'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

สุดยอดแห่งความสำเร็จ - Og Mandino (สุริยฉัตร ชัยมงคล/แปล)




สุดยอดแห่งความสำเร็จ - The Greatest Success in the World
Og Mandino /เขียน
สุริยฉัตร ชัยมงคล/แปล






หนังสือเล่มนี้เก่ามาก...มากจนหาภาพปกไม่เจอเลยค่ะ
เป็นหนังสือเล่มเล็ก ๆ บาง ๆ จัดพิมพ์โดยสนพ.สี่เกลอ เมื่อ มกราคม ๒๕๒๗
เขาโปรยปกไว้ว่า...

"ผู้ปรารถนาความสำเร็จที่แท้จริง ต้องไม่พลาดหนังสือเล่มนี้"

และ...

'เรื่องราวเหนือธรรมดา ของชายพิการผู้พิชิตอุปสรรคทั้งมวล
ด้วยดวงใจที่เปี่ยมท้นความรัก สู่ความเป็นผู้บรรลุความสำเร็จสูงสุด'



เป็นหนึ่งในหนังสือชุดบันดาลใจ ของอ็อก แมนดิโน นักเขียนเชิงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่
ที่จขบ.เลือกมาอ่านด้วยเป็นผลงานแปลของนักแปลคนโปรด สุริยฉัตร ชัยมงคลค่ะ

หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของซัคเคอุส ชายพิการผู้มีเรือนร่างต่ำเตี้ย หากเขาเป็นประมุขเหนือเหล่านายภาษีทั้งหลายและมั่งคั่งมหาศาล...

โจเซฟ สหายสนิทและสมุห์บัญชีประจำตัวซัคเคอุส
(ผู้เล่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้)ได้ถามเขาว่า...

'...ท่านประสบความสำเร็จใหญ่หลวงเช่นนี้ได้อย่างไร ซัคเคอุส
ท่านซึ่งเป็นเด็กกำพร้า ไร้การศึกษา ยากจนที่สุด เท่าที่คนเราจะยากจนได้
และร่างกายวิกลวิการ จนมีแต่คนคอยล้อเลียน...'


และนี่คือคำตอบของเขา...

"การกระทำตามบัญญัติเก้าประการแห่งความสำเร็จ
จะทำให้ได้ลิ้มรสแห่งสรวงสวรรค์เช่นนั้นบนโลกมนุษย์แห่งนี้"


บัญญัติทั้งเก้าประการของเขามีดังนี้...

บัญญัติประการแรกแห่งความสำเร็จ - -จงหมั่นทำงานในแต่ละวัน ประหนึ่งชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
(ท่านไม่จำเป็นต้องรักงานที่ทำอยู่ แม้ราชันย์ยังฝันที่จะมีอาชีพอื่น ท่านต้องทำงาน สิ่งที่ตัดสินวิถีชีวิตคือทำอย่างไร ไม่ใช่ทำอะไร...ผู้ขาดความระมัดระวังในค้อนของตนย่อมไม่มีวันสร้างวังได้สำเร็จ...ไม่มีงานอะไรที่ทื่อทึมเสียจนไม่อาจปลุกให้มันมีชีวิตชีวาได้...)

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่สอง - - จงเรียนรู้ว่า ด้วยความอดทนจะสามารถควบคุมชะตากรรมของตนเองได้
(ความอดทนคืออำนาจ จงให้มันสร้างสมจิตวิญญาณให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้อารมณ์หวานชื่นขึ้น สะกดกลั้นเพลิงโทสะ กลบฝังความริษยา ลดราความทรนง สงบปากสงบลิ้น เหนี่ยวรั้งมือ และนำท่านไปสู่ชีวิตอันเหมาะควร ในเวลาอันเหมาะสม)

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่สาม - - ต้องกำหนดเส้นทางให้ดี
หรือมิฉะนั้นก็ถูกพัดพาล่องลอยไปตลอดกาล

(เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าไปอย่างเหมาะควรในชีวิตโดยปราศจากแผนการ - - จงให้โอกาสที่จะสำเร็จแก่ตนเองทุกวิถีทาง หากจะต้องล้มเหลวจงล้มเหลวขณะพยายาม)

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่สี่ - - จงเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับความมืดมิด
แม้ในขณะเดินทางอยู่ท่ามกลางแสงตะวัน

(จงตระหนักว่า ไม่มีสภาวะใดที่ถาวร มีฤดูกาลต่าง ๆ ในชีวิต เช่นเดียวกับในธรรมชาติ)


บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่ห้า - - จงยิ้มใส่หน้าความทุกข์ยาก จนกระทั่งมันยอมพ่ายแพ้
(จงให้หยาดน้ำตาที่รินหลั่งเพราะเคราะห์กรรม ชะล้างคลองจักษุเพื่อจักได้มองเห็นซึ่งสัจธรรม - - ความทุกข์ยากคือสายฝนที่กระหน่ำใส่ชีวิต เย็นเยียบ อึดอัดและไม่เป็นมิตร แต่กระนั้น จากฤดูกาลนี้มิใช่หรือที่ดอกลิลลี่ได้ผลิบาน อินทผลัมและทับทิมให้ผล...)

