|
เปลี่ยนจุดอ่อนในชีวิต เป็นจุดแข็งทางธุรกิจ
เปลี่ยนจุดอ่อนในชีวิต เป็นจุดแข็งทางธุรกิจ
สาเหตุหลักที่ทำให้ทุกคนต้องรัดเข็มขัดกันอย่างเอาจริงเอาจังในช่วงนี้ก็เห็นจะหนีไม่พ้นค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง นอกจากนี้ยังหนีไม่พ้นประเด็นทางการเมืองที่ยังคงมีความร้อนแรง เข้ามาเติมความร้อนรุ่มกลุ้มใจให้ผู้ประกอบการเป็นรายวัน สิ่งเหล่านี้ทำให้คนในสังคมมีความเครียดเพิ่มขึ้นมีผู้ประกอบการรายหนึ่งในสหรัฐอเมริกาได้คิดผลิตการ์ดและเครื่องใช้ในสำนักงานที่มีรูปแบบที่แปลกตาและมีข้อความชวนให้ผู้รับอมยิ้ม ช่วยให้ผ่อนคลายความตึงเครียดลงได้บ้าง
เจน ไบสิก (Jen Bilik) เริ่มทำธุรกิจนี้โดยใช้ชื่อบริษัทว่า น็อค น็อค (Knock Knock) เมื่อปี พ.ศ. 2545 เธอเล่าให้ฟังว่า เธอต้องเข้ามาในธุรกิจนี้ช้ากว่าเจ้าอื่น ๆ หลายสิบปี แต่ก็ได้แรงบันดาลใจจากรุ่นพี่ที่ทำธุรกิจในกลุ่มนี้เช่นกัน หลังจากที่จบการศึกษาด้านวรรณคดีอังกฤษจากมหาวิทยาลัยแห่งมิชิแกน (University of Michigan) เธอพยายามค้นหางานที่เธอชอบโดยการสมัครเข้าทำงานทั้งแบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ในหลากหลายอาชีพ เช่น พี่เลี้ยงเด็ก พนักงานพิสูจน์อักษรหนังสือพิมพ์ บรรณาธิการฝึกหัดในสำนักพิมพ์ ติวเตอร์ จนกระทั่งได้ค้นพบตัวเองว่าชอบงานออกแบบ โดยเฉพาะการออกแบบกราฟฟิค เธอจึงได้เลือกที่จะศึกษาด้านนี้อย่างจริงจังและได้ร่วมทุนกับเพื่อน ๆ เปิดบริษัทน็อค น็อค ขึ้น ปัจจุบันมีพนักงาน 15 คนมีสินค้าที่เป็นสินค้าอวยพรและของที่ระลึกออกสู่ตลาดแล้วกว่า 150 รายการ มีวางจำหน่ายในร้านค้า ของที่ระลึก ร้านขายหนังสือ ร้านเครื่องเขียน ร้านของขวัญและการ์ดอวยพรมากกว่า 5,000 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร
แนวความคิดที่เข้ามาทำตลาดการ์ดและของที่ระลึกนี้ไม่ใช่ไอเดียใหม่แต่อย่างใด แต่เจนคิดว่าน่าจะสามารถทำอะไรให้การ์ดแบบเดิม ๆ ที่ดูธรรมดากลายเป็นของน่าสนใจขึ้นมาได้
เธอเริ่มทำการ์ดแผ่นแรกขึ้นมาโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และปริ๊นเตอร์ธรรมดา ๆ ส่งให้เพื่อน ๆ ที่เธอส่งการ์ดคริสต์มาสให้ไม่ทันในเดือนธันวาคม เธอจึงส่งการ์ดอวยพรเหล่านั้นในเดือนมกราคมแทน
แต่เนื้อหาภายในการ์ดไม่ได้เป็นการขอโทษขอโพยที่ส่งการ์ดมาช้า แต่เป็นการอวยพรในเชิงขำขัน อาทิ ไม่ได้ลืมส่งการ์ด แต่คริสมาสต์สำหรับฉันไม่ได้มีแค่วันที่ 25 ธ.ค. หรอกนะ ขอให้มีความสุขในวันคริสต์มาส
ปรากฏว่ามีเสียงชื่นชมจากเพื่อน ๆ และญาติพี่น้องจำนวนมากซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เธอตกลงทำธุรกิจการ์ดและของที่ระลึก
เจนกล่าวอย่างติดตลกว่า ขณะนี้การ์ดที่ขายดีที่สุดของ น็อค น็อค ดูเหมือนจะเป็นการ์ดอวยพรประเภทที่เลยวันมาแล้วสำหรับลูกค้ากลุ่มขี้ลืมทั้งหลาย แต่เธอก็ยอมรับว่าเธอเองก็ขี้ลืมเหมือนกันจึงได้หาเหตุผลสำหรับคนขี้ลืม ไม่ว่าจะเป็นแบบฟังขึ้นหรือฟังไม่ขึ้นก็จะทำให้คนรับมีรอยยิ้มได้เหมือนกัน
นอกจากการ์ดแล้ว น็อค น็อค ได้เพิ่มชนิดของสินค้าให้รวมถึงเครื่องใช้ในสำนักงานที่เน้นการออกแบบสวยงามน่าใช้ยังคงไว้ซึ่งความตลก เพื่อให้ผู้ใช้มองเห็นอีกด้านของชีวิตว่าไม่ได้มีแต่ความเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแฟ้มนัดเดท (Dating Kit) รายการสิ่งที่ไม่ต้องทำ (To Dont) ซึ่งเป็นรายการที่ตรงข้ามกับ สิ่งที่ต้องทำ (To Do) คู่มือถ่วงเวลาทำงาน (How to Procrastinate ) เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์ของ น็อค น็อค ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากมีคนดังของอเมริกาจำนวนมากเป็นลูกค้าประจำของ น็อค น็อค ไม่ว่าจะเป็น กเวน สเตฟานี (Gwen Stefani), คริสตินา อากิเลรา ( Christina Aquilera), คริสเตียน สเลเตอร์ (Christan Slater), เชอริล โครว์ (Sheryl Crow ) หรือ ร๊อบบี้ วิลเลียม (Robbie Williams)
จากบทเรียนของ น็อค น็อค แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีการปิดกั้นให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจที่มีผู้ครองตลาดเดิมอยู่แล้วเพราะตลาดยังเปิดกว้างสำหรับไอเดียใหม่ ๆ อยู่เสมอ
และบางครั้งสิ่งที่คิดว่าเป็นข้อเสียของตัวเราอาจเป็นการจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจก็ได้
*****************************
GLOBAL SMEs SMEs Today ปีที่ 6 เล่มที่ 69 /ประจำเดือน กรกฎาคม 2551
ที่มา: //nec.dip.go.th/
Create Date : 16 มีนาคม 2552 |
Last Update : 16 มีนาคม 2552 9:05:50 น. |
|
0 comments
|
Counter : 898 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|