จะทำดีหรือทำชั่ว ชีวิตก็ไม่มีที่กำบัง

ไม่รู้ว่าผมไปอ่านเจอที่ไหน.. ชอบครับ..มีคนเขียนไว้ว่า....

" จะทำดีหรือทำชั่ว ชีวิตก็ไม่มีที่กำบัง " ทำให้ดีที่สุด ถ้าต้องการได้อะไร ก็จงใช้สติคิดดูว่าทำอย่างไรจึงจะได้สิ่งนั้นมาด้วยความบริสุทธิ์และถูกต้อง แล้วก็ทำไปตามนั้น ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะได้ มันก็จะได้ของมันเอง แต่ถ้าไม่ได้ก็ให้มันแล้วไป อย่าไปทุกข์กับมัน....

ถนนสายชีวิต..ไม่รู้วันสิ้นสุด แต่คาดเดาได้ไม่ยากว่า...ต้องมาถึง ผมเชื่อเสมอว่า ..การทำความดี การปล่อยวาง การรักษาตัวรักษาใจ ไม่ให้ขุ่นมัว การให้ทาน การแผ่เมตตา และ ดำรงตนอยู่ในศีลห้า น่าจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง

ชีวิตของเรา โอกาสแทบทั้งหมด อยู่ในมือเรา ขึ้นอยู่กับเรา ที่จะเอาใจใส่และให้ความสำคัญหรือไม่ เท่านั้น ปัจจัยภายนอกแม้มีอิทธิพลเพียงใด ก็มิสู้ใจเรา

คำตอบทั้งหมด ..เราไม่มีทางรู้ขณะนี้ แต่บางทีเราอาจรู้ได้..ตรงสุดทาง สิ่งที่เราทำได้ในวันนี้ คง..เพียงแค่เลือกที่จะเชื่อบางสิ่ง ..เท่าที่สติปัญญาของเรามี แต่..ไม่ว่าเราเลือกจะเชื่อสิ่งใด หรือ เลือกที่จะไม่เชื่อสิ่งใด เราย่อมทำไปด้วยเงื่อนไขเพียงประการเดียว...นั่นคือ.. เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเราเอง

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง..ที่คนหลายคนกล้า..เลือกบางสิ่งที่จะเชื่อ..เพื่อกำหนดแนวทาง..สำหรับชีวิตของตัวเอง ได้อย่างชัดเจน...แต่มีคนน่าสงสารอีกมาก ที่ไม่กล้าแม้แต่การเลือกอะไรสักอย่าง...เพื่อตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น..นอกจากไม่กล้าเลือกอะไรแล้ว คนจำพวกนี้...กลับหาญกล้าที่จะพิพากษาผู้อื่น และ บางครั้งถึงกับสรุปว่า..สิ่งที่ผู้อื่นเลือก หรือ ปฏิบัติอยู่นั้น...ล้วนไม่ถูกต้อง...”

นี่อาจเป็นอีกครั้งก็ได้...ที่ความเห็นของคนขี้ขลาด ทำร้ายวีรบุรุษ..

“ ความรู้.. ขจัดความกลัว ” อย่างไรเสีย คำกล่าวนี้..ยังคงเป็นจริง



..บางทีถ้าคนเราจะเข้าใจอะไรและมีความสุขได้นั้น อาจย่อมต้องยอมสัมผัสความทุกข์มาก่อน เพราะ..การถูกกระทบโดยสิ่งที่เราไม่ต้องการ มีผลเสมอกับชีวิตเรา

การหยุดไตร่ตรองสักนิด ทันทีที่มีอะไรเข้ามา น่าจะเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่า แม้ว่า..บางครั้งเราเองอาจต้องยอมอดทนอย่างยากลำบากที่สุด เมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้น แต่ถ้าอดทนจนสามารถผ่านมันไปได้ บางทีเราอาจไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลัง



การอ้อนวอนหรือบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ได้อะไร ๆ ตามที่ท่านปรารถนานั้น มันก็ขึ้นอยู่กับกฎแห่งความไม่เที่ยงเช่นกัน บางทีก็ได้ บางทีก็ไม่ได้ และ ที่ท่านได้อะไรมา ก็เพราะมีสาเหตุที่จะทำให้ท่านได้สิ่งนั้น