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่หก - - จงตระหนักว่าแผนการเป็นแต่เพียงความฝัน หากขาดการปฏิบัติ

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่เจ็ด - -จงกวาดใยแมงมุมออกจากจิตใจ
ก่อนที่มันจะจองจำท่านเป็นนักโทษ

(จิตใจเป็นแหล่งของมันเอง และภายในตัวมันอาจเนรมิตได้ทั้งสวรรค์ในนรกภูมิ หรือนรกในสรวงสวรรค์ - -เหตุใดจึงยังมัวอาดูร ต่อความล้มเหลวที่ผ่านมาแล้วของตนเล่า...? จงอย่าปล่อยให้ความวิตกกังวลถึงพรุ่งนี้ทอดเงาของมันมาบดบังวันนี้ - -)

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่แปด - - จงแบ่งเบาสัมภาระ หากปรารถนาจะถึงจุดหมายปลายทาง
(จงทำชีวิตให้เรียบง่าย ผู้ที่อิ่มเอิบยินดีในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุดคือผู้ที่มั่งคั่งที่สุด )

บัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่เก้า - - จงอย่าลืมว่า สรรพสิ่งมักจะสายกว่าที่คิดเสมอ
(จงจำไว้ว่าอูฐนิลกาฬพาหะแห่งมรณะป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ เสมอ ระลึกเสมอว่า ท่านไม่อาจอยู่ไปได้ชั่วนิรันดร์ - -จงอยู่กับความตายประหนึ่งมันเป็นสหายคนหนึ่ง แต่อย่าหวาดหวั่นมัน มีคนมากหลายที่กลัวตายเสียจนไม่เคยมีชีวิตอย่างแท้จริงเลย - -)

กฏแห่งการมีชีวิตอยู่ของซัคเคอุสมีเพียงเก้าประการ...
แต่เมื่อเขาได้จารึกบัญญัติทั้งเก้าประการนี้ลงบนกำแพงเมือง ก็บังเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น

นั่นคือ....

ปรากฏถ้อยคำแห่งปาฏิหาริย์ อันเป็นบัญญัติแห่งความสำเร็จประการที่สิบ
ที่ผนวกเข้ากับบัญญัติทั้งเก้าประการของซัคเคอุส - -

จงอย่าดิ้นรนที่จะเป็นอะไรอื่น นอกจากตัวของท่านเอง - -






**เลือกอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ในบล็อกนี้ได้ที่สารบัญหนังสือในบล็อกค่ะ







 

Create Date : 22 ธันวาคม 2551    
Last Update : 6 มิถุนายน 2552 15:21:54 น.
Counter : 2373 Pageviews.  

เลือดสีม่วง : The Color Purple





เลือดสีม่วง : The Color Purple
By : Alice Walker /อลิซ วอลเกอร์
ผู้แปล : อัครมุนี
สํานักพิมพ์หมึกจีน / พิมพ์ มิถุนายน 2529


“เป็นหนึ่งในหนังสือแห่งศตวรรษ - Book of the Century”





โปรยปกหลัง :

ชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงผิวดำอย่างเซลีย์
แต่สังคมก็สอนให้เธอรู้ว่า ทำอย่างไรถึงจะอยู่รอดไปได้วัน ๆ
อย่ามีความต้องการอย่าหวังอะไรทั้งนั้น
จนกระทั่งนักร้องสาวชื่อดัง-แฟนเก่าของสามี เข้ามาพัวพันในโลกของเธอ...
และสอนให้เธอกล้าพอที่จะหัวเราะ เล่น รัก...
และหวังอะไรให้กับชีวิตตัวเองบ้าง


ตอนแรก :

ทางที่ดีแกอย่าบอกใครเป็นอันขาดยกเว้นพระผู้เป็นเจ้า มันจะฆ่าแม่ของแก

พระผู้เป็นเจ้าที่รัก,

ฉันอายุสิบสี่ปี ฉันเป็น -- ฉันเคยเป็นเด็กดีตลอดมา ท่านน่าจะส่งสัญญาณบอกให้ฉันรู้ได้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับฉันบ้าง

ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว หลังจากลูเซียสเกิด ฉันได้ยินพวกเขาหงุดหงิดกัน เขาดึงแขนแม่ แม่บอกว่ามันเร็วเกินไป แม่ยังไม่สบายในที่สุดเขาก็ปล่อยแม่ไว้คนเดียว หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เขาดึงแขนแม่อีก แม่พูดว่า ตอนนี้ไม่ ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว เด็ก ๆ พวกนี้ด้วย

แม่ไปหาหมอน้องสาวของแม่แถบมาคอน ทิ้งฉันให้ดูแลคนอื่น ๆ เขาไม่เคยพูดดี ๆ กับฉันเลย ได้แต่พูดว่า แกต้องทำสิ่งที่แม่แกทำไม่ได้

..................................





หยิบหนังสือเก่า ๆ เล่มนี้มาบอกเล่า เนื่องจากวันก่อนอ่านชีวิตรันทดของโดลอเรส ไพรซ์แห่ง "บนถนนชีวิตที่เลือนราง" แล้ว นึกถึงเซลีย์ ในเลือดสีม่วงเล่มนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรที่เหมือนกันเลย อ้อ...เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือทั้งคู่เป็นผู้หญิง

แต่ชีวิตของเซลีย์ในเรื่องนี้รันทดกว่าเยอะมาก ๆ ๆ

แต่ในความรันทดและหดหู่นั้น ทำไมเรายังอ่านได้อย่างชื่นชมเล่า...คงต้องบอกอย่างที่คุณอั๊งอังอาบอกนั่นแหละค่ะว่า ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้เขียน

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นโดยผ่านมุมมองของเชลีย์ ผ่านจดหมายที่เธอเขียนถึงพระผู้เป็นเจ้า และมีบางฉบับเขียนถึงน้องสาวของเธอ...และบางบทบางตอนก็เป็นจดหมายตอบจากน้องสาว

เซลีย์เป็นเด็กสาวผิวดำที่ไม่ได้รับการศึกษามากมายนัก ภาษาเขียนของเธอจึงอาจจะดูกระท่อนกระแท่น ซึ่งนั่นเองคือเสน่ห์ของนิยายเรื่องนี้ เพราะเรื่องราวที่เธอสื่อออกมานั้น เปิดเผยและตรงไปตรงมา...


บางช่วงตรงเสียจน...อ่านแล้วอึ้ง
อย่างนี้ก็มีอยู่ในโลกด้วยหรือ...?

"ตอนเขียนเรื่องนี้ออกมาวางขาย อลิซ วอลเกอร์ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการขุดคุ้ยปฏิกูลในแวดวงสังคมของชนผิวเดียวกับเธอออกมาตีแผ่โดยไม่จำเป็น พวกผู้ชายผิวดำโวยวายว่า แบบนี้พวกเขาก็ถูกชาวโลกติเตียนกันแย่สิ

แต่วอลเกอร์ไม่สนใจกับเสียงโวยวายเหล่านั้น เธอถือว่า ผลงานในรูปของนวนิยายชิ้นนี้เป็นการสะท้อนข้อเท็จจริงในสังคมชนผิวดำอย่างตรงไปตรงมาที่สุด แน่นอน ในใจเธอเองก็หวังผลในลักษณะที่ผู้ชายผิวดำทั้งหลายหวั่นกลัว

นั่นคือ นอกจากจะเป็นการเปิดเผยให้คนทั้งโลกรู้ซึ้งในพฤติกรรมของผู้ชายผิวดำแล้ว ยังต้องการให้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือ เป็นชนวนผลักดันให้ผู้หญิงผิวดำต่อสู้...ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองมีความเป็น "มนุษย์" ในสายตาของพ่อหรือของสามีบ้าง..."



สำนวนแปลค่อนข้างเรียบลื่นค่ะ ถ้าจะสะดุดบ้างก็อาจจะเป็นเพราะภาษาของผู้เขียนที่ใช้

หยิบมาแนะนำช่วงนี้เพราะเห็นว่าใกล้งานหนังสืออีกแล้ว เผื่อใครไปเดิน ๆ พบเจอเข้าขอบอกว่าไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ

แต่ดูจากปีที่พิมพ์แล้ว ไม่แน่ใจว่าจะยังมีวางขายอยู่หรือเปล่านี่สิ...

