Business, Management, Skill, Experiences--แลกเปลี่ยน เรียนรู้ แบ่งปัน ประสบการณ์ บริหาร และอื่น ๆ
Group Blog
 
All blogs
 

บัญญัติ 10 ประการสำหรับการตั้งชื่อบริษัท

บัญญัติ 10 ประการสำหรับการตั้งชื่อบริษัท



เรื่อง : คัมภีร์ทอง

ชื่อบริษัทที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งและช่วยสร้างภาพพจน์ให้กับบริษัทได้อีกด้วย ถึงแม้ชื่อบริษัทอาจจะไม่ได้มีผลโดยตรงกับการทำงานของบริษัทหรือลดยอดขายของคุณลง แต่ก็ควรพิจารณา
10 ข้อต่อไปนี้เมื่อเริ่มคิดจะตั้งชื่อบริษัท เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งน่ะจริงเสมอ

1. ให้ความสำคัญกับชื่อ การตั้งชื่อบริษัทหรือสินค้านั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันจะเป็นชื่อที่คุณจะต้องใช้ในการทำการตลาดด้วย ชื่อบริษัทมีผลต่อภาพลักษณ์และจุดยืนในตลาด ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ

2. หลีกเลี่ยงการเล่นคำในชื่อ การเล่นคำมากไปหรือใช้คำแผลงๆ อาจจะทำให้ลูกค้าจำยาก การใช้คำที่ผวนได้จะส่งผลต่อศีลธรรมอันดีงาม และอาจโดนวิพากษ์วิจารณ์ได้

3. ไม่จำเป็นต้องเป็น CP การใช้ตัวอักษรย่อชื่อบริษัทอาจจะทำให้การโฆษณาหรือสื่อสารง่ายขึ้น แต่นักธุรกิจขนาดเล็กคงไม่มีกำลังทั้งกายและเงินมากพอที่จะคอยบอกกลุ่มเป้าหมายว่าชื่อบริษัทนี้มีความหมายอย่างไร ดังนั้นให้ใช้ชื่อเต็มที่ไม่ต้องยาวนักจะดีกว่า

4. เน้นจุดเด่น คุณสามารถตั้งชื่อให้เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณที่คิดว่าเด่นเป็นจุดขายให้บริษัท คิดง่ายๆ ว่า ”บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเฉพาะเท่านั้นที่ลูกค้าต้องการ”

5. ห่างคุกไว้เป็นดี คุณไม่ควรใช้ชื่อให้ใกล้เคียงบริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว อีกทั้งชื่อที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ด้วย ตัวอย่างเช่น กรณีของนาย Victor Moseley ที่เมืองอลิซาเบท รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ใช้ชื่อ Victor's Secret เป็นชื่อร้านขายของขวัญสำหรับผู้ใหญ่และชุดชั้นในสตรี เมื่อฝ่ายกฏหมายของ Victoria's Secret (ร้านชุดชั้นในสตรีชื่อดังของสหรัฐฯ) พบเข้าจึงได้ยื่นหนังสือฟ้องร้านของนายวิคเตอร์ในข้อหาละเมิดชื่อบริษัท แม้เขาจะรีบเปลี่ยนชื่อเป็น Victor's Little Secret ก็ยังโดน Victoria's Secret ฟ้องอยู่ดี

6. มองการณ์ไกล ธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่งคิดว่าจะดำเนินธุรกิจแต่เพียงในอำเภอเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าชื่อบริษัทจะต้องจำกัดด้วยสถานที่ที่คุณตั้งบริษัทเท่านั้น เพราะคุณอาจขยายกิจการไปจังหวัดอื่น หรือทั่วประเทศเลยก็ได้

7. หลีกเลี่ยงชื่อตัวเอง เจ้าของบริษัทหลายท่านมักจะใช้ชื่อตัวเองตั้งเป็นชื่อร้าน ตัวอย่างคือร้านทองต่างๆ ที่แสนจะจำยากเย็น ข้อเสียคือหากคุณวางแผนจะขายกิจการในอนาคต ชื่อร้านที่เป็นตัวบุคคลเช่นนี้ไม่ดึงดูดใจผู้ซื้อเลยเมื่อเทียบกับบริษัทที่สร้างชื่อจากสินค้าหรือบริการ

8. ให้คนอื่นช่วยอ่านออกเสียง หากอยากใช้ชื่อบริษัทที่แปลกๆ หรือใช้ภาษาท้องถิ่น ลองให้คนอื่นอ่านออกเสียงดูว่า เขาได้อ่านง่ายหรือออกเสียงถูกหรือไม่

