Ieri, oggi, e domani, c'e sempre e solo l'inter

น้ำมันปลา / Omega-3

น้ำมันปลา อุดมไปด้วยไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายที่ชื่อว่า Omega-3 ซึ่งมีหลักๆอยู่ 3 ตัวคือ ALA, EPA และ DHA

ซึ่งตัว Omega-3 นอกจากจะพบในน้ำมันปลาแล้ว ยังพบได้ในน้ำมันพืชอีกหลายชนิด เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดฝ้าย

แต่น่าเสียดายที่น้ำมันจากพืชที่กล่าวมานั้น นอกจากจะมี Omega-3 อยู่ แต่ปริมาณก้มีน้อยกว่า Omega-6 ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่หากได้รับมากไป ก็อาจทำให้เกิดความดันสูงหรือโรคหัวใจได้ ทำให้น้ำมันพืชที่ดูท่าจะปลอดภัยมีเพียง น้ำมันมะกอกและน้ำมันคาโนลา เท่านั้น

ประโยชน์ของน้ำมันปลา
การศึกษาถึงประโยชน์ของน้ำมันปลามีมาหลายปีแล้ว เราจะมาดูกันว่า จริงๆแล้วมันช่วยอะไรเราได้บ้าง
1. ช่วยลดไขมัน Triglyceride (TG) ในเลือด
มีการทดลองที่ชัดเจนว่า การกิน Omega-3 ในขนาด 2 กรัม/วัน ก็ช่วยส่งผลลด TG ได้ และจะยิ่งส่งผลดี เมื่อได้รับในขนาดมากขึ้น เช่น การได้รับในขนาด 4 กรัม/วัน ช่วยลด TG ได้ 25-40 %

2. ลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน/heart attack ในคนที่เคยมีประวัติมาก่อน (Secondary cardiovascular disease prevention)
พบว่า ในผู้ป่วยที่มีประวัติเคยมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน การกินปลาในขนาด 200-400 กรัม/สัปดาห์ (เทียบเท่ากับได้รับ Omega-3 500-800 มก./สัปดาห์) ช่วยลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นได้
แต่ทั้งนี้คนไข้ต้องใช้ยารักษาโรคหัวใจควบคู่ไปด้วยถึงจะได้ผล (น้ำมันปลา ช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาให้มากขึ้น)

นอกจากนี้ทางสมาคมโรคหัวใจของ USA ได้แนะนำให้คนที่เป็นโรคหัวใจควรจะได้รับ EPA + DHA วันละ 1 กรัม ไม่ว่าจะมาจากการกินปลาหรือจะมาจากอาหารเสริมก็ตาม

3. อาการความดันโลหิตสูง
การกิน Omega-3 ช่วยลดความดันได้ 2-5 ม.ม.ปรอท และอาจลดได้มากกว่านี้ในกรณีที่ความดันสูงมากๆ

แต่ทั้งนี้ การกิน Omega-3 อาจต้องกินในขนาดสูงคือ 3 กรัม/วัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้สูง

Note การควบคุมความดันด้วยวิธีอื่น สามารถเห็นผลได้ดีกว่ามาก เช่น การจำกัดเกลือ, การลดน้ำหนัก, การออกกำลังกายหรือการใช้ยา

4. การป้องกันโรคหัวใจ ในกรณีที่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน (Primary cardiovascular disease prevention)
มีบางรายงานว่าในคนที่กินปลาเป็นประจำ จะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กิน แต่บางรายงานก็ขัดแย้งกัน

จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่า การป้องกันการเกิดโรคหัวใจนี้ จะป้องกันได้เฉพาะในกลุ่มคนที่มีแนวโน้ม/ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจหรือไม่

5. ข้ออักเสบ Rheumatoid
การใช้น้ำมันปลาจะช่วยเสริมฤทธิ์แก้ปวด เมื่อใช้ควบคู่กับยาแก้ปวดได้ โดยน้ำมันปลาจะช่วยลดสารสื่อที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดได้