อ้อ...เรื่องนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนต์มาแล้ว คอหนังรุ่นเก่า ๆ น่าจะเคยผ่านตานะคะ แต่จขบ.ไม่เคยได้ดูอ่ะ คาดว่าคงโตไม่ทัน แหะ ๆ













 

Create Date : 05 ตุลาคม 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 12:39:24 น.
Counter : 8781 Pageviews.  

น้ำท่วมโลกครั้งที่สอง ~ วรรณกรรมส่งเสริมการรักษาสภาพแวดล้อม





น้ำท่วมโลกครั้งที่สอง : Mr.Noah and the Second Flood
ชีล่า เบิร์นฟอร์ด / เขียน
อัครมุนี วรรณประไพ / แปล
สนพ.บานชื่น / จัดพิมพ์ (กันยายน 2532)






ดูจากปีที่พิมพ์ หลายคนอาจจะร้องโอ้วววว....หนังสือเก่ามาก ๆ
แต่ขอบอกว่าเนื้อหาในหนังสือร่วมสมัยสุด ๆ
ด้วยบอกเล่าถึงกระแสที่ชาวโลกกำลังตื่นตัวและรณรงค์ให้มีการตระหนักรู้ถึงปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เราท่านต่างมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างและทำลายมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้แหละค่ะ

หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านให้ฟังในวันนี้... 5 มิถุนายน...
วันสิ่งแวดล้อมโลก






ชีล่า เบิร์นฟอร์ดเขียนโดยอาศัยการชี้ให้เห็นสภาพของโลกและพฤติกรรมของมนุษย์ที่กระทำต่อโลก รวมถึงผลกระทบของการการกระทำนั้น
โดยล้อเลียนตำนานโนอาห์ ตามพระคัมภีร์เก่าในคริสต์ศาสนา ที่แต่เดิมพระเจ้าดลบันดาลให้น้ำท่วมโลก

แต่ตอนนี้ต้นเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมโลกกลับเป็นตัวมนุษย์เอง และเมื่อน้ำท่วมโลก มิสเตอร์โนอาห์ ทายาทผู้สืบทอดจากโนอาห์รุ่นแรกมาหลายชั่วอายุ ได้สร้างเรือเพื่อช่วยเหลือปวงสัตว์ทั้งปวง

แต่พอทราบว่าผู้ก่อปัญหานี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบรรดาผู้มีมันสมอง มีความคิด รู้จักประดิษฐ์ “เครื่องมือ” หาความสะดวกสบายให้ตนเอง
โดยไม่สนใจบรรดาสิงสาราสัตว์อื่นๆ ว่าจะได้รับความลำบากแค่ไหน
พอถึงที่สุดแล้วมนุษย์กลับเห็นแก่ตัว หนีเอาตัวรอดสู่ที่ปลอดภัยกว่า

ผู้เขียนเห็นว่า หากมนุษย์เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรจะวาง “เครื่องมือ” ของตนลงและสูญพันธุ์ไปเสียให้หมดจากโลกนี้
โดยมอบให้มิสเตอร์โนอาห์... ชายชราผู้ไม่สามารถสืบทอดลูกหลานได้อีกเป็นผู้พิพากษา

เหตุการณ์ที่เกิดในเรื่อง ไม่เพียงแค่ล้อเลียนตำนานน้ำท่วมโลก ตามพระคัมภีร์เก่าเท่านั้น แต่ยังได้เขียนในเชิงกระทบกระเทียบเอาไว้อีกมากมาย มีเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ที่น่าพิศวง มีประเด็นอันหลากหลายที่เน้นย้ำให้มนุษย์ตระหนักถึงเภทภัยแห่งการละเลยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ผู้เขียนพยายามบอกผู้อ่านว่า...
“มนุษย์ควรช่วยตัวมนุษย์เอง” โดยเริ่มจากตัวเองก่อน
คือพร้อมที่จะมีความรับผิดชอบต่อโลก ต่อธรรมชาติ...
แต่หากทุกคนยังขาดความรับผิดชอบอย่างทุกวันนี้
ความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็อย่าไปโทษใคร
ต้องโทษตัวเราเอง





สำนวนประชดประเทียดเสียดสีได้ทั้งแสบทั้งขัน...
และคันระคายในห้วใจดีนักแล

ซื้อหนังสือเล่มนี้จากกองหนังสือเก่าเมื่อหลายปีก่อน...
ด้วยราคาที่เหลือเชื่อมาก...ซื้อร่วมกับหนังสืออื่น ๆ เล่มเล็ก ๆ เหมือนกัน...3 เล่มสิบบาท!