9. ใช้ชื่อที่ขึ้นเว็บง่าย ผู้บริโภคนั้นโดนกรอกหูกรอกตาด้วยชื่อบริษัทร้านค้าทุกวันอยู่แล้ว งานของคุณคือต้องเลือกชื่อที่ผู้บริโภคจะจำได้ง่าย ชื่อเว็บไซท์ควรเป็นชื่อเดียวกับบริษัทและพยายามอย่าขีดเส้นระหว่างคำ เพราะมันจำยาก

10. ตรวจดูว่าไม่ใช่ชื่อซ้ำ จะตั้งชื่อบริษัทให้ดีทั้งทีควรใช้เวลาสำรวจดูว่าไม่มีคนอื่นใช้ก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีก็อาจะปรับชื่อให้คล้ายๆ กันหากว่าไม่ใช่ธุรกิจที่คล้ายกัน คุณสามารถค้นหาและจองชื่อนิติบุคคล ได้ที่เว็บไซท์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ //www.dbd.go.th

เครดิตภาพ : //www.bangkokwealth.com


ที่มา: //www.smethailandclub.com/web/category/inside/id/699/parent_id/1




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2552    
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 18:35:53 น.
Counter : 1121 Pageviews.  

6 กฏเบื้องต้นของการโฆษณาธุรกิจขนาดเล็ก

6 กฏเบื้องต้นของการโฆษณาธุรกิจขนาดเล็ก



เรื่อง : คัมภีร์เงิน

การโฆษณาของธุรกิจขนาดเล็กเป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ แต่น่าเสียดายที่หลายบริษัทมองข้ามเรื่องพื้นฐานของการโฆษณาไป หากคุณเข้าใจเรื่องพื้นฐานของการโฆษณาไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดใดก็ย่อมจะประสบความสำเร็จได้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าผู้ประกอบการขนาดเล็กควรจะแบ่งงบประมาณจากยอดขายประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เอาไว้สำหรับการโฆษณา แต่การโฆษณาจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อคุณเข้าใจเรื่องกฎพื้นฐานของการโฆษณา ต่อไปนี้เป็นกฏเบื้องต้นของการโฆษณาพร้อมตัวอย่างวิธีการโฆษณาที่ประสบความสำเร็จตามกฎทั้ง 6 ของบริษัท NordicTrack (บริษัทขายเครื่องออกกำลังกายในสหรัฐอเมริกา)

1. ใช้ข้อความเดียว
โฆษณาที่ให้ผลตอบรับสูงมักจะส่งข้อความที่ชัดเจนเพียงเรื่องเดียว ข้อความง่าย ๆ ของ NordicTrack ที่ว่า the "World's Best Aerobic Exerciser" นั้นสั้นๆ แต่โดน โฆษณาของธุรกิจขนาดเล็กควรสื่อสารใจความหลักออกไปให้ได้ภายใน 3 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น ลองดูอีกตัวอย่าง หากคุณกลัวการใช้เทคโนโลยีหรือคอมพิวเตอร์ หนังสือคอมพิวเตอร์ที่ชาวอเมริกันจะคิดถึงเป็นอันดับแรกคือหนังสือปกสีเหลืองชุด "DOS for Dummies" ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนังสือขายดีแบบถล่มถลายเพราะข้อความง่ายๆ แต่ถึงใจผู้บริโภค

2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ
ธรรมชาติของคนเรานั้นจะไม่เชื่อโฆษณาจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่คุณประกาศออกไปควรจะต้องเป็นเรื่องจริงและพิสูจน์ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณากล่าวว่า “โฆษณาที่คุณต้องการให้ลูกค้าสนใจนั้นหากไม่สามารถทำให้น่าเชื่อถือได้แล้วไซร้ นั่นก็ย่อมหมายถึงการเสียเงินค่าโฆษณาไปโดยเปล่าประโยชน์” บริษัท NordicTrack ร่วมมือกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Wisconsin-LaCrosse จัดอันดับการออกกำลังกายด้วยเครื่องออกกำลังกายชนิดต่าง ๆ และพบว่าเครื่อง cross-country ski มาเป็นอันดับหนึ่งหากคุณต้องการลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกาย และเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจ ฟังแล้วน่าเชื่อถือใช่มั้ยล่ะ หรือโฆษณาของสบู่ไอโวรี่ที่ขายความบริสุทธิ์ 99-44/100% (หมายความว่าสบู่ทำจากส่วนผสมธรรมชาติ 99.44 เปอร์เซ็นต์) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามกับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้สินค้าเน้นธรรมชาติ

