|
ระหว่าง"เงิน"กับ"ชีวิต"
วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11325 มติชนรายวัน
ระหว่าง"เงิน"กับ"ชีวิต"
คอลัมน์ เดินหน้าชน
โดย จำลอง ดอกปิก
ระหว่างยังไม่ปรากฏความชัดเจนว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์คดีความเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ปรากฏความเคลื่อนไหวขึ้นหลายภาคส่วนจากผู้ได้รับผลกระทบจากคำพิพากษา ในคดีที่ 1.ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ชดใช้เงินเป็นค่าเสื่อมสุขภาพให้กับราษฎรชาว อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กรณีโรงไฟฟ้าแม่เมาะปล่อยสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์เกินมาตรฐาน และ 2.คดีศาลปกครองระยอง พิพากษาให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศให้พื้นที่มาบตาพุด เป็นเขตควบคุมมลพิษ
โดยเฉพาะคดีที่ 2 ที่มีนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง โรงงานอีก 138 โรงได้รับผลกระทบ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน หรือ กกร. ถึงกับเสนอให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อุทธรณ์คดีนี้ โดยกล่าวอ้าง หากดำเนินการตามคำพิพากษา จะส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมที่ลงทุนไปแล้วรวม 5 แสนล้านบาท และหากการลงทุนในพื้นที่นี้ชะลอตัว อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าเศรษฐกิจโดยรวม 1 ล้านล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติกังวลต้นทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นกับการจัดการมลพิษในเขตพื้นที่ควบคุม
มุมมองของคณะกรรมการกลั่นกรอง สอดคล้องกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ว่ามีเหตุผลความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต้องอุทธรณ์ หาไม่แล้วจะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง "...โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจำเป็นสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงการลงทุนจากต่างประเทศ"
คล้ายกับการยื่นคำขาด รัฐต้องตัดสินใจ หนำซ้ำชี้นำด้วยข้อมูลว่า จำเป็นต้องเลือกรักษาไว้ซึ่งเศรษฐกิจ การลงทุนมากกว่า เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญหล่อเลี้ยงประเทศชาติ
"ชีวิตมนุษย์" อุทธรณ์ไม่ได้!
สิ่งยิ่งใหญ่จำเป็นต้องรักษาไว้ คือ ทุน ทั้งที่เงินทองมากมายก่ายกองเพียงใด จะมีความหมายอะไรเมื่อมันมิอาจซื้อชีวิตได้ ทั้งๆ ที่เราไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดเลยที่ต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ระหว่างการรักษาทุนในนิยามของความมั่งคั่ง กับการรักษาชีวิต อันเป็นทุน เป็นสินทรัพย์รูปแบบหนึ่ง
เมื่อทุนก็สำคัญ ชีวิตยิ่งสำคัญ ก็ในเมื่อเราสามารถบริหารจัดการ แก้ปัญหาให้ทั้ง 2 สิ่งเดินควบคู่กันไปได้ แล้วทำไมเราต้องเลือกเล่า มันมีทางออกที่ดีกว่านั้น
หากฝ่ายผู้ประกอบการไม่เห็นแก่ตัว คิดถึงหัวอกการดำรงชีวิตอย่างยากลำบากของเพื่อนมนุษย์บ้าง คิดเสียสละในสิ่งที่เคยได้เป็นกอบเป็นกำบ้าง อย่างน้อยอาจแค่ขาดทุนกำไร เจียดมาเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายจัดการมลพิษเพิ่ม หากทำได้เช่นนี้ สังคมโดยรอบอยู่ได้ นิคมอุตสาหกรรมอยู่ได้ โรงงานอุตสาหกรรมอยู่ได้โดยไม่มีปัญหาเผชิญหน้ากัน
ประเทศชาติก็อยู่ได้!
จริงอยู่ สภาพการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ผู้ประกอบการอาจไม่พร้อมจ่าย เพราะนั่นหมายถึงต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และโอกาสการแข่งขันด้านราคาน้อยลง แต่การลงทุนเพิ่มวันนี้ อาจคุ้มค่ายิ่งกว่าในอนาคต อย่าลืมว่า ขณะนี้ประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป มีมาตรการกีดกันการค้ารูปแบบใหม่ๆ เข้มงวดกวดขันมาตรฐานลึกเข้าไปถึงแหล่งผลิต อาทิ ผลิตภัณฑ์นั้นต้องไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งด้านการผลิตและการบริโภค หรือแม้แต่กรณีการส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมเพื่อคุ้มครองชีวิต และสุขภาพมนุษย์ สัตว์ พืช
เหล่านี้ล้วนเป็นแนวโน้มใหม่ของการค้าเสรี การค้าเสรีที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
ถ้ามัวแต่คิดอุทธรณ์ มัวแต่เสียดายค่าที่ต้องจ่ายเพิ่มจากการทำลายสิ่งแวดล้อม วันหนึ่งข้างหน้า หากสินค้าจากแหล่งมีปัญหาโดนกีดกัน ส่งออกไม่ได้
วันนั้นอาจเข้าตำรา เสียหายยิ่งกว่า
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
ที่มา: มติชน
Create Date : 17 มีนาคม 2552 |
Last Update : 21 มีนาคม 2552 13:40:14 น. |
|
2 comments
|
Counter : 675 Pageviews. |
|
|
|
โดย: byonya วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:11:41:37 น. |
|
|
|
| |
|
|
แค่นั้นเขาก็อยู่ได้แล้วครับ อยู่กับธรรมชาติไปด้วย เงินก็ได้