หนังสือเล่มนี้สนนราคาเล่มละ 3 บาทเศษ ๆ !



Photobucket











 

Create Date : 05 มิถุนายน 2551    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 12:34:03 น.
Counter : 2010 Pageviews.  

รักที่ริมขอบฟ้า ~ Out of Africa : ไอแซค ไดนีเสน / เขียน : สุริยฉัตร ชัยมงคล / แปล





รักที่ริมขอบฟ้า ~ Out of Africa
ไอแซค ไดนีเสน / เขียน
สุริยฉัตร ชัยมงคล / แปล
สนพ.ทานตะวัน / พิมพ์ (ครั้งที่ ๒ / พ.ย. ๒๕๓๖ )



ฟ้าที่นั่นกว้างกว่าฟ้า
ไอแดดอ้อมป่าเขาไว้ในฝัน
อาบสาบสิงห์ กลางทุ่งหญ้า ณ แดนนั้น
ฉันมีไร่ของฉัน, และมีรัก.

บนผืนแผ่นดินอาบแสงตะวันเจิดจรัส
หญิงสาว...ความรัก...และกลิ่นอายอดีต





"รักที่ริมขอบฟ้า" หรือในชื่อเดิม (ฉบับพิมพ์ครั้งแรก) "พรากจากแสงตะวัน" แปลจากนวนิยายจากชีวิตจริงของไอแซค ไดนีเสน นามปากกาของคาเรน บลิกเซน หญิงสาวชาวเดนนิชผู้ไปใช้ชีวิตท่ามกลางแสงตะวันเจิดจ้าของอัฟริกาเป็นเวลานานกว่าสิบห้าปี...

เรื่องราวทั้งหมดที่เธอได้ร้อยเรียงออกมาเป็นนิยายเรื่องนี้ กลั่นออกมาจากความทรงจำที่มีทั้งความสุข ความทุกข์ ความหอมหวานแห่งความรักที่เธอมีต่อผืนแผ่นดินแห่งแสงตะวันอันไพศาลกับชู้รักชาวอังกฤษของเธอ และความเจ็บปวดขมขื่นที่เธอได้รับ ด้วยสำนวนภาษาที่ละเมียดละไม และหมดจดงดงาม...





เกริ่นกล่าวโดยผู้แปล :

ทาเนีย,

บัดนี้วันเวลาในอาฟริกาของคุณได้กลายเป็นตำนาน. แม้เทือกเขาง็องและยอดทั้งสี่ยังคงผงาดเสียดฟ้า และสายลมบนแผ่นดินสูงจะพาหมู่เมฆจรมาทักทายมันเสมอ แต่ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป แม้แสงตะวันจะยังคงเจิดจ้า และสิงโตยังคงเยื้องย่างอยู่ในทุ่งราบ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มันเปลี่ยนไปเพราะคุณได้กลายเป็นความฝันงดงาม

โชคดีที่ความงดงามนั้นได้ถูกบันทึกไว้ให้โลกได้รับรู้ ฉากแห่งอาฟริกาอันทรงศักดิ์และไม่มีวันหวนคืนจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้คนไปตลอดกาล สายใยอันบรรเจิดระหว่างคุณกับโลกพื้นเมือง ได้กรองกลั่นเป็นมณีงามหนึ่งแห่งมนุษยชาติ. ทาเนีย, คุณเคยฉงนว่าอาฟริกาจะรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของคุณหรือไม่,

แต่บัดนี้, ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งหนใด, โปรดรับรู้ว่าโลกได้รับรู้ถึงการดำรงอยู่อันยิ่งใหญ่และงดงามแห่งอาฟริกาก็โดยคุณ.

ใช่, ไม่ว่าคุณจะไปอยู่แห่งหนใด, มืดเยี่ยงราตรีเวิ้งว้างที่พราวดารกา หรือสว่างอย่างวันที่ฟ้าครามตะวันสวย,
ไม่ว่าห่านป่าสีเทาจะโบยบินสู่สารทิศใด,
เหนือฟากฟ้าอาฟริกา, วิหคทรงศักดิ์ผู้เป็นภคินีแห่งดอกบัวจะลอยล่องคู่เมฆสนธยาอยู่ชั่วนิรันดร์.


