The World is a book
|
||||
เหย้าบาหยัน:บทที่ ๔ บทที่ ๔ ลางสังหาร สายลมชโลมริ้วลำก้านไม้เมเปิ้ลพริ้วไหวเป็นระลอก เล็มไล้ใบแก่ร่วงหล่นเรี่ยลงพื้นล่างเป็นระยะ เหลือใบอ่อนไล่เลี่ยเริ่มผลัดแตกยอดแยก ขยายปกคุ้มทะงันเป็นพุ่มใหญ่ ช่วยชะลอแสงแดดรอนใต้ต้นให้ทอนทุเลาลง มีร่มเงาคลุมครอบโดยรอบทึบทะมึนเป็นสีแดงอมดำ วิญญานหนุ่มปรากฎร่างชัดอยู่บนยอดกิ่งไม้ที่ย้อยระย้า นั่งห้อยขามองหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้ากลุ้ม กุมขมับด้วยความทุกข์ใจ เป็นอะไรรึแม่แก้ว วิญญาณหนุ่มเริ่มเอ่ยปากถามด้วยความห่วงใย หญิงสาวรีบแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ต้นเสียงด้านบน เผลออุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ เพราะไม่ทันตั้งตัวที่จะเจอ คุณขจร! ถึงแม้จะเคยเจอกันในรูปแบบที่น่ากลัวมาก่อน หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกคุ้นชินกับการปรากฎกายกระทันหันแบบนี้ เพราะยังไงขุนขจรก็คือวิญญาณที่ตายไปแล้วร้อยกว่าปี แต่ด้วยรูปกายที่ปกติเหมือนคนทุกอย่่าง แก้วจึงมีสติกล้าพอที่จะเอ่ยปากพูดคุยด้วยต่อ คุณหายไปไหนมา วิญญาณหนุ่มเผยอยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก กระโดดโรยตัวลงจากยอดกิ่งไม้ ลอยพริ้วลิ่วลงมาที่เบื้องล่างอย่างเบาย่อง เท้าบรรจบติดพื้นเหมือนคนปกติ เดินเยื้องย่างก้าวซ้ายขวาอย่างนวยนาดมานั่งที่ม้านั่ง เขยิบตัวและยื่นหน้าเข้ามาใกล้หญิงสาวในระยะห่างกันแค่เพียงหนึ่งลมใจหายเข้าออก แก้วจ้องมองนัยน์ตาที่คมเป็นประกายของขุนขจร แววตาอันแสนอบอุ่นที่ส่งความอ่อนโยนมา มันทำให้หัวใจเต้นแรง จนสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงใบหน้าให้เปล่งเป็นสีแดงระเรื่ออกมาไม่รู้ตัว ยิ่งจ้องมองเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย ตกประหม่ารึแม่แก้ว? แก้มแดงเหมือนลูกตำลึงเทียว ขจรถามเชิงแกล้งหยอก เพราะเริ่มสังเกตุอาการผิดปกติที่ออกมาจากทางใบหน้าอย่างชัดเจนของแก้ว เปล่าค่ะ หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจ เขยิบเอนตัวออกไปอิงที่พักแขนของม้านั่ง แล้วมองตรงออกไปด้านหน้า เพื่อเลี่ยงที่จะสบตากับวิญญาณหนุ่ม แก้วไม่ได้หน้าแดงนะคะ ที่มันแดงก็เพราะอยู่ใต้เงาต้นเมเปิ้ล คุณขจรยื่นหน้ามาใกล้ๆแบบนี้ แก้วก็หลอนนะคะ หน้าฉันมันน่ากลัวนักรึไง ฉันมิได้มาเหมือนเมืองใต้ดินเสียหน่อย ขุนขจรเขยิบตัวเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้น คราวนี้ยื่นหน้าเขามาใกล้จนจมูกจวนเจียนเกือบจะประชิดติดกัน หญิงสาวพยายามเอียงตัวหนีด้วยความเขินอาย คุณขจรจะเข้ามาใกล้แก้วทำไมคะเนี้ย หญิงสาวยังคงมองตรงออกไปข้างหน้า ใช้เพียงสายตาแอบเหล่ชำเลืองมอง ฉันแค่จะเอาเกสรดอกไม้ออกจากหัวหล่อน วิญญาณหนุ่มชี้ไปที่หัวของหญิงสาว ที่มีเกสรดอกไม้ของต้นเมเปิ้ลติดอยู่ระหว่างกลางกระหม่อมและมวยผมที่ขมวดไว้ แก้วกลอกตามองด้านบนหัวตัวเอง พยายามใช้มือปัด และก้มศรีษะลงสะบัดหัว แต่ก็ไม่มีอะไรตกลงมา ไหนคะคุณขจร ไม่เห็นมีเลย หันหน้ามาทางฉันนี่สิแม่แก้ว น้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาของวิญญาณหนุ่ม ทำให้หญิงสาวค่อยๆหันหน้ากลับมาหา ก้มหัวลงเล็กน้อย หลุบตาลงต่ำมองไปทางอื่น จริงๆบอกแก้วก็ได้นะคะว่าอยู่ตรงไหน เดี๋ยวแก้วจะเอาออกเอง อยู่นิ่งๆก่อนเถิดแม่แก้ว เดี๋ยวฉันเอามันออกให้หล่อนเอง ขุนขจรค่อยๆบรรจงใช้มือที่ไร้น้ำหนักปัดเกสรดอกเมเปิ้ลสีแดงร่วงหล่นลงมาตกที่หน้าตักราวกับขนนก แก้วรู้สึกได้ว่า มันเป็นเหมือนไอลมลมเบาเย็นสบายที่เคล้าคลอกลิ่นการเวกจางๆออกมาด้วย