การใช้น้ำมันปลาแบบผิดๆ
เราอาจจะได้เห็นโฆษณาขายของ ที่มักจะนำประโยชน์ของน้ำมันปลามาโฆษณากัน เช่น
1. ช่วยพัฒนาสมอง
ถึงแม้ DHA จะช่วยสร้างสมอง แต่มันก็เกิดขึ้นตั้งแต่ทารกจนอายุประมาณ 5 ปีเท่านั้น แต่จากการศึกษาแล้วพบว่าน้ำมันปลามีส่วนช่วยเรื่องความจำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ไม่ได้ช่วยก่อให้เกิดเด็กที่ฉลาดกว่าปกติแต่อย่างใด

2. ลด Cholesterol ในเลือด
ถึงแม้น้ำมันปลาจะช่วยลด TG ได้ แต่สำหรับตัว Cholesterol พบว่า มันช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) ได้ 1-3 %
แต่ก็เพิ่มไขมันตัวร้าย (LDL) 5-10 % ด้วย
และยังไม่พบว่าการกินน้ำมันปลา จะมีผลดีต่อเรื่อง Cholesterol แต่อย่างใด

ในคนที่มีภาวะ cholesterol ในเลือดสูง ควรใช้การรักษาด้วยวิธีอื่น

3. ป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหลอดเลือดสมองประกอบ ไปด้วย 3 โรคหลักๆ ได้แก่ เส้นเลือดสมองตีบ แตก และ อุดตัน

การกินน้ำมันปลา อาจจะมีผลดีต่อการลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตกได้มากขึ้น

ปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
สมาคมโรคหัวใจ USA แนะนำให้กินปลาสัปดาห์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง
WHO แนะนำให้กิน 0.3-0.5 กรัมของ EPA + DHA และ 0.8-1.1 กรัมของ ALA

อาการข้างเคียงที่สำคัญของน้ำมันปลา
1. การเกิดเลือดออก
น้ำมันปลา สามารถลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือด(เป็นผลดีในกรณีโรคหัวใจ) ทำให้หากเกิดบาดแผล ก็จะหายได้ยากขึ้น และเกิดเลือดออกได้มากขึ้น

การได้รับ omega-3 มากๆ เช่น มากเกิน 3 กรัม/วัน จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดหลอดเลือดสมองแตกได้ และการทานในขนาดที่มากขึ้น อาจทำให้เกิดเลือดกำเดาหรือมีเลือดออกปนกับปัสสาวะได้

2. ความดันโลหิตลดลง
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น การใช้ควรระวังในคนที่มีภาวะความดันต่ำอยู่แล้ว หรือในคนที่กินยาลดความดัน อาจทำให้เกิดภาวะความดันต่ำได้

3. การได้รับสารพิษที่ตกค้างในปลา
ในปัจจุบัน พบว่ามีสารพิษตกค้างในปลาบางชนิด เช่น Dioxin, Methylmercury และ polychlorinated biphenyl

ซึ่งในกรณีที่ให้เด็กที่ยังมีการพัฒนาระบบกำจัดของเสียยังไม่ดี อาจส่งผลให้เกิดพิษต่อเด็กได้มาก และหากหญิงตั้งครรภ์ได้รับสารพิษเหล่านี้ ก็จะส่งผลเสียต่อทารกโดยตรง

สรุปแล้ว น้ำมันปลามีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของหัวใจและหลอดเลือด แต่ก็ควรระวังการใช้แบบผิดๆที่มากับโฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องการลด Cholesterol ซึ่งในความจริงอาจจะทำให้ LDL เพิ่มมากขึ้นและเรื่องการใช้ในเด็ก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการสะสมสารพิษในเด็กได้

อย่าลืมน้ำมันปลาเอง ก็เป็นไขมันชนิดหนึ่ง ให้พลังงานเท่ากับไขมันชนิดอื่นๆ การได้รับเกินความจำเป็นก็ทำให้อ้วนได้ครับ


Create Date : 02 มิถุนายน 2549
Last Update : 19 ธันวาคม 2553 7:02:12 น. 9 comments
Counter : 5904 Pageviews.  