คารวะแด่ความเจิดจรัส
สุริยฉัตร ชัยมงคล







"รักที่ริมขอบฟ้า" (Out of Africa)
เคยเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.1986 สร้างความประทับใจอย่างใหญ่หลวงแก่นักชมภาพยนตร์มาทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งเมืองไทย
ผู้หญิงหลายคนดูซ้ำถึง 12 รอบ !
ด้วยความงดงามดื่มด่ำและเข้มข้นของตัวละครเอกซึ่งเป็นชีวิตจริงของผู้เขียน...และด้วยความรักอันเป็นเสมือนตำนาน...
ของเธอกับ 'คนรัก' ที่มิใช้สามี...





(บางส่วนจากคำนำสำนักพิมพ์) :

"...แม้ว่าภาพยนตร์จะสร้างจากการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของเธอ แต่ภาพยนตร์ก็มีข้อจำกัดในตัวของมันเอง ไม่สามารถจะดิ่งลึกลงสู่ชีวิตจิตใจอันแท้จริงของเธอได้เท่ากับหนังสือที่เธอเขียน
ดังนั้นหนังสือของเธอทุกเล่มจึงสร้างปรากฏการณ์ขายดี...
และได้รับการยกย่องจากนักอ่านและนักวรรณคดีไว้อย่างสูงส่ง
กระทั่งเออร์เนสต์ เฮมิ่งเวย์ ก็ยกย่องเธอไว้อย่างสูงสุดเช่นเดียวกัน
ถึงกับกล่าวว่า เธอน่าจะได้รับรางวัลโนเบลมากกว่าตัวเขา
และยังยืนยันกับสามี(ตัวจริง)ของเธออีกด้วย..."



อีกหนึ่งเล่มจากผลงานแปลของสุริยฉัตร ชัยมงคลที่นำมาบอก กล่าว เล่า ขาน...ด้วยความประทับใจไม่รู้ลืมเลือนค่ะ












 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 13:14:12 น.
Counter : 3240 Pageviews.  

โอดิสซี ~ Odysse :วรรณกรรมคลาสสิค บรรพบุรุษแห่งวรรณกรรมตะวันตก





โอดิสซี ~ Odysse :วรรณกรรมคลาสสิค
บรรพบุรุษแห่งวรรณกรรมตะวันตก
โฮเมอร์ : รจนา
อี.วี. เรียว : พากย์อังกฤษ
สุริยฉัตร ชัยมงคล: พากย์ไทย
สำนักพิมพ์ศยาม บ.เคล็ดไทย : จัดพิมพ์ (กันยายน ๒๕๔๐)






หลังจากพิชิตศึกกรุงทรอย 'โอดิสซุส' ถูกเหล่าทวยเทพกลั่นแกล้งให้ต้องผจญวิบากภัยอยู่ท่ามกลางทะเลมรณะถึงสิบปี
จึงได้กลับคืนสุ๋มาตุภูมิ เพื่อที่จะต้องเผชิญกับเหล่าชายโฉดที่หมายปองภรรยาโฉมงามผู้มีนามว่า เพเนโลพี...

บางส่วนจากคำนำผู้พากย์ฉบับภาษาอังกฤษ :

... มหากาพย์อีเลียดและโอดิสซี ได้ร่วมกันสรรสร้างการแสดงออกซึ่งจิตใจแบบตะวันตกออกมาในรูปวรรณกรรมเป็นครั้งแรก...
จะเข้าใจง่ายกว่าถ้ากล่าวว่าอีเลียดคือโศกนาฏกรรม และโอดิสซีคือนวนิยาย...

โอดิสซีมีพล็อตเรื่องอันถักร้อยไว้อย่างประณีต มีจุดสนใจในแง่จิตวิทยา และความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องของตัวละคร ได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษของนวนิยายทั้งปวง ที่หลั่งไหลตามมาไม่ขาดสาย...

...ผมจะไม่ทำลายรสชาติของผู้อ่านโดยการวิเคราะห์พล็อตเรื่อง. โฮเมอร์เป็นนักเล่านิทานที่เก่งที่สุดในโลก ผมขอละให้เขาเป็นผู้สาธยายได้โดยวางใจ.






ส่วนตัวอ่านวรรณกรรมเล่มนี้หลายรอบหลายหนด้วยติดตรึงใจในถ้อยสำนวนที่งดงามราวภาพวาดที่เนรมิตขึ้นโดยเหล่าทวยเทพมากกว่าจะเป็นถ้อยคำจากการรังสรรค์โดยน้ำมือมนุษย์...คุณสุริยฉัตรเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแปลวรรณกรรมเรื่องนี้กับนิตยสาร WRITER ไว้ว่า :