ขอบคุณนะคะ หญิงสาวกล่าวขอบคุณ พลางหยิบเกสรดอกเมเปิ้ลมาดูแก้อาการเขินอาย และชวนเปลี่ยนเรื่องคุย นี่เพิ่งรู้นะคะเนี้ยว่าต้นเมเปิ้ลมีดอกด้วย เพราะปกติสนใจแต่ใบมัน ต้นไม้ต้นนี้ชื่อต้นแม่ปั้นรึแม่แก้ว เมเพิลค่ะ คุณขจร หญิงสาวห่อลิ้นเน้นออกเสียงสำเนียงแบบอังกฤษอีกครั้ง ฉันต้องทำลิ้นพิลึกพิเรนทร์แบบหล่อนด้วยรึ ยากเสียจริง ให้ฉันเรียกว่าต้นแม่ปั้นจะง่ายเสียกว่า ค่ะ ต้นแม่ปั้น ก็ต้นแม่ปั้น หญิงสาวแอบอมยิ้มกับชื่อที่วิญญาณหนุ่มใช้เรียกต้นเมเปิ้ล ทั้งๆที่คำนี้เป็นภาษาอังกฤษ ขุนขจรก็เป็นลูกครึ่งต่่างชาติอย่างที่เคยบอก ว่ามีบรรพบุรุษเป็นมิชชันนารี แถมเดินทางข้ามหน้าข้ามทะเลมาถึงที่นี่ ทำไมคำง่ายๆถึงออกสำเนียงเสียงไม่ถูก แก้วหยุดครุ่นคิดสงสัยครู่ใหญ่ ก็ผงะตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นวิญญาณหนุ่มลอยตัวขึ้นไปด้านบนยอดไม้เมเปิ้ลอีกครั้ง ขึ้นไปอีกทำไมคะคุณขจร ฉันขึ้นมาดูต้นแม่ปั้นอีกครั้งน่ะสิ ตอนมานั่งฉันมัวแต่สนใจหล่อน เลยไม่ได้ดูเลยว่าใบแม่ปั้นพวกนี้ช่างงามวิลาศนัก วิญญาณหนุ่มยิ้มระรื่นตื่นเต้นกับการได้รู้จักต้นไม้ใหม่ที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ลอยไปมารอบๆต้นเมเปิ้ลอย่างสนุกสนาน แล้วมาหยุดนั่งที่กิ่งยอดหนึ่ง ที่มีใบเมเปิ้ลใหญ่เท่าฝ่ามือ ใบสีแดงฉานมีหลายแฉกคล้ายมือคน เวลาขึ้นปกทั้งต้น แลน่าพิศพิลึกนัก ฉันชักชอบไอ้เจ้าต้นแม่ปั้นเสียแล้วสิ งั้นตามสบายเลยค่ะ แต่คุณบอกฉันได้หรือยังว่าคุณหายไปไหนมา ฉันตามอีดวงไป ตามมันไปเสียไม่ทัน ฉันเลยกลับมาหาหล่อน วิญญาณลอยตัวลงมานั่งที่เดิม มองหน้าหญิงสาวด้วยสีหน้าวิตกกังวล ฉันเห็นหล่อนดูสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนคนเป็นคลื่นเหียน หล่อนปวดหัวเพราะถูกอีดวงมันดึงหัวกบาลเมื่อคืนรึ เปล่าค่ะ มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย จริงๆก็มากอ่ะค่ะ หลายเรื่องเลย แต่จะว่าไป ที่ถูกดึงเมือคืน แก้วไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลยนะคะ แผลที่โดนจิกหรือกระจุกผมขาดให้เห็นสักเส้นก็ไม่มี มันอาจจะชาไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ แก้วก็ยังงงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่เลยค่ะ วิญญาณหนุ่มอมยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะความงง มันจะเจ็บได้อย่างไรเล่า มันเป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ยังไงคะ แก้วไม่เข้าใจ มันคือความฝันหรือเปล่าคะ มันหาใช่ฝันหรือนิมิตไม่ แต่มันเสมือนจริง คุณขจรอย่ากำกวมได้ไหมคะ อธิบายง่ายๆหน่อย แก้วงง จำไว้เถิดหนาแม่แก้ว ว่าผีทั้งหลายมิสามารถทำอันตรายกับหล่อนดอก ผีเป็นแค่ดวงจิต ไม่มีเนื้อ ไม่มีหนัง ถ้าทำได้ ฉันคงใช้มือปัดเกสรดอกไม้ให้หล่อนได้แล้วกระมัง ดูนี่ ฉันจะทำอะไรให้ดู วิญญาณหนุ่มใช้ปลายนิ้วจับไปที่จอนผมแก้วที่ปล่อยออกมาด้านหน้า แต่ก็ไม่สามารถจับหรือสัมผัสได้เลย เป็นเพียงนิ้วที่ทะลุผ่านไปมาให้เส้นผมปลิวสะบัดเหมือนโดนลมพัดเบาๆเท่านั้น เห็นไหมเล่า ฉันหาจับหล่อนได้ไม่แม้กระทั่งปลายเส้นผม แล้วเยี่ยงนี้ อีดวงมันจะไปจิกหัวหล่อนได้หรอกหรือแม่แก้ว แต่ที่เห็นและที่รู้สึกเมื่อคืน ผีตัวนั้นมันจิกแก้วจริงๆนะคะ มันเป็นสิ่งที่บันดาลจากภาพลวงตาของภพวิญญาณ เมื่อดวงจิตของหล่อนอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น อยู่ครึ่งๆกลางๆระหว่างภพมนุษย์และภพผี หล่อนก็จะไร้การควบคุม ถ้าหล่อนหามีสติไม่ หล่อนก็จะถูกควบคุมโดยวิญญาณ เหมือนกับฝันไง หล่อนสามารถบังคับฝันหล่อนได้รึ บังคับได้นะคะ ทำไมจะไม่ได้ ตรึกดีๆว่าได้หรือไม่ได้ มันเหมือนเราจะทำตามใจเราได้ แต่อีกกึ่งมันก็ไหลไปตามเรื่องราวของความฝัน จริงไหม รึว่าไม่จริง สรุปแก้วกึ่งหลับกึ่งตื่นใช่ไหมคะ ไม่ใช่เสียทีเดียว แต่หล่อนน่ะเชื่อมโยงกับภพอื่นได้ กอปรกับหล่อนจิตยังอ่อน มันเลยเป็นช่องทางให้วิญญาณอีดวงมันเข้ามาควบคุมเรื่องราว ด้วยเหตุฉันนี้ ฉันเลยให้หล่อนสวดมนต์ไงเล่า คำสวดมนต์คือจิตเป็นกลาง ไม่คิดไปทางร้ายหรือทางดี เมื่อจิตเป็นกลางก็จะตั้งมั่นอยู๋ในสติ หล่อนก็จะกลับคืนเหมือนเดิมฉันนั้น ถ้าไม่อยากเห็นผีต้องมีสติเหรอคะ ผีจะไม่หลอกหลอนเรา ถ้าเรามีสติ ผีในตัวหล่อนต่างหากที่หลอกหลอนตัวเอง แต่มันก็น่าแปลก แปลกยังไงคะ แปลกตรงที่ฉันเข้าไปช่วยอะไรหล่อนไม่ได้เลย อาจเป็นเพราะวิญญาณมันแรงไปด้วยความพยาบาท แลมนต์ดำบางอย่างขัดขวางฉันไว้กระมัง แต่ยังไงเสีย อีดวงก็หาทำร้ายหล่อนได้ไม่ สรุปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเหมือนคุณขจรกำลังว่าแก้วเพ้อเจ้อและทำร้ายตัวเองนะคะ หญิงสาวเมินหน้าหนีด้วยความงอน ยังไม่ทันฟังอีร้าค้าอีรม หล่อนก็ตีโพยตีพายเสียแล้ว ฉันยังพูดไม่จบ ฉันจะบอกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีหล่อนมันมีกรรมมากำหนดไว้ด้วย แล้วแก้วไปก่อกรรมทำเข็ญกับผีดวงตอนไหนคะ หญิงสาวพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระแทกประชดประชัน อย่างที่ฉันเคยบอกว่าคนที่ควรถูกชำระควรเป็นอีดวงเสียมากกว่า แต่จะว่าไป มีอยู่คราหนึ่ง แม่แก้วกานดาก็ทำแรงไป แต่มันก็น่าแปลก เพราะหล่อนมิใช่แม่แก้วกานดา แล้วมันจะเกี่ยวกันรึ ขนาดคุณยังงงเรื่องตัวเอง ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าจะเกี่ยวกับฉันได้ยังไง แต่ตอนนี้ฉันชักสนใจผู้หญิงที่ชื่อแก้วกานดาซะแล้วสิคะ คุณขจรช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ว่าแก้วกานดาและดวงมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อน ได้ ฉันจะเล่าให้ฟัง แต่เพลานี้ฉันรู้สึกว่าดวงจิตฉันอ่อนแรงเหลือเกิน จู่ๆร่างของวิญญาณหนุ่มก็ดูจางอ่อนลงจนเกือบจะโปร่งแสง คุณขจร คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณอยากให้แก้วทำบุญ กรวดน้ำ แผ่เมตตา สวดมนต์ หรืออะไรหรือเปล่าคะ ร่างคุณมันเหมือนจะหายไปแล้ว หญิงสาวถามรัวเป็นชุดด้วยความตกใจ ฉันไม่เป็นอะไรดอก ขอบใจนะแม่แก้ว เอาเป็นว่า คืนนี้ตอนดาวเหนือขึ้น แลพระจันทร์ฉายเต็มดวง หล่อนมาพบฉันที่เมืองใต้ดิน แล้วฉันจะพาหล่อนไปพบกับเรื่องราวในอดีต ทำไมต้องเมืองใต้ดินด้วยคะ เพราะที่ที่ฉันตาย คือที่ที่ฉันมีกำลังจิตแรงมากที่สุด มันยังคงมีเศษซากของความทรงจำเหลืออยู่ ฉันคิดว่ามันคงเป็นจุดเชื่อมภพบางอย่างระหว่างหล่อนกับฉัน ค่ะ แล้วฉันไปจะเจอคุณที่นั่น ดวงอาทิตย์ยามบ่ายฉายแสงส่อง แซมแทรกทาบผ่านเข้ามาใต้ร่มต้นเมเปิ้ลให้สว่างขึ้นจากเดิม เพียงแค่ชั่ววินาทีที่สายลมอ่อนพัดเข้ามาอีกครั้ง ร่างไร้เงาของวิญญาณขุนขจร ก็ค่อยๆเป็นประกายหายไปในช่วงแสงระยิบของแดด ที่กำลังกระทบกับใบเมเปิ้ลที่ปลิวหล่น มีเพียงเสียงสะท้อนบอกลาแผ่วๆ ผ่านคลอมากับสายลม ลาก่อนนะแม่แก้ว +++++++++++++++++++ เมื่อเดินทางไปถึงห้องพัก แก้วก็รีบตรวจเช็คของมีค่าต่างๆ ก็อยู่ครบหมด ไม่พบว่ามีอะไรสูญหาย มีเพียงแค่ร่องรอยของเคลื่อนย้ายนิดหน่อย หญิงสาวเดินสำรวจโดยรอบอีกที และมาสะดุดหยุดนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะรู้สึกนึกขึ้นได้ว่าเหมือนมีบางอย่างหายไป
นึกออกแล้วว่าอะไรหายไป มนตรีที่เดินสำรวจในห้องน้ำ เดินออกมาหาแก้วด้วยความตกใจหน้าตาตื่น อะไรหายไป สร้อยล็อคเก็ตที่ย่าให้ฉันน่ะสิหายไป แกวางไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเหรอแก้ว ใช่ ฉันวางตรงนี้ หญิงสาวชี้ไปที่มุมขวาของโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วแกแน่ใจนะว่าแกไม่ได้เคลื่อนย้ายมันก่อนออกจากห้อง ฉันแน่ใจล้านเปอร์เซน ฉันกลัวมันหาย ก็เลยเก็บใส่กล่องไม้เล็กๆตรงเนี้ย ดูสิ หายไปทั้งกล่องเลย ฉันว่าเราแจ้งทางโรงแรมให้แจ้งความได้แล้วล่ะ มันเป็นแค่สร้อยสามกษัตริย์ไม่ใช่เหรอแก้ว อย่าถึงกับต้องแจ้งความเลย เดี๋ยวเรื่องมันจะใหญ่โตนะ แกจะบ้าเหรอมนตรี เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะ โรงแรมรักษาความปลอดภัยยังไง ปล่อยให้มีคนเข้ามารื้อของฉันได้ เข้ามาทางไหนก็ไม่รู้ ทะเลหรือไง นี่มันโรงแรมหรือซ่องโจรเนี้ย หญิงสาวพูดเสียงดังด้วยอารมณ์โกรธ เดินรอบห้องไปมาเพื่อหาสร้อยล็อคเก็ตให้ละเอียดอีกที แกแน่ใจนะแก้ว ว่าแกทำสร้อยล็อคเก็ตแกหายจริงๆ แกยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วยนะ ฝ่ายเพื่อนพูดไป พลางช่วยก้มดูตามใต้เตียง ซอกลืบมุมห้องต่างๆอีกครั้ง มนตรี ฉันไม่ได้เป็นคนขี้หลงขี้ลืมขนาดนั้นนะ อ่ะมาดูสิ เดี๋ยวฉันล้วงกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตให้ดูเลยว่ามีหรือเปล่า ในขณะที่หญิงสาวสะบัดตัว ล้วงกระเป๋าแจ็คเก็ตออกมา เธอก็พบกับบางอย่างอยู่ภายใน มีลักษณะเป็นเส้นยาวๆผูกติดกับโลหะกลมๆทรงรี เมื่อเอาออกมาก็เป็นล็อคเก็ตของเธอนั้นเอง อุ่ย ฉันลืมไป ว่าเมื่อเช้าฉันเปลี่ยนใจติดเอาไปด้วย หญิงสาวตอบเสียงอ่อย ยิ้มเจื่อนทำหน้าจ๋อยใส่เพื่อน เห็นมะ ฉันบอกแล้วว่าแกน่ะขี้ลืม ฉันจะไม่แจ้งความนะ แต่ยังไงโรงแรมก็รับผิดชอบ และฉันคงไม่กล้านอนที่นี่แล้วล่ะ ถ้าเกิดคืนนี้มีใครเข้ามาบีบคอปล้นชิงทรัพย์ ฉันจะทำยังไงล่ะ ที่ฉันไม่บอกให้แกแจ้งความ เพราะฉันจัดการให้แกแล้ว โรงแรมเค้าจะรับผิดชอบให้แกนอนห้องสูทอย่างดีระดับวีไอพีแทน ให้ฉันย้ายโรงแรมง่ายกว่าไหมแก ทำไมต้องนอนที่เดิมด้วย ช่วงไฮซีซั่น โรงแรมเต็มหมดแล้ว ถ้าจะเหลือก็พวกโมเท็ลถูกๆ แกกล้าไปนอนไหมล่ะ หืม ขนาดโรงแรมนี้ยังโดนขนาดนี้ ถ้าโมเท็ลฉันไม่โดนหนักกว่านี้เหรอ ฉันไปรัฐอื่นมาก็เยอะนะ แต่ไม่เคยเจออะไรน่ากลัวแบบนี้เลยอ่ะ แย่จริง เอาน่ะ อย่าคิดมาก โจรขโมยกล่องไม้ ตลกดีออก อ่ะนี่คีย์การ์ดห้องใหม่ มนตรีหยิบคีย์การ์ดออกมาจากในกระเป๋ากางเกง และยื่นให้เพื่อนสาวทันที แหมไวจริงนะ ที่แกให้ฉันรอในรถก่อนเข้าไป เพราะมาเคลียร์เรื่องก่อนใช่ไหมเนี้ย แล้วห้องสูทมันอยู่ชั้นไหนล่ะ หญิงสาวรับคีย์การ์ดและดูไปที่เลขห้อง โห เลขห้องนี้จริงๆเหรอมนตรี ทำไม แกกลัวเหรอ แกก็คิดซะว่าแกเป็นคนไทย ไม่เชื่อเรื่องโชคลางแบบฝรั่งล่ะกัน ขอโทษจริงๆนะเพื่อน ห้องนี้เหลือห้องสุดท้าย ไหนๆก็ไหนๆแหละ ห้อง1345 อย่างน้อยเลข5ก็เลขดีล่ะกัน อย่าคิดมากเลยแก้ว นอนๆไปเหอะ อีกไม่กี่วันแกก็กลับแล้วนะ เดี๋ยวต้องย้ายห้อง งานนี้ฉันว่าฉันต้องเก็บของเคลียร์ของอีกยาวเลยสิ มนตรีฉันวานอะไรแกหน่อย จะให้ฉันช่วยเก็บเหรอ เปล่า คืออีกครึ่งชั่วโมง แกช่วยไปที่วัด ไปหาคุณยายที่ชื่อจรูญนะ แล้วบอกว่า แก้วให้มาเอารูปที่ฝากท่านไมค์ปริ๊น รูปอะไร ทำไมต้องฝากพระฝรั่งนั่นปริ๊น เออน่ะ อย่าถามมาก เรื่องมันยาว ไว้จะเล่าให้ฟัง งั้นฉันออกไปเลยดีกว่า ฉันจะไปทำธุระด้วย เย็นๆแบบนี้ในดาวทาวน์รถยิ่งติดอยู่ด้วย ขอบใจมากนะเพื่อน งั้นเจอกันตอนกินดินเนอร์ที่ห้องอาหารโรงแรมล่ะกันเนอะ เสียใจด้วยเพื่อน ค่ำนี้ที่ร้านฉันปิดดึก เพราะมีคนมาปิดร้านจัดงานเลี้ยง เอาเป็นว่าฉันจะแวะมาส่งรูปไว้ที่ล็อบบี้ล่ะกัน ได้เลยไม่มีปัญหามนตรีเพื่อนเลิฟ อ่อฉันลืมไป ฉันเอานี้มาให้แก มนตรีเดินไปหยิบของบางอย่างมาจากกระเป๋าสะพาย มันเป็นวงไม้สีน้ำตาลทรงกลมอันเท่าฝ่ามือ ตรงกลางวงขึงด้วยเส้นด้ายเป็นตาข่ายโยงลวดลายข้าวหลามตัดไขว้กันไปมา ที่ปลายวงไม้ห้อยด้วยผ้าหนังยาวเป็นริ้วผูกติดด้วยขนนกและลูกปัดที่ปลาย ดูแล้วคล้ายกับโมบายที่ใช้แขวนเล่น อะไรน่ะมนตรี โมบายเหรอ หญิงสาวรับมาดูใกล้ๆ พอสัมผัสก็รู้ว่าสีน้ำตาลบนวงไม้คือผ้าหนังอย่างดี มันก็แขวนไว้เหมือนโมบายบ้านเราเนี้ยแหละ แต่ว่าไอ้เจ้านี้มันเรียกดรีมแคชเชอร์ อะไรคือดรีมแคชเชอร์ ฉันก็อธิบายเป็นไทยไม่ถูก แต่มันเป็นโมบายไว้แขวนที่หัวนอนของชาวอินเดียแดง ซึ่งตามความเชื่อก็คือ ไอ้ตาข่ายเนี้ย เอาไว้ดักฝันร้ายหรือสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาในฝันแก ดักฝันร้าย มีงี้ด้วยเหรอ อย่าลบหลู่นะแก มันเป็นความเชื่อของพวกอินเดียแดงสมัยก่อนเค้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังเชื่อกันอยู่ และทำขายออกมาเป็นเครื่องราง วัตถุที่เอามาทำก็มาจากธรรมชาติและเป็นของมงคล เพิ่งรู้นะเนี้ยว่าพวกเนทีฟอเมริกันมีเครื่องลางไม่ต่างจากคนไทย ยังไงก็ขอบใจนะสำหรับเจ้าดรีมแคชเชอร์ ฉันไปล่ะ มีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเลยนะ อย่าลืมแขวนดรีมแคชเชอร์ไว้ที่ห้วเตียงคืนนี้นะแก้ว +++++++++++++++ หลังจากย้ายสัมภาระทั้งหมดมาที่ห้องพักใหม่เสร็จ หญิงสาวก็เผลองีบหลับไปด้วยความเพลีย แต่ต้องมาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังเข้ามา เมื่อดูหน้าจอมือถือ ก็เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก ฮัลโหลแก้วพูดสายค่ะ หนูแก้วเหรอ ยายจรูญจากวัดธรรมนิตย์เองนะ อ๋อ คุณยายจรูญ คุณยายมีธุระอะไรกับแก้วหรือเปล่าคะ คือยายจะโทรมาถามหนูน่ะจ้ะว่าจะมาเอารูปกี่โมง เพราะเดี๋ยวจะใกล้เวลาทำวัตร พอทำสมาธิแล้วยายจะปิดเครื่องน่ะ หญิงสาวหันไปดูนาฬิกาเรือนเล็กที่หัวเตียง ก็พบว่ามันเป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว นี่เพื่อนหนูยังไม่ไปรับรูปจากคุณยายอีกเหรอคะ หนูให้เพื่อนมาเอารูปเหรอ ก็ไม่เห็นมีใครมานะ อ่อแล้วนี่ท่านไมค์ให้ถามด้วย ว่าหนูจะมาสวดมนต์ทำวัตรกับพวกเราไหม วันนี้วันพระ คนเต็มเลย ถ้าจะมาก็รีบมานะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง หรือจะให้ยายจองให้ล่ะ เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ เอาเป็นว่าหนูจะไปรับรูปเอง แท็กซี่จากนี้ไปคงไม่ไกลมากและน่าจะไปทันใช่ไหมคะ โอ้ยใกล้มากจ้ะ แล้วเจอกันนะจ้ะ สวัสดีจ้ะ พอวางสายเสร็จ แก้วก็รีบวิ่งวุ่นจ้าละหวั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าและหยิบกระเป๋าเพื่อรีบออกไปให้ทันก่อนยายจรูญจะเข้าโบสถ์สวดมนต์ เธอไม่อยากต้องอยู่รอร่วมทำกิจกรรมกับวัดจนเสร็จ เพราะมีภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำมากมายในคืนนี้ เมื่อเตรียมตัวจะก้าวเปิดประตูออกจากประตูห้อง เธอก็พบกับกระดาษหนึ่งแผ่นวางอยู่ที่ช่องใต้ประตู ดูเหมือนสอดทิ้งไว้จากด้านนอกเข้ามาข้างใน เมื่อหยิบขึ้นมาดู เธอก็พบกับโน๊ตข้อความเขียนด้วยลายมือหวัดๆที่แก้วคุ้นเคยเขียนว่า ฉันไปเอามาให้แกแล้วนะไอ้รูปที่แกว่า รูปใครวะหลอนชะมัด ฉันฝากให้พนักงานเอามาสอดช่องใต้ประตูให้แกด้วย ถ้ามีอะไรโทรฉันได้ตลอดนะ--มนตรี แก้วรีบพลิกกระดาษอีกด้านเพื่อดูรูปทันที บุคคลในที่เห็น เป็นชายหนุ่มหน้าไทยแก้มตอบไว้ผมทรงมหาดไทยใส่ชุดราชปะแตน นั่งอยู่บนเก้าไม้อี้ไม้โบราณ มือซ้ายถือไม้เท้า มือขวาเอาแขนพิงไว้ที่ข้างเก้าอี้ ชายในรูปไม่มีความเหมือนหรือคล้ายขุนขจรเลยสักนิด หญิงสาวกลับมานั่งที่เตียงและพิจารณาดูอีกที ดูเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ เพราะบุคคลในรูปภาพที่ได้มา ใบหน้านั้นดูสูงอายุ คิ้วหนาเข้ม หน้าผากกว้างโหนกสูง ดูหน้าเหมือนกับคนจีนมากกว่า เธอจึงเกิดความสับสนมากยิ่งขึ้น เพราะในเมื่อยายจรูญเพิ่งโทรมาบอกว่า ยังไม่มีคนมารับรูป แล้วรูปที่เธอกำลังถืออยู่ มนตรีได้มาจากไหน ในขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น กลิ่นหอมกรุ่นของดอกการเวกก็ลอยละลิ่วผ่านเข้ามาอบอวลในห้องพัก ทำให้หญิงสาวนึกถึงขุนขจร เธอจึงวิ่งออกไปดูที่ระเบียง มองไปบนท้องฟ้า ซึ่งตอนนี้ดวงจันทร์ลอยเด่นเต็มดวงชัดท่ามกลางหมู่เมฆของรัตติกาลวันพระ และเมื่อมองไปที่ทางทิศเหนือ ก็เจอดาวเหนือสว่างไสวเปล่งประกายส่งสัญญาณบอกแก้วเป็นนัยว่า มันถึงเวลาที่นัดหมายไว้กับวิญญาณหนุ่มที่เมืองใต้ดินแล้ว หญิงสาวเดินกลับมานั่งฟุบที่โต๊ะเครื่องแป้งด้วยความเหนื่อยใจ เพราะดูเหมือนยิ่งรู้เรื่องราวไปเท่าไหร่ มันกลับยิ่งลึกลับเลือนลางไปเรื่อยๆ ข้อมูลหลักฐาน และคำพูดของคนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งผี ไม่มีความสอดคล้องไปในทางเดียวกันเลย คุณเทียดคะ แก้วควรเชื่อใครดีคะ แก้วควรออกไปหาคุณขจร หรือว่่่่าแก้วควรอยู่ที่ห้อง แก้วหยิบสร้อยล็อคเก็ตออกมาดู พลางพูดบ่นพึมพำอธิษฐานกับเทียดบาหยันเพราะไม่กล้าตัดสินใจเลือกเอง อย่างน้อย ถ้าคำขอของเธอสามารถส่งไปถึงได้จริง วิญญาณเทียดบาหยันก็คงช่วยเลือกในหนทางที่ปลอดภัยสำหรับเธอ ถ้าแก้วโยนล็อคเก็ตนี้แล้วออกเป็นด้านลายกุหลาบ แก้วจะอยู่ที่ห้อง แต่ถ้าออกเป็นด้านที่สลักตัวอักษรไว้ แก้วจะออกไปหาคุณขจร ช่วยเลือกด้วยนะคะคุณเทียดบาหยัน หญิงสาวโยนล็อคเก็ตขึ้นเล็กน้อย และเตรียมเอามือตะปบรับเหมือนเวลาทอยเหรียญเสี่ยงทาย แต่ด้วยน้ำหนักของล็อคเก็ตที่มากกว่าเหรียญทั่วไป อีกทั้งมีสร้อยห้อยถ่วงแรงส่ง จึงทำให้แก้วคว้าไว้ไม่ทัน สร้อยล็อคเก็ตหล่นร่วงลงพื้นหินอ่อนอย่างแรง ฝาล็อคเก็ตเปิดอ้าออกโดยอุบัติเหตุ มีวัตถุเป็นผงสีเทาอ่อนและเศษเส้นสีดำบางอย่างหลุดออกมาด้วย เธอจึงรีบไปดูว่ามันคืออะไร นี่คือผงอะไรเนี้ย ทำไมหอมจัง หอมเหมือนการเวกเลย เอ๊ะดำๆอันนี้ นี่มัน! หญิงสาวใช้มือถูเศษเส้นสีดำที่ขมวดติดแน่นกันออกมา เมื่อคลี่ออกมาเป็นเส้นและสัมผัสดูอย่างแน่ใจ มันก็คือ เศษเส้นผมนั่นเอง นี่มันผมใครเนี้ย! +++++จบบทที่ ๔ ++++++ โดย: ม้าสามศอก วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:3:50:39 น.
อ่านที่กระทู้แล้วค่ะ
แต่แวะมาทักทาย ตัวหนังสือที่เมนท์เล็กจัง นุ่นก็มีปัญหาตัวหนังสือเล้กเหมือนกันค่ะวันนี้ มึนเลยแก้บล็อตหลายรอบ ^^ โดย: lovereason วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:15:10:29 น.
กำลังสนุกเลย รออ่านต่อจ้า ตัวหนังสือเล็กจริงๆ กด ctrl+ เพื่อขยายตัวหนังสือถึงจะอ่านได้จ้า
โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.250 วันที่: 31 สิงหาคม 2556 เวลา:15:52:39 น.
|
ม้าสามศอก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] มะลิรายงานตัว สวัสดีค่ะ
Group Blog All Blog Friends Blog |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
โยมแก้ว ภิกษุฝรั่งเรียกชื่อหญิงสาว ที่นั่งนิ่งเหม่อลอย วางน้ิวค้างเติ่งอยู่ที่พานรองกรวดน้ำ ทั้งๆที่น้ำไหลออกหมดไปตั้งนานแล้ว
อุ้ย! ขอโทษค่ะ แก้วคิดอะไรเพลินไปหน่อย
จะให้อาตมาสวดให้พรอีกรอบไหม ภิกษุฝรั่งอมยิ้ม
ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจท่านและคนข้างหลังด้วย หญิงสาวเหลียวมองด้านหลัง ที่ตอนนี้มีกลุ่มคนถวายสังฆทานรอต่อคิวอย่างยาวเหยียด แก้วนี่แย่จริง คิดเหม่อลอยเรื่อยเปื่อย พลอยทำให้ท่านไมค์เสียเวลาไปด้วยเลย
ไม่เป็นไรหรอก โยมแก้วเป็นคนสุดท้ายของช่วงบ่ายนี้พอดี เดี๋ยวหลังจากนี้อาตมาก็จะพักเบรคอิริยาบถสักครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มรับสังฆทานใหม่
งั้น..ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาท่านพัก แก้วขอดูรูปของคุณขจร ที่ญาติท่านไมค์ส่งมาให้ทางอีเมลได้ไหมคะ
อาตมาส่งอีเมลไปถามแล้วล่ะ แต่คงยังไม่มีใครได้เปิดดู เพราะเวลานี้ที่เมืองไทยน่าจะสักตีสามตีสี่ เดี๋ยวไว้สักเย็นๆกว่านี้ของที่นี่ โยมค่อยมาดูอีกทีได้ไหม หรือจะให้อาตมาฟอเวิดเมลไปให้เลยล่ะ
แล็ปท็อปแก้วเสียนะค่ะ ยังไงรบกวนท่านไมค์ปริ๊นใส่กระดาษให้แก้วแผ่นนึงนะคะ
ได้สิ ไม่มีปัญหา ทีนี้จะได้รู้กันสักทีว่าใช่คนคนเดียวกันหรือเปล่า รู้ไหม ตอนที่โยมเดินเข้าวัดมา อาตมาตกใจเหมือนกันที่ได้เจอวิญญาณตนนั้นอีกครั้ง อาตมาคิดว่าเค้าจะมาทวงล็อคเก็ตคืนซะอีก
ล็อคเก็ตอะไรคะ
เมื่อคืนวานหลังทำวัตรเสร็จ อาตมาไปเดินจงกรมแถวๆต้นเมเปิ้ลริมทะเลสาปท้ายวัด เดินไปก็ไปเหยียบเข้ากับห่อผ้าดิบเก่าๆที่ถูกมัดไว้ แกะดูก็เจอล็อคเก็ตที่ว่าเนี้ยแหละ
ภิกษุฝรั่งหยิบล็อคเก็ตดังกล่าวออกมาจากย่ามให้ดู เมื่อแก้วเห็นก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะล๊อกเก็ตอันนั้น เป็นทรงวงรีสีทองเหลือง ด้านหน้ามีรอยสลักนูนเป็นรูปกุหลาบ มีลักษณะเหมือนกับของที่แก้วเพิ่งได้มาจากย่าไม่มีผิด จะต่างกันก็แค่ ล็อคเก็ตของท่่านไมค์ไม่มีสายสร้อย และดูเก่าเกรอะกรังด้วยคราบดำมากกว่าเท่านั้นเอง
ท่านไมค์คะ ขอแก้วดูหน่อยได้ไหมคะ
ได้สิ ภิกษุฝรั่งวางล็อคเก็ตบนพื้นล่างอาสนะ เพื่อให้หญิงสาวหยิบไปเอง
แก้วหยิบมาดูโดยเร็ว แล้วรีบพลิกดูด้านหลังเป็นอย่างแรก สิ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือ ตัวหนังสือเล็กๆสลักไว้ว่าร.ศ.108
ทำไมชื่อหน้าร.ศ.108ถลอกหายไปแบบนี้เนี้ย หญิงสาวบ่นพึมพำที่ไม่สามารถแกะตัวอักษรที่เหลือได้
มีอะไรเหรอโยมแก้ว เคยเห็นล็อคเก็ตนี่เหรอ
หญิงสาวไม่ได้ตอบอะไร เพราะคิดว่าล็อคเก็ตแบบนี้ใครก็สามารถสั่งทำได้เป็นเรื่องปกติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ดูจะบังเอิญมากเกินไป นั่นก็คือรอยสลักปีที่เหมือนกัน เธอเลยส่งล็อคเก็ตคืนกลับไว้ที่ข้างอาสนะ และถามเรื่องราวต่อจากภิกษุฝรั่ง เพราะไม่อยากนำเรื่องมาเชื่อมโยงคิดให้ยุ่งกว่าเดิม
แล้วตกลงท่านไมค์รู้หรือเปล่าคะ ว่าใครทำหล่นไว้
ตอนแรกอาตมาก็นึกว่าของญาติโยม ก็เลยเก็บไว้ แต่พอกลับเข้ากุฏิ อาตมาก็เจอเจ้าของล็อคเก็ตนั่งรออยู่
ใครคะ
วิญญาณผู้ชายที่โยมเรียกว่าขจรนั่นแหละ
ของคุณขจรงั้นเหรอคะ
เค้าบอกว่าเป็นของเค้า ดวงจิตเค้าพามาหาของของเค้าเอง
แล้วยังไงต่อคะ คุณขจรเล่าหรือว่าพาท่านย้อนอดีตไปไหนหรือเปล่าคะ หญิงสาวซักถามต่อด้วยความตื่นเต้นอยากรู้
อาตมาเป็นพระนะโยม ไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะย้อนเวลาไปกับวิญญาณได้ แค่อาตมาเจอวิญญาณตนนั้นก็ถือแปลกแล้ว เพราะชีวิตก่อนหน้านี้อาตมาไม่เคยพบเคยเจอภูตผีหรือวิญญาณตนไหนอะไรมาก่อนเลย
ชีวิตก่อนหน้านี้แก้วก็ไม่เคยเห็นผีมาก่อนเหมือนกันค่ะ พอเริ่มได้เห็น ก็เห็นติดต่อกันไม่หยุด
อย่างนี้เค้าเรียกว่าตาที่สามกำลังเบิกสััมผัสที่หกกำลังประสานจ้ะ เสียงยายจรูญแทรกเข้ามา หญิงชราคลานเข่าเข้ามาอย่างนอบน้อบ ก้มกราบท่านไมค์ด้วยเบญจางคประดิษฐ์ท่าเทพธิดาอย่างสมบูรณ์แบบ พอครบสามครั้ง ก็นั่งพับเพียบพนมมือส่งยิ้มแฉ่ง ขออภัยที่พูดแทรกเข้ามานะคะท่านไมค์ หนูแก้ว เผอิญเดินเข้ามาก็ได้ยินพอดี
แน่ใจนะโยมจรูญว่าเพิ่งเดินเข้ามา ไม่ได้แอบฟังมานานแล้ว ภิกษุหนุ่มอมยิ้มแกล้งพูดหยอกแซวหญิงชรา
จริงๆค่ะท่านไมค์ โยมเพิ่งเข้ามา จะมาเรียนท่านไมค์ว่า เจ้าคณะวัดอื่นมาแล้วเจ้าค่ะ
งั้นเหรอ อาตมาลืมไปเลยว่านัดท่านไว้ ยังไงฝากคุณยายจรูญบอกญาติโยมที่ต่อคิวถวายสังฆทานด้วยนะ ว่าอาตมาอาจมาช้าสักนิด ถ้าไม่อย่างงั้นก็ให้ถวายพระรูปอื่นไปก่อน ฝากด้วยนะโยมนะ
ได้เจ้าค่ะท่านไมค์ เดี๋ยวโยมจัดการให้
ขอบใจมากนะขอบใจมาก พระภิกษุหนุ่มพูดเสร็จ ก็หันหน้าไปที่พระประธานด้านซ้าย ก้มลงกราบสามครั้งก่อนจะลงจากอาสนะ พร้อมหันมาพูดกับแก้วก่อนเดินออกจากโบสถ์
อ่อโยมแก้ว เรื่องรูปไม่ต้องเป็นห่วงนะ อาตมาจะฝากไว้กับยายจรูญเนี้ยแหละ ยังไงเย็นๆมารับไปได้เลยนะ แล้วถ้าหนึ่งทุ่มครึ่งวันนี้โยมอยากมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นทำสมาธิก็มาได้เลยนะ เผื่อว่าอะไรๆจะได้ดีขึ้น
กราบขอบพระคุณท่านไมค์มากเลยค่ะที่เป็นธุระ ส่วนเรื่องทำวัตร แก้วขอคิดดูก่อนนะคะ เพราะแก้วมีธุระต่อช่วงเวลานั้นพอดี
ไม่เป็นไร เจริญพรนะโยม อาตมาไปก่อนนะ
เมื่อภิกษุฝรั่งเดินออกจากโบสถ์ไป ยายจรูญมัคทายิกาหญิงประจำวัด ก็เข้ามานั่งใกล้ๆเพื่อถามเรื่องราวที่ได้ยินมา หนูแก้ว หนูมีตาที่สามสัมผัสที่หกเหรอ
คงยังงั้นมั้งคะ แก้วก็ไม่อยากเห็นหรืออยากเห็นอยากสัมผัส รับรู้อะไรหรอกค่ะ
ยายก็มีเหมือนกัน หญิงชราทำหน้ากระยิ่มยิ้มหย่อง
คุณยายเห็นผีได้เหรอคะ
เปล่า ยายเห็นผีไม่ได้หรอก แต่ยายน่ะดูดวงแม่น
โธ่ หนูก็นึกว่ายายมีสัมผัสพิเศษอะไรทำนองนั้นซะอีก
มันเป็นผัสพิเศษแบบแสวงหาเรียนมาไง ยายเรียนมาหมดเลยนะ หมอดูลายมือลายเท้าลายเซ็น ไพ่ป๊อกยิปซีอียิปต์จีนยิวแขกแอฟริกา ยายดูได้หมดเลย นี่ยายเพิ่งไปเรียนดูดวงจากไข่ไก่มานะ สนใจดูกับยายไหม ครั้งละยี่สิบดอล
ยังไม่ดีกว่าค่ะยาย ขอบคุณมากๆนะคะ เดี๋ยวแก้วขอตัวเอาน้ำที่กรวดไปรดต้นไม้ก่อนนะคะ หญิงสาวพูดปฏิเสธไปตรงๆ หยิบพานรองกรวดน้ำ และรีบลุกออกไปทันที
หญิงชรามัคทายิกายังไม่หมดความพยายาม วิ่งเดินตามไปที่หน้าประตูโบสถ์ พูดด้วยน้ำเสียงเบาลงแบบกระซิบ หนูแก้ว เมื่อตอนเที่ยงๆที่ต้นเมเปิ้ล ยายเห็นหนูไม่มีเงาหัว หนูระวังตัวด้วยนะ ยายหาอะไรมาครอบหัวหนูไม่ทัน ยายไปก่อนนะ เดี๋ยวพวกผีมันได้ยิน พูดเสร็จ ยายจรูญก็เดินกลับเข้าด้านในโบสถ์ ไหว้พระประธานอย่างลวกๆ และหยิบหนังสือสวดมนต์มาบริกรรมคาถาอย่างลุกลี้ลุกลน
พอแก้วได้ยินคำเตือนประหลาดจากหญิงชรา เธอก็รู้สึกใจคอไม่ดี เพราะตามคำโบราณ ถ้าใครโดนทักในเรื่องแบบนี้ แปลว่าชะตากำลังจะขาด และทางแก้คือ คนที่เห็นจะต้องหาอะไรมาครอบหัวให้คนที่ไม่มีเงาหัว แต่ยายจรูญดันกลับมาบอกเฉยๆ และไม่แก้ให้ด้วย
หญิงสาวรีบเดินเหม่อลอยคิดเรื่องที่ยายจรูญเตือน จนลืมไปว่าเดินมาไกลถึงใต้ต้นเมเปิ้ลอีกครั้ง เธอจึงเลือกรดน้ำที่กรวดไปที่โคนต้นเมเปิ้ล
ทันทีที่น้ำเทออกหมด ก็มีเท้าเปล่าหนาใหญ่สองข้างลอยลงมาทับบริเวณที่น้ำแฉะนองอยู่ เล็บทั้งสิบนิ้วทาด้วยสีชมพู บริเวณผิวหนังบริเวณรอบเล็บมีเส้นเลือดฝอยสีคล้ำม่วงเขียวปูดนูนโผล่ออกมาดูน่ากลัว
หญิงสาวไม่กล้าที่จะแหงนหน้ามองขึ้นไป เพราะแน่ใจว่าเท้าเปล่าสองข้างนี้ไม่ใช่ของคนอย่างแน่นอน เธอเลยหลับตาลงและแผ่เมตตา
สัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น . หญิงสาวพยายามแอบหรี่ตาดูที่พื้น ซึ่งก็ยังเห็นเท้าเปล่าสองข้างนั้นยืนที่เดิม เธอจึงตั้งสติแผ่เมตตาต่อ อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด..
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด.. เสียงของเจ้าของเท้าคู่นั้นแทรกซ้อนทับเข้ามา
หญิงสาวไม่สามารถมีสติพูดบทแผ่เมตตาต่อได้ เลยก้มหน้ายกมือขึ้นท่วมหัว พูดขอร้องวิญญาณตนนั้นด้วยเสียงสั่นเครือตะกุกตะกัก คุ-คุ-คะ-คะ-คุณคะ ไปเป็นสุขในที่ชอบที่ชอบเถิดนะคะ เดี๋ยวแก้วจะทำบุญเพิ่มให้
ฉันก็ขอให้หนูเป็นสุขเป็นสุขด้วยนะจ๊ะ เสียงเจ้าของเท้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นอย่างมีไมตรี
เมื่อได้ตั้งใจฟังเสียงของวิญญาณตนนั้น แก้วก็รู้สีกคุ้นหูเหมือนได้ยินมาก่อน เธอจึงถามเพื่อความแน่ใจ นี่ใช่คุณน้าหนิงหรือเปล่าคะ
ใช่จ้ะน้าหนิงเอง วิญญาณหญิงร่างท้วมตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
เมื่อรู้ว่าวิญญาณที่มาเยือนมาดี แก้วเลยรีบแหงนหน้าเพื่อไปคุยให้รู้เรื่องรู้ราว พอมองขึ้นไป กลับเจอแต่ความว่างเปล่า มีเพียงแค่ลำต้นเมเปิ้ลเท่านั้น เธอจึงยืนขึ้นและถอยหลังเล็กน้อยเพื่อมองหา แต่เมื่อมองลงมาที่พื้น ก็เจอแต่เท้าคู่เดิมของวิญญาณหญิงอ้วน ไม่มีตัว หัว หรือแม้กระทั่งท่อนขา มีเพียงเท้าเปลือยเปล่าหนึ่งคู่เท่านั้น
หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูก ใจอยากจะวิ่งแต่ก็ทำไม่ได้เพราะยังคงอยู่ในอาการช็อค
ขอโทษนะหนูนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะมาแบบนี้ แต่น้ามาได้แค่นี้
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย พร้อมที่จะสนทนาต่อกับวิญญาณหญิงอ้วน ไม่เป็นไรคะ แก้วทำใจได้แล้วค่ะ ถ้าคราวหลังคุณน้าจะมาหาแก้วอีก แล้วมาแบบเต็มตัวไม่ได้ ก็มาแค่เสียงก็พอค่ะ ไม่ต้องมาครึ่งๆค่อนๆแบบนี้ แก้วกลัว
จ้ะจ้ะ น้าจะพยายามนะ ที่น้ามาไม่ได้มาหลอกให้หนูแก้วกลัวนะ น้าจะเตือนหนูเพื่อเป็นการตอบแทนที่ส่งศพน้ากลับไทย
เตือนหนู? เตือนอะไรคะ
น้าจะบอกว่าคืนนี้หนูอย่าออกไปไหนนะ อยู่แต่ในห้องพักที่เดิมของโรงแรม แล้วหนูจะปลอดภัย
จะเกิดอะไรขึ้นกับหนูเหรอคะถ้าหนูออกจากโรงแรมคืนนี้
ยังไม่ทันที่วิญญาณหญิงอ้วนจะตอบข้อสงสัยของแก้ว เท้าทั้งสองคู่ก็จางหายไปในทันที ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสะท้อนส่งท้ายใดๆกลับมา
อ้าวหายไปซะอย่างงั้น แล้วรู้ได้ไงว่าอยู่โรงแรมแล้วปลอดภัย ขนาดเมื่อคืนยังเกือบเอาตัวไม่รอดเลย หญิงสาวบ่นพึมพำคนเดียวอยู่สักพัก โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของมนตรีโทรมา
ฮัลโหลว่ายังไงมนตรี
แก้ว ฉันมารอรับแกที่หน้าวัดแล้ว รีบออกมาเลยนะ
ทำไมเหรอ มีอะไร
แกต้องรีบกลับโรงแรมด่วนเลย ทางโรงแรมโทรมาหาฉัน ว่ามีใครก็ไม่รู้เข้ามารื้อของแกในห้อง เค้าอยากให้แกรีบเข้าไปตรวจดูว่ามีของมีค่าหายไหม
เฮ้ยจริงเหรอ งั้นฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวเนี้ย เดี๋ยวเอาของไปคืนก่อน
รีบๆหน่อยนะ
+++++++++