Group Blog
 
All blogs
 
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 2 Zurich & Geneva

จากตอนแรกที่ได้ให้ข้อมูลทั่วๆ ไปเกี่ยวกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ และการเตรียมตัวการเดินทางอย่างคร่าวๆ เอาไว้ มาตอนนี้ก็จะขอพาออกเที่ยวซักทีนะคะ ฝนแพลนเอาไว้ว่าการเขียนบล็อคพาเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์ของฝนจะขอไล่เรียงตามลำดับการเดินทางของฝนนะคะ โดยจะแยกเป็นเมืองๆ แต่จะมีซูริคที่จะมีวนไปอีกทีตอนขากลับนะคะ เพราะวันแรกที่มาถึงก็จะแวะเที่ยวที่น้ำตกไรน์ที่เดียวแล้วก็ไปที่เจนีวาเลยค่ะ ได้มาเก็บตกที่เที่ยวในซูริครอบหลังตอนก่อนกลับค่ะ

ตามกำหนดการเดินทาง เครื่องมาลงที่ซูริคช่วงเกือบสิบโมงเช้า หลังจากรถบัสมารับแล้วก็มุ่งหน้าไปเที่ยวจุดแรกกันเลยค่ะที่ The Rhine Fall หรือ Rheinfall น้ำตกไรน์ น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขาสู่ทะเลสาปคอนแสตนท์ เป็นพรมแดนทางธรรมชาติของประเทศสวิสกับเยอรมัน น้ำตกนี้อยู่เมือง Schaffhause (ชาร์ฟฮาวเซ่น) ฝนได้ไปน้ำตกนี้สองรอบเลยค่ะ รอบแรกไปกับทัวร์ รอบที่สองไปเอง เพราะพอดีคุณพ่อฝนเค้าตามมาทีหลังเลยไม่ได้มาเที่ยวที่นี่ พอตอนก่อนจะกลับที่ได้แวะมาซูริคอีกรอบ ฝนเลยพาคุณพ่อมาที่นี่อีกทีน่ะค่ะ รอบที่สองนี่มาทางรถไฟ ความรู้สึกของการมาช่างแตกต่างกันมากมายเลยค่ะ ตอนมาครั้งแรกจะมาโผล่ตรงด้านหน้า ที่จะเห็นน้ำตกจากทางด้านหน้า ถึงจะเดินอ้อมๆ ไปดูน้ำตกจากทางด้านซ้ายของน้ำตก แต่ตอนนั้นในความรู้สึกคือ..นี่เหรอน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ทำไมมันไม่ค่อยอลังการณ์อย่างที่คิดเลยแฮะ แต่..พอรอบหลังที่มาทางรถไฟแล้วจะไปโผล่ตรงด้านขวาของน้ำตก พอเห็นน้ำตกแล้วตกใจเลยอ่ะค่ะ อาจจะเพราะเป็นส่วนที่ได้ใกล้ชิดกับกระแสน้ำตกที่ไหลลงมาก็ได้ เลยทำให้ได้เห็นความแรงและยิ่งใหญ่ของน้ำตกไรน์แบบชนิดที่ทำเอารู้สึกว่านี่ถ้าไม่ได้มาตรงจุดนี้คงต้องเสียใจแน่ๆ เลยอ่ะค่ะ รายละเอียดตอนไปทางรถไฟจะเล่าตอนหลังแล้วกันนะคะ และสำหรับรูปตอนนี้เอาเป็นมุมที่เห็นจากตอนไปรอบแรกไปดูกันก่อนแล้วกันนะคะ



ถ้ามองในภาพจะเห็นหินรูปคล้ายๆ น้องเต่าอยู่ตรงกลางน้ำตก จริงๆ เป็นโขดหินสองก้อนที่ฝนเองก็ยังแอบเป็นห่วงเลยว่าต่อไปมันจะต้านแรงน้ำตกไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะตรงช่วงฐานมันดูกร่อนๆ เป็นร่องเข้าไปเยอะเหมือนกันนะคะ แต่ว่าตรงนี้นี่แหละที่เหมือนเป็นจุดขายอันนึงของน้ำตกไรน์ที่จะมีเรือพาไปที่โขดหินอันใหญ่ (ที่จะเห็นธงชาติสวิสปักอยู่น่ะค่ะ ถ้าพยายามเพ่งในรูปจะเห็นจุดแดงๆ บนยอดโขดหินนั่นแหละค่ะ ) เพราะที่โขดหินอันนี้จะมีบันไดพาขึ้นไปที่จุดยอดของโขดหิน ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน แต่ฝนไม่ได้ไปหรอกนะคะ เพราะมีเวลาจำกัดและไม่ได้นึกอยากจะขึ้นไปด้วยล่ะ



