Love Letter (1995) เมื่อความรักเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก
Love Letter



ภาพยนตร์เรื่องนี้เก่าพอตัว ดูวันที่ก็จะเห็นว่าเป็นภาพบนตร์ที่เคยฉายเมื่อปี 1995 ซึ่งตอนนั้นคนเขียนเองก็



ยังเป็นเด็กเบบี๋อยู่เลย จึงไม่ทันได้ดูแน่ๆ ในตอนนั้นในญีปุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็น



ปรากฏการณ์เลยทีเดียว



ตามปกติแล้วไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังเก่าๆเท่าไหร่นัก เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นแต่อย่างใด มีแผ่นมานานแต่ก็ไม่



ได้คิดจะหยิบมาดูเสียที จนวันนี้มีคนพูดถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาก็เลยกลับบ้านมาดูสักหน่อยดีกว่า







ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับชื่อดังชาวญี่ปุ่น ชุนจิ อิวาอิ

ที่ผ่านมาหนังของเขาที่เราได้ดูมักจะไม่ค่อยถูกรสนิยมของเราเท่าไหร่ มีในครอบครองอยู่ไม่กี่เรื่อง แต่เป็น

เรื่องที่ไม่เคยหยิบมาดูซ้ำทั้งสิ้น เช่น Bandage หรือ All About Lily Chou Chou แต่หนังของเขา

เราก็ยังคิดว่าเป็นหนังที่ดี มีฝีมือ เพียงแต่มันไม่ได้รื่นรมย์ขนาดหยิบมาดูคลายเครียดได้บ่อยๆ


เราคิดว่าหนังของชุนจิ อิวาอิ มีดีตรงภาพและดนตรีประกอบ ภาพละมุนๆที่เหมือนจะเป็นลายเซ็นของเขาไปแล้ว


ช่วงแรกของหนังเราค่อนข้างจับต้นชนปลายไม่ถูกมัวแต่สับสน Itsuki และ Hiroko



พระเอกของเรื่อง Fuji Itsuki แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เราก็สามารถบอกได้ว่า

ตัวตนของเขายังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน และในอดีตเขาเคยมีเสน่ห์แค่ไหน



Hiroko และ Itsuki เป็นคู่หมั้นกัน เมื่อสองปีก่อน Itsuki ได้จากโลกนี้ไป ฮิโรโกะพบที่อยู่ในสมัยเด็กของ

เขาจากหนังสือรุ่น และบ้านของอิทสึกิก็ได้หายไปกลายเป็นทางด่วนไปแล้ว แต่เมื่อฮิโระโกะเขียนจดหมาย

ไปยังที่อยู่นั้น ก็มีฟูจิ อิทสึกิตอบกลับมา



ฟูจิ อิทสึกิคนนี้เป็นหญิงสาวและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมของฟูจิ อิทสึกิที่เป็ยคู่หมั้นของเธอ ที่สำคัญก็คือ 

ฟูจิ อิทสึกิ และ ฮิโรโกะยังมีใบหน้าที่เหมือนกันราวกับฝาแฝด



"เขาเคยบอกหนูว่ามันเป็นรักแรกพบ และหนูก็เชื่อเค้า" ฮิโรโกะพูดกับแม่ของอิทสึกิ ตอนที่รู้ว่าอิทสึกิ(

หญิง)มีหน้าตาเหมือนเธอ และเธอเป็นเหมือนเงาของอิทสึกิที่คู่หมั้นของเธอเคยหลงรัก



เรื่องราวของฟูจิ อิทสึกิทั้งสอง เป็นสิ่งที่เราชอบมาก ให้ความรู้สึกเหมือนยังเป็นนักเรียนมัธยม

และ เรื่องเล็กๆน้อยๆของนักเรียนมัธยมในญี่ปุ่นเมื่อสิบกว่าปี(หรืออาจจะยี่สิบปี ถ้านับรวมเวลาในหนัง) ก็

ชวนให้รู้สึกอบอุ่น ละมุนละไม ความรู้สึกคล้ายๆตอนที่ดู The Classic ครั้งแรก เช่น จุดพบของคู่รักที่

ลานจอดจักรยาน



ตอนที่อิทสึกิหมุนจักรยานเพื่อปั่นไฟให้อิทสึกิดูกระดาษคำตอบก็น่ารักมาๆ และอิทสึกิ(ชาย) ก็หน้าตาน่ารัก

มากๆ



มีคนเคยบอกเราว่า "รู้มั้ย ทำไมพวกเด็กอนุบาลผู้ชายชอบแกล้งเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบ"

เรื่องนี้ก็เหมือนกัน กับอิทสึกิทั้งสอง และหนังก็นำแสนอออกมาได้น่ารักและอบอุ่นมาก เช่นฉากที่ปั่นจักรยาน

แล้วเอาถุงครอบอิทสึกิ



หลายๆฉาก นุ่มนวล อ่อนหวาน อย่างที่เราคงหาได้ไม่บ่อยนักในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด

ความรักครั้งแรก เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ คำถาม ความไม่เข้าใจ แต่มันก็อบอุ่น ตื่นเต้นและแปลกใหม่ 

ฉากที่อิทสึกิเอาแต่อ่านหนังสือในห้องสมุดไม่ยอมช่วยงาน ยืนพิงกำแพง และมีผ้าม่านสีขาวปลิวอยู่ข้างๆ 

มันให้ความรู้สึกที่สวยมากๆ



อิสึกิ(ชาย)มักจะยืมหนังสือแปลกๆเสมอ เพื่อที่เขาจะได้มีชื่อคนเดียวบนการ์ดยืม...ตอนที่อิทสึกิ(หญิง)กลับ

ไปที่โรงเรียน แล้วพบว่านักเรียนปัจจุบันเล่นเกมกับการ์ดยืมของอิทสึกิ มันชวนให้เราใจหายจริงๆ ว่าผู้ชาย

คนนี้จากไปแล้วจริงๆน่ะเหรอ เราน้ำตาซึมเลย



ฉากที่อิทสึกิไม่สบาย รถพยาบาลจะมาภายในหนึ่งชั่วโมงเพราะมีพายุหิมะ แล้วคุณปู่แบกขึ้นหลังวิ่งไปโรง

พยาบาล มันแบบน้ำตาร่วงเลย ทั้งๆที่เมื่อสิบปีก่อนคุณปู่เคยแบกพ่อของอิทสึกิไปโรงพยาบาลแบบนี้แต่ก็ไม่

ทันเหมือนกัน

"แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต แต่ฉันก็จะไปให้ทันภายในสี่สิบนาที"



ฉากบนภูเขา

"เธอสบายดีมั้ย"

"ฉันสบายดี"

...เราร้องไห้แบบน้ำตาไหลพรากเลย หนังเหมือนดึงเราเข้าไปอยู่ในนั้นด้วย



แล้วก็ยังฉากที่อิทสึกิมาให้หนังสือเล่มสุดท้าย...ความรักมันอบอุ่นและสวยงามจริงๆ





ภาพยนตร์เรื่องนี้โรแมนติก กินใจ ประทับใจ และอบอุ่นมาก จนไม่อยากจะเชื่อว่าผู้กำกับคนนี้หรือคนเดียว

กับที่ทำให้เรานอนไม่หลับใน All About Lily Chou Chou

แม้ว่าปีนี้อากาศจะไม่หนาวเท่าไหร่ แต่คิดว่า Love Letter ก็เหมาะกับการดูหนังเงียบๆคนเดียวช่วงฤดู


หนาวเป็นอย่างมากค่ะ อยากให้ทุกคนได้ดูกันนะคะ


 ปล.หาภาพประกอบยากมากเลย







Free TextEditor



Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 23:53:49 น.
Counter : 3344 Pageviews.

1 comment
Be With You , และครั้งนี้ เราจะอยู่ด้วยกัน
Be With You







ภาพยนตร์เรื่องนี้เรามักจะเห็นว่าถูกแนะนำเสมอๆในกระทู้

แอบขำนิดนึงเมื่อเห็นอาจารย์คนสวยใน Samurai Highschool ที่เรื่องนี้สวยกว่าเยอะ



เป็นภาพยนตร์ที่น่ารักแล้วก็ฟีลกู้ดมากๆ เราดูไปน้ำตาซึมไป บวกกับเพลงประกอบเพราะๆ Hana ของ Orange Range ที่เราชอบอยู่แล้ว และไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็น Ost.เรื่องนี้ด้วย ต่อไปเวลาฟัง Hana ก็คงรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะเลย



เริ่มต้นด้วยครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่สูญเสียแม่ไป แต่ยูจิคุงก็เชื่อว่า "แม่จะกลับมา ในหน้าฝน"

และแล้ว ...เมื่อหน้าฝนมาถึง "แม่" ก็กลับมาจริงๆ แต่เป็นแม่ที่จำอะไรไม่ได้เลย

ข้อสรุปของเราในเบื้องต้นคือ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่มิโอะซัง แต่เป็นคนหน้าคล้ายเฉยๆที่บังเอิญมาอยู่ถูกที่ถูกเวลา







จนเมื่อมิโอะซังที่กลับมาใหม่ ค่อยๆตกหลุมรักทาคุมิและลูกชายของเธอ

ทาคุมิเล่าเรื่องความรักระหว่างเขากับมิโอะที่เป็นรักข้างเดียว...ทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ารักนะ ถึงแม้เขาจะไม่ได้เพอร์เฟค ไม่รวย ไม่หล่อ แต่มีหัวใจที่รักเธอเต็มเปี่ยม แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงคนนึงมีความสุขอยู่ในหมู่บ้านในชนบทเล็กๆได้แล้ว



ยูจิคุง เป็นเด็กผู้ชายที่น่ารัก พึ่งพาได้ และมีจิตใจที่ดี ผู้ไม่อยากให้ฝนหยุดตก 

"เมื่อฤดูฝนหมดไป ดวงดาวก็จะมารับเธอไป" 







และแล้วเมื่อพายุจากไป และหน้าร้อนมาถึง ก็หมดเวลาของมิโอะซังที่ต้องกลับไปยังดวงดาวของเธอเสียที ฉากที่มิโอะซังหายไป ทำลายสมมติฐานในเบื้องต้นของเราเสียสนิท และเมื่อมิโอะซังลืมตาขึ้นมานั้น



...





...





ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ดีที่สุดในใจเรา



ไม่ว่าจะต้องเลือกอีกสักกี่ครั้ง ก็ยังจะอยากสัมผัสความรักนี้อยู่ดี...







เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าไม่อยากสปอยเลย เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เราดูแบบไม่รู้อะไรมาก่อน ไม่รู้ว่ามันจะจบยังไงนั้น ทำให้เรารู้สึกดีมากจริงๆ...ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเดาตอนจบไม่ออก ทั้งที่ปกติเป็นคนชอบหนังแนวนี้แท้ๆ >.<



ปล.เรื่องนี้วิวและมุมกล้องสวยจริงๆ

ปล.2 การไม่อยากสปอย ทำให้รีวิวสั้นๆซะงั้น สรุปแล้ว "ดูเหอะ ...นะ"





Free TextEditor



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2554 19:30:41 น.
Counter : 1845 Pageviews.

