'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)

ใครกำลังท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ...เชิญทางนี้ค่ะ








เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รัก...
สาวสวยคนนี้เธอชื่อ Jessica Cox ค่ะ
อายุ ๒๕ ปี
เธอเกิดมาพร้อมกับการไร้แขนทั้งสองข้าง !
แต่เธอไม่เคยหยุดตนเองจากความคิดที่ว่า "เราเป็นคนที่ด้อยกว่าคนอื่น"
... แม้กระทั่งการสอบผ่านเพื่อรับใบอนุญาตการขับเครื่องบินเล็กได้สำเร็จ !





Jessica Cox of Tucson was born without arms, but that has only stopped her from doing one thing: using the word "can't."











Jessica Cox, 25, a girl born without arms, stands inside an aircraft.
The girl from Tucson, Arizona got the Sport Pilot certificate lately and became the first pilot licensed to fly using only her feet.





With one foot manning the controls and the other delicately guiding the steering column, Cox soared to achieve a Sport Pilot certificate.

Her certificate qualifies her to fly a light-sport aircraft to altitudes of 10,000 feet.

Her latest flight into the seemingly impossible is becoming the first pilot licensed to fly using only her feet.





"She's a good pilot. She's rock solid," said Parrish Traweek,
the flying instructor at San Manuel's Ray Blair Airport.

Parrish Traweek runs PC Aircraft Maintenance and Flight Services and has trained many pilots, some of whom didn't come close to Cox's abilities.

"When she came up here driving a car," Traweek recalled,
"I knew she'd have no problem flying a plane"






Doctors never learned why she was born without arms, but she figured out early on that she didn't want to use prosthetic devices.







Oxford and Cambridge have now decided to remove the words CAN'T and IMPOSSIBLE from their dictionary!!!



ได้รับฟอร์เวิดเมล์มาเมื่อวันก่อน...(ขอบคุณกัลยาณมิตรผู้ส่งให้ค่ะ...)
เห็นแล้วอึ้งและประทับใจ
ก็เลยนำมาโพสไว้ที่นี้ เผื่อใครกำลังท้อแท้สิ้นหวัง
หมดกำลังใจในการดำเนินชีวิตที่ทุกข์ทนนี้...

สู้ สู้ ค่ะ ...











 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 14:02:49 น.
Counter : 1178 Pageviews.  

ลาแล้วเวียงขวัญ







ลาแล้วเวียงขวัญ
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
คำร้อง "ธาตรี"

ลา ลาแล้วลาฟ้าเชียงใหม่ หวิวในอุรา
สุขเกินร่มฟ้าแดนใด
ทั้งแผ่นดินนี้เป็นที่ฝังใจ
ข้านี้จากไป...อยู่ไกลแค่ไหน ก็ไกลแต่กาย

ลา ลาแล้วลาแล้วอ่างแก้ว วับแววด้วยชล
ร่วมใจท่วมท้นไม่คลาย
สวนดอกแดนรักร่มสักสบาย
ที่พักผ่อนกาย...โอ้ใจข้าหายใจหายก่อนลา

ถึงกายร้างไกล ใจอยู่เคียงเวียงนี้นิรันดร์
ลาแล้วเวียงขวัญแค่ตา
เคยอาศัยขุดทองของปัญญา
เวียงสำคัญขวัญใจข้าที่เป็นฟ้าหทัย





ลาแล้วเวียงขวัญ

(ภาพและเพลงจาก Internet)







 

Create Date : 20 มกราคม 2552    
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 10:50:23 น.
Counter : 1249 Pageviews.  

ลาภูพิงค์






ลาภูพิงค์
ทำนอง เอื้อ สุนทรสนาน
คำร้อง "ธาตรี" - สมศักดิ์


โอ้เคยภิรมย์สุขสมจินต์ แผ่นฟ้าแผ่นดินเชียงใหม่
ขวัญข้าคือดอยสุเทพเด่นไกล
ภูพิงค์นั่นไง ชีวิตแห่งเรา

ไม่ลืมร้างราสามัคคี ที่สวนดอกนี้ไงเล่า
สายธารห้วยแก้วเย็นใสดังเงา
เหมือนใจพวกเราใสเย็นดั่งธาร

ทองกวาวเหมือนความฝัน
ร่วงพลัน เตือนถึงวันคืนผ่าน
อยู่กันมานาน ร่วมมิตรสราญ...
สราญสดใส

แต่วันนี้ไปไม่เหลือเลย ลาแล้วที่เคยเชยใกล้
ขอลา โอ้ลาที่รักแห่งใจ
ถึงกายห่างไป ฝังใจไม่เลือน




ลาภูพิงค์ -









 

Create Date : 19 มกราคม 2552    
Last Update : 4 กันยายน 2552 16:02:34 น.
Counter : 1597 Pageviews.  