หลังจากออกจากน้ำตกไรน์ ก็ได้เวลาทานอาหารพอดีค่ะ จำชื่อเมนูไม่ได้แล้ว รู้สึกจะเป็นปลาอะไรซักอย่าง ส่วนน้ำนี่เป็นน้ำองุ่นธรรมดาค่ะ จะบอกว่าชอบน้ำองุ่นมั่กๆ เห็นคุณไกด์เค้าบอกว่าไวน์ของสวิสอร่อยเพราะได้แสงแดดถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือแสงแดดตามธรรมชาติ ครั้งที่สองคือแสงแดดที่สะท้อนจากทะเลสาป แต่ฝนทานไวน์ไม่เป็นก็เลยบอกไม่ได้ว่าไวน์ของสวิสอร่อยต่างจากที่อื่นยังไงนะคะ เคยอ่านเจอของบางเมืองในสวิสเค้าจะบอกว่าไวน์ของเมืองเค้าจะโดนแสงอาทิตย์สามครั้งเลยด้วยซ้ำ แสงครั้งที่สามเกิดจากการที่กำแพงหินของเมืองดูดซับแสงอาทิตย์เอาไว้แล้วปล่อยสู่ไร่องุ่น (ช่างเปรียบเปรยกันจริงๆ) เท่าที่ทราบประมาณว่าแสงอาทิตย์มีความสำคัญกับคุณภาพขององุ่นในการทำไวน์น่ะค่ะ

การเดินทางโดยรถบัสจากซูริคที่อยู่ทางด้านเหนือเยื้องๆ ไปทางตะวันออกไปที่เจนีวาที่อยู่ปลายด้านตะวันตกของประเทศ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ วันแรกก็เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางค่ะ ได้ออกมาเที่ยวในเจนีวาก็วันรุ่งขึ้น แต่อย่างที่ได้เกริ่นๆ ไว้แล้วว่าช่วงที่ฝนไปเจอฝนตกหลายวันเลยค่ะ เช้าวันถัดไปที่ไปเที่ยวในเจนีวาเลยไม่ค่อยได้ทำไรมาก แวะไปตามจุดสำคัญๆ ของเมืองแบบผ่านๆ แค่นั้นเอง



เจนีวาหรือถ้าอ่านออกเสียงแบบฝรั่งเศสรู้สึกจะเป็น เจเหนฟ (เมืองนี้จะใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลักค่ะ เพราะอยู่ติดกับประเทศฝรั่งเศส เดี๋ยวจะมีแว้บๆ ข้ามไปเที่ยวยอดเขามองบลังค์ในฝรั่งเศสด้วยค่ะ โปรดติดตามตอนต่อๆ ไปนะคะ ) เป็นเมืองที่สำคัญเมืองนึงของสวิส โดยได้ชื่อว่าเป็น global city เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรที่สำคัญต่างๆ มากมาย เช่น UN (ภาพข้างบน), สภากาชาด ธนาคารโลก องค์กรอนามัยโลก ฯลฯ รวมทั้งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของนาฬิกาค่ะ



ด้านหน้าของ UN จะมีเก้าอี้สามขาตัวใหญ่มากๆ ตั้งอยู่ เก้าอี้ตัวนี้มีชื่อว่า "The Broken Chair" เป็นเก้าอี้ไม้สูง 12 เมตร ผลงานของศิลปินชาวสวิสชื่อ Daniel Berset การที่ทำเก้าอี้ให้ขาหักไปข้างนึงแต่ก็สามารถตั้งอยู่ได้นี้เค้าต้องการจะให้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความทุกข์ทรมานของเหยื่อที่ต้องพิการเพราะโดนกับระเบิด แต่ก็ยังดีกว่าเหยื่อกับระเบิดอีกมากมายที่ต้องเสียชีวิตไป เป็นสัญญลักษณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต่อต้านการใช้กับระเบิดประมาณนั้นอ่ะค่ะ



หลังจากนั้นก็จะเป็นโปรแกรมไปล่องทะเลสาปเจนีวา แต่ระหว่างทางก็จะผ่าน Brunswick Monument อนุสาวรีย์ของ The Duke of Brunswick ที่มาเสียชีวิตอยู่ที่เจนีวา