แม้ท่านจะได้อะไรมาตามที่เราปรารถนา สิ่งนั้นก็จะไม่อยู่กับท่านอย่างถาวรตลอดไป สักวันหนึ่งท่านก็จะสูญเสียมันไปอยู่ดี ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงไม่ควรยึดเอาสิ่งภายนอกมาเก็บไว้ให้เป็นทุกข์ ถ้าทำได้ก็ไม่ควรอ้อนวอนร้องขอเพื่อจะได้เป็นอะไรเลย


เพียงท่านทำให้ดีที่สุด ถ้าต้องการได้อะไร ก็จงใช้สติคิดดูว่าทำอย่างไรจึงจะได้สิ่งนั้นมาด้วยความบริสุทธิ์และถูกต้อง แล้วก็ทำไปตามนั้น ถ้ามีเหตุปัจจัยที่จะได้ มันก็จะได้ของมันเอง แต่ถ้าไม่ได้ก็ให้มันแล้วไป อย่าไปทุกข์กับมัน

ถ้าทำอย่างนี้ ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะได้อะไร ๆเหมือนเดิม และที่ดีไปกว่านั้นคือ แม้ท่านจะไม่ได้สิ่งนั้น ๆท่านก็จะไม่เป็นทุกข์หรือเมื่อได้มาแล้วเกิดสูญเสียไปท่านก็จะไม่เป็นทุกข์ นี่คือ ประโยชน์ ของการเรียนรู้ และ เข้าใจธรรมะเพราะจะช่วยให้ท่านรู้ทันสิ่งทั้งปวง และเมื่อรู้ทันแล้ว ก็จะไม่เป็นทุกข์ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม


ดังนั้น จงฝึกจิตให้สงบด้วยสมาธิ เพื่อจะเรียกปัญญาหรือความฉลาดของจิตให้เกิดขึ้นมา เพื่อเอาไปใช้แก้ปัญหา ด้วยการทำจิตให้ปล่อยวางอยู่เสมอ และ ในที่สุดความหลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งปวงก็จะเกิดขึ้นอย่างถูกต้องได้ไม่ยาก

เวลาพบกับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ มันชวนให้ท่านโกรธหรือเดือดร้อนใจขึ้นมา จงอย่าเพิ่งพูดอะไรออกไป หรือ จงอย่าเพิ่งทำอะไรลงไป ...แต่จงคิดให้ได้ก่อนว่า.. นี่คือสิ่งที่ทุกคนในโลกไม่ปรารถนาจะพบเห็น แต่ ทุกคนก็ต้องพบกับมัน สิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านต้องเอาชนะมันด้วยการสลัดมัน ให้หลุดจากใจให้ได้ ท่านก็จะเป็นอิสระไม่เป็นทุกข์ และ เมื่อท่านไม่เป็นทุกข์เพราะมัน ก็หมายความว่า ท่านชนะมัน

เมื่อคิดได้อย่างนั้น จนจิตมองเห็นสภาวะที่ใสสะอาดในตัวมันเองอีกครั้งแล้ว ค่อยหวนกลับไปหยิบอาปัญหานั้นมาพิจารณา ว่า..เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ? เพียงไม่กี่นาทีท่านก็จะรู้วิธีแก้ปัญหานั้นได้อย่างถูกต้องและเฉียบแหลมที่สุด โดยที่ท่านจะไม่เป็นทุกข์กับเรื่องนั้นเลย


เวลาที่พบกับความพลัดพรากสูญเสีย ก็จงหยุดจิตไว้อย่างที่กล่าวมาแล้ว นั่นก็คือ ...

“..นี่คือสิ่งที่ทุกคนในโลกไม่ปรารถนาจะพบเห็น แต่ ทุกคนก็ต้องพบกับมัน ..สิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านต้องเอาชนะมัน..ด้วยการสลัดมันให้หลุดจากใจให้ได้ ..ท่านก็จะเป็นอิสระไม่เป็นทุกข์ และ เมื่อท่านไม่เป็นทุกข์เพราะมัน ก็หมายความว่า ท่านชนะมัน..”