3. ทดสอบทุกขั้นตอนก่อนลงมือทำจริง
ธุรกิจขนาดใหญ่มีกำไรมากพอที่จะทุ่มไปกับการโฆษณาโดยที่ไม่ต้องทดสอบกับลูกค้าจริงก่อน แต่ธุรกิจขนาดเล็กไม่ได้มีเงินเหลือเฟือที่จะทำเช่นนั้น คุณอาจลองใช้สื่อโฆษณาหลายๆ แบบ เช่น คูปอง โบรชัวร์ หรือของแจก เพื่อดูว่าชื่อบริษัท เวลาโฆษณา และสถานที่โฆษณาที่ทำไปแล้วเหมาะสมหรือไม่ ทดสอบสื่อทีละชนิด วิธีการทดสอบว่าสื่อนั้น ๆ ใช้ได้หรือไม่ก็เพียงแค่ถามลูกค้าที่ติดต่อคุณหรือเดินเข้ามาที่ร้านว่าพวกเขาได้ยินชื่อบริษัทคุณจากสื่อใด เก็บข้อมูลประมาณ 2-3 สัปดาห์

4. ต้องติดต่อได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็นโบร์ชัวร์ บรรจุภัณฑ์ อีเมล์ หรือสิ่งพิมพ์ทุกอย่างของบริษัทจะต้องมีรายละเอียดที่ติดต่อบริษัท ได้แก่ เว็บไซท์ อีเมล์ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์/โทรสาร อาจฟังดูเหมือนเรื่องธรรมดาแต่หลายบริษัทกลับลืมหรือมองข้ามจุดนี้ไป กล่องใส่สินค้าของ NordicTrack ทุกกล่องจะมีรายละเอียดที่ติดต่อของบริษัท รวมถึงประโยคทองของบริษัทที่ว่า "World's Best Aerobic Exerciser” อยู่ด้วย

5. ทำโฆษณาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาที่ประสบความสำเร็จมักจะมุ่งไปที่กลุ่มเป้าหมายเดียวเท่านั้น บริษัท NordicTrack จะปรับโฆษณาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายถึงแม้จะเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน เช่น หากเป็นโฆษณาในสิ่งพิมพ์ทางการแพทย์ก็จะเน้นไปที่ประโยชน์ของการออกกำลังกายด้วยเครื่อง cross-country skiing ให้กับผู้ป่วยโรคหัวใจ ส่วนโฆษณาในแมกกาซีนผู้หญิงก็จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการลดน้ำหนักและการเผาผลาญไขมันจากเครื่อง cross-country skiing

6. กระตุ้นความอยาก
โฆษณาที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ขายสินค้าหรือบริการอย่างโจ่งแจ้ง แต่ขายสิ่งที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคน โฆษณาของบริษัท NordicTrack นั้นอยู่ในฟรีวิดีโอ เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้ดูวิดีโอแล้ว พวกเขาก็จะติดต่อบริษัทเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ผลที่ตามมาน่ะเหรอ ก็คือยอดขายหลายล้านเหรียญสหรัฐไง ลองคิดวิธีการโฆษณาที่กระตุ้นความสนใจ (ในราคาที่เหมาะสม) หรืออยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการมากขึ้น

หากทำตามกฎทั้ง 6 แล้วเสียงตอบรับจากลูกค้ายังต่ำ ไม่ได้หมายความว่าคุณใช้สื่อผิดประเภทหรอกนะ แต่น่าจะเป็นปัญหาที่ ”ข้อความ” ของคุณมากกว่า การโฆษณาของธุรกิจขนาดเล็กไม่ได้มีทางเลือกเดียว คุณต้องวางแผน ทดสอบ สำรวจและปรับปรุงวิธีการให้เข้ากับธุรกิจของคุณ เมื่อพบกับสื่อที่เหมาะกับธุรกิจคุณนั่นถือได้ว่ากลยุทธ์การตลาดของคุณประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

เครดิตภาพ :www.advertiseomaha.com

ที่มา: //www.smethailandclub.com/web/category/inside/id/700/parent_id/4




 

Create Date : 17 มิถุนายน 2552    
Last Update : 17 มิถุนายน 2552 18:34:17 น.
Counter : 1287 Pageviews.  

ทายาท เจเอสแอล (JSL) ผงาดสานธุรกิจ ...


ทายาท เจเอสแอล ผงาดสานธุรกิจ


((( คนคนดัง + รวย ทำอะไร ก็ ดังเนอะ )))


ทายาท เจเอสแอล

ยึดหลักยุติธรรมมากกว่าคำนึงผลประโยชน์ ทำงานแบบเป็นพี่เป็นน้อง เน้นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นสุขมากกว่ามองเรื่องผลประโยชน์...