ส่วนนี่เป็นต้นไม้บริเวณท่าเรือที่จะขึ้นไปชมทะเลสาปเจนีวาค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้นอะไร แต่ชอบอ่ะค่ะ เป็นต้นไม้ที่แปลกดี วันนั้นอากาศค่อนข้างขมุกขมัวค่ะ เพราะว่าฝนเพิ่งหยุดตกไป เลยทำให้ท้องฟ้าไม่สดใสแถมยังทำให้วิสัยทัศน์ไม่ค่อยดีเพราะมีหมอกมาบังจนมองมะเห็นยอดเขามองบลังค์เลย ทะเลสาปเจนีวาเป็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่มากๆ ถือว่าเป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลางเลยทีเดียว จุดเด่นของทะเลสาปเจนีวาซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเจนีวาเลยก็ได้ก็คือ The Jet d'Eau หรือที่เราจะเรียกกันว่าน้ำพุเจ็ทโดนี่แหละค่ะ ด้วยความสูงประมาณ 140 เมตร ทำให้เป็นจุดเด่นที่ใครๆ ก็ต้องมาแวะถ่ายรูปด้วย



ขาลงจากเรือ เจอภาพที่ประทับใจค่ะ ใครๆ ก็ต้องหยุดดูน้องเป็ดตัวนึงที่ไปนอนอยู่ในกระถางต้นไม้ที่ปลูกต้นลาเวนเดอร์เอาไว้ น่ารักมากๆ เลย คุณเธอนอนนิ่งซะจนนึกว่าเป็นตุ๊กตาซะอีก



บริเวณใกล้ๆ กันจะมีสวนสาธารณะที่เรียกกันว่า the Jardin Anglais (English Garden) จะมีสัญลักษณ์อีกอันของเมืองเจนีวาค่ะ สัญลักษณ์ที่ว่าก็คือ Flower Clock หรือนาฬิกาดอกไม้นั่นเอง



นาฬิกาดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมีชื่อเสียงของเมืองเจนีวาในเรื่องของอุตสาหกรรมนาฬิกานั่นเองค่ะ ในช่วงที่ฝนไปเป็นช่วงที่กำลังจะมีฟุตบอลยูโร 2008 พอดี เค้าก็เลยจัดนาฬิกาดอกไม้ให้เป็นรูปลูกฟุตบอลเข้ากะเทศกาลเลยค่ะ



ขอปิดท้ายเมืองเจนีวาด้วย The Cathedral of St. Peter เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองอยู่บริเวณเมืองเก่า สร้างด้วยศิลปะแบบโรมาเนซผสมกับแบบโกธิค เก้าอี้ที่เห็นในรูปเป็นเก้าอี้ของท่าน John Calvin (ถ้าอังกฤษจะอ่านคาลวิน ถ้าฝรั่งเศสรู้สึกจะเป็นคาลแวงนะคะ) พระนักปฏิรูปองค์สำคัญท่านนึงของศาสนาคริสต์นิกาย Protestant (ผิดถูกยังไงขออภัยนะคะ พอดีความรู้ด้านศาสนาคริสต์ไม่ค่อยแข็งแรงค่ะ ) ใครมีโอกาสได้ไปและมีเวลาก็ลองแวะขึ้นไปบนยอดโบสถ์นะคะ เพราะจะเป็นจุดชมวิวของเมืองเจนีวาที่ดีเลยค่ะ

สำหรับขาช้อป.. เจนีวาก็เป็นเมืองที่เหมาะแก่การช้อปปิ้งมากๆ เมืองนึงในยุโรปเลยนะคะ โดยเฉพาะนาฬิกาคงจะเป็นของที่หลายๆ คนที่มีโอกาสได้แวะมาที่สวิสโดยเฉพาะที่เจนีวาจะต้องนึกที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน สำหรับแหล่งช้อปปิ้งที่น่าเดินก็จะเป็นบริเวณ city center ใกล้ๆ กับน้ำพุเจ็ทโดนั่นแหละค่ะ ที่นี่จะมีสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ รวมทั้งร้านนาฬิกาใหญ่ๆ ให้เลือกมากมาย แต่ควรแพลนการช้อปให้ดีนะคะ เพราะร้านค้าในสวิสโดยส่วนใหญ่จะปิดร้านในวันอาทิตย์ และในวันที่เปิดก็จะปิดร้านค่อนข้างเร็วกว่าเมืองไทย ส่วนใหญ่ทุ่มนึงก็ปิดร้านกันหมดแล้วค่ะ สำหรับร้านนาฬิกาที่ใหญ่และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็จะเห็นหลักๆ อยู่สองร้านนะคะ คือ Bucherer และ Gubelin สองร้านนี้จะมีนาฬิกายี่ห้อดังๆ ขายค่อนข้างเยอะและมีสาขาอยู่หลายเมืองค่ะ

วันนี้ก็ขอจบทริปที่เมืองเจนีวาไว้แค่นี้แล้วกันนะคะ แล้วไงจะมาต่อกันที่ Berne หรือกรุงเบิร์น เมืองหลวงของประเทศสวิสเซอร์แลนด์กันตอนหน้านะคะ

















Create Date : 24 สิงหาคม 2551
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 0:12:21 น. 14 comments
Counter : 3872 Pageviews.