WRITER: ผลงานแปลเรื่องนั้นยิ่งใหญ่มาก

สุริยฉัตร : ก็ไม่เชิงหรอก ก็ลองดู ก่อนแปลก็ลองไปอ่านสำนวนเก่า ๆ เยอะ อ่านหมด แล้วก็เลือกศัพท์ที่จะใช้กับตัวละครในเรื่อง สรรพนามสำคัญมาก ถ้าจะให้โอดิสซีบอกว่า "สวัสดีครับ ผมชื่อโอดิสซุส ผนเรือแตกมา" อะไรอย่างนี้คงไม่ได้เขาเรียกว่าอะไรนะ อลังการของภาษา ต้องใช้ "ข้าแต่พระบิดร พระมหาเทพ "อะไรอย่างนี้
หรืออย่างเราจะใช้ "ในหลวงของเทวดา" ถอดความจากภาษาอังกฤษตรง ๆ ได้อย่างไร มันก็ต้อง "ราชันแห่งปวงเทวะ" อะไรพวกนี้ คนที่ไม่ชอบอ่านสำนวนแบบนี้ก็ไม่ต้องอ่าน ไม่เป็นไร เท่านั้นเอง อยากอ่านง่าย ๆ ก็ต้องไปหาหนังสืออื่นมาอ่าน ไม่ได้บอกว่าจะแปลดีกว่าเขาหรืออะไร แต่มันเป็นความรู้สึกที่จะต้องแปลออกมาเช่นนั้น


WRITER: คุณมีวิธีสะสม "คลังคำ" อย่างไร ?

สุริยฉัตร : ก็อ่านให้มาก อย่างโอดิสซีนี่ใช้เวลาแปลสามเดือน ชอบ ก็เลยแปลได้เร็ว สามเดือนนี่ทั้งอ่านและแปลนะเริ่มจากอ่านบทแรก ก็ไปอ่านเรื่องเทวดาฝรั่ง ไปอ่านวรรณกรรมของแสงทอง อ่านศิวาราตรี สำนวนที่มีอลังการของภาษา ไปอ่านสามัคคีเภทคำฉันท์ แล้วก็เริ่มแปล

WRITER: สำนวนต่าง ๆ จากการอ่านดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการแปลมากไหม ?

สุริยฉัตร : มากสิ เพราะเราจะได้นำไปใช้ให้ถูกที่และเหมาะสมคุณธนิต (ธรรมสุคติ ) ยังสงสัยเลยตอนแปลโอดิสซ๊ บอกว่า เราไปเอาคำมาจากไหนกัน ก็ได้มาจากพวกนี้แหละ คือวรรณคดีเรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นเคยอ่านมาหมดแล้ว อ่านหลายเที่ยว ชอบ แต่ก็ต้องกลับไปอ่านอีก เดี๋ยวนี้มีเวลาก็ยังหยิบมาอ่านใหม่ได้เสมอ

WRITER: เป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะได้รับคำชมอย่างต่อเนื่อง จากปากต่อปาก แต่ไม่ค่อยเห็นมีนักวิจารณ์พูดถึงงานของสุริยฉัตรอย่างจริงจัง รวมถึงผลงานแปลอื่น ๆ

สุริยฉัตร : ไม่มี มีแต่รีวิว ไม่มีวิจารณ์ คนคงไม่ได้อ่านอย่างจริงจัง ต่อจากโอดิสซีก็แปลรุไบยาตในตอนนั้น ก็เหมือนกันคือชอบ ชอบแล้วก็จะอ่านซ้ำอ่านซาก สี่บรรทัดนี่บางทีอ่านตั้งสามสิบเที่ยว แล้วก็คิดแปลไปตอนโหนรถเมล์ไปทำงานในตอนนั้น ค่อย ๆ ทำไปที่ละบท ๆ ใช้เวลาไม่นานอีกเหมือนกันประมาณสองสามเดือนนี่แหละ ก็พอดีสี่เกลอเลิกกิจการ

............................

(บทสัมภาษณ์คัดจากนิตยสาร WRITER ฉบัที่ ๒๘ ประจำเดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๘)


หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นบรรพ มีทั้งหมด ๒๔ บรรพด้วยกัน...
บรรพต้น ๆ กล่าวถึงวิบากกรมของโอดิสซุสหลังเสร็จสิ้นสงครามกรุงทรอย ซึ่งในขณะที่ปวงนักรบคนอื่น ๆ ต่างก็คืนสู่เหย้า คงแต่โอดิสซุสผู้เดียวที่ถูกเหนี่ยวรั้งไว้จากการนิวัติเวียงวัง สู่ชายาผู้เป็นที่ละห้อยหา (เพเนโลพี) โดยนางอัปสรทะเลคาลิพโซผู้ขมังฤทธิ์และปรารถนาการวิวาห์จากวีรบุรุษผู้นี้. นางจึงกักตัวเขาไว้เสียในถ้ำสถิต.......

