ทะเลทราย





ทะเลทราย-ผืนแผ่นดินที่แห้งแล้งทุรกันดารแทบไม่มีฝนตก จะมองไปทางไหนก็มีแต่ทรายเวิ้งว้าง แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ดินแดนแห่งความตาย ที่นี่ยังคงมีสิ่งมีชีวตที่อาศัยน้ำเพียงน้อยนิดดำรงชีพอยู่ได้ ที่นี่นับเป็นโลกอันน่ามหัศจรรย์ที่น่าศึกษาไม่น้อยทีเดียว

ทะเลทรายคือ อาณาเขตที่ปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งปีต่ำกว่า 200 ม.ล. ซึ่งปริมาณแค่นี้ถ้าเป็นบ้านเราแค่ฝนตกหนักๆซักชั่วโมงเดียวก็ได้แล้ว 200 ม.ล.เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆเลยว่า ในทะเลทรายนั้นฝนตกน้อยจริงๆ นอกจากความแห้งแล้งแล้ว ทะเลทรายยังมีลักษณะพิเศษอีกอย่างคือเรื่องของอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันมาก โดยในช่วงกลางวันนั้นอากาศจะร้อนจัด แต่พอตกกลางคืนกลับหนาวจัด

ที่ตั้งของทะเลทราย บ้างก็อยูลึกเข้าไปในทวีปห่างไกลจากทะเล บ้างก็อยู่ด้านหลังเทือกเขาที่ฝนตกไม่ถึงหรือไม่ก็อยู่บริเวณชายฝั่งที่มีกระแสน้ำเย็นไหลผ่าน น้ำทะเลในบริเวณที่ว่านี้จะเย็นมากจนไม่มีการระเหย เมื่อน้ำไม่ระเหยก็ไม่มีเมฆ พลอยทำให้ฝนไม่ตกไปด้วย พื้นที่ของทะเลทรายนั้นมีอยู่ประมาณ 1/5 ของพื้นที่ทวีปทั้งหมดในโลก แต่ถ้าหากรวมเขตกึ่งแห้งแล้งที่มีประมาณน้ำฝนตลอดทั้งปีไม่เกิน 500 ม.ล. ซึ่งกระจายอยู่โดยรอบทะเลทรายเข้าไปด้วยแล้วล่ะก็จะมีพื้นที่เกือบ 1/3 ของพื้นที่ทวีปเลยทีเดียว



ฤดูกาลในทะเลทราย จะมีอยู่เพียง 2 ฤดูคือ ฤดูแล้งอันยาวนานและฤดูฝนอันแสนสั้น ในทะเลทรายบางแห่งฝนไม่ตกติดต่อกันนานนับ 10 ปีก็มีน้ำฝนที่ตกลงมาจะซึมผ่านลงไปสะสมอยู่ใต้ดิน แล้วผุดขึ้นมากลางทะเลทรายกลายเป็นแหล่งของความอุดมสมบูรณ์กลางทะเลทราย ที่เราเรียกว่า "โอเอซิส (OASIS)" ที่นี่สามารถทำการเพาะปลูกได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งค้าขายอีกด้วย

ทะเลทรายแม้จะแห้งแล้งไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ แต่ก็มีพืชและสัตว์หลายชนิดดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ พืชส่วนใหญ่จะดำรงพันธุ์อยู่ในรูปของเมล็ด ในช่วงฤดูแล้งอันยาวนาน พอมีน้ำฝนตกลงมามันก็จะเจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว รีบผลิดอกออกผลทิ้งเมล็ดไว้ก่อนที่ฤดูแล้งจะมาเยือนอีกครั้ง ส่วนสัตว์ทะเลทรายก็ได้อาศัยพืชพวกนี้เป็นอาหาร แล้วสัตว์เล็กก็จะถูกสัตว์ใหญ่จับกินอีกทอดหนึ่ง เป็นไปตามวัฏจักรของการดำรงชีวิต

ในทะเลทรายบางแห่งทัศนียภาพจะเปลี่ยนไปตลอดเวลา เนื่องจากแรงลมพัดหอบเอาทรายเม็ดเล็กๆ เคลื่อนที่ราวกับเคลื่นในทะเล ทำให้การเดินทางในทะเลทรายหาจุดสังเกตได้ยาก ต้องอาศัยดูดาวหรือไม่ก็ก้อนหินใหญ่ๆแทน และผู้ที่เดินทางในทะเลทรายก็มักจะเห็นภาพลวงตาที่เรียกว่า "มิราจ (Mirage)" ซึ่งเกิดจากอุณหภูมิทีบริเวณใกล้พื้นผิวดินกับส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไปมีความแตกต่างกันมาก ทำให้ลำแสงเกิดการหักเห เกิดเป็นภาพลวงตาที่มีลักษณะคล้ายกับเงาสะท้อนในน้ำขึ้นมา

ทะเลทรายแม้จะดูน่ามหัศจรรย์ แต่คงไม่ดีแน่หากผืนดินเขียวขจีที่เราอาศัยอยู่นี้ต้องกลายเป็นทะเลทรายไป เพราะฉะนั้นเราจึงควรช่วยกันถนอมรักษาธรรมชาติที่เขียวชอ่มไว้คู่โลกตราบนานเท่านาน





Create Date : 25 เมษายน 2551
Last Update : 25 เมษายน 2551 10:46:51 น. 0 comments
Counter : 2416 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชีวิตนี้มันไร้ค่ายิ่งนัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ชีวิตนี้มันไร้ค่ายิ่งนัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.