 
ฟ้าครึ้มหน่อย แต่ก้อสวยมากครับ


โดย: Lucky in Life วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:10:20:33 น.  

 
รีบๆมาต่อนะคะพี่ฝน กำลังเที่ยวสนุกเชียว รูปวิวสวยๆทั้งนั้นเลย


โดย: สึมิเระสีฟ้า IP: 203.152.27.211 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:16:50:02 น.  

 
จะเดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์ต้นเดือนหน้าค่ะ เป็นการไปเที่ยวรอบสอง คราวที่แล้วไม่ได้ไปเจนีวา และคราวนี้ก็คงไม่ได้แวะไปอีกเช่นกัน ประเทศเล็กนิดเดียว แต่ที่เที่ยวเยอะจริงๆ ค่ะ


โดย: สาวญี่ปุ่น วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:20:15:53 น.  

 
วิวสวยมาก ๆ เลยค่ะ


โดย: beautystone วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:23:24:56 น.  

 
วิวสวยมากกกกกกกกกกกกกกกเลยจ้าน้องฝน ท่าทางบ้านเมืองเค๊าจะสะอาดมากกกกกเลยนะเจ๊ว่า เสียดายไม่เห็นหน้านางแบบอ่ะ แง้ววว


โดย: พี่หญิงเองจ้า IP: 125.24.123.75 วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:8:00:26 น.  

 
กิ๊ดด เค้านึกว่าตุ๊กตาประดับสวน อิน้องเป็ดนิ่งมากๆ น่าร๊ากกก

น่าหม่ำจังเยยปลาอะไร
ต้นไม้ทรงประหลาดดีจัง
ชอบเก้าอี้มากๆ เจ๋งดีค่ะ

ปล น้ำตกเค้าดูมันราบๆ แต่น้ำแรงใช้ได้เลย


โดย: ชฎาแหลม วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:13:34:55 น.  

 
เก้าอี้นี่ตอนแรกดูธรรมดามากๆ แต่ความหมายนี่ โห คิดได้ไง ความหมายดีมากๆ แต่ว่ามันตั้งอยู่ได้ไงเนี้ยย

ตามอ่านต่อนะคะ เดี๋ยวไปอ่านภาคแรกก่อน


โดย: :: NR :: IP: 222.123.81.237 วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:23:34:58 น.  

 
The Rhine Fall สวยจังเลยค่ะ ... ส่วนสวิสไวน์เราไม่เคยชิมเลย ... สงสัยต้องหาลองบ้างแล้ว

แล้วจะมาตามอ่านต่อภาคต่อไปค่ะ


โดย: Phoebe Buffay วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:6:43:27 น.  

 
ฝนจังน้ำตกสวยมากเลยจ๊ะ
แอบอิจฉาน้องเป็ดดุมันนอนสบายมากเลย ^__^


โดย: Cottony IP: 203.170.145.19 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:13:45:04 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ อธิบายสถานที่ท่องเที่ยวได้ละเอียดและน่าสนใจดีค่ะ


โดย: vanillahome วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:16:14:30 น.  

 
นาฬิกาดอกไม้น่ารักจัง เสียดาย บรรยากาศครึ้มไปนิดนะ เดี๋ยวตามเที่ยวตอนต่อไปจ๊ะ


โดย: Geerorogunso วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:11:14:12 น.  

 
ชอบน้ำตกไรน์จังเลยค่ะ อยากเห็นรูปที่คุณฝนบอกว่านั่งรถไฟผ่านซะแล้วซิ

คุณฝนเป็นไกด์ที่พาเที่ยวสนุกจริงๆ นะคะ ข้อมูลแน่นปึก จิ๊บรออ่านตอนต่อไปอยู่นะ อัพเมื่อไหร่อย่าลืมกระซิบด้วยนะคะ


โดย: kaajibjib วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:17:34:57 น.  