ถึงเวลาที่จะต้องสร้างคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานต่อไปแล้ว "จำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี" หนึ่งในสองหุ้นใหญ่แห่งค่ายมีเดียยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย "เจเอสแอล" จึงอดหัวใจพองโตไม่ได้ ที่ลูกสาวคนโต แพร-รติวัลคุ์ อัษฎามงคล ตระหนักในหน้าที่ เข้ามาช่วยงาน เพื่อให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ถึงอย่างไร "สาวแพร" ก็ไม่อยากให้ใครแอบเม้าท์ได้ว่า เข้ามาใหญ่ได้ก็เพราะเป็นทายาทเจ้าของ เธอจึงขอสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ด้วยการไปเรียนรู้งานจากโลกภายนอกจนแกร่งกล้าสามารถในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะโดดเข้ามาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของค่ายเจเอสแอลอย่างเต็มภาคภูมิ

แพร บอกว่า รู้ตัวดีตั้งแต่เด็กว่าชอบด้านศิลปะและดีไซน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านไฟน์อาร์ต แต่เรื่องของความชอบและหน้าที่ ก็จำเป็นต้องเลือกเอาเรื่องของหน้าที่ไว้ก่อน เลยปรับจากการเรียนด้านไฟน์อาร์ตมาเป็นคอมเมอร์เชียลอาร์ต พร้อมๆกับเรียนเรื่องของ Vitual Communication ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อีกด้วย เพราะมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้าช่วยคุณแม่ ดูแลธุรกิจอย่างจริงจัง

"คุณแม่ไม่เคยบังคับเลยว่า ต้องมาทำงานให้คุณแม่ จะให้เราคิดเองตลอดเวลาว่า เราอยากทำอะไร แต่ด้วยความที่เรามีธุรกิจอยู่แล้ว และยังมีคนอีกเยอะแยะที่เราต้องดูแล เลยเป็นเรื่องของหน้าที่ที่เราต้องทำ ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากอะไร เพราะยังมีในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นความชอบของเราอยู่ในเนื้องาน"

หลังคว้าปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจและการสื่อสาร จาก London College of Communication "แพร" ก็กลับมาเริ่มงานที่บริษัท เอวิวกรุ๊ป เวิลด์วายด์ จำกัด เพราะคุณแม่อยากให้มีประสบการณ์จากข้างนอกก่อน จากนั้นไม่นานคุณแม่ก็เปิดบริษัทโมโด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ รับทำแบรนดิ้งและการสื่อสารแบบบูรณาการให้ดูแล ซึ่งสามารถเสริมกันได้กับงานของเจเอสแอล "คุณแม่คงอยากดูเราก่อนว่า บริหารองค์กรเล็กๆได้แค่ไหน ถ้าเรามีประสบการณ์ ได้ทำอะไรให้คนเขาเห็นว่าเราทำได้ จะดีกว่าที่เราไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ซึ่ง แพร เองก็ไม่อยากที่จะเข้าไปทำกับแม่เลยทันทีเหมือนกัน ไม่อยากเข้าไปทำแล้วทำให้เขามีปัญหา จึงออกมาสั่งสมประสบการณ์ อยู่ข้างนอกก่อน" แพร ให้เหตุผล

"คุณแม่สอนเสมอว่า แม่ไม่อยากให้เข้ามาทำงานในฐานะลูกแล้วมาเป็นใหญ่เลย เราต้องทำตั้งแต่หน้าที่เล็กๆ อย่างที่บริษัทโมโด แพร ก็เริ่มจากการเป็นกราฟฟิกดีไซน์ แล้วค่อยเขยิบขึ้นมาเป็นโปรเจกต์เมเนเจอร์ และเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ ซึ่งก็เป็นผลดีที่เราค่อยๆไต่เต้าในหน้าที่การงาน ถ้าอยู่ดีๆใหญ่เลยมันคงกดดันตัวเราเองด้วย เพราะเราก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้ขนาดไหน ที่ผ่านมาเป็นการเรียนรู้และทำงานไปด้วย"

