Ieri, oggi, e domani, c'e sempre e solo l'inter

Beta carotene กับมะเร็ง

Beta carotene เป็นสารที่มีสี ซึ่งสามารถพบได้มากในพืชผัก ผลไม้ที่มีสีออกแดงๆ เหลืองๆ เช่น มะเขือเทศ ฟักทอง มะละกอ ฯลฯ

เชื่อกันว่าสารเหล่านี้ จะเป็น Antioxidant ในร่างกาย สามารถช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้

แต่ในกรณีของมะเร็งบางชนิดคือ มะเร็งปอด เคยมีงานวิจัยที่ส่งผลขัดแย้งกับคำกล่าวข้างต้น เพราะผลการวิจัยกลับพบว่า มันทำให้เกิดมะเร็งมากขึ้น

งานวิจัยที่เคยทำเรื่องนี้ มีอยู่ 3 ชิ้นหลักๆ คือ
1. Alpha Tocopherol, Beta Carotene Cancer Prevention Study (ATBC)
ทำการทดลองโดยให้ผู้ชายที่สูบบุหรี่ 29000 คน กินอาหารเสริมที่เป็น beta carotene เป็นเวลา 5-8 ปี
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินอาหารเสริม จะมีแนวโน้มเกิดมะเร็งมากขึ้น 18% เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กิน

2. Beta Carotene and Retinol Efficacy Trial (CARET)
ทำการทดลองโดยให้ผู้ชายและผู้หญิงที่สูบบุหรี่(หรือได้รับควันหรือสารพิษจากบุหรี่) 18000 คน กินอาหารเสริมที่เป็น beta carotene เป็นเวลา 4 ปี
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่กินอาหารเสริม จะมีแนวโน้มเกิดมะเร็งมากขึ้น 28% เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้กิน

3. Physicians' Health Study
ทำการทดลองในแพทย์ชาย 22000 คน (ในกลุ่มนี้ มี 11% ที่สูบบุหรี่) กินอาหารเสริมที่เป็น beta carotene เป็นเวลา 12 ปี
ผลการศึกษาพบว่า การได้รับสารนี้ ไม่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง และไม่ส่งผลต่อการป้องกันมะเร็ง

สรุปจากงานวิจัยทั้ง 3 นี้ จึงสรุปได้คร่าวๆว่า การได้รับ Beta carotene จะส่งผลเสียต่อคนที่เป็นหรือมีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งปอด โดยเฉพาะคนที่สูบบุหรี่ ในขณะเดียวกัน การได้รับ Beta carotene ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายแต่อย่างไร

ดังนั้น ในคนที่สูบบุหรี่ หรือคนที่เป็นมะเร็งปอด จึงควรจะระวังการได้รับสารนี้ในปริมาณมากๆ เพราะอาจจะส่งผลเสียต่ออาการที่เป็นอยู่ได้ และวิธีที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันมะเร็งปอดคือ พยายามลด ละ เลิกสูบบุหรี่ จะส่งผลดีต่อร่างกายแน่นอนครับ


Create Date : 19 มกราคม 2549
Last Update : 19 มกราคม 2549 11:07:46 น. 11 comments
Counter : 1238 Pageviews.  

 
ไม่อยากเป็นมะเร็งปอดแต่ยังสูบบุหรี่ มีสารวิเศษแค่ไหนก็เลี่ยงไม่ได้หรอกครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:12:00:12 น.  

 
ขอบคุณนะคะ....

ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ก็น่าสนใจทาน


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 19 มกราคม 2549 เวลา:13:43:20 น.  

 
อยากทราบรายละเอียดของบทความนี้แบบละเอียดเลยค่ะ
ว่าหามาจากไหนจะนำไปทำสัมมนาค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: ormmy IP: 58.136.95.222 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:18:45 น.  

 
ผมขอทราบว่างานวิจัยมาจากแหล่งใด คุณพูดแบบฉุยฉุยอย่างนี้ได้อย่างไร แล้วที่กินBeta caroteneแล้วเป็นมะเร็งเนื่องจากสาเหตุใด กรุณาสรุปมาด้วยครับ


โดย: วีระยุทธ IP: 203.151.53.135 วันที่: 18 กันยายน 2549 เวลา:15:22:05 น.  

 
^
^
1. Alpha Tocopherol, Beta Carotene Cancer Prevention Study (ATBC)
2. Beta Carotene and Retinol Efficacy Trial (CARET)
3. Physicians' Health Study


โดย: Marquez วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:15:56:34 น.  