เรื่องของตะขาบ...เรื่องของฉัน...เรื่องเดียวกัน ?





เรื่องของตะขาบ...



(ภาพเจ้าตะขาบหน้าตาน่าเกลียดนี้ได้มาจากคุณวิกิ -wikipedia ค่ะ)




เคยฟังนิทานเกี่ยวกับตะขาบเรื่องหนึ่ง ประมาณว่า...

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว สมัยที่สัตว์ยังพูดคุยทักทายกันเป็นอันดีนู่นแหละ
เจ้าตะขาบตัวหนึ่งกำลังเลื้อยปราด ๆ มาตามทางอย่างกระฉับกระเฉง ได้มาพบเจ้ากบตัวหนึ่งยืนดักหน้าอยู่ มันก็เอ่ยขอทางอย่างสุภาพ เจ้ากบจึงบอกว่า....
"เดี๋ยวก่อน ท่านตะขาบ อย่าเพิ่งไป ข้ามีปัญหาใคร่จะถามท่าน เพราะข้าคิดมาหลายวันแล้วคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก สับสนไปหมดแล้ว..."

เจ้าตะขาบจึงหยุดเดิน พูดว่า
"เจ้าจะถามอะไรรึ...ถามมาเถอะ ถ้าตอบได้ข้าจะตอบให้ "

เจ้ากบจึงถามว่า

"คืองี้...ข้าสงสัยจังว่าท่านมีขาตั้งมากมายก่ายกองอย่างนี้ เวลาเดินท่านเดินอย่างไรถึงได้พร้อมเพรียงกันไปหมด ท่านใช้ขาไหนเดินก่อนเดินหลังกันนะ ข้าดู ๆ แล้วทั้งงงทั้งแปลกใจ เป็นข้าคงสับสนตาย ขนาดข้ามีขาแค่สี่ขา ข้ายังใช้ขาเดินไม่ได้เลย ต้องอาศัยกระโดดเอา..."

เจ้าตะขาบนิ่งไปอึดใจ แล้วพูดขึ้นมาว่า..."ข้าก็เดินของข้าอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ไม่เห็นต้องคิดอะไรเลย...แต่เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าสงสัยก็ขอข้าคิดดูก่อนนะ แล้วจะให้คำตอบ"

ว่าแล้วเจ้าตะขาบก็นิ่งและเริ่มใช้ความคิด...มันพยายามคิดว่ามันขยับขาไหนก่อนขาไหนทีหลัง แล้วมันก้าวเดินยังไงไม่ให้ขาตั้งมากมายพันกัน...มันคิด คิด คิดแล้วก็คิด...แล้วมันก็พยายามขยับขาเพื่อจะดูว่ามันเดินได้ยังไงทีละหลาย ๆ ขา ปรากฏว่ามันเกิดอาการขลุกขลัก ๆ เดินเป๋ไปทีเดียว มันจึงหยุดเดินแล้วบอกกับเจ้ากบขี้สงสัยว่า...

"นี่แน่ะเจ้ากบเอ๋ย...ข้าขอร้องล่ะนะว่าอย่าได้ไปถามปัญหานี้กับตะขาบตัวไหนอีกเลย เพราะปกติข้าก็เดินของข้าอยู่ดี ๆ ไม่เคยต้องเดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้... ดูสิ เจ้าทำให้ข้าลำบากเสียแล้ว ข้าเดินไม่เป็นแล้ว ไม่รู้จะขยับขายังไง...แย่จริง ๆ ข้าจะทำยังไงดี ?"







เรื่องของฉัน...

ถ้าคิดตามพุทธพจน์ที่ว่า กัมมุนา วะตะตี โลโก - -สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม - -
ชาติที่แล้วฉันคงเคยเกิดเป็นตะขาบ และคงเป็นเจ้าตะขาบสับสนตัวข้างบนนั้นแหละ

ฉันคงเคยเดินเปะปะ ๆ แล้วเผลอเลื้อยขึ้นไปบนหลังเท้ามนุษย์คนหนึ่งเข้า แล้วใช้เขี้ยวที่มีพิษกัดงับเข้าให้...ตามสัญชาตญาณของเดรัจฉานตัวหนึ่ง

มนุษย์คนนั้นสลัดเท้าอย่างแรงจนฉันต้องถอนเขี้ยวออกและร่วงลงสู่พื้น
ณ ช่วงนาทีนั้น ฉันคงคลายความสับสนกับปัญหาของเจ้ากบตัวนั้นแล้ว จึงเลื้อยปราดหนีจากมนุษย์คนนั้นได้ในทันที
มนุษย์คนนั