 
ติดตามอยู่ค่ะ


โดย: ป้ามด วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:16:02:56 น.  

 
ความรู้มากมายจิงๆค่ะ


โดย: cooking papa วันที่: 16 ธันวาคม 2549 เวลา:11:47:38 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้มากเลย


โดย: มณีสยาม IP: 125.25.19.159 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:41:53 น.  

 
เยี่ยมมากครับ


โดย: แบทแมนน้อย IP: 161.200.255.162 วันที่: 2 เมษายน 2550 เวลา:23:04:18 น.  

 
มาตามอ่านด้วยคนค่ะ
จะไล่อ่านให้ครบเลย มีประโยชน์จัง


โดย: Galilee IP: 203.130.145.67 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:15:17:56 น.  

 
ขอบคุณครับ เกือบตัดสินใจพลาดแล้ว


โดย: Gatt IP: 124.120.76.166 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:21:14:26 น.  

 
ขอบคุณค่า


โดย: อาอ้อ IP: 124.120.3.77 วันที่: 7 เมษายน 2551 เวลา:23:29:57 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่ทำให้ทราบเรื่องของน้ำมับปลา เพราะเข้าใจว่ามีผลดีต่อหลอดเลือด
ปัญหา
1.สามีมีอายุ52ปี ยังสูบบุหรี่ พยายามลดนะ แต่ก็ยังสูบตลอด (นานประมาณ 35 ปี)
2.ระยะนี้เริ่มมีอาการเวียนหัวบ่อยขึ้น แต่ก็ยังเป็นๆหายๆมาหลายเดือน ทานยาตามแพทย์สั่งมาตลอด อาการก็ไม่ดีขึ้นนะค่ะ
ขอถามว่า
1.การทานน้ำมันปลาจะช่วย การไหลเวียนเลือดได้หรือไม่
2.การเวียนหัว อาจเกิดจากการที่ หยุดสูบในขณะป่วย เป็นไปได้หรือไม่
3. การสแกนเพื่อตรวจสอบ มีผลดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้างค่ะ
ผลการเช็คสุขภาพไม่มีความดันสูงหรือต่ำ นะค่ะ
ไม่อ้วน ไม่ดื่ม






โดย: น้องหมู IP: 58.8.174.45 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:23:05 น.  

 
omega-3 กะ omega-6 ทำหน้าที่ตรงกันข้ามเช่น omega-3ทำให้เลือดไม่แข็งตัว omega-6 ทำให้เลือดแข็งตัว ให้ชีวิตประจำวันเราจะได้omega-6 มากกว่า omega-3 มาก เลือดก็เลยมักจะแข็งตัวมาก ข้นมาก หัวใจก็เลยทำงานหนักเพื่อสูบฉีด ก็เลยมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจได้แต่การที่เลือดแข็งตัวก็มีประโยชน์ด้วยเช่นในกรณีมีดบาด เลือดก็จะแข็งตัวทำให้เลือดออกไม่มากคับ และอีกอย่าง omega-3ในพืชจะมีคุณสมบัติสู้omega-3 ในสัตว์ไม่ได้โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกเช่นพวกปลาทูน่า


โดย: totonrak IP: 223.206.247.88 วันที่: 10 ธันวาคม 2553 เวลา:22:38:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Marquez
Location :
Milano Italy

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




A te che sei il mio grande amore Ed il mio amore grande
A te che hai preso la mia vita E ne hai fatto molto di più
A te che hai dato senso al tempo Senza misurarlo
A te che sei il mio amore grande Ed il mio grande amore

[Add Marquez's blog to your web]