 
สงสัยเพราะมันเป็น Betacarotene สังเคราะมั้งคะ ที่ใช้ในการทดลองน่ะ

เลยไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเป็น Betacarotene ในอาหารตามธรรมชาติล่ะก็

มีประโยชน์ต่อร่างกายแน่ๆ


โดย: fon IP: 203.113.33.11 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:06:11 น.  

 
^
^
จะของสังเคราะห์หรือของธรรมชาติแท้ๆ เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วก็ไม่แตกต่างกันครับ


โดย: Marquez วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:33:48 น.  

 
เท่าที่อ่านมาถือว่าเป็นประโยชน์นะค่ะแต่ขอเสริมว่า ผู้เขียนน่าจะเขียนโดยเสนอแนวความคิดทั้งในด้านดีและไม่ดีนะค่ะเพราะจากเท่าที่เคยอ่านงานวิจัยมาจะพบว่ามีหลายงานวิจัยที่วิจัยออกมาแล้ว Betacarotene และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์บางชนิดสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ค่ะ
ขอเสนอแนะเพียงแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะที่ให้ความรู้อีกแง่มุมหนึ่ง


โดย: Sanook! IP: 203.154.81.55 วันที่: 6 กันยายน 2550 เวลา:21:53:41 น.  

 
^
"ยับยั้งเซลมะเร็ง" กับ "รักษามะเร็ง" นี่คนละความหมายกันเลยครับ

การทดสอบหลายๆๆๆๆๆอันในห้องทดลอง ให้ผลในการยับยั้งเซลมะเร้งได้จริง แต่ยังไม่เคยมีอันไหนเลยที่ชี้ได้ชัดว่ามันจะช่วยรักษาหรือมีประโยชน์ในการใช้ในคนไข้ที่เป็นมะเร็ง หรือใช้ในการป้องกันมะเร็งได้จริงครับ

ลองเข้าไปอ่านในหัวข้อเรื่อง evidence base medicine ดูนะครับ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=marquez&month=10-11-2006&group=7&gblog=1


โดย: Marquez วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:9:47:36 น.  

 
เบต้าแคโรทีนกับมะเร็งปอด (ที่มา : หนังสือเภสัชโภชนา 2 แต่งโดยเภสัชกรสรจักร ศิริบริรักษ์ หน้า 91-98)
- ปี ค.ศ.1981 ดร.ริชาร์ด ปีโต และคณะ พบว่าจริง ๆ วิตามินเอมิได้ทำหน้าที่ยับยั้งมะเร็ง แต่เป็นฤทธิ์ของสารเบต้าแคโรทีน
- ในปีเดียวกัน ดร.ริชาร์ด เชเคลล์ นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยเทกซัส ค้นพบว่า แท้จริงแล้วสารป้องกันมะเร็งคือ เบต้าแคโรทีนในพืช
- มีการศึกษาพบว่า เบต้าแคโรทีนทำลายมะเร็งได้ด้วยกระบวนการหลายอย่าง เช่น มันช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ทำให้ก้อนมะเร็งในหนูทดลองลดขนาดลงถึง 7 เท่าของขนาดธรรมดา
- การทดลองของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พิสูจน์ได้ว่า เบต้าแคโรทีนมีพิษโดยตรงต่อเซลล์มะเร็งสความัส (squamous cell carcinoma) ลดการขยายตัวของก้อนมะเร็งในปอด และกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต้านมะเร็ง
- แต่งานวิจัยที่น่าสนใจที่สุด เป็นของมหาวิทยาลัยทัฟต์ ซึ่งแสดงให้เห้นว่า หลังกินเบต้าแคโรทีนแล้วมันจะเปลี่ยนเป็นกรดเรติโนอิกในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง และยังพบว่าเบต้าแคโรทีนที่กินเข้าไป จะสะสมไว้ในปอด ตับ ไต และชั้นไขมัน ซึ่งเปลี่ยนเป็นกรดเรติโนอิกได้ทันทีที่ร่างกายต้องการ
- ศาสตราจารย์ ดร.อีไล ซีฟเทอร์ นักชีวเคมีวิทยาลัยการแพทย์แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในนิวยอร์ก ทดลองฉีดสารก่อมะเร็งแก่หนูทดลอง แล้วจึงให้เบต้าแคโรทีนปริมาณสูง 2-9 สัปดาห์หลังจากนั้นเขาพบว่า เบต้าแคโรทีนป้องกันและยับยั้งมะเร็งในระยะต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากินเบต้าแคโรทีนปริมาณสูงพร้อมกับฉายรังสี
- ดร.โดโรที แมคเคอราส แห่งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทกซัส พบว่า เบต้าแคโรทีนไม่อาจต้านมะเร็งในคนที่สูบบุหรีต่อเนื่อง
- งานวิจัยที่ทุ่มเวลานานที่สุด เป็นของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ตีพิมพ์ใน new england journal of medicine ว่า ปริมาณเบต้าแคโรทีนช่วยพยากรณ์ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปอด คนที่กินเบต้าแคโรทีนต่ำสุด มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดเป็น 2.2 เท่าของคนกินเบต้าแคโรทีนสูงสุด และปริมาณเบต้าแคโรทีนมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเซลล์สความัส (มะเร็งที่ผิวของเนื้อเยื่อปอด ซึ่งถูกกระตุ้นจากการสูบบุหรี่)