ช่วงปีสองปีนี้ที่เข้ามาร่วมงาน แพร ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในบริษัทเจเอสแอลมากขึ้น โดยเข้าไปช่วยในเรื่องขององค์กร เพราะเจเอสแอลอยู่มานาน 30 ปีแล้ว ประกอบกับบรรดาทายาท ซึ่งถือเป็นคนรุ่นใหม่เริ่มเข้ามาช่วยกันบริหารธุรกิจกันหลายคน จึงถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนองค์กร เพื่อให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าเร็วขึ้น แม้จะเป็นเรื่องที่หนัก แต่ แพร ก็พร้อมที่จะเดินฝ่าขวากหนามที่รออยู่ข้างหน้าอย่างเต็มใจ "แพร เข้าใจอย่างหนึ่งว่า คนที่สร้างธุรกิจมาจากศูนย์ เขาต้องใช้ความพยายามเยอะ แต่เรามาถึงก็มีสิ่งที่เขาสร้างมาแล้ว ย่อมมีการเปรียบเทียบกัน แต่คุณแม่ก็พยายามให้กำลังใจว่า ไม่ต้องเครียด เพราะยุคสมัยไม่เหมือนกัน อยู่ที่เราจะทำอย่างไรให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าและโตขึ้น ที่สำคัญคือ ทำให้คนที่อยู่กับเรามีความสุข"

แพร จึงยึดเรื่องความยุติธรรมเป็นหลักในการทำงาน "เพราะ แพร เคยทำงานเป็นลูกน้องมาก่อน พอมาเป็นคนที่ต้องดูแลคนอื่น จึงรู้สึกว่า ความยุติธรรมนั้นสำคัญที่สุด มีอะไรต้องเปิดใจคุยกับผู้ร่วมงาน ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกแบบนายจ้างและลูกจ้าง อยากให้รู้สึกถึงความเป็นพี่เป็นน้อง เพื่อไม่ให้ความรู้สึกของความเป็นมนุษย์กับมนุษย์มันห่างกัน แพร ชอบที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความสุขมากกว่าเรื่องของผลประโยชน์".....เมื่อได้ทราบความคิดอ่านของลูกสาวแล้ว คุณแม่ "หน่อย" คงค่อยๆวางมือ และหนีไปเที่ยวหาความสุขได้อย่างเป็นสุขสักที...จริงมั้ยคะ!


ที่มา: //www.thairath.co.th/content/life/10295




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2552    
Last Update : 3 มิถุนายน 2552 9:18:51 น.
Counter : 1913 Pageviews.  

7 เคล็ดลับ จูนเครื่อง CSR คว้า "โอกาส" ใน "วิกฤต".....จากประชาชาติธุรกิจ

7 เคล็ดลับ จูนเครื่อง CSR คว้า "โอกาส" ใน "วิกฤต"



"โอกาส" นั้นเกิดขึ้นเสมอกลาง "วิกฤต" สุดแท้แต่ใครจะมองเห็น

แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ( title3>Corporate Social Responsibility : ) ก็เช่นกัน ในขณะที่ผู้บริหารจำนวนหนึ่งมองว่าเป็นภาระ เป็นต้นทุนที่องค์กรต้องจ่าย ในเวลาเดียวกันหลายคนมองว่านี่คือ "โอกาส" ครั้งสำคัญ

ความเชื่อของผู้บริหารองค์กรในกลุ่มหลังยังเป็น "ความเชื่อ" ที่ครอบคลุมทั้งในระดับบริษัทข้ามชาติมาจนกระทั่งองค์กรขนาดกลางและขนาดเล็กพันธุ์ไทย

ทำไมพวกเขาจึงเชื่อเช่นนั้น "ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวมความคิด ของผู้บริหารที่มองเห็นพื้นที่แห่งโอกาสที่ว่า ผ่าน 7 เคล็ดลับที่จะช่วยจูนเครื่อง CSR องค์กรให้สามารถคว้า " โอกาส ใน วิกฤต " ที่กำลังเกิดขึ้น

1.เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ CSR

สิ่งที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าจอโทรทัศน์ในไทยอาจจะเบี่ยงเบนให้กิจกรรมเพื่อสังคมกลายเป็นหนึ่งในเรื่องที่องค์กรธุรกิจในบ้านเราทุกวันนี้เรียกสิ่งเหล่านั้นว่า CSR แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะหากจะมอง CSR ในมุมของการสร้าง "โอกาส" ให้กับองค์กร ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า จำเป็นต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ ในฐานะกูรูด้าน CSR "อเล็กซ์ มาโวร" ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท โซเชียล อิมแพ็ค เวนเจอร์ เอเชีย จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้าน CSR บอกไว้ชัดเจนว่า "ถ้าเรามอง CSR ในมุมมองแบบวิน-วิน ธุรกิจก็ได้ประโยชน์และองค์กรก็ได้ประโยชน์ ต้องย้อนกลับไปถาม ตัวเองก่อนว่า เรามอง CSR แบบใด เวลาเราพูดถึงโอกาสที่จะได้จากการทำ CSR คงไม่ได้พูดถึงการคืนกำไรให้สังคมอีกต่อไป สิ่งที่ธุรกิจต้องทำคือ

การบริหารจัดการโดยสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (steakholders engagement) และทำในสิ่งที่จะลด ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด และคิดถึงการก้าวเป็นบริษัทที่ยั่งยืน โดยทำให้ธุรกิจสามารถดำรงอยู่ได้ ภายใต้โลกที่มีทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด" ซึ่งถือเป็นความคิดพื้นฐาน

2.คิดนอกกรอบ

อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการทำ CSR ในแง่มุมนี้ซึ่งต้องใช้เวลาและการ "คิดนอกกรอบ" (think out of the box) เราอาจจะไม่ได้คิดเพียงจะปลูกต้นไม้กี่ต้น จะทำกิจกรรมอะไรกับเด็ก แต่ควรกลับไปมอง "คุณค่าหลัก" (core value) ขององค์กร และใส่ความรับผิดชอบลงไปในนั้น โดยคิดถึงทุกกระบวนการของความรับผิดชอบในธุรกิจ เช่นเดียวกับกรณีศึกษา CSR สุดคลาสสิกอย่าง "อินเตอร์เฟด" ซึ่งเป็นบริษัทผลิตพรม ที่ใช้ความพยายามกว่า 15 ปี ในการปรับเปลี่ยนธุรกิจจากธุรกิจที่ผลิตและจำหน่ายพรมมาเป็นธุรกิจที่บริการ "ให้เช่า" พรม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นผู้นำตลาดยังสามารถนำพรมที่ใช้แล้วกลับมาผลิตใหม่ได้ถึง 80% ดังนั้นองค์กรธุรกิจที่จะหาโอกาสจากวิกฤตนี้ไม่เพียงแต่คิดว่าจะคืนกำไรให้กับสังคมอย่างไร แต่ควรมองว่าจะปรับปรุงคุณค่าหลักขององค์กรอย่างไรมากกว่า

3.คิดอย่างสร้างสรรค์

เรื่องเล่าของ "ยูนิลีเวอร์" ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นตัวอย่างของการมองไปที่ความรับผิดชอบในคุณค่าหลัก ด้วยการคิดอย่างสร้างสรรค์ แม้เราอาจจะเคยชินกับสารพัดโครงการเพื่อสังคมที่ "ยูนิลีเวอร์" ทำ แต่สิ่งที่ "Hein Swinkels" รองประธานด้านการเงินและไอที กลุ่มยูนิลีเวอร์ไทย เล่าให้ฟังมองให้เห็นว่า นั่นเป็นเพียงบางส่วน แต่การสร้างสรรค์ "ความรับผิดชอบ" ซึ่ง "ยูนิลีเวอร์" เรียกว่า corporate responsibility นั้นรวมตั้งแต่ห่วงใยคนที่ทำงาน ดูแลกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบตั้งแต่ภายในองค์กรไปสู่สังคมภายนอก ด้วยการสร้างสรรค์ใน 3 เรื่อง 1.สร้างความตระหนัก (create awareness) เช่น กิจกรรมเล็กๆ ที่ทำในองค์กรอย่างธนาคารขยะ 2.สร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม และ 3.สร้างพันธมิตร (create partnership) เขาบอกด้วยว่า "CSR ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษมากไปกว่าการสร้างความรู้สึกที่ดีให้พนักงานรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของและการที่บริษัทเดินออกจากประตูบ้านตัวเองไปคุยกับผู้คน"

4.ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ

แม้จะเป็นองค์การข้ามชาติ แต่ "วิกฤต" ก็คือ "วิกฤต" การลดงบประมาณกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็นจึงเป็นสิ่งที่ "ยูนิลีเวอร์" ทำ แต่การแสดงความรับผิดชอบภายในองค์กรก็ยังคงดำรงอยู่ โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะ ของเสียอย่างดีที่สุด พร้อมๆ กับความพยายามในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ลดการใช้น้ำและพลังงานมากที่สุด ในขณะเดียวกันสำหรับวิธีคิดในการจัดสรรงบประมาณเพื่อมาทำโครงการเพื่อสังคมนั้นน่าสนใจ โดยความพยายามที่จะเชื่อมการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบจากคนภายในองค์กรสู่ภายนอก โดยใช้งบประมาณที่เคยสูญเสียไปกับสิ่งที่ต้องเสียไประหว่างการผลิตมาใช้ดำเนินการโครงการเพื่อสังคม ซึ่งต่อปีเป็นเม็ดเงินนับร้อยล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดความสูญเสียและเพิ่มประสิทธิผล ขณะเดียวกันยังสร้างคุณค่าให้กับสังคมไปพร้อมๆ กัน