ทางฝ่ายราชสำนักอิธกะก็มีเหตุการณ์วุ่นวายอันเนื่องมาจากการหายตัวไปของเขา ด้วยมีเหล่าผู้ครองนครอันเป็นประเทศราชของอิธกะมาหลงใหลใฝ่ปองชายาผู้สัตย์ซื่อแห่งโอดิสซุศ - เพเนโลพี อีกทั้งยังทะเยอทะยานหมายครอบครองบัลลังก์อิธกะอีกด้วย...ความวิบัติของผู้รุกล้ำเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่แน่นอน และถึงกาลอวสานในบรรพที่ ๒๒






ขอยกตัวอย่างสำนวนภาษาที่เรียกได้ว่า...วิจิตรและอลังการมาก ๆ มาให้อ่านกันสักสองสามตอน...

ตอนต้นบรรพที่สอง กล่าวถึงเทเลมาคุส โอรสแห่งโอดิสซุส...

' ทันทีที่อุษาเทวีทาบหัตถ์อันเรืองเรื่อรัศมีกุหลาบลงแทบบูรพาทิศ โอรสแห่งโอดิสซุสก็สวมพัสตราภรณ์แล้วลุกขึ้นจากแท่นบรรทม ยุพราชหนุ่มสะพายดาบคมกล้าเป็นศาสตราวุธทรงศักดาไว้เหนือไหล่ สวมฉลองพระบาทคู่บึกบึน แล้วยุรยาตรออกจากห้องบรรทมลักษณาการประหนึ่งเทพเจ้า... '





หรือบทบรรยายถึงโอดิสซุส ขณะถูกจองจำไว้
ในถ้ำสถิตของนางอัปสรทะเลคาลิพโซ...

' ...นางพบโอดิสซุสนั่งเหม่ออยู่บนชายหาด นัยน์ตาของเขาเอ่อคลอด้วยชลนัยน์ดังที่มันเป็นอยู่เสมอ. ความเกษมสุขแห่งชีวิตหลั่งมลายไปกับหยาดน้ำตาอาดูรแห่งมาตุภูมิอันลาลับ เขาหาได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อนางอัปสรผู้โสภาไม่. เป็นความสัตย์ที่ว่ายามราตรี เอกบุรุษผู้นี้ต้องร่วมเขนยกับนาง ภายใต้เพดานตระหง่านแห่งคูหาวิจิตร ต้องเป็นคู่เสน่หาที่เย็นชาให้กับนางฟ้าผู้เร่าร้อนด้วยพิศวาสปรารถนา. แต่ทิวากาลจะพานพบเขาได้บนโขดศิลา หรือไม่ก็หาดทราย ผ่านวันวารไปด้วยความโทมนัส และหยาดอัสสุชลปิ่มว่าใจจะลาญสลาย นัยน์ตาที่พร่าพรางเหม่อออกสู่ห้วงชลธีที่ร้างไร้... '





อีกตอนหนึ่งที่ประทับใจนัก คือตอนที่นางพี่เลี้ยงของเพเนโลพีโลดแล่นไปแจ้งข่าวการกลับมาของโอดิสซุส...แต่เพเนโลพีไม่เชื่อในตอนแรก...

' พี่เลี้ยงของข้า...เทพเจ้าสาปให้ท่านเขลาเสียแล้ว. เป็นเรื่องง่ายที่ทวยเทพจะชักเอาสติปัญญาไปจากคนที่ฉลาดที่สุด พอ ๆ กับบันดาลปัญญาให้กับคนที่เขลาที่สุด บัดนี้ เทวะล้างสมองที่เคยปรีชาของท่านเสียแล้ว ท่านเห็นความทุกข์ระทมของข้าเป็นเครื่องล้อเล่นหรือไร จึงได้ปลุกข้าขึ้นมาจากนิททรารมณ์ เพียงเพื่อแจ้งเรื่องไร้สาระนี้ ... '





อ่านแล้วได้ทั้งความบันเทิงเริงใจกับเรื่องราวอันดาลใจยิ่งนัก
ยังได้รับรสอันรื่นรมย์ของภาษาอันอลังการอีกด้วย...


หนังสือเก่าอันทรงคุณค่าอีกเล่มที่อยากนำมาบอกต่อค่ะ















 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 5 มิถุนายน 2552 14:11:16 น.
Counter : 3257 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.