- มหาวิทยาลัยวอชิงตัน (เรียกว่า CARET Study) บ่งชี้ว่า การกินเบต้าแคโรทีนสังเคราะห์ปริมาณสูงมาก ๆ คือ 50 มิลลิกรัมต่อวัน พร้อมวิตามินเอขนาด 25,000 หน่วยสากล แทนที่จะป้องกันมะเร็ง กลับกระตุ้นมะเร็งในคนสูบบุหรีถึง 42%
แต่หากเลิกบุหรี่ก่อน แล้วจึงกินเบต้าแคโรทีน จะช่วยลดความเสียงจากมะเร็งได้ 20%

- อาหารที่มีเบต้าแคโรทีนสูง (มก.) ได้แก่
ลูกท้อแห้ง 17.6 มก.
ลูกพีชแห้ง 9.2 มก.
มันเทศ 8.8 มก.
แครอท 7.9 มก.
คะน้า 4.7 มก.
ผักโขม 4.1 มก.
ฟักทอง 3.1 มก.
แคนตาลูป 3.0 มก.
มะม่วง 1.3 มก.

- และงานวิจัยกว่า 11 ชิ้นทั่วโลกบ่งบอกว่า ไม่เฉพาะเบต้าแคโรทีนตัวเดียว แต่ยังมีแคโรทีนอีกหลายชนิดที่ทำหน้าที่ยับยั้งมะเร็งปอด และช่วยลดความเสี่ยงได้ 2-3 เท่า

- web ที่อ้างอิงได้; //www.hsph.harvard.edu/news/press-releases/2000-releases/press10122000b.html

- จากประสบการณ์ตรง หากผู้ใดมีข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาก้อนเนื้องอก หรือมะเร็งปอด ซึ่งตรวจพบในคุณพ่อและคุณหมอยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นอะไร (ขนาดประมาณ 2 ซม.) ทางการแพทย์แผนปัจจุบันต้องการให้ผ่าตัด เนื่องจากมะเร็งมี 2 กลุ่มใหญ่ ๆ แต่น่าจะแบ่งเป็น 4 ชนิด หากเป็นชนิดเซลล์เล็กจะแพร่กระจายเร็วในระยะเวลา 2-3 เดือน การผ่าตัดจะทำให้ประสิทธิภาพปอดลดลง 25% และมีภาวะแทรกซ้อนประมาณ 30% และหนังสือบางเล่มเขียนว่า 8% ในผู้ชาย & 13% ในผู้หญิงจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 5 ปี หรือกว่านั้น หรือแม้กระทั่งข้อมูลบางที่บอกว่ามะเร็งบางชนิดห้ามใช้วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด หากมีข้อมูลขอได้แนะนำด้วย

- หากมีคำแนะนำในวิธีการรักษา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ทางเลือก, การแพทย์สมุนไพร, การแพทย์ผสมผสาน หรืออื่น ๆ ได้โปรดแนะนำด้วยครับ

- ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้า กุศลจิตจงนำทุกท่านไปสู่ความเจริญในทุกสิ่ง ปราศจากโรคาพยาธิ และภยันตรายใด ๆ

- E-mail : autthayothin@hotmail.com



โดย: RB.515 IP: 125.25.76.224 วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:22:18:14 น.  

 
ถ้าจะเป็นก็ต้องเป็นไม่เลือกชั้นวรรณะ


โดย: NONBURI IP: 58.137.23.193 วันที่: 18 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:14:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Marquez
Location :
Milano Italy

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




A te che sei il mio grande amore Ed il mio amore grande
A te che hai preso la mia vita E ne hai fatto molto di più
A te che hai dato senso al tempo Senza misurarlo
A te che sei il mio amore grande Ed il mio grande amore

[Add Marquez's blog to your web]