และจงยอมรับว่า..นี่คือสภาวะธรรมดาที่มีอยู่ในโลก มันเป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้มานานแล้วท่านจะไปตื่นเต้น เสียอกเสียใจกับมันทำไม ? มันจะเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็น ไม่ต้องตื่นเต้น จงคิดให้ได้ว่า..ในที่สุดแล้วท่านก็จะต้องพลัดพรากสูญเสียแม้กระทั่งชีวิตของท่านเอง...

..วิธีคิดเช่นนี้ จะทำให้ท่านไม่เป็นทุกข์เลย

เวลาประสบกับเรื่องที่ไม่ดี จงอย่าคิดว่าทำไมถึงต้องเป็นเรา ?ทำไมเรื่องอย่างนี้ต้องเกิดขึ้นกับเรา ? จงอย่าคิดเด็ดขาด ... เพราะยิ่งคิดเท่าไร ท่านก็จะยิ่งทุกข์เท่านั้น ความคิดอย่างนั้นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา
แต่ เรื่องจริงก็คือ ไม่เรื่องดี ก็ เรื่องเลว เท่านั้น ที่จะเกิดขึ้นกับเรา ไม่เห็นมีอะไรต้องไปตื่นเต้นกับมัน ถ้าเรายอมรับมันเสีย หันไปเผชิญกับมัน และ ทำจิตให้อยู่เหนือมันด้วยการไม่ยึดมั่นถือมั่น และไม่อยากจะให้มันเป็นไปตามใจของเรา เราก็จะไม่เป็นทุกข์


สังเกตความรู้สึกตัวเองอยู่เสมอ ถ้าจะไม่สบายใจ ก็จงหยุดคิดเรื่องนั้นทันที ถ้าสบายใจอยู่ ก็จงเตือนตัวเองว่า ..อย่าประมาท ระวังสิ่งที่จะทำให้เราไม่สบายใจ จะเกิดขึ้นกับเรา

ขอให้ท่านพร้อมรับมันอย่างนี้ ..ด้วยจิตที่ปิดกว้างอยู่เสมอ จงรู้ความจริงว่า..ทั้งความพอใจ และ ความไม่พอใจ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ท่านจะต้องปลดเปลื้องมันออกไป จากใจของท่าน

จิต ของ ท่าน จึงจะเป็นอิสระ เสรี ได้ถึงที่สุด


จะทำดีหรือทำชั่ว ชีวิตก็ไม่มีที่กำบัง
ผลของการกระทำจะไหลหลั่งเข้ามาดั่งระลอกคลื่น
ผลวิบาก ลูกเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ดุจดั่งคลื่นชีวิต

ความจริงชีวิตจะเจ็บปวด เพราะต้องศรแห่งวิบากเสมอเป็นธรรมดา แต่ถ้าเรายอมรับไม่ได้ ศรนั้นจะกลายเป็นศรอาบยาพิษ ส่งความทุกข์แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกายและใจ เพราะใจไม่ยอมรับวิบาก
หากใจเรายอมรับเสียว่า ความทุกข์ที่มาให้เราได้รับในรูปแบบต่างๆนั้น เป็นสมบัติที่เราเคยได้ทำไว้กับผู้อื่น ให้เขาได้รับความลำบากเป็นทุกข์เหมือนกับเราตอนนี้

เพราะเราต้อนรับวิบากไม่เป็น ปล่อยให้กิเลสไปต้อนรับ
การกระทำใหม่จึงเป็นอกุศล
ถ้าเราใช้ปัญญาหรือ โยนิโสไปต้อนรับ
กุศลก็จะเกิดได้ตลอดเวลาแม้วิบากจะเป็นอกุศล
วิบากนั้นจะมาดั่งคลื่นกระทบฝั่ง ถ้าเราฉลาดปล่อยให้คลื่นกระทบฝั่งแล้วจบเสีย เราก็จะไม่ขาดทุนเพราะอภิชชา-โทมนัส
กล่าวคือ ถ้าเรารู้และยอมรับได้ก็จะกำไรจากวิบากนั้น
เพราะได้ปัญญาจาการฝึกคอยแก้ไข และได้ความชำนาญติดไปเป็นทุนของชีวิตเพื่อที่จะสามารถพิชิตปัญหาที่จะเข้ามา ในครั้งต่อไป