5.ตั้งเป้าหมายให้ชัด

และยังมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตั้งเป้าในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศ ที่มีเป้าหมายสูงสุดถึง 400 ล้านตันในอนาคต โดยใช้วิธีคิด "รอยเท้านิเวศ" หรือ "คาร์บอนฟุตปรินต์" (carbon footprint) ซึ่งเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต

6.ทำจากเรื่องที่ง่ายที่สุด

ใช่ว่าเฉพาะองค์กรข้ามชาติและ "บิ๊กเฟิร์ม" เท่านั้นจะดำเนินการเรื่อง CSR ได้ เอาเข้าจริงบริษัทเอสเอ็มอีสัญชาติไทยอย่าง "เอเชีย พรีซีชั่น" บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งแม้กำลังเผชิญมรสุมจากเศรษฐกิจขาลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า CSR จะเกิดขึ้นไม่ได้

"อภิชาติ การุณกรสกุล" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียพรีซิชั่น บอกว่า "แม้ว่าเรามองว่า CSR นั้นเป็นเรื่องที่มาก กว่าการให้ แต่การให้หรือการบริจาคเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดที่จะปลูกความรับผิดชอบต่อสังคมให้กับพนักงานในองค์กร ก่อนพัฒนามาเป็นการให้ด้วยทักษะของพนักงาน รวมทั้งการบริจาคความดี ที่พนักงานทุกคนที่ทำดี เช่น งดเหล้า เลิกสูบบุหรี่ เลิกซื้อหวย ฯลฯ เมื่อมาลงชื่อ บริษัทก็จะบริจาคเงิน 20 บาทต่อหนึ่งลายเซ็นเพื่อนำไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมต่อไป" ซึ่งเป็นวิธีการสร้างการมีส่วนร่วมแบบง่ายๆ ด้วยความเชื่อที่ว่า การทำให้คน (ในองค์กร) เป็นคนดีถือเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมที่ดี

7.เพียงผู้บริหารเปิดใจรับฟัง

การให้ความสำคัญกับพนักงานดูจะใช้การได้ดียิ่งในภาวะวิกฤต อย่างที่ "มาร์ติน่า สแปรงเกอร์ส" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเดอร์ติกส์ ออฟ คอนเวอร์เซชั่น เอสเอ็มอีอีกรายที่เล่าประสบการณ์ว่า ในภาวะเช่นนี้ผู้บริหารเองก็อาจจะอยู่ในภาวะจิตตกจากผลกระทบในวิกฤตที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับเรา แต่ในที่สุดเราก็เปลี่ยนวิธีคิดและหันกลับไปมองที่พนักงานที่มีอยู่กว่า 120 คน ว่าไม่เฉพาะเรา พนักงานเองก็มีปัญหาของเขา จึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญและเปลี่ยนแนวคิดมาดูแลวิถีชีวิตพนักงาน ด้วยเริ่มจากการรับฟัง ถึงวันนี้ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนมีปัญหาอะไรเราก็เล่าสู่กันฟัง จากองค์กรที่จิตตกทั้งพนักงานและผู้บริหารก็กลายมาเป็น "องค์กรที่เข้มแข็ง" ขึ้นด้วยวิธีง่ายๆ จากการเปิดใจและรับฟัง

บางทีเพียงแค่เปลี่ยนมุมคิด บางเรื่องที่ว่ายากก็อาจกลายเป็นเรื่องง่ายอย่างเหลือเชื่อ สำหรับองค์กรที่เริ่มต้นแม้อาจจะยังไปไม่ถึงการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ แต่โอกาสเล็กๆ ที่เกิดขึ้นจากความรับผิดชอบย่อมสะสมและกลายมาเป็นพลังเข้มแข็งในอนาคตขององค์กรได้ ขอเพียงเชื่อและลงมือทำ !!

ที่มา: //www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02csr01010652&day=2009-06-01§ionid=0221




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2552    
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 13:08:45 น.
Counter : 630 Pageviews.  

วิธีสร้างสมาธิ ในการทำงาน

วิธีสร้างสมาธิ ในการทำงาน





สมาธิเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในการทำงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาก็ต้องมีสมาธิในการเรียน คนขับแท็กซี่ก็ต้องมีสมาธิในการขับรถ หมอก็ต้องมีสมาธิในการตรวจคนไข้ รวมถึงพวกเราหนุ่มๆ ออฟฟิศทั้งหลายก็ต้องใช้สมาธิในการทำงานด้วย เพราะสมาธิจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ใครที่รู้ตัวว่า ไม่ค่อยจะมีสมาธิในการทำงานลองมาฝึกสมาธิไปพร้อมๆ กับผมกันดีกว่า

