องของความปลอดภัยในการใช้ เราจะเห็นได้ว่า ในยาสูตรผสมที่ใช้ในอาการหวัด จะมีการผสมยาหลายตัวในเม็ดเดียว เพื่อความสะดวกในการกิน สูตรยาที่ผสมกันทั่วไป ได้แก่ ยาลดไข้ (เช่น paracetamol), ยาลดน้ำมูก (เช่น ยากลุ่ม antihistamine), ยาแก้คัดจมูก (เช่น pseudoephedrine) สูตรยาบางยี่ห้ออาจรวมถึงยาละลายเสมหะหรือยาระงับการไออีกด้วย

ยาเหล่านี้ หากใช้ในขนาดปกติ (เช่น ได้รับใบสั่งจากแพทย์ หรือได้รับคำปรึกษาจากเภสัชกร) จะเป็นยาที่ไม่มีอันตราย แต่หากใช้ยาเกินขนาดแล้ว อาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น เด็กมีอาการซึม, หัวใจเต้นเร็ว, หมดสติ หรือโชคร้ายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
โดยเฉพาะจากการใช้ยากลุ่ม antihistamine และยาแก้คัดจมูก pseudoephedrine

สิ่งที่ทำให้มีโอกาสใช้ยาเกินขนาดคือ การกินยาซ้ำซ้อนกัน เช่น นอกจากจะกินยาสูตรผสมแล้ว ยังกินยาอื่นๆร่วมด้วย หรืออีกกรณีหนึ่งคือ ไม่รู้ว่ายาที่กินนั้นเป็นยาสูตรผสม (เช่น ยาที่บ้านเราชอบเรียกเหมารวมว่ายาแก้ปวดลดไข้)

ที่ร้ายกว่านั้นคือ ผู้ปกครองบางคน เคยกินยาแก้หวัดบางตัวแล้วหาย พอลูกเป็นหวัด เลยให้กินยาแบบนี้บ้าง, กรณีแบบนี้ต้องระวังให้มาก เพราะยาบางตัวเป็นอันตรายกับเด็กที่ระบบอวัยวะต่างๆยังทำงานได้ไม่เหมือนผู้ใหญ่ และอย่าลืมว่า ปริมาณยาที่ใช้ในผู้ใหญ่นั้น คำนวณจากน้ำหนักตัวของผู้ใหญ่ ไม่ใช่น้ำหนักของเด็ก หากใช้ในเด็ก จะทำให้เด็กได้รับยามากเกินไป

สิ่งที่ควรกระทำเมื่อจะใช้ยาแก้หวัดในเด็ก
1. พึงระลึกเสมอว่า ยาเหล่านี้ ไม่ได้รักษาหวัดโดยตรง และไม่ได้ทำให้หายป่วยเร็วขึ้น แต่ยาเหล่านี้ช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากหวัดเท่านั้น
2. อ่านฉลากยาเพื่อดูส่วนประกอบของตัวยาสำคัญว่ามีอะไรบ้าง และในตัวยานั้น มีวัตถุประสงค์ใช้เพื่อรักษาอาการใด
3. ไม่ควรให้เด็กกินยาหลายตัว เพราะในยาแก้หวัดส่วนใหญ่ มักเป็นสูตรผสม ทำให้เด็กอาจได้รับยาเกินขนาด จนเกิดอันตรายได้
4. อ่านฉลากยาให้เข้าใจถึงวิธีการใช้ยา ทั้งปริมาณและระยะเวลาที่ต้องกิน
5. ไม่ควรใช้ช้อนกินข้าวหรือช้อนกินกาแฟในการกินยา เพราะปริมาตรของช้อนแต่ละอันอาจไม่เท่ากันหรือไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ปริมาณยาคลาดเคลื่อนได้ ควรใช้ช้อนตวงในการกินยาเสมอ (ส่วนใหญ่จะแถมมากับกล่องยา หากไม่มีก็ให้เรียกถามกกับเภสัชกรได้)
6. ถ้ายาแก้หวัดที่ซื้อนั้น มีรุ่นที่ทำมาใช้สำหรับเด็ก ควรเลือกรุ่นนั้นๆ (ยาแก้หวัดส่วนใหญ่จะมีรุ่นสำหรับเด็ก) ไม่ควรเลือกยาที่ใช้สำหรับผู้ใหญ่ถ้าไม่จำเป็น
7. ห้ามใช้ยาเพื่อช่วยให้เด็กนอนหลับ (เช่น ยาลดน้ำมูก)

สิ่งที่ควรทำเมื่อเด็กเป็นไข้หวัด
1. หากมีไข้ ตัวร้อน หรือปวดหัว อาจให้กินยาแก้ปวดลดไข้ เช่น paracetamol หรือ ibuprofen (ไม่ควรใช้ aspirin) ร่วมกับการเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น
2. หากมีน้ำมูกมาก ควรใช้น้ำเกลือล้างจมูก หรือใช้วิธีดูดเอาน้ำมูกออกมา ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้คัดจมูก
3. ให้เด็กกินน้ำเยอะๆ ป้องกันภาวะขาดน้ำ, ช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายไม่ให้สูงเกินไป และช่วยลดอาการไอด้วย
4. หากมีเสมหะมาก ควรใช้วิธีดูดออก, บ้วนทิ้ง หรือใช้ยาแก้ไอ (ควรได้รับคำแนะนำจากเภสัชกร)
5. หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย เช่น เสมหะ/น้ำมูกเขียว, เจ็บคอมาก, คอแดงร่วมกับมีไข้สูง อาจกินยาปฏิชีวนะ (ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร)
6. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 3 วัน ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาการที่เป็นอาจไม่ใช่ไข้หวัด พร้อมทั้งนำยาที่กินไปก่อนหน้านั้นไปด้วย เพื่อช่วยในการวินิจฉัยและพิจารณาวิธีการรักษาต่อไป

สรุปแล้ว หากเด็กเป็นไข้หวัด หากไม่จำเป็นจะไม่กินยาก็ได้ หรือหากจำเป็นจะต้องกินก็ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ ไม่ควรที่จะไปซื้อยามากินเอง อย่าเห็นแก่ความสะดวกที่ยาเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ง่ายหรือยามีราคาถูกกว่าการไปพบแพทย์ และที่สำคัญ ห้ามลืมเด็ดขาดคือ ต้องอ่านฉลากยาพร้อมคำเตือนทุกครั้งก่อนใช้ยา

Note สำหรับเด็กที่อายุ 2-11 ปี ทาง US FDA กำลังมีการพิจารณาถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่สรุปผล หากมีความก้าวหน้าอย่างไร จะรีบรายงานให้ทุกท่านทราบ


Create Date : 25 มกราคม 2551
Last Update : 25 มกราคม 2551 17:44:08 น. 1 comments
Counter : 1132 Pageviews.  

 
thanks ka..



โดย: Baby I love you วันที่: 25 มกราคม 2551 เวลา:21:58:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Marquez
Location :
Milano Italy

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




A te che sei il mio grande amore Ed il mio amore grande
A te che hai preso la mia vita E ne hai fatto molto di più
A te che hai dato senso al tempo Senza misurarlo
A te che sei il mio amore grande Ed il mio grande amore

[Add Marquez's blog to your web]