ถ้าเราเข้าใจข้อนี้ ปัญหาทั้งหลายก็จะจบลงด้วยดี พร้อมกับเราจะได้ดี ด้วยรู้จักจับเอาอกุศลที่กำลังปรากฏในจิตขณะนั้นมาตีแผ่ด้วยปัญญาให้เห็นโทษเห็นภัย แล้วจิตก็จะไกลจากกิเลสไปเอง

ให้เรานึกให้ถึงโทษภัย ที่จะเกิดขึ้น ถ้าเรากระทำสิ่งใดลงไปด้วยอำนาจของอกุศลวิตก บังคับ เช่น การเบียดเบียนผู้อื่น หรือ การแสวงหากาม เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องตรึกตรองนึกคิดในการกระทำที่เป็นบาป อย่าให้อุปสรรคของชีวิต หรือ ตัว วิบาก นั้นเป็นพิษ ที่จะเพิ่มการเวียนว่ายตายเกิดแก่เราเลย

วิปัสสนา ให้เสรีกับชีวิต เพราะชีวิตนอกจาการปฏิบัติวิปัสสนานั้นจะต้องอยู่ภายใต้อำนาจของตัณหา-อุปาทานเสมอ เช่น ไม่หิวก็ต้องกินเพราะอุปาทานว่า สิ่งนั้นอร่อย

ความรู้ที่ลึกซึ้ง บางครั้ง คือ ไม่พยายามที่จะรู้อะไรเลย เช่น การทำวิปัสสนา

ไม่ต้องไปรู้ว่าทำไมถึงเห็น แต่.. ในขณะที่เห็น กำหนดรู้ในใจว่า ..นามเห็น

เพระ จิต เป็นผู้เห็น ตาเห็นเองไม่ได้ ต้องอาศัยจิต จิตเป็นนามธรรม
จึงต้องกำหนดว่า ..นามเห็น และไม่ต้องไปคิดว่า เขาเป็นใคร จะไปไหน หรือ สิ่งที่เห็นนั้นคือ อะไร ไม่ต้องไปสนใจจะรู้เลย เพราะเราจะต้องคอยกำหนดใหม่อีก

กล่าวคือ..จะมีสิ่งมากระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเราอยู่ตลอดเวลา

หน้าที่ของเรา คือ ต้องกำหนดให้ทันเมื่อ ถูกกระทบ
ด้วยเหตุนี้จึงไม่จำเป็นต้องไปรู้เรื่องอื่นเลย และ ปฏิบัติอย่างนี้ ก็มีความรู้ลึกซึ้งด้วย

ผู้คนที่ชอบฟังธรรมนั้น บางทีก็ยังชอบตามล่าหัวข้อธรรมไปตามสถานที่ต่าง ๆ เมื่อเขาไปเจอผู้บรรยาย บรรยายเรื่องเก่า ๆ เขาจะรู้สึกจำเจ นั่นเพราะเขา ยังไม่พบสัจธรรมข้อหนึ่งที่ว่า ถึงเขาจะพบธรรมทั้งหมดเขาก็จะรักษาไว้ไม่ได้ เพราะสัญญาเสื่อมได้ เมื่อเขาเข้าใจ เขาจะหยุดการแสวงหา แล้วเขาจะบอกตัวเองได้ว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการปฏิบัติ

--------------------------------------------------------------------------------------------

เอ.ดี.ดี. รับสร้างบ้านเดี่ยว รับงานต่อเติมบ้าน renovate ออกแบบ ปรับปรุงบ้านเก่าให้เป็นบ้านใหม่ก่อสร้าง-ต่อเติม รับเหมาก่อสร้าง ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ พัทยา : ตอกเข็มกันทรุด -ปูกระเบื้อง,ขยายห้อง ต่อเติมครัว โรงรถ ทุกไซต์งาน-ควบคุมดูแลงาน และให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าโดยวิศวกรโยธา / เอ.ดี.ดี. ก่อสร้าง-ประสบการณ์ทำงาน กว่า 11 ปี เราไม่ใช้ผู้รับเหมาช่วง

ขอบพระคุณอย่างสูงครับที่สนใจงานของเรา

ติดต่อ คุณหมู โทร. 087-6023661

เอ.ดี.ดี. House สำนักงาน สุวรรณภูมิ ..