1 comment
A Frozen Flower ความรัก หรือ ความใคร่
A Frozen Flower 





ขอลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับเรื่องนี้ดังๆเลยทีเดียวนะคะ



เพิ่งได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เกาหลีเรื่องนี้อย่างจริงจังครั้งแรก ตอนที่ฉายใหม่ๆเป็นกระแสสุดๆเนื่องจากความแรง ความฮอต และความกล้าของหนังที่สุดๆจริงๆ



ภาพยนตร์ทำให้เราชอบได้ภายในไม่กี่นาทีหลังจากหนังเริ่ม เราชอบจูจินโม(จาก 200 Pounds Beauty) และซองจีฮโย(จาก Running Man,จูมง) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้เราชอบมากๆจริงๆ

อ้อ...หลังจากเราดูไปครึ่งชั่วโมง เราถึงระลึกได้ว่า นี่มันโจอินซองจาก The Classic นี่นา =_=







จอมนางหรือจอมทัพจะสยบบังลังก์รักแห่งจักรพรรดิจอมคน นี่คือคำโปรยบนโปสเตอร์

ที่ส่วนตัวคิดว่าเป็นคำโปรยที่ไม่ค่อยมีเหตุผลเลย ก็หนังมันบอกตั้งแต่ต้นแล้วแล้วว่า จอมทัพๆๆๆ -"-



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิงหรือเปล่านะ แต่เราชอบดูหนังแนวๆนี้ของเกาหลีมาก แนวๆแบบ Antique Bakery หรือ Frozen Flower อย่างเนี้ย เรารู้สึกว่าเขานำเสนอเรื่องทำนองนี้ได้ออกมาแบบไม่น่าเกลียดดี



เรื่องฉาก เครื่องแต่งกาย หรือพิธีการต่างๆ ทำได้ดีนะคะ ดีกว่าแบบซีรีย์ทั่วไปมากๆ ดูอลังการแล้วก็สมกับเป็นพระราชวังจริงๆ อาจจะไม่อลังการอย่างภายนตร์จีนบางเรื่องเช่น Curse of Gloden Flower ที่อลังการได้ใจมากๆ แต่ก็สวยงามและมีจังหวะจะโคนที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ดีค่ะ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในภาพยนตร์ โครยอตกอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นหยวนหรือเปล่า ทำให้ทุกอย่างในภาพยนตร์ไม่เหมือนซีรีย์ย้อนยุคของเกาหลีส่วนใหญ่เท่าไหร่ การแต่งกาย ทรงผม ออกจะดูจีนๆนิดนึง

ซึ่งแอบสงสัยนิดนึง ว่าแคว้นหยวนคืออะไร ภาษาก็เหมือนไม่ใช่ภาษาจีนอ้ะ แบบพวกมองโกล เปอร์เซียอะไรทำนองนี้หรือเปล่า



หนังเปิดมาที่การได้ทำความรู้จักกันครั้งแรกขององครักษ์ของพระราชา ฮงลิม กับ ตัวพระราชา เอง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ ...ยังไงดี พระราชาดูเหมือนจะใส่ใจและรักฮงลิมมาก ฮงลิมเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรพระราชานะ แล้วก็มีความจงรักภักดีมาก



ส่วนตัวมเหสีที่เป็นเจ้าหญิงถูกส่งมาจากแคว้นหยวน(? รึเปล่า ดูซับอิง) ก็ไม่ได้ถูกใส่ใจกับเรื่องหน้าที่ของสามีภรรยาเท่าที่ควร แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกของพระราชาต่อมเหสีอย่างไง จากซีนที่มีคนมาบุกตอนที่ไปประพาสนอกวัง พระราชาก็โผเข้าไปบังพระมเหสีเป็นคนแรก เร็วยิ่งกว่า ฮงลิมเข้ามาช่วยพระราชาซะอีก



ความรักในเรื่องนี้ เป็นเหมือนไฟ ร้อนแรง เผาผลาญ อันตราย แต่ก็สวยงาม เย้ายวน ยากที่จะปฏิเสธ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ระมัดระระวังไฟก็อาจจะเผาตัวเองให้หายไปพร้อมๆกันได้

ความรักในเรื่องนี้มันไม่ใข่การเสียสละ ไม่ได้ขาวสะอาดงดงาม มันเป็นความรักที่ต้องการครอบครอง เทียบกับสีก็เป็นสีแดงเลือดนก



เราชอบตอนที่พระมเหสีเรียกฮงลิมมาพบแล้วพูดว่า

"เราได้ยินว่าท่านทำหน้าที่แทนหน้าที่ที่ควรจะเป็นของเรา" ...แบบว่าสีหน้าฮงลิมแอบตกใจเลย ก่อนที่พระมเหสีจะไปพูดถึงเรื่องช่วยนางใน เราว่าจริงๆพระมเหสีก็แอบกัดเล็กๆ



อ้อ องครักษ์ที่หล่อทุกคนจริงๆนะ แบบว่ามีทั้ง No Minwoo(พระรอง Gumiho, Midas, Pasta, มือกลองวง trax)ที่ออกมานิ้ดดเดียวจริงๆ แล้วก็ยังมี Song Joongki (Inkigayo, Running Man, Songkyunkwan Scandal) อีกต่างหาก แล้วสองคนนี้เราก็ชอบมากๆ แต่เป็นตัวประกอบที่ถึงขั้นต้องตั้งใจมองเลยทีเดียว ตอนแรกเกือบหามินวูไม่เจอแน่ะ







ฉากเรทฉากแรก เราเตรียมใจไว้แล้วนะ 555

แต่พอมาเห็นจริงๆ มันก็แบบ...ว้าว มันจริงโคดเลยอ่ะ แบบจูบจริงมาก พูดกับเพื่อนคงแบบ จูบจริงแบบสัดๆ(ขออภัย>.<) แต่ก็ไม่ได้สกิปหรือฟอร์เวิร์ดนะ มันยังอยู่ในขั้นที่เราดูได้อยู่ พูดกันจริงๆ เรายังไม่เคยเห็นฉากชายชายที่จูบกันดูดดื่ม ยาวนานขนาดนี้มาก่อน (ในรูปแบบภาพยนตร์ที่ฉายในโรงอ่ะนะ)



ส่วนพระมเหสี ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เราสงสารเธอมากอ่ะ คิดดูว่า จะรู้สึกอับอายแค่ไหน ที่ต้องอยู่ในฐานะอย่างนั้น และต้องพูดขอให้พระราชาทำหน้าที่ของสามีแบบนั้น และที่สำคัญคือ เรื่องของฮงลิมกับพระราชามันก็ไม่ได้มีแค่คนสองคนที่รู้ คนอื่นที่รู้เรื่องนี้จะคิดกับเธอยังไง มองเธอยังไง

แล้วตอนที่ฮงริมถูกสั่งให้มามีอะไรกับพระมเหสีเป็นครั้งแรก เราแบบใจเต้นตึกๆๆๆๆเลยอ่ะ สงสารพระมเหสีมากกกก ยิ่งตอนที่เธอน้ำตาไหล แบบว่าสามีสั่งให้ผู้ชายคนอื่นมาทำหน้าที่แทนอ่ะ

ซองจีฮโย เธอแบบว่า จะพูดว่าไงดี...เล่นจริงๆมาก แบบเปลืองตัวสุดๆอ่ะ 



พอทั้งคู่แบบมีอะไรกันจริงๆแล้ว เราก็กลายเป็นเริ่มสงสารพระราชาแล้ว แบบพระราชารักฮงริมมากอ่ะ จนทนฟังทนอยู่ตรงนั้นไม่ได้



เรื่องของชาน้ำผึ้ง เหมือนพระราชาจะเตือนฮงริมกลายๆเรื่องพระมเหสี



หลังจากนั้นฮงริมก็เริ่มมีความรู้สึกต่อพระมเหสี ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่า สิ่งที่ฮงริมมีต่อพระมเหสีมันคืออะไรอ่ะนะ มันอาจจะเป็นความรัก หรือเป็นแค่ความใคร่ หรืออาจจะเป็นทั้งสองอย่างรวมกัน เราว่าฮงริมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน และตอนนั้นก็คงไม่ได้คิดเรื่องความรู้สึกของตัวเองอย่างจริงจังด้วย จากโลกทั้งโลกมีแค่พระราชา ฮงริมจึงไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของตัวเอง มีแต่ทำตามหน้าที่ แต่กับพระมเหสีเป็นการ...กระทำที่ไม่ใช่คำสั่งจากพระราชา

เราชอบการที่ฉากในห้องสมุดตัดสลับกับฉากรำดาบมากเลย มันแบบได้จังหวะมาก ฮงริมเหมือนจะคาดไม่ถึงนิดหน่อยที่พระมเหสีเป็นฝ่ายเข้าหาแบบนี้







ขอย้ำอีกรอบ องครักษ์น่ารักทุกคนเลยอ้ะ >///< รองหัวหน้าแอบหน้าตาคล้ายๆจินอุน 2am นะ



ช่วงกลางเรื่องที่ฮงริมพรวดพราดเข้าไปในห้องพระมเหสีอ่ะ ทำให้เราคิดว่า สิ่งที่ฮงริมมีต่อพระมเหสีอาจจะเป็นความรักก็ได้...แต่ซีนนี้แบบว่าร้อนแรงจริงๆนะ เรายังไม่เคยดูหนังอะไรขนาดนี้มาก่อน 555



ขนมที่เป็นตัวแทนความรัก...อยากจะทำขนมนี่มานานแล้ว....เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

ทำให้รู้ว่าพระมเหสีนั้นรักฮงริมแน่นอน เป็นหนึ่งในซีนที่เราชอบมากก ฮงริมกับพระมเหสีน้ำตาคลอ มันแบบท้วมท้นไปด้วยความรู้สึกอ่ะ เราคิดว่า คิดว่านะ ฮงลิมน่าจะรักพระมเหสีบ้างไม่มากก็น้อยอ่ะ ดูจากตอนที่ถูกสั่งให้ไปฆ่าพี่ชายของพระมเหสี ฮงริมเจ็บปวดมาก ถ้ามันเป็นแค่ความใคร่ ฮงริมไม่เสี่ยงที่จะไม่ฆ่าพี่ชายพระมเหสีหรอกใช่มั้ย ฮงริมจงรักภักดีกับพระราชามาก ขนาดตายแทนได้ แต่กลับไม่ทำตามคำสั่งและปล่อยพี่ชายพระมเหสีไป เราคิดว่าเขาคงไม่ทำนั้นเพียงเพราะความใคร่หรอก



สายตาของพระราชาหลังจากที่เริ่มระแคะระคายเรื่องฮงริมกับพระมเหสี มันแบบว่าสุดยอดมาก ทั้งแค้น ทั้งรัก ทั้งหวง ...น่ากลัวมาก ความรักของพระราชาต่อฮงริมมันมากจริงๆ

แต่หัวใจและความรู้สึกของคนมันเปราะบาง เหมือนกระเบื้อง ที่ทนความร้อนได้สูงๆ แต่เมื่อมีอะไรมากระทบก็แตกทันที เหมือนพระราชา ที่พบว่า ไม่มีใครรอบตัวที่เขาสามารถเชื่อได้เลย

ขุนนางก็วางแผนคิดกบฏ ผู้ชายอันเป็นที่รักคนเดียวที่เขาเคยเชื่อใจ เหมือนที่ตอนแรกที่ฮงริมถามว่า ทำไมถึงเลือกเขา พระราชาตอบกลับมาว่า ถ้าไม่ใช่ฮงลิมแล้วเขาจะสามารถเชื่อใจใครได้อีก แต่ผู้ชายที่เขารักก็กลับทรยศทั้งด้านจิตใจและร่างกาย



พระราชาที่คอยดูแลฮงริมอย่างดีนั้น มีความรุนแรงแฝงอยู่ ที่สามารถพูดคุยกับขุนนางที่กำลังจะฆ่า....อ้อ อวยพรให้มีชีวิตยืนยาวด้วย ได้ พระราชาเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ เมื่ออำนาจกับความรักมาอยู่ด้วยกัน แล้วมันก็มากซะจนอันตราย ยิ่งเมื่อพระราชาได้เห็นเหตุการณ์จริงๆแล้วมันก็ยิ่งเหมือนราดน้ำมันเข้ากองไฟที่ประทุอยู่แล้ว



...เรามองในฐานะผู้หญิงนะ มันไม่ใช่ความผิดของพระมเหสีที่รักฮงริม ความรักมันบังคับกันไม่ได้นี่ แล้วพระราชาเป็นคนสั่งในฮงริมมาทำหน้าที่แทนเอง...การที่บอกว่าให้ซึงกิมาทำแทน เราแบบอยากจะคลานเข้าจอทีวีไปตบพระราชาจริงๆ

แต่พระราชาก็เจ็บมากจริงๆตอนที่ฮงริมพูดว่า รักมเหสี

แต่โทษที่พระราชาให้ มันยิ่งกว่าประหารซะอีก ฆ่ากันให้ตายยังจะดีซะกว่า แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าพระราชาทำไปโดยไม่ยั้งคิด สั่งไปเพราะความแค้นมันสุมอกจริงๆ

แต่หลังจากที่พระราชาทำแบบนั้นไปแล้ว ความรู้สึกของฮงริมมันไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว ความรู้สึกของฮงริมต่อพระราชาไม่มีทางเหมือนเดิมต่อไป



ตอนที่พระมเหสีมาขอให้ฮงริมหนีไปด้วยกัน แล้วฮงริมพูดว่า ให้กลับไป ถ้าเกิดพระราชามาเจอท่านอาจจะอันตรายถึงชีวิต แล้วพระมเหสีบอกว่า เราไม่มีอะไรที่ต้องกลัวแล้ว ฮงริมตอบว่า แต่ข้ากลัว

...กลัวอะไร...กลัวตายเหรอ ก็ไม่ใช่ เพราะหลังจากนั้นฮงริมไปขอโทษประหารจากพระราชาทันที

กลัวพระมเหสีตายหรือเปล่า... เราคิดว่ามันเป็นความรัก ถ้าเป็นความใคร่ คงไม่มีใครต้องอยากจะเอาชีวิตไปแขวนไว้เพราะความใคร่หรอกใช่ไหม

พระมเหสีแม้จะรู้ว่าตัวเองน่าจะปลอดภัยเพราะท้อง แต่ก็ยังอุตส่าห์เสี่ยงชีวิตคิดจะช่วยฮงริม

ฮงริมเองขนาดหนีออกมาได้แล้ว ก็ยังจะกลับไปช่วยพระมเหสี



ช่วงครึ่งหลังของหนังโดยเฉพาะครึ่งชม.สุดท้ายกดดันและลุ้นมาก เราซึ้งใจในน้ำใจของทหารองครักษ์ที่ช่วยฮงริมจริงๆ 



ฉากต่อสู้ครั้งสุดท้ายของฮงริมและพระราชา ...เราสงสารพระราชานะ แต่ดูเหมือนพระราชาก็ไม่ได้ยั้งมือเลยนี่(หว่า) เป็นซีนที่เราชอบมากกกอีกหนึ่งซีน ปกติเราชอบพวกฉากต่อสู้ของหนังเอเชียอยู่แล้ว แต่อันนี้มันได้อารมณ์มาก เหมือนเป็นฉากอารมณ์กับฉากต่อสู้ไปด้วยกัน







ฉากลมหายใจสุดท้ายของฮงริม ที่พระราชาถามคำถามสุดท้าย มันเจ็บมากจริงๆ เราน้ำตาซึมเลยอ่ะ สงสารพระราชา ถึงเราจะค่อนข้างเอียนเอียงไปทางพระมเหสีก็ตามนะ ก่อนฮงริมจะตายได้หันไปมองพระราชาก่อนจะสิ้นลม

ตรงนี้แหละที่สร้างความข้องใจให้กับคนดูหลายๆคนว่าตกลงแล้วองครักษ์หนุ่มคนนี้รักใครกันแน่

ส่วนตัวคิดว่า

กับพระมเหสี เป็นความรัก ความใคร่ ความห่วงใยสามารถปกป้อง ได้ทำตัวเป็นหน้าที่ของผู้ชาย

กับพระราชา เป็นความผูกพัน ความจงรักภักดี ความที่อยู่ด้วยกันมานาน ความที่ตั้งแต่เกิดโลกที่โลกก็มีแต่ผู้ชายคนนี้



แต่เป็นภาพยนตร์ที่เสียงคนดูแตกเป็นหลายอย่างมากๆ ตรงประเด็นนี้



ฉากสุดท้ายของหนังที่เป็นภาพความฝันของพระราชาที่กำลังขี่ม้ากับฮงริม ที่พระราชาอุตส่าห์วาดใหม่ให้ฮงริมยิงธนูเหมือนกัน

...ซึ่งในฉากฟันดาบ ฮงริมฟันภาพขาดกลางโดยที่ไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ







ตัวละครหนึ่งที่ไม่มีอะไรที่ทำให้ชอบเลยคือ ซึงกิ รองหัวหน้าองครักษ์ ทะเยอะทะยาน ทำได้ทุกอย่างเพื่อตำแหน่ง และชีวิตตัวเอง สามารถยืนดูพระราชาตาย และฆ่าพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน



เพลงประกอบนี่เราชอบจริงๆนะ พวกแบคกราวน์มิวสิคอ่ะ ใช้เครื่องดนนตรีสากลและพื้นเมือง...ซึ่งปกติในซีรีย์เกาหลีย้อนยุคมันมักจะไม่ค่อยมีแบคกราวน์มิวสิคหรือถ้ามีก็เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองพวกคายังกึมอะไรแบบนี้



ความเป็นจริงแล้วในด้านเนื้อหา ไม่ได้เบาไปกว่า The Curse of Golden Flower เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ด้านอารมณ์และความกดดันทำได้มากกว่า อีกเรื่องที่เน้นเรื่องการเมืองและสงครามมากกว่า แต่เรื่อง The Cures of Gloden Flower นั้นนำเสนอเรื่องการมีชู้หรือการมีสัมพันธ์กับชายอื่นในรูปแบบที่ไม่ได้หวือหวาร้อนแรงเท่านี้ ...พูดกันตามจริง เราก็รู้สึกว่าฉากเลิฟซีนไม่จำเป็นต้องขนาดนี้ก็ได้ แต่ฉากเลิฟซีนแรงๆแบบนี้ก็แสดงอารมณ์ตัวละครได้ดี แต่ก็ยังคิดว่ามันไม่จำเป็นขนาดนั้นอยู่ดี หมายถึงไม่จำเป็นจะต้องถ่ายขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องหวือหวาขนาดนั้น เห็นแล้วคิดว่านางเอกเรื่องนี้เปลืองตัวมาก



แต่โดยรวมแล้ว ชอบหนังเรื่องนี้มาก เป็นหนังที่ถ้าไม่รังเกียจแล้วอยากแนะนำให้ดูจริงๆ แต่ก็เป็นหนังที่ไม่กล้าแนะนำให้ใครดูสุ่มสี่สุ่มห้าเลย



แล้วก็ไม่ใช่หนังที่จะซื้อมาเปิดดูตอนกินข้าวกับครอบครัวด้วย ...555





Free TextEditor



Create Date : 07 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2554 13:41:42 น.
Counter : 28613 Pageviews.

0 comment
500 Days of Summer : โชคชะตาไม่มีจริง ทุกสิ่งเป็นเรื่องบังเอิญ
500 Days of Summer : โชคชะตาไม่มีจริง ทุกสิ่งเป็นเรื่องบังเอิญ



This is a story of boy meets girl, but it's not a love story.
นี่เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่ง แต่มันไม่ใช่เรื่องราวของความรัก

เขาเชื่อในความรัก และมองหาความสัมพันธ์ที่จริงจัง

เธอไม่เชื่อในความรัก และไม่อยากมีความสัมพันธ์ที่จริงจัง

แต่แล้ว เธอคนนั้นก็แต่งงาน

เขาไม่เชื่อในความรัก และโชคชะตาอีกต่อไป

เธอเชื่อในความรัก และ โชคชะตา

สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ไม่มีอะไรเลย ไม่มีโชคชะตา ไม่มีเนื้อคู่ ไม่มีพรหมลิขิต ทุกอย่างเป็นแค่เรื่องบังเอิญ

นี่คือหนังสวยๆ อาร์ตๆ ชื่อ 500 Days of Summer

เป็นหนังที่เราเสาะแสวงหามาดูเพราะ Joseph Gordon Levitt เท่านั้น แอบหลงรักผู้ชายคนนี้จาก Inception บวกกับเพื่อนแนะนำ และเห็นในกระทู้ผ่านๆ

แต่ต้องบอกเลยว่า เป็นการเริ่มดูที่ไม่รู้อะไรมาก่อนเลย

เพราะฉะนั้น เราถึงแอบแปลกใจกับหลายๆอย่าง

อย่างแรกคือ Summer ที่ว่าเป็นชื่อคน

อย่างที่สองคือ พระเอกไม่ได้ลงเอยกับนางเอก(นี่หว่า)

มันเป็นภาพยนตร์ที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้น่ะ เหมือนภาพวาดที่ไม่สามารถบอกเป็นคำพูดแล้วจะนึกภาพออก เป็นหนังที่ให้ความรู้สึกว่า สวย...จริงๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมิวสิควีดีโอ การตัดต่อภาพ มุมกล้อง เหมือนเอมวีมาก

ครึ่งแรกของหนังเป็นไปอย่างเนิบๆเนือยๆ และชวนให้ความคิดที่ว่า คิดผิดแล้วที่ซื้อมา แต่เมื่อดูหนังจบแล้วกลับชอบมากๆ

ซัมเมอร์ย้ายเข้ามาในบริษัทที่เกี่ยวกับการทำการ์ด และพระเอกของเรา ทอม ก็หลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอกลับบอกว่า เธอไม่สนใจความสัมพันธ์ที่จริงจัง ทอมก็ยังคงไม่ยอมแพ้ และหวังว่าสักวันหนึ่ง เธอจะจริงจังกับความสัมพันธ์นี้ขึ้นมาเอง

แต่เรื่องก็ไม่เป็นอย่างนั้น

เมื่อเธอแต่งงาน ...กับใครสักคนที่เธอพบที่ร้านหนังสือ

ทอมไม่เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงที่ไม่จริงจังกับความสัมพันธ์แต่กลับแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้อย่างรวดเร็ว แล้วเขาล่ะ...?

เขาก็แค่ ไม่ใช่คนคนนั้น เท่านั้นเอง


ตัวละครอีกตัวนึงที่เก๋ๆมากๆ ก็คือ เรเชล เด็กหญิงตัวน้อย ที่แหมมม...วิธีการพูดของเธอ กับวิธีการคิดของเธอ มันชวนให้น่าหยิกจริงๆ
"เธออาจจะเป็นคนที่คุณคิดว่าใช่ แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น ต่อไปฉันอยากให้คุณจำเฉพาะเรื่องราวดีๆมากกว่า"

ในมุมมองของซัมเมอร์ ทอมเหมือนเป็นแค่เพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน เป็นเพื่อนรัก เป็นคนที่คุยด้วยได้ทุกอย่าง เป็นคนที่ชอบ เป็นคนที่อยากเต้นรำ เป็นคนที่อยากจูบ เป็นคนที่ชอบ The smiths เหมือนๆกัน เป็นคนที่ทำอะไรๆสนุกๆด้วยกัน
แต่...ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่คนที่จะแต่งงาน ไม่ใช่คนที่จะเป็นสามี

"แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนเค้าทำกัน" ทอมว่ายังงั้น
ซึ่งเราก็ว่าจริง แต่มองอีกทาง ซัมเมอร์ก็ได้บอกทอมก่อนแล้วว่า ความสัมพันธ์นี้ไม่จริงจังนะ


เราชอบซีนที่ทอมกำลังจะรู้ว่าซัมเมอร์จะแต่งงานมาก ที่แบ่งจอเป็นสองช่อง Expectation กับ Reality น่ะ มันแบบจิ้ดดสุดๆ



สิ่งที่ซัมเมอร์กับทอมทำด้วยกันมา มันน่ารักมาก เช่นซีน Penis มันสุดยอดมาก หรือซีนที่ไปดูเฟอร์นิเจอร์ด้วยกัน

Summer: I woke up one morning and I just knew.
Tom: Knew what?
Summer: What I was never sure of with you.

นี่คือฉากเด็ด ฉากสุดท้ายของทอมและซัมเมอร์ ก่อนที่ทอมจะเริ่มฤดูกาลใหม่ของตัวเอง
เป็นประโยคที่ ...ทำร้ายจิตใจแล้วก็ฟังดูใจร้ายมากจริงๆ เราว่ามันอาจจะทำให้คนดูร้องไห้ได้เลยล่ะ ถ้าเกิดว่าอินมาก หรือเจอกับสถานการณ์คล้ายๆกันนี่มา

แบบว่าอารมณ์มันสุดๆแล้ว มันเป็นช่วงเวลาก่อนน้ำตาไหล (ช่วงเวลาก่อนน้ำตาไหล มักจะเศร้าสุดเสมอ)
แต่พอกำลังจะร้องไห้ แล้ว...ก็ถึงฤดูใบไม้ร่วง

เป็นฉากจบที่จิ้ดแล้วก็ชวนให้ยิ้มที่สุดเลย

เทียบกับ Koizora ที่เพิ่งดูเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันมากๆ เรื่องวางนี้อยู่บนความเป็นจริงอย่างน่ากลัวเลยล่ะ เราว่ามันให้ข้อคิดการใช้ชีวิตรักได้ดีเลยล่ะ




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 18:05:19 น.
Counter : 5351 Pageviews.

1 comment
Koizora รักเรานิรันดร (Sky of Love)
Koizora รักเรานิรันดร



31 ตุลาคม 2554.,,



"จนถึงวันนี้ ฉันก็ยังรักท้องฟ้าอันกว้างใหญ่อยู่"



ภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อตอนที่ฉายดังมากๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้ดูสักที ทั้งที่พระเอกก็เป็นคนที่ชอบแท้ๆเลย 



ความรู้สึกเมื่อดูไปครึ่งเรื่องนั้น ค่อนข้างไปทางน่ารักดี ...และไม่ได้คิดว่าตัวเองจะร้องไห้เท่าไหร่ เนื่องจากมีคนสปอยให้ฟังเป็นล้านครั้งล่ะ เตรียมตัวเตรียมใจมาเรียบร้อย



แต่...รู้ตัวอีกที ก็น้ำตาไหล ร้องไห้จริงๆไปซะแล้ว แถมร้องหนักซะด้วยนะ ดูเรื่องนี้จบ มีกองทิชชู่เต็มเลย 

แถมตาก็บวมเป่ง







มิกะ นำแสดงโดย Yui Aragaki (Code Blue... ป่อยย เราเคยดูเธอแค่เรื่องเดียวอ่ะนะ ไม่เหมือนพระเอกที่ดูมาเยอะแล้ว)



ช่วงครึ่งแรกของหนังก็เหมือนหนังรักวัยรุ่นหรือการ์ตูน shoujo ทั่วไป บอกตามตรงว่าสิ่งที่เราไม่คาดคิด ว่าจะได้เจอในหนังเรื่องนี้ก็คือการข่มขืน มันทำให้อดนึกไม่ได้ว่า เพราะฮิโระนั่นแหละ มิกะถึงต้องเป็นแบบนี้ มักจะเจออะไรร้ายๆอยู่เสมอ แถมตอนที่มิกะไปมีอะไรกันที่บ้านฮิโระ ฮิโระยังละเมอถึงแฟนเก่าอีกต่างหาก 



ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกของเราว่า ผู้ชายคนนี้ช่าง...ให้ตายเถอะ



ฮิโระ นำแสดงโดย Haruma Miura(Bloody Monday, Samurai High school, Kimi ni todoke) กับผมที่กัดจนขาว

"ผู้ชายคนที่หัวทองๆ น่ากลัว" มิกะพูดตอนที่พบฮิโระครั้งแรก แต่ฮิโระก็สามารถเอาชนะใจมิกะได้จริงๆ 







เขาใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ

ฮิโระเหมือนสายน้ำที่ไหลไปข้างหน้าตลอดเวลา แต่ฮิโระกลับอยากเป็นท้องฟ้า

"ถ้าฉันเป็นท้องฟ้า ฉันจะได้เฝ้ามองดูมิกะตลอดเวลา"



จนกระทั่งมิกะท้อง ตอนที่มิกะบอกกับฮิโระว่าท้อง แล้วฮิโระก็วิ่งออกไปทันที ตอนนั้นมิกะคงรู้สึกแย่มาก 



แต่เธอก็คงเตรียมใจมาแล้วว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนจะยอมรับแฟนที่ท้องตอนอยู่ม.ปลายหรอก แต่ฮิโระก็กลับ



มาพร้อมกับของขวัญ

"ยินดีด้วยนะ เธอจะได้เป็นแม่คนแล้ว"

ทำให้ได้รู้ว่าฮิโระนั้นรักมิกะจริงๆ พร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง พร้อมจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่ดูเข้มงวด











ช่วงที่ฮิโระไม่สนใจมิกะ และบอกเลิก ...เราแบบว่า ผู้ชายคนนี้ยอมรับลูกในท้องเธอเชียวนะ เค้าจะเลิกกับ



เธอง่ายๆได้ไงยะ



แต่มิกะก็ไม่ผิดที่เธอได้เปิดใจให้ยูบ้าง ยูเป็นคนอ่อนโยน และแคร์มิกะมากๆ เราชอบฉากที่ยูติดรูปครอบครัวของมิกะและพูดกับพ่อแม่ของเธอ ทำให้พ่อแม่ของเธอไม่ได้หย่ากัน มันทำให้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ อบอุ่น อ่อนโยน แล้วก็พึ่งพาได้จริงๆนะ เราก็แอบร้องไห้ให้ยูไปนิดหน่อย ตอนที่มิกะเลือกที่จะไปวิ่งไปหาฮิโระ แบบว่าผู้ชายคนนี้แมนมากๆ

"รีบไปเถอะ ก่อนที่ฉันจะร้องไห้"

ผู้ชายที่เป็นทะเล ที่จะอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา สงบ อบอุ่น และพัดกลับมาหามิกะตลอดเวลา



และหลังจากนั้นเราก็ร้องไห้ได้ไม่หยุดเลย

มิกะกับฮิโระโชคดีที่ได้เจอคนที่รักมากๆ แล้วก็รักกันมากๆ สามารถทำได้ทุกอย่าง

"ความฝันของฉันคือ การที่เราจะอยู่ด้วยกันสามคน ฉัน มิกะ แล้วก็ลูกของเรา ความฝันของเดียวของฉัน" 

ตอนที่ฮิโระร้องไห้ บอกว่ายังไม่อยากตาย ยังมีอะไรที่อยากทำอีกเยอะแยะ เราแบบว่า แทบจะปล่อยโฮเลยแหละ





แม้กระทั่งตอนที่ฮิโระกำลังจะตาย แล้วมิกะมาไม่ทันต้อง Video Call หากัน อยู่เมืองไทยอาจจะทำไม่ได้นะเนี่ย

ฮิโระยังบอกกับมิกะว่าให้ "ยิ้ม"



ถ้าหลังจากที่ฮิโระตายไปแล้ว มิกะฆ่าตัวตายตามไปจริงๆล่ะก็ ฮิโระก็คงไม่มีความสุขแน่นอนเลยใช่มั้ย 



เพราะฮิโระก็ยังคงเฝ้ามองมิกะจากบนท้องฟ้าตลอดเวลา และหวังให้เธอมีความสุข

ไม่งั้นฮิโระคงไม่ปิดเรื่องนี้กับมิกะตั้งแต่แรก



เป็นหนังที่ให้ทั้งรอยยิ้ม ให้ทั้งน้ำตาจริงๆ กระทั่งดูจบแล้ว มาเขียนนี่เราก็ยังคงแอบน้ำตาซึมนิดๆอยู่ แต่มันก็ให้ความรู้แบบ อิ่มเอมใจน่ะ






ปล.เราแอบใช้เวลาสักพักกว่าจะระลึกได้ว่า พี่สาวพระเอกมัน Karina(Love shuffle, นิตยสาร Ray) นี่หว่าาา ทั้งที่ดู Love shuffle มาหลายรอบแท้ๆ

อีกหนึ่งปล. เราชอบเวลามิกะพูดคำว่า ฮิโระ มากๆ มันให้ความรู้สึกแบบ อื้อออ พูดไม่ถูก (คือมีเหตุผลส่วนตัวกับชื่อนี้ด้วยแหละมั้ง 55)




Free TextEditor



Create Date : 31 ตุลาคม 2554
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2554 21:42:26 น.
Counter : 7972 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  

marina_rain
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ติดต่อทางอีเมลได้ที่ wasineechann@gmail.com
All Blog