อย่างแรกลองฝึกขั้นง่ายๆ กันก่อน นั้นก็คือการอ่านหนังสือครับ หลายคนคงจะงง เพราะตอนนี้คุณก็กำลังอ่านอยู่ อ่านหนังสือจะฝึกสมาธิได้อย่างไร การอ่านหนังสือที่ผมแนะนำไม่ใช่การอ่านแบบกวาดสายตาผ่านๆไปแบบรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เป็นการอ่านที่คุณห้ามละสายตาจากตัวอักษรนั้นๆ เลย เรียกว่าอ่านแบบพยายามหาว่ามันมีตัวไหนที่เขาเขียนผิดหรือเปล่า ค่อยๆ อ่านครับ ไม่ต้องรีบ แรกๆ ลองตั้งเวลาสัก 5 นาทีก่อน ถ้าคุณทำได้โดยที่คุณไม่ละสายตาไปสนใจสิ่งรอบข้าง ครั้งต่อไปคุณก็เพิ่มเวลาเป็น 10 นาที 15 นาที แล้วคุณจะมีสมาธิกับสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มากขึ้น


ขั้นต่อมา ลองตั้งใจฟังบ้างครับ เพราะหลายๆ คน บางครั้งเจ้านายสั่งอย่างแต่เรากลับไปทำอีกอย่าง ของแบบนี้มันก็ต้องมีผิดพลาดกันได้บ้าง แต่คุณควรจะแก้ไขโดยฝึกสมาธิในการรับฟังครับ โดยเริ่มจากการฟังเทปบันทึกเสียงหรือคำสอนต่างๆ ที่ไม่ใช่เพลง เพราะถ้าเป็นเพลงคุณอาจจะเพลิดเพลินกันจนไม่ได้จับใจความสำคัญ ฝึกไปเรื่อยๆ เลยครับ จนคุณแทบจะจำทุกคำพูดในเทปนั้นได้คราวนี้จะได้มีสมาธิในการฟัง


อีกขั้นตอนหนึ่ง ลองลงมือจัดเอกสารต่างๆ ของคุณให้มันเป็นที่เป็นทางก็ นับเป็นการฝึกสมาธิให้คุณได้ เพราะขณะที่คุณจัดเอกสารอยู่ คุณก็ต้องนึกว่าเอกสารฉบับนี้เราวางไว้ตรงนี้ ฉบับนั้นเราวางไว้ในตู้ อะไรทำนองนี้ เรียกว่าเป็นการย้ำความจำของเราอีกที แถมพอคราวหน้าเรามาหาเอกสารฉบับนั้นๆ ก็จะได้ไม่ต้องรื้อโต๊ะกันให้วุ่นอีกด้วย


ต่อมาลองจัดลำดับความสำคัญของงานดูว่างานไหนสำคัญที่สุด ถ้าคุณยังนึกไม่ออก ก็ลองนึกดูว่างานชิ้นไหนของคุณทำแล้ว คนอื่นๆ สามารถรับงานต่อจากคุณได้ หรือเป็นงานเร่งจริงๆ ถ้าไม่ได้ภายในชั่วโมงนี้หรือวันนี้ คนอื่นจะได้รับความเดือดร้อน นั้นแหละครับ รีบทำไปก่อนเลย คราวนี้คุณก็ไล่งานอื่นๆดูว่าต้องอันไหนต่อ เป็นการทวนตัวเองด้วยว่าวันนี้คุณมีงานอะไรต้องทำบ้าง


ข้อสุดท้ายครับ ทัศนคติกับงานที่คุณทำอยู่ ถ้า ใครมีทัศนคติไม่ดีกับงานที่ตัวเองทำอยู่ ต่อให้เทพก็ไม่สามารถที่จะมีสมาธิในการทำงานได้ เพราะคุณจะหาแต่ข้ออ้างมาปฏิเสธงานต่างๆ ที่เข้ามา เพราะฉะนั้นคุณควรปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ เพื่อการทำงานที่ราบรื่น


แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเป็นตัวคุณเอง ที่ต้องฝึกทั้งสมาธิ ฝึกทั้งการควบคุมอารมณ์ของตนเอง เมื่อจิตใจสงบ มีสมาธิสติในการทำงานก็จะตามมา งานของคุณก็จะผิดพลาดน้อยลงครับ


ที่มา: FWD Email




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 8:51:55 น.
Counter : 998 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

byonya
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]




I am not a perfect, but simple!

 
 
Custom Search



 
 

Website น่าสนใจ  
 
หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท

เว็บการศึกษา Eduzones.com

Business Web Directory .biz - Business Directory
 


Word of the Day

This Day in History

Quote of the Day

Hangman




Friends' blogs
[Add byonya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.