Eat Pray Love : อิ่มมนต์รัก
Eat Pray Love (2010) 



รู้มาว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากนิยายที่โด่งดัง และแปลเป็นภาษาต่างๆกว่า 30 ภาษา เป็นเรื่องที่ตัดตัวอย่างหนังมาน่าดูมาก ยังจำได้จนถึงวันนี้ทั้งที่ดูไปแค่ครั้งเดียว โปสเตอร์หนังก็ชวนให้ดูเอามากด้วย...คาดเอาไว้ว่าคงเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้แนวๆ Letters to Juliet แต่ก็ไม่ใช่ Eat Pray Love ที่ชื่อภาษาไทยสุดจะเก๋อย่าง อิ่มมนต์รัก ให้อะไรมากมายกับคนดู ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเก็บเกี่ยวมันไปได้แค่ไหน


Liz Gilbert(Julia Robert) เป็นนักเขียนที่กำลังโด่งดัง และมีความฝันอยากเป็นนักเดินทางตั้งแต่เด็ก เธอถูกหมอดูที่บาหลีทำนายไว้อย่างต้นร้ายปลายดี เมื่อเธอกลับมาที่นิวยอร์ก เธอกลับพบว่าสามีของเธอและเธอ มันไปด้วยกันไม่ได้อีกต่อไป ความรักที่เคยประคับประคองกันมา ความหวานชื่นสมัยแต่งงาน สิ่งที่เคยคิดว่าดี กลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ทั้งที่ตัวเธอเองก็มีพร้อม ทั้งเงิน สามี และความสำเร็จในชีวิต ความไม่เข้าใจเล็กๆที่ค่อยๆสะสม จนในที่สุดเธอก็ฟ้องหย่า ลิซพบรักอีกครั้งอย่างรวดเร็วกับเดวิด(James Franco จาก 127 Hours) นักแสดงละครเวทีผู้รักอิสระ เป็นตัวของตัวเอง และมีวิธีการดำรงชีวิตที่ไม่เหมือนใคร Bold and free spirit person  แต่ไปได้ไม่ถึงหกเดือน ความรักครั้งใหม่นี้ก็ล้มเหลวอีก อะไรๆที่เคยดีก็ไม่ดีอีกต่อไป ตอนแรกๆแค่การซักผ้าก็ยังน่ารักและสนุกได้ ตอนนี้อะไรๆก็ดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด ทั้งที่จริงๆแล้วความรักก็ยังคงอยู่ของมันตรงนั้น

ลิซตัดสินใจเดินทางเพื่อแสวงหาตัวตนของตนเอง
There is a joke.
A poor guy always went to the church and pray to statue god. 
"God, God. Please please please please let me win a lottery." 
He made this prayer everyday. 
One day, this statue came alive and tell to this poor guy, 
"Dear son, please please please please buy a ticket."

การเดินทางไปสามประเทศของลิซก็เหมือนกับการซื้อตั๋วลอตเตอรี่นั่นแหละ เธอคิดว่าเธออาจจะสามารถพบเจอตัวตนของเธอได้ที่ไหนสักแห่ง



อิตาลี เมืองแห่งพาสต้า พิซซ่า มักกะโรนี และ สปาเกตตี้
เธอพบเจอมิตรภาพและเพื่อนดีๆมากมาย ลิซพบโซฟีจากร้านคอฟฟี่ช้อปที่คนแน่น(คิดว่าที่อิตาลีน่าจะเหมือนฝรั่งเศสเรื่องร้านกาแฟ ที่คนนิยมกินกาแฟสดกันมากๆ) พบจีโอวานนี ครูสอนภาษาอิตาลีคนรักของโซฟี ที่สอนให้รู้จักเสียงขึ้นๆลงๆอันเป็นเอกลักษณ์ของภาษาอิตาลี ได้พูดคุยกับช่างตัดผมที่สอนให้เธอรู้ถึง Happiness of Doing Nothing ความสุขของการไม่ทำอะไรเลย
ทำให้คนดูอย่างเราๆนอกจากจะน้ำลายไหลจากภาพสวยๆที่สวยจริงๆยังกับรายการอาหาร ของอาหารอิตาลีต่างๆแล้ว ยังให้เราได้รู้ถึงวัฒนธรรมอิตาลีเช่น การใช้ภาษามือ หรือ นิสัยการชอบพัก(ซึ่งก็เหมือนชาวฝรั่งเศสอีก)
ได้สอนให้เพื่อนของเธอได้รู้ความสุขเล็กๆของการใช้ชีวิตตามใจปากตามใจตัวเอง
"กินซะ แล้วพรุ่งนี้เราก็จะไปซื้อกางเกงยีนส์ที่ตัวใหญ่กว่า"
ได้เห็นครอบครัวที่มีความสุขในชีวิต เห็นคู่รักที่ประสบความสำเร็จในด้านความรัก

เธอไปยังเป้าหมายต่อไป ด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบ
อินเดีย...ประเทศที่วุ่นวาย สับสน ลิซไปค้นหาความสงบในประเทศนี้
เธอไม่สามารถทำใจให้สงบได้ สมองของเธอฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา เธอพบกับชายตะวันตกผู้ซึ่งก็เคยผ่านความล้มเหลวในชีวิตครอบครัวมาเช่นกันกับเธอ เธอได้เรียนรู้การอยู่กับตนเอง เรียนรู้ตัวเอง ...และที่สำคัญที่สุดคือ การให้อภัยตนเอง



และเธอก็กลับไปหาหมอเทวดาคนเดิมอีกครั้งที่บาหลี Ketut Liyer หมอดูผู้คอยชี้ทางสว่างให้กับเธอ
เธอได้ตัดสินใจให้ที่ยิ่งใหญ่ เธอให้เงินกับหมอยาที่หมดเนื้อหมดตัวจากการที่ฟ้องขอเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงลูกสาวหลังจากหย่ากับสามี
เธอพบกับผู้ชายคนใหม่ Felipe หนุ่มใหญ่ปากหวานชาวบราซิล ความรักที่หอมหวาน แต่เต็มไปด้วยความกลัวครั้งนี้ เกือบจะล้มเหลวอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าความรักของเธอจะทำให้สมดุลของชีวิตเธอพังอีกครั้ง
"Sometimes to lose balance for love is part of living a balanced life. "
บางครั้งการเสียสมดุลจากความรัก ก็ทำให้ชีวิตของเราสมดุลขึ้นมาได้



และเธอก็ตัดสินใจจะก้าวข้ามความกลัวทั้งหมดไป และเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง
"attraversiamo" Let's cross over!

จริงๆแล้วตอนดูหนังก็แอบง่วงๆนิดหน่อย มีแอบเบื่อๆบ้าง ไม่ค่อยมีสมาธิกับหนังเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะทั้งในเก้าอี้เลกเชอร์แล้วต้องเงยหน้ามอทีวี เลยปวดคอก็ได้มั้งคะ ทั้งที่จริงๆแล้วหนังก็ดีเลยล่ะ 
เห็นว่าหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยเปรี้ยงในบ้านเราเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะไม่ใช่แนวอยู่แล้ว แต่ในบ้านเกิดของหนังเองแล้ว ถือว่าฮอตทีเดียว



Create Date : 23 เมษายน 2555
Last Update : 11 พฤษภาคม 2555 0:13:23 น.
Counter : 17863 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marina_rain
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ติดต่อทางอีเมลได้ที่ wasineechann@gmail.com
All Blog