Group Blog
 
All Blogs
 

ไปเก็บสตรอเบอรี่กันค่ะ

ช่วงกลางๆเดือนมิถุนา เป็นหน้าสตรอเบอรี่ของที่นี่ค่ะ
มีหลายสวนเปิดให้เข้าไปเก็บ ก็เลยชวนเพื่อนๆไปเก็บสตรอเบอรี่กัน
เริ่มแรก ค้นหาสวนก่อน ว่าที่ไหนเปิดให้เก็บแบบ pick-your-own
เลือกได้แล้ว ก็ไปกันเลยค่ะ
และด้วยความช่วยเหลือของ Mapquest มณีก็พาเพื่อนๆไปหลงประมาณครึ่งชั่วโมงได้ อิอิ
แทนที่จะได้เก็บแต่เช้า ไปถึงสวนก็สายตะวันโด่งพอดี
(ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจ
mapquest ฮ่าๆ)
วันนั้นแดดจ้าฟ้าใส อากาศดีมากค่ะ

ไปถึงก็ไปหยิบกล่องกันเลย เค้ามีกล่องจัดไว้ให้ ค่ากล่อง กล่องละ 50 เซนต์ค่ะ
พอหยิบกล่องได้ก็เดินไปหาไลน์แมนเลย อุ้ย ไม่ใช่
เดินไปหาพนักงานสวน ที่ถือธงยืนในแปลง
เพื่อแสดงความจำนงว่าจะเก็บสตรอเบอรี่กี่กล่อง
คุณพี่ไลน์แมนก็จะพาไปแปลงที่ยังไม่มีใครเก็บในวันนี้
ถ้าจะเก็บหนึ่งกล่อง เค้าจะจัดพื้นที่ให้เดินเก็บได้สองแถว แล้วเก็บซ้ายขวาของทางเดินค่ะ
ความยาวของแถวประมาณ 25 เมตรได้ค่ะ เก็บกันตามสบาย
โดยมีธงเหลืองปักไว้เป็นเครื่องหมายว่า เก็บได้ไม่เกินนั้น
คุณพี่ไลน์แมนเด็ดให้ชิมด้วย อดถามไม่ได้ว่า คุณพี่ขา ใช้สารเคมีไหมคะ
เค้าบอกว่า ใช้ตอนต้นฤดูเฉพาะสารเคมีกำจัดวัชพืชค่ะ
นอกนั้นไม่ได้ใช้อะไรเลย ก็เลยวางใจเด็ดชิมสองสามลูก อิอิ
(คุณพี่ไลน์แมน เกิดในยูโกสลาเวีย เป็นชาวเซิร์บ
ถามแกว่า ดูบอลป่าว แกบอกว่า ดูสิ ชอบมาก
ลืมนึกไปว่า วันนั้น เซอเบียแพ้อาเจนติน่า 6-0 อิอิ)

บรรยายมาตั้งนาน ยังไม่ได้ให้ดูรูปเลย
มณีเจอพริตตี้ค่ะ เป็นเด็กๆมากับคุณแม่ เก็บสตรอเบอรี่อยู่แถวข้างๆมณี

หนูน้อยสองคนนี้ไงคะ

Photobucket - Video and Image Hosting




คนนี้คนพี่ค่ะ ก้มหน้าก้มตาเก็บ ไม่ค่อยพูดอะไรค่ะ ได้คะแนนความตั้งใจเต็มสิบเลย

Photobucket - Video and Image Hosting




แต่คนน้องนี่สิคะ ตั้งแต่เธอเดินเข้าแปลงมา เธอพูดไม่หยุดเลยค่ะ
ยังเล็กมาก พูดก็ไม่ค่อยชัด แต่ขยันพูดเหลือเกิน

Photobucket - Video and Image Hosting




ทุกๆสองนาทีจะได้ยินเสียงเธอตะโกนเรียกแม่ มามี๊ขา ลูกนี้ใช้ได้ไหมคะ (พลางชูสตรอเบอรี่เขียวอื๋อ) คุณแม่ก็จะตอบว่า ใช้ได้จ้ะ เธอก็จะบ่นงึมงัมว่า ลูกนี้ใช้ได้ มามี๊บอกว่าลูกนี้ใช้ได้ ซักพัก เธอตะโกนถามอีก มามี๊ขา ช่วยหนูหน่อย ช่วยดูหน่อย ว่าลูกนี้ใช้ได้ไหม อิอิ น่ารักน่าชังจริงๆ

Photobucket - Video and Image Hosting




เนี่ยค่ะ กล่องขนาดนี้ ที่เก็บกัน กล่องนึงราคา 12 เหรียญค่ะ
พอรวมค่ากล่องก็ต้องจ่าย 12.50 เหรียญค่ะ

Photobucket - Video and Image Hosting




ระหว่างเก็บไปกินไป เอ้ยๆ ไม่ใช่ ระหว่างเก็บสตรอเบรี่ ก็เหลือบเห็นดอกหญ้า
น่ารักมากๆ คล้ายๆผักเบี้ยแถวบ้านเรา แต่สีน่ารักดี แชะมาซะหน่อย

Photobucket - Video and Image Hosting




เอาล่ะ ได้เต็มกล่องแล้วค่ะ กล่องนี้ช่วยกันเก็บสามคนค่ะ เก็บเพลินจนเกือบล้นกล่อง อายจัง

Photobucket - Video and Image Hosting




สตรอเบรี่ที่เก็บ เป็นลูกเล็กๆ ก้นแหลมๆ หวานอร่อยมากค่ะ
พอกลับมาถึงบ้าน ก็แบ่งๆแจกจ่ายกันไป แจกจนไม่รู้จะแจกยังไงค่ะ
เพราะเห็นกล่องขนาดนี้ เอามาแบ่งใส่กล่องขนาดที่ขายตามห้าง
ได้ประมาณ 10 กล่องเชียวนะคะ ลองชิมไหมคะ อิอิ

Photobucket - Video and Image Hosting




ทางสวนบอกว่า สัปดาห์หลังจากนั้น จะเปิดให้เก็บราสเบอรี่ ค่ะ
น้องๆชวนไปเหมือนกัน แต่มณีไม่รู้จะเอาราสเบอรี่มาทำอะไร
ก็เลยไม่ไปค่ะ แล้วหลังจากนี้อีกซักเดือนสองเดือน
จะเปิดให้เก็บพริกค่ะ น่าสนใจมาก เพราะอยากได้พริกมาทำน้ำพริกหนุ่ม
ไปด้วยกันไหมคะ ถ้าได้ไป จะเอารูปมาฝากค่ะ

ไว้บล็อกหน้าเจอกันใหม่นะคะ

ขอบคุณที่แวะมาค่ะ





 

Create Date : 27 มิถุนายน 2549    
Last Update : 27 มิถุนายน 2549 8:44:53 น.
Counter : 1651 Pageviews.  

มีปณิธานปีใหม่กันไหมคะ

จริงๆ ว่าจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ที่นี่ เลยหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่าน
บ้านมณี อ่านหนังสือพิมพ์ช้ากว่าบ้านอื่นๆ หนึ่งวันค่ะ
ถ้าวันนี้เป็นวันจันทร์ มณีจะได้อ่านหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์
เหตุเพราะว่า หนังสือพิมพ์ที่มณีอ่าน ได้รับการส่งต่อมาจากคุณยายเจ้าของบ้าน
ทุกเช้า คนส่งหนังสือพิมพ์จะโยนหนังสือพิมพ์ไว้ที่หน้าบ้าน
ทุกเช้า คุณยายจะโยนหนังสือพิมพ์ฉบับเมื่อวานไว้ที่บันไดขึ้นชั้นสองซึ่งเป็นส่วนที่มณีพักอาศัย เหมือนกัน
นับเป็นความใจดีของคุณยาย ที่ทำให้มณีได้ติดตามข่าวสารทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
แม้จะช้าไปหนึ่งวันก็ตาม...
....

วันนี้ได้รับหนังสือพิมพ์ตามปกติค่ะ มณีจะเลือกอ่าน Sec E ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวกับ Arts & Living ก่อนส่วนอื่นๆเพราะส่วนนี้ มีเกมส์ต่างๆ ให้เล่น หนึ่งในนั้น คือ เกม Sudoku สุดโปรด
ตั้งใจจะตัดเก็บไว้เล่นตอนว่างๆ นอกจากนี้ยังมีการ์ตูน มีครอสเวิร์ด และคอลัมน์ตอบปัญหาชีวิต
Dear Abby ที่แสนจะโด่งดัง
ตาเหลือบไปเห็นคอลัมน์นึง คือ Living Well ซึ่งคนเขียนชื่อ Diane Evans
เธอเขียนเรื่องเกี่ยวกับ New Year’s Resolutions หรือปณิธานปีใหม่ค่ะ ซึ่งเธอบอกว่า
เธอเลิกตั้งปณิธานปีใหม่ หลายปีมาแล้ว เพราะว่า เธอทำไม่เคยสำเร็จ แต่ว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอหยิบเอาเรื่องนี้มาเขียนอีก ก็เพราะบาทหลวงที่โบสถ์ได้หยิบยกเรื่องนี้มาพูดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้เธอกลับมาขบคิดใหม่ และอยากเอามาแบ่งปันกับคนอ่าน
. …

บาทหลวงได้พูดถึงวันขึ้นปีใหม่ว่า เป็นจุดที่เป็นเส้นแบ่งอย่างแท้จริง เป็น การเริ่มต้นใหม่ ที่มีความเป็นไปได้ใหม่ๆด้วย ในขณะที่วันไหนๆ ก็เป็นการเริ่มต้นใหม่ได้ แต่วันปีใหม่ ถือเป็น จุดหักเหที่สำคัญ เป็นเวลาที่ควรคิดทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมา และเป็นเวลาที่ควรมองมุ่งไปข้างหน้าถึงอนาคต ดังนั้น New Year’s Resolutions can make a difference แต่ สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ ปณิธานปีใหม่ ควรเป็นสิ่งที่เป็นจริงได้ (ไม่ใช่เพ้อฝัน)

ในรายงานของ Harvard Health Letter นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Harvard ได้แจกแจงวิธีปฎิบัติที่ได้ผลจริง ในการตั้งปณิธานปีใหม่ ถ้าปีที่ผ่านๆมา คุณไม่เคยบรรลุปณิธานปีใหม่เลย
ลองพิจารณาใหม่

ข้อผิดพลาดที่หลายคนเจอคือ การตั้งปณิธานโดยมีจุดมุ่งหมายหลายข้อมากไป ตั้งไว้คลุมเครือ เช่น ปีใหม่ ฉันจะเป็นคู่สมรสที่ดี (ดียังไง วิธีไหน และดีแค่ไหน) ตั้งไว้สูงส่งเช่น ฉันจะลดน้ำหนักในชั่วข้ามคืน (ทั้งที่การลดน้ำหนักมันเกี่ยวพันถึงพฤติกรรมการกินของคุณ ซึ่งต้องใช้เวลามาก ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม)

ปณิธานที่ดี ควรเป็นอย่างไร
- ควรเป็นปณิธานที่มาจากแรงจูงใจในตัวของคุณเอง ไม่ใช่ปณิธานที่ตั้งขึ้นจากความคาดหวังและแรงกดดันจากคนรอบข้าง
- ควรหากลยุทธที่ดี ผูกปณิธานไว้กับกิจวัตรของคุณ เช่นหากมีปณิธานว่า จะไม่ลืมกินยาทุกวัน
ควรวางขวดยาไว้ใกล้ๆแปรงสีฟัน เมื่อจะแปรงฟัน ก็จะเห็นขวดยา ก็ไม่ลืมกินยา อย่างนี้เป็นต้น
-ถ้าคุณเป็นมนุษย์พวก Perfectionist คุณควรหากลยุทธที่เป็นขั้นเป็นตอนในการทำตามปณิธาน
เพื่อทำให้ได้ผลมากสุด
-ควรตั้งปณิธานไปในทางบวก มากกว่าทางลบ แทนที่จะตั้งปณิธานว่า ฉันจะไม่..... ให้ตั้งเป็น ฉันจะทำ.... ฉันจะสละเวลาเพื่อทำงานเพื่อสาธารณะมากขึ้น ฉันจะอ่านหนังสือดีดีมากขึ้น

บาทหลวง ได้กล่าวว่า การตั้งปณิธาน เป็นการสร้างวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น และเพื่อการตรึกตรองอย่างรอบคอบว่าสิ่งที่คิดแบบไหน จึงจะเป็นจริงได้มากที่สุด โดยเริ่มจากตัวเองก่อน
(ดังนั้น การมีปณิธานปีใหม่ ก็เท่ากับการตั้งใจทำสิ่งดีดี โดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน)

ปิดท้าย บาทหลวง ได้หยิบยกสุภาษิตของสวีเดน ให้ทุกคนเป็นข้อคิดในวันนั้น ขออนุญาตไม่แปล
This is Swedish proverb: “Fear less, hope more; eat less, chew more; whine less, breathe more ; talk less, say more ; hate less, love more; and all good things are yours.

ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้คนเขียนได้ตัดสินใจ มี New Year’s Resolutions อีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเธอบอกกับผู้อ่านว่า ปีหน้าจะมาบอกว่า อะไรคือ New Year’s Resolutions ของเธอ

......

ตอนนี้ก็ล่วงเลยเข้ากลางเดือนมกราคมแล้ว คนที่ทำตามปณิธานที่ตัวเองตั้งใจได้ มณีดีใจด้วยนะคะ แต่คนที่เลิกล้มไปตั้งแต่สามวัน เจ็ดวันแรก ไม่ต้องกังวลค่ะ มีคนที่เป็นเหมือนคุณ ครึ่งค่อนโลกเชียวล่ะค่ะ ตั้งปณิธานกันใหม่ ยังไม่สายนะคะ

มีปณิธานปีใหม่กันไหมคะ???

จากหนังสือพิมพ์ Akron Beacon Journal Thursday January 5, 2006




 

Create Date : 14 มกราคม 2549    
Last Update : 14 มกราคม 2549 4:54:39 น.
Counter : 599 Pageviews.  

Wigs for Kids

สองสามอาทิตย์ก่อนนู้นนน มีเรื่องให้ดีใจค่ะ

ต้องเล่าย้อนไป เมื่อปีที่แล้ว ต้นๆปี มณีอ่านหนังสือพิมพ์ของที่นี่
มีคอลัมน์นึงเค้าเขียนชักชวน ให้คนบริจาคผมค่ะ
สำหรับคนผมยาวๆแล้วอยากตัดผมนะคะ
องค์กรที่รับบริจาคผมเนี่ย มีหลายที่ค่ะ
แต่ที่อยู่ใกล้ๆ กับเมืองที่มณีอยู่เนี่ย
คือองค์กรที่ชื่อว่า Wigs for Kids

Wigs for Kids เป็นองค์กร ที่รับบริจาคเส้นผม
จากคนทั่วไป เอาไปทำวิก ให้เด็กๆที่ไม่มีผมหรือผมร่วง
อันเนื่องมาจากการทำเคมีบำบัด (Chemotherapy)
เพื่อรักษาโรคมะเร็ง

พอเดือนตุลาปี 47 มณีได้กลับเมืองไทย
มณีก็เลยตัดผมที่ไว้ยาวมาสามสี่ปี ความยาวเกือบถึงเอว
ส่งไปที่องค์กรนี้ค่ะ ตอนที่ส่งไป ต้องแนบเงินไปด้วย 1 ดอลลาร์
เป็นค่าเซ็ตเป็นวิก หรืออะไรซักอย่าง จำไม่ได้แล้ว
ตอนไปตัด ช่างตัดผมบอกว่า แน่ใจหรือคะ
พี่ตัดไปแล้ว น้องอย่านั่งร้องไห้เสียดายนะคะ
แน่ใจจริงๆนะคะ ถามย้ำ จนสงสัยว่า
มีด้วยเหรอ คนมาตัดผม พอตัดไปแล้วเกิดเสียดาย
มานั่งร้องไห้ร้องห่ม เอ้อ แปลก
แต่ตอนนั้นผมของมณี มันยาว จนเกินคำว่าเสียดายแล้วค่ะ
เพราะสระผมที ต้องบีบแชมพูสองหน หนละปู้ดดดด ใหญ่ๆ
เพราะหนเดียวไม่ทั่วหัว
แล้วพอผมเปียก มันหนักมากๆ กว่าจะรอให้แห้งอีก
สรุปว่า ตอนนั้น พร้อมที่จะตัดมาก เหลือทน
เลยบอกช่างว่า ตัดไปเลยพี่ นึกในใจว่า ถ้าชักช้าอาจต้องย้ายร้าน อิอิ
ตัดเสร็จ รอให้ผมแห้งดี แล้วใส่ถุงซิปล็อกไว้
ช่างตัดผมบอกว่า ผมนี่ ขายได้นะคะ
บอกเค้าเบาๆว่า จะเอาไปบริจาค ช่างตัดผมมองหน้าแบบงงๆ

พอกลับมาที่นี่ ก็ใส่ผมลงในกระเป๋าเดินทางด้วย
ยังนึกว่า หากถูกค้นกระเป๋า เค้าคงเจอเส้นผม
มีตกใจกันมั่งล่ะ เพราะผมที่ตัดออกมาแล้ว มันดูน่ากลัวนะคะ ว่าไหม
กลับมาถึงที่นี่ มณีก็รีบส่งไปที่ Wigs for Kids

แล้วก็รอค่ะ รอ ร๊อ รอ จนอ่อนใจ คิดว่า ผมของมณีคงหายไปแล้ว
เค้าคงไม่ได้รับ หรือว่า มันขึ้นรา เค้าเลยโยนทิ้งถังขยะ
เพราะตอนที่ตัด ตัดตอนผมเปียกๆ ผูกจุก แล้ว
ตัดเหนือจุก หรือว่า มันยาวไม่พอ
เค้าต้องการความยาวหลังจากตัดแล้ว
เกิน 10 นิ้ว ผมของมณีที่ตัดออกมา
มันก็ยาวเกิน 10 นิ้วนี่นา เกิน 12 นิ้วด้วยซ้ำ
แล้วตอนส่ง ก็แน่ใจว่า มันแห้งสนิทแล้วแน่ๆ


รอจนลืมไปแล้วค่ะ ก็มีไปรษณีย์บัตรตอบรับมา
แจ้งว่า ได้รับผมที่บริจาคแล้วค่ะ หูย ดีใจมาก
นั่งจินตนาการว่า เด็กคนไหนน๊อ จะได้ผมของมณีไปเป็นวิก
ผมสีดำๆ ตรงๆ คงไม่เข้ากับหน้าเด็กอเมริกันผิวขาว
คนได้ไป อาจเป็นอเมริกันผิวสี
วิกนั้น คงทำให้เค้ามีความสุข ไม่มากก็น้อย
ก็..เค้าทุกข์จากโรคภัยที่เป็นอยู่มากพอแล้วนี่นา

สุขใจ ที่ได้เป็นผู้ให้ ถึงแม้จะเป็นอะไรเพียงน้อยนิด
แต่รู้สึกดีจัง...

อยากดูรายละเอียดเรื่องบริจาคผมเพิ่มเติม
ดูได้ที่ //www.wigsforkids.org

ตอนนี้ มณีไว้ผมอีกรอบแล้วค่ะ ยาวแค่รวบได้
อยากรู้จัง ว่าเมืองไทยมีรับบริจาคผมไหม
ใครทราบ ช่วยบอกทีนะคะ เผื่อรอบหน้า ตัดผม
จะได้ส่งไปบริจาคอีก (ถ้าไม่แตกปลายซะก่อน)

Image hosted by Photobucket.com




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2548 20:01:31 น.
Counter : 1076 Pageviews.  

ผมชื่อ..โอวหนี่

สวัสดีคร้าบผม
ผมชื่อโอวหนี่ วันนี้ผมมาอัพบล็อกแทนเจ๊เจ้าของบล็อก
หมู่นี้แกเฉื่อยๆไงไม่รู้ ดูท่าทางจิตตก ผมเลยรับอาสาอัพแทน
เจ๊แกบอกว่า ตามสบายเลย อย่าเอาชั้นไปเผาละกัน แน๊ ร้อนตัวนะเจ๊
ผมว่า เจ๊แกคงหมดแรงบันดาลใจ หรือว่า แกขี้เกียจไม่รู้
แต่ผมเดาว่า อย่างหลังมากกว่า

Image hosted by Photobucket.com

ผมนั่งนึกอยู่สองวันได้ ว่าผมจะอัพเรื่องอะไรดี
ในที่สุดผมก็นึกออก ฮี่ๆ ผมว่าผมจะทำบล็อกแนะนำตัวเอง
เพราะตอนเจ๊แกกลับบ้านเชียงใหม่ เจ๊แกตามถ่ายรูปผมไว้เยอะเลยฮะ
ผมว่า เจ๊แกบ๊องๆนะฮะ ผมทำอะไร ก็ตามไปถ่ายรูปไว้หมด
บางที ถ่ายหน้าผมซะใกล้ เจ๊แกบอกว่า มาโครโอวหนี่ฮ่า

Image hosted by Photobucket.com

ผมต้องตามใจแก เพราะแกเป็นแขก ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี
ผมตามไปนอนกะแกด้วยฮะ แต่เห็นแกนอนเอาหมอนปิดพุง ผมละสงสัย ว่าทำไม
เลยลองกระโดดใส่พุงแกตอนแกเผลอ แกร้องจ๊ากไม่เป็นภาษาคนเลยฮะ
น้ำตาเล็ดด้วย ผมมารู้ทีหลังว่า แกมาพักฟื้นหลังผ่าตัดฮะ
ผมแอบเดาว่า แกผ่าตัดดูดไขมันนะฮะ เพราะว่า
หลังผ่าตัดเห็นแกผอมแห้งหัวโตเหมือนปลาช่อนหน้าแล้งเลยฮะ

Image hosted by Photobucket.com

ออ อันว่าชื่อผมเนี่ย ได้มาจากเจ๊แกนี่แหละฮะ
คือ ป๊าผมน่ะ เป็นน้องชายของเจ๊แก (จริงๆ ผมควรเรียกเจ๊แกว่าป้า
แต่ผมยังเป็นห่วงความปลอดภัยของผมเอง ขอเรียกแกว่าเจ๊นี่แหละฮะ)
ตอนป๊าผมได้มา ป๊าผมก็ปรึกษากับมี๊เรื่องชื่อของผม
(มี๊ของผม ก็น้องสาวของเจ๊แกอีก งงไหมฮะ)
คือ เจ๊แกเนี่ย มีน้องสองคน น้องสาวคนนึง น้องชายคนนึง
แล้วสองคนเนี่ย ตบตีแย่งกันเป็นเจ้าของผมน่ะฮะ ผมก็เลย
ตัดสินใจ เรียกป๊า กับเรียกมี๊ ยุติธรรมดี
เล่าต่อนะฮะ ป๊าผมได้ผมมา จากไหนซักที่
อันว่าตัวผมเนี่ย มีสายเลือดของเปอร์เซีย (แมวนะฮะ ไม่ใช่พรม)
ผสมแมวไทยสีสวาทเชียวนะ
ไม่ใช่คู่ๆ (ความหมายใกล้เคียงกะ ไม่ใช่ คี่ๆ นะฮะ) ทีนี้ ผมยังไม่มีชื่อ
เจ๊แก อยู่ตั้งไกล ยังอุตส่าห์ตั้งชื่อให้ผม
(นับเป็นความใจดีที่อยู่เบื้องหลังความโหดนะฮะ)
ผมแอบได้ยินเค้าคุยกันงี้ฮะ

มี๊ : เจ๊ น้องเราได้แมวมาใหม่ ยังไม่มีชื่อเลย
เจ๊ : แล้วไงอ่ะ ก็ตั้งให้มันสิ เรียกมันไอ่แมว ก็ได้
มี๊ : โธ่ เจ๊ มันหล่อนะ ต้องหาชื่อให้มันง่ะ เจ๊ตั้งให้หน่อยได้ป่าว นะเจ๊นะ
เจ๊: งั้น เรียกมัน ไอ้หมาดีมะ เท่ดี ‎งั้น เหมียวศักดิ์ เป็นไง หรือว่า สมเหมียว
มี๊ : $%&^((*)##^%^#^&
เจ๊ : เออๆ ก็ได้ ตัวผู้ตัวเมียล่ะ สีอะไร เกิดวันไหน เวลาตกฟูกเมื่อไหร่
มี๊ : เจ๊จะรู้ไปทำไม แหม แค่ตั้งชื่อแมว ลีลาเยอะนะเจ๊ สีเทาง่ะเจ๊ ตัวผู้มัง
(จับตัวผมพลิกไปด้วย อุ้ยตาย ผมอายนะฮะ) เออ ตัวผู้จริงๆด้วย
เจ๊ : โอเค สีเทา งั้น ชื่อโอวหนี่แปะก้วยละกัน ดีป่าว
มี๊ : (หันมาทางผม เรียกเสียงหวาน โอวหนี่.............)
ผม : ง๊าววววววววว (แปลว่า หิวแล้วเฟ้ย เมื่อไหร่จะวางหูซักที)
มี๊ : เออ มันชอบชื่อนี้ง่ะ เจ๊ ตกลงเอาชื่อนี้นะ
เจ๊ : เครๆ ตามนี้

เนี่ยฮะ ผมเลยตกกระไดพลอยโจน ได้ชื่อนี้มา
แอบรู้มาว่า ป๊าผมนะฮะ ชอบกินโอวหนี่แปะก้วยสุดๆเลย
ผมแอบเสียวสันหลัง ว่า วันไหนป๊าแกหิว
แกจะเอาผมใส่หม้อตุ๋นหรือเปล่าไม่รู้ฮะ

Image hosted by Photobucket.com

ผมพยายามทำตัวดีสุดฤทธิ์ เป็นแมวตื่นก่อน นอนทีหลังฮะ
จริงๆ ผมนอนพร้อมๆกับมี๊ กับป๊า ผมน่ะ จะเลือกนอนกะใครก็ได้ฮะ
แต่ผมชอบนอนกะมี๊มากกว่า เพราะก่อนนอน
ผมเอา teen ของผม นวดหน้าให้มี๊ด้วย ดูท่ามี๊จะชอบมาก
แต่ป๊าน่ะ ไม่ชอบให้ผมนวดหน้าฮะ ป๊าผมขี้รำคาญฮะ
ผมนวดหน้าให้ป๊าทีไร เจอป๊าเอา teen ป๊ามานวดหลังผมมั่ง ทุกทีเล้ย
แถมดึกๆ ผมอาจได้ของแถมเป็นลูกถีบมหาประลัย
ท่าไม้ตายของป๊าแกตอนหลับนะฮะ

ออ ผมเป็นแมวตื่นก่อนนอนทีหลังเนี่ย มี๊กับป๊าจะได้เข้าใจว่า
ผมเป็นแมวขยัน ทุกเช้า ประมาณตีสี่ ผมพยายามออกจากห้อง
ร้องหง่าวๆๆๆ ฮะ จนมี๊ตื่น มี๊ก็จะหัวฟู กระดื้บๆจากเตียงมาเปิดประตูให้ผม
เนี่ย แผนของผมสำเร็จนะฮะ เพราะมี๊เห็นทุกวันเลย ว่าผมตื่นเช้า
ผมคงได้คะแนนตรึมเลยฮะ

Image hosted by Photobucket.com

เพราะเป็นแมวตื่นเช้า ตอนกลางวันผมก็จะง่วงนะฮะ มีแอบโงกบ้าง
ผมชอบนอนตามกระถางต้นไม้ฮะ
มันเย็นพุงดี ไม่มีใครกวนด้วย แถมได้ชมนกชมไม้
ออ ผมรอพี่เหมียวลายมาเล่นกะผมตอนบ่ายๆด้วยฮะ
(มี๊แอบบอกผมว่า พี่เหมียวลายเป็นพวกโฮมเลส
แต่เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมีอยู่ ถ้าไม่มีพี่เหมียวลาย ผมคงเหงาแย่
ออ ผมติดหมัดแมวจากพี่เหมียวลายนี่แหละ มี๊บ่นวันละสามเวลาเลยฮะ)

ผมเป็นแมวรักธรรมชาตินะฮะ ที่โปรดของผม
คือ กระถางดอกลั่นทมสุดโปรดของป๊า
ผมเคยคึก ทำกิ่งลั่นทมของป๊าหักไปสองกิ่ง
เห็นป๊าทำตาขวางๆ ไม่รู้ทำไม

Image hosted by Photobucket.com

อีกกระถาง ก็เป็นกระถางดอกลิลลี่น้ำมังฮะ ดอกเหลืองๆ
ผมก็ชอบไปนอน เพลินดีฮะ

Image hosted by Photobucket.com




Image hosted by Photobucket.com

เวลามี๊ผมซักผ้า ผมชอบไปช่วยมี๊โดยการกระโดดขึ้นไปนั่งบนฝาปิด
เครื่องซักผ้าของมี๊ รุ่นพระเจ้าเหาฮะ
ระบบอัตโนมือด้วย คือต้องเติมน้ำเอง
ตอนเติมน้ำ ผมชอบไล่ตะครุบน้ำฮะ มี๊บอกว่า
ผมเป็นแมวประหลาด (หรือประสาท นี่แหละ
อันไหนดีกว่าผมเลือกได้ยินเป็นอันนั้นฮะ)
ปกติ แมวไม่ชอบน้ำ แต่ผมชอบที่สุดเลย
ยิ่งพุ่งออกมาเป็นสายๆเนี่ย ผมนั่งมอง คอยจ้องตะครุบไม่มีเบื่อเลยฮะ
เนี่ย เจ๊แกก็ไม่พลาด ถ่ายรูปผมไว้อีกแล้ว
นี่ไงฮะ

Image hosted by Photobucket.com

มี๊ผม ทำหน้าที่คีบอุนจิออกจากกระบะทรายให้ผมทุกวันเลยฮะ
ออ คอยเติมอาหารใส่ในถ้วยให้ผมด้วย น่ารักมากๆ
ป๊าเหรอฮะ ไม่ค่อยมีเวลาหรอกฮะ
เพราะว่าป๊าทำงานแต่เช้ากว่าจะเลิกก็นู้นนน กลับบ้านดึกๆทุกวัน
ป๊าเป็นฝ่ายเอนเตอร์เทนฮะ ต้องหาเวลามาเล่นกับผมทุกวันเลย
ชอบเล่นซ่อนแอบกับผม บางที ผมตกใจ
เปลี่ยนโหมดเป็น โหมดหางฟู เลยฮะ

Image hosted by Photobucket.com

ส่วนเจ๊เจ้าของบล็อก ผมเคยเจอหน้าหนเดียวเองฮะ
ตอนแกมาพักฟื้นนั่นแหละฮะ แกชอบจับผมไปเต้นหางเครื่องฮะ
แต่แกบอกว่า หาแฟนให้ผมได้แล้วฮะ
นี่ไงฮะ สีเทาๆเหมือนกันด้วย

Image hosted by Photobucket.com

แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะได้เจอหวานใจของผมไหม
จะคลุมถุงชนเหรอ เชอะ ไม่มีทางเสียล่ะ
สงสัยเจ๊แกลืมนึกไปว่า ผมกับแมวแหม่มเนี่ย
อยู่กันคนละซีกโลก เจ๊แกเลยฝันกลางวัน อยากได้แมวสะใภ้
หน้าตาแบบนี้ ...

Image hosted by Photobucket.com

ผมเคยแชทกะเจ๊แกด้วย จริงๆ ไม่ได้โม้
เวลามี๊ออนไลน์ แชทกับเจ๊แก ผมก็ขึ้นไปนั่งตักมี๊
พอมี๊เผลอ ผมก็ขึ้นไปย่ำบนคีย์บอร์ดฮะ
เจ๊แกโวยมี๊ใหญ่เลย ว่าทำไมพิมพ์อักษรเดียวเป็นบรรทัด
มี๊ฟ้องเลยฮะ ว่า โอวหนี่มันมากวน
เจ๊แกเลยฝากเบิ๊ดกระโหลกผมทีนึง แต่มี๊เบิ้ลสองทีเลยฮะ

ตอนนี้ ผมแตกเนื้อหนุ่มฮะ ปัญหาหนักอกของผมเลย
เวลาผมงุ่นง่านเพราะธรรมชาติเรียกร้อง
ผมก็จะแหกปากร้องเพลงเสียงโซปราโนฮะ
หง่าววววววววววววววววววววววว ง๊าววววววววววววววว แหง่วววววววว
ผมว่าเสียงผมเพราะนะ ร้องเพลงเนี่ยได้ประโยชน์สองต่อ
คือ น้องเหมียวขาวข้างบ้าน อาจได้ยิน และเห็นใจผม
อีกอย่าง เป็นการระบายความอัดอั้นตันใจ หายเครียดไปเยอะเลยฮะ
แต่...มี๊ กับป๊า สิฮะ ไม่ชอบ บอกว่า หนกขู
เพราะว่า ผมน่ะ มักมีอารมณ์บรรเจิดตอนตีสอง ตีสาม เสมอ ทำไงได้ฮะ
มี๊น่ะ ขู่ผมว่า จะทำให้ผมเป็นขันที
จะให้คุณหมอ ตัดเอปริคอตน้อยๆของผมทิ้ง
เพื่อให้ผมเรียบร้อย พลีสสสสสสสสสสส อย่าทำเลยนะฮะ
มี๊ใจร้าย

แต่มี๊น่ะ พูดแบบนี้ตั้งแต่ห้าเดือนที่แล้วแล้วนะฮะ
ป่านนี้ ยังไม่เห็นทำอะไร ผมว่า มี๊ไม่กล้าหรอก
คงแค่อยากขู่ผม

ผมหมดเรื่องโม้แล้วฮะ ไว้ผมว่างๆ ผมค่อยมาอัพบล็อคเหมียวใหม่นะฮะ
แค่นี้ก่อน ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และชมความหล่อของผมนะฮะ
บ๊ายบาย
ด้วยรัก จากโอวหนี่ฮะ




 

Create Date : 09 กันยายน 2548    
Last Update : 9 กันยายน 2548 7:30:44 น.
Counter : 970 Pageviews.  

All American Soapbox Derby 2005

Image hosted by Photobucket.com

เมื่อวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม 2005 ที่ผ่านมา
มณีได้มีโอกาสได้ไปชมการแข่งขันรถ Soapbox
เมือง Akron Ohio เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทุกปี (ยกเว้นปีแรกของการแข่งขัน)
ปีนี้ เป็นครั้งที่ 68 แล้วค่ะ มีรถ Soapbox จากทั่วโลกมาแข่งขัน
การแข่งขันมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า All American Soapbox Derby
นี่คือสนามแข่ง Derby Down มองจากด้านนอก

Image hosted by Photobucket.com




ก่อนอื่นขอเล่าประวัติคร่าวๆของการแข่งขันรถชนิดนี้นะคะ
เมื่อก่อนเนี่ย เด็กๆอเมริกัน มักเล่นรถชนิดหนึ่ง
ซึ่งประกอบขึ้นมาเอง โดยวัสดุต่างๆ อาจเป็นกล่อง
ที่ไม่ใช้แล้ว เอามาประกอบ ใส่ล้อเข้าไป แล้วเวลาเล่น
ก็ไหลลงมาจากเนิน โดยไม่พึ่งเครื่องยนต์ใดๆ
และเนื่องจากรถแบบนี้ประกอบขึ้นมาจากวัสดุต่างๆที่หาได้ทั่วไปในบ้าน
ดังนั้น จึงเรียกรถชนิดนี้ ว่า Soapbox
ต่อมาปี 1933 Myron Scott ช่างภาพของหนังสือพิมพ์ The Dayton Daily News
เห็นเด็กๆ ละแวกบ้านของเค้า แข่งรถ Soapbox จึงเกิดความคิดว่า
น่าจะมีการจัดแข่งขันให้เป็นเรื่องเป็นราว
ในปี 1934 จึงเป็นปีแรก ที่จัดการแข่งขัน Soapbox
โดยจัดครั้งแรก ที่เมือง Dayton มีนักแข่งจาก 34 เมืองทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขัน
แรกๆที่จัดการแข่งขัน มีเพียงเด็กผู้ชายเท่านั้นที่เข้าร่วมการแข่งขัน
จนกระทั่ง ปี 1971 เป็นปีแรก ที่อนุญาตให้เด็กผู้หญิงเข้าร่วมการแข่งขันได้ด้วย
ช่วงแรกๆของการจัดการแข่งขัน Chevrolet เป็นผู้สนับสนุนหลัก
จนถึงปี 1972 จึงได้ถอนตัวจากการเป็นผู้สนับสนุน
หลังจากนั้น ก็มีผู้สนับสนุนหลักเวียนเข้ามามากหน้าหลายตา
ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี คงจะเป็น บริษัท Goodyear
ส่วนรถ soapbox ปัจจุบัน หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
บางคนคงสงสัย แล้วไอ้รถเนี่ย เดี๋ยวนี้หน้าตามันเป็นยังไง
ให้ดูรูปส่วนประกอบของรถก่อนนะคะ (ภาพจากปี 2004)

Image hosted by Photobucket.com




รถชนิดนี้ขับเคลื่อนโดยไม่ใช้เครื่องยนต์ค่ะ แต่อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก
<สิ่งที่ใช้บังคับ มีเพียงคันที่ใช้บังคับทิศทาง และเบรค
ซึ่งเป็นระบบเบรคแบบเก่า ก็คือ เป็นก้านเบรคที่ยื่นลงมาครูดกับพื้นถนน
เพื่อให้เกิดแรงเสียดทานและทำให้รถหยุดได้ในที่สุด>
นั่นหมายถึง ต้องปล่อยรถ จากเนินสูง แล้วให้รถไหลลงมาจากเนิน
ที่สนามแข่ง Derby Down จากจุดปล่อยตัว จนถึงเส้นชัย
มีระยะทางประมาณ 989 ฟุต (301.45 เมตร)
แต่ถ้ารวมระยะสำหรับให้รถวิ่งต่อไปอีกจนหยุดนิ่ง
จะเป็นระยะทางทั้งหมด 1350 ฟุต (411 เมตร)
ความลาดเอียงของเนินที่ใช้ในการแข่งขันประมาณ 11 องศา
ซึ่งมากพอที่จะทำให้รถที่ไหลลงมาจากเนิน
มีความเร็วเกือบๆ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง (48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
เวลาเฉลี่ยในแต่ละรอบการแข่งขัน จะใช้เวลาประมาณ 29 วินาที
ในการแข่งขันในรอบแรกๆ จะปล่อยรถลงมาทีละสามคัน (เนื่องจากมีสามเลน)
แล้วคัดเอาคันที่มีสถิติดีที่สุดของแต่ละรอบการแข่งขัน มาแข่งกันอีก
จนได้ผู้ชนะ

การแข่งขัน แบ่งเป็นสามประเภทหลักนะคะ
ประเภทแรก เรียกว่า Stock Division
อายุผู้เข้าแข่งขัน 8-17 ปี
น้ำหนักรวมทั้งหมด ไม่เกิน 200 lbs

ประเภทที่สอง เรียกว่า Super Stock Division
อายุผู้เข้าแข่งขัน 8-17 ปี
น้ำหนักรวมไม่เกิน 230 lbs

และประเภทที่สาม เรียกว่า Masters Division
อายุผู้เข้าแข่งขัน 10-17 ปี
น้ำหนักรวมไม่เกิน 255 lbs

Image hosted by Photobucket.com

การแข่งขัน มีข้อแม้ว่า ผู้เข้าร่วมแข่งขัน ต้องมีส่วนในการประกอบรถด้วยนะคะ ดังนั้น วันก่อนการแข่งขัน มักเห็นเด็กๆวุ่นวายกับการปรับแต่งรถตัวเอง น่ารักดีค่ะ เสียดาย ไม่มีรูปมาให้ดู




ปีนี้ โชคดีมาก ที่ฟ้าใส แดดดี ฝนไม่ตก (ปีที่แล้วฝนตกค่ะ)
แต่แย่ตรง ปีนี้เก็บตังค์ อิอิ จริงๆ ปีที่แล้วก็ต้องซื้อตั๋วผ่านประตูค่ะ
แต่ว่า เนื่องจากว่า ฝนตกหนัก จึงไม่มีการตรวจบัตรแต่อย่างไร
แต่ปีนี้ ตั้งโต๊ะตรงทางเข้าเลย ต้องซื้อบัตร คนละ 5 เหรียญค่ะ

ตรงนี้ คือเส้นชัย เป็นหอสูง ที่อนุญาตให้เฉพาะผู้สื่อข่าว
และผู้ดำเนินการแข่งขัน ขึ้นไปอยู่ข้างบน เป็นหอสองชั้นนะคะ
ชั้นบนสุด จะมีคนพากย์ กรรมการ สักขีพยาน
ชั้นล่าง สำหรับผู้สื่อข่าวค่ะ แล้วหากมองเลยไปข้างหลังเส้นชัย
จะมีระยะให้รถวิ่งต่อไปได้อีก ซึ่งรถทุกคัน ต้องใช้เบรคหลังจาก
เข้าเส้นชัยไปแล้ว เพื่อให้รถหยุดในระยะที่กำหนด ซึ่งจะมี
เจ้าหน้าที่ ช่วยอำนวยความสะดวก

Image hosted by Photobucket.com




ส่วนรูปนี้จะมองเห็นเต็นท์ขาวๆอยู่ไกลๆ นั่นคือจุดปล่อยตัวนะคะ

Image hosted by Photobucket.com




ถ้ามองจากเนินลงข้างล่าง จะเห็นว่า เนินที่ใช้แข่งขัน ชันใช้ได้เลย

Image hosted by Photobucket.com




ให้ดูจุดปล่อยตัวใกล้ๆ บรรยากาศในเต๊นท์นะคะ ก่อนปล่อยตัว เค้าจะจัดรถให้อยู่ในตำแหน่ง
โดยมีแผ่นไม้สีแดงๆกั้นไว้ไม่ให้รถไหล แล้วจึงให้คนขับ เข้าไปนั่ง หรือนอน แล้วแต่รุ่น อิอิ

Image hosted by Photobucket.com




จากนั้น เมื่อถึงเวลา นับถอยหลัง สาม สอง หนึ่ง ปล่อยตัว
แผ่นไม้จะพับลงราบกับพื้นพร้อมกันทั้งสามช่องการแข่งขันค่ะ

Image hosted by Photobucket.com




รถก็จะไหลลงตามเนิน
นี่เพิ่งปล่อยตัว ยังดูสูสีกันมากๆ

Image hosted by Photobucket.com




นี่เกือบเข้าเส้นชัยแล้วค่ะ ถึงตอนนี้ กองเชียร์ก็กรี๊ดกร๊าดกันน่าดู โดยเฉพาะเหล่าบรรดาแม่ๆ ของผู้เข้าแข่งขัน

Image hosted by Photobucket.com




เมื่อรถผ่านเส้นชัยมาแล้ว จะอาสาสมัคร ยืนเรียงราย รอรับเด็กๆค่ะ
แบบนี้ รุ่น Stock Division นะคะ

Image hosted by Photobucket.com





ถ้าแบบนี้ คือรุ่น Super Stock Division

Image hosted by Photobucket.com




แล้วนี่ รุ่น Masters Division ค่ะ มณีเรียกว่า รุ่นนอนมา อิอิ

Image hosted by Photobucket.com




ให้ดูทีละขั้นตอน ว่านอนมา ยังไง นี่ไงคะ

Image hosted by Photobucket.com




ลุกขึ้นมาแล้วค่ะ แหมๆ คงสนุกนะคะ นอนไหลลงมา โผล่แต่ลูกกะตา

Image hosted by Photobucket.com




ถ่ายรูปไม่ให้ติดขาคน ติดบั้นท้าย หรืออะไรเนี่ย ยากจริงๆค่ะ (ขอบ่นหน่อยเถอะค่ะ)
รถที่ได้อันดับหนึ่ง แต่ละรอบ จะต้องขึ้นไปแข่งในรอบต่อไปค่ะ
จะมีรถพ่วง ขนขึ้นไปแบบนี้

Image hosted by Photobucket.com




คนชนะ ก็จะได้นั่งรถเหมือนกัน เพื่อขึ้นไปต่อคิวรอแข่งใน heat ต่อไป

Image hosted by Photobucket.com




พอ heat หลังๆ จะเหลือแค่สองเลนแบบนี้ค่ะ

Image hosted by Photobucket.com




ปีนี้ ผู้ชนะ รุ่น Masters เป็นสาวน้อย อายุ 16 ปี
นอกนั้นรุ่นอื่นๆ ผู้ชนะเป็นหนุ่มน้อยหมดเลยค่ะ
ขอปิดท้ายด้วย รูปโรงเก็บเรือเหาะ ที่อยู่ใกล้ๆสนามแข่งขันนะคะ

Image hosted by Photobucket.com




พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ



อ้างอิง: ภาพกราฟฟิคและข้อมูลบางส่วน ค้นจาก เวบของหนังสือพิมพ์ Akron Beacon Journal (www.ohio.com)




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2548    
Last Update : 5 สิงหาคม 2548 8:00:33 น.
Counter : 1034 Pageviews.  

1  2  

~มณีลัลลา~
Location :
เชียงใหม่ ตรัง และปัตตานี United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ~มณีลัลลา~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.