 
ตามมาเกาะแขนน้องฝนเที่ยวจ้า ท่าทางอากาศอย่างหนาวเลย ฝูงวัวในรูปมองไกลๆ เหมือนพวกแพะตัวเล็กเนอะ


โดย: ซัน IP: 218.186.8.11 วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:15:34:00 น.  

 
พี่ฝนนำเที่ยวเจนีวาน่าดูชมมากครับ


โดย: น้องลัคกี้ (ปูเป็น ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:12:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แมวจอมกวน
Location :
กรุงเทพฯ United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อดีตคนไกลบ้านคนนึง ที่เริ่มจากหลวมตัวมาเรียนที่อเมริกา ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิต ได้รับประสบการณ์และแง่คิดมากมายจากดินแดนแห่งนี้ ตอนนี้หาทางกลับบ้านเจอแล้วค่า.. ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิต (อีกครั้ง) ที่เมืองไทยซะที ที่มาของชื่อก็เพราะว่าเป็นคนที่รักแมว จึงเป็นที่มาของชื่อ "แมวจอมกวน" ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ


Link Blog ล่าสุด

คนโสดและไม่โสดหงายมือขวามาดูเดี๋ยวนี้ (เส้นสมรส ฟันธง!!!!)
มาทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจจากควายกันดูมั๊ยคะ ^^
คนค้นคน: มิสป่าตอง... หญิงที่ผูกติดกับภาพในอดีต
Cherubin Chocolate Cafe ร้านเค้กสำหรับคนรักช็อกโกแลต (และน้องหมี)
สำหรับแฟนบาร์บี้.. ชวนมาสะสมแสตมป์ไทยชุดบาร์บี้กันค่ะ
ตามรอยห้องก้นครัวไปชิม King Kong Buffet ซอยหลังสวนค่ะ
Lenka สาวสวยเสียงน่ารัก..เพลงยิ่งน่ารักน่าฟัง
หน้าร้อนแบบนี้.. มาสครับผิวกันดีกว่าค่ะ: รีวิวสครับที่กำลังปลื้ม
แอบงอน Coffee Bean เลยได้มาลอง Sugaroma ร้านเค้กน่ารักและน่ากินค่ะ
มาทำความเข้าใจกับวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์กันง่ายๆ ด้วยภาพกันค่ะ
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 4)
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 3)
Ho Kitchen กับอาหารเย็นมื้อใหญ่
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 5 Luzern & ไปลุยหิมะบนยอดเขาTitlis
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 4 Lausanne, Vevey, and Montreux
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 3 Berne & Mont Blanc
บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี เมนูที่ทำเองได้ไม่ยากเลยค่ะ
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 2 Zurich & Geneva
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นการเดินทางและการเตรียมตัว
ผลจากโปรโมชั่นของ drugstore ทำให้ได้ไรมามั่ง มาเปิดถุงพร้อมรีวิวกันเลยค่ะ
รีวิว Bath & Body Works กลิ่นใหม่ต้อนรับสปริงค่ะ
If we hold on together >> Piano by คุณ tutu_pianist เพลงพิเศษสำหรับพี่หญิง ตัวเล็กอ้วนค่า
รีวิวผ้าเช็ดเครื่องสำอาง Pond's Cleansing Towelettes
Joanna Wang >> An Asian Version of Norah Jones
แม่ครัวสมัครเล่นกะเค้ก Tres Leches --> เค้กสามนม
รีวิว Skinceuticals C+ E Ferulic & Gamma Hydroxy & Kanebo กระปุกแดง
บล็อคสีชมพูกะเทศกาลดอกเชอรี่บาน Cherry Blossom @ DC
Review ครีมหอมๆ กลิ่นใหม่ๆ จาก Victoria's Secret และ Bath and Body Works ค่ะ
เปิดตัว MMU ตัวที่สามกับ Lumiere
เปิดตัว MMU ตัวที่สองกับน้องเหมียว Meow Cosmetics ค่ะ
รีวิว Everyday Minerals

เปิดตัว Mineral makeup ชิ้นแรกของเรา กับ Everyday Minerals ค่ะ
ประสบการณ์กรีดสิวที่คลินิคหมอเสริม-เพ็ญจันทร์

Magic Liquid Powder & Magic Illuminating Potion by Prescriptives
Aspirin Mask ของดีราคาถูกที่น่าลอง

บลัชลุงชู P Amber 87 VS elf Sun Kissed ความเหมือนที่แตกต่าง
Review Eyeshadow ของ Nars ค่ะ

รีวิวสีบลัช NARS ตามสัญญาค่ะ


   
11 March 2008
Friends' blogs
[Add แมวจอมกวน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.