Tel : (02) 7 6 3 - 7 8 2 8

Fax : (02) 7 6 3 - 7 8 2 9

E-mail : addbox@hotmail.com

//www.thaiadd.net



Create Date : 31 สิงหาคม 2554
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2555 22:05:31 น. 0 comments
Counter : 502 Pageviews.  
 

PJ-ADD
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ทุกคนทุกฝ่ายมีกรรม ..และ มีชะตากรรมร่วมกัน

ภายใต้วันเวลาที่กรรมตามมาทัน ..จึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ... " ไม่เป็นไร หรอกครับ .. ยังไงทุกชีวิตก็ต้องได้พบกับ คำว่า กรรมตามทัน เข้าสักวัน ด้วยกันทุกคน.

" สิ่งที่ถูกต้อง กับสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่เรารู้ในใจที่จริงก็เหมือนกันทุกคนครับ ..ที่จริงทุกคนก็รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว แต่ การตัดสินใจเลือกกระทำ อาจจะไม่เหมือนกัน .. ก็เพราะกรรม..ทำให้เขาเลือก..อย่างที่เขาเลือก.. และ เมื่อเขาเลือก..เขาก็ย่อมได้รับ "
ก็เพราะกรรม.. - เราเองก็เช่นกัน ครับ เราเลือกอะไร เราทำอะไร .. แสดงออกไปอย่างไร .. เราก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ

" ธรรมะมีพลังยิ่งใหญ่เสมอ ครับ ..ธรรมะคือธรรมชาติ มันมีอยู่อย่างนั้น และเป็นไปเช่นนั้น.. ขึ้นอยู่กับว่า เราจะตรวจสอบสังเกตุ ดูจิตดูใจเราไม่ให้เกิดความชั่ว ความเศร้าหมองในจิต และ ไม่ทำชั่วด้วยกาย วาจา ใจ.. แม้เนียนๆแม้เพียงเล็กน้อย..ที่บางคนอาจคิดว่า นี่เป็นศิลปะ ในการเลี้ยงชีพ แต่แท้จริงแล้วเราก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าที่เราคิด ที่เราพูด ที่เราทำลงไปนั้นมัน เราต้องการอะไร.. และ มันอยู่ฝ่ายดี หรือ ฝ่ายไม่ค่อยดี

..เรื่องที่ไม่ถูกต้อง .. เรื่องที่ไม่ดี ..เรื่องที่นำเราไปในทางเสื่อม .. อยู่ใกล้ตัวเราเสมอ ..เกือบทุกครั้ง ที่มันคือหนึ่งในทางเลือก เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจแต่ละครั้งของเรา.. และ เราก็ทำมันลงไป .. ซึ่งเมื่อเราทำ ช้าหรือเร็วเรก็ต้องได้รับผล

..ไม่ว่าใครต่อใครในสังคมนี้จะรู้สึกกับช่างก่อสร้าง-กับ-ผู้รับเหมาก่อสร้าง อย่างไร / ตราบใดที่ทุกคนยังต้องการมีบ้านอยู่อาศัย ต้องการตกแต่งบ้าน ต้องการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอาคารธุรกิจ หรือ ที่อยู่อาศัย..สังคมก็ยังต้องเกี่่ยวข้องกับคนที่ทำอาชีพ ช่างก่อสร้าง อาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง.. ครับ #คุณหมูเอดีดี #เอดีดีเฮ้าส์

วันนี้ขอธรรมะอีกวันนะ ครับ

คุณหมู- เอดีดี
https://www.facebook.com/ADDHomeRenovation
[Add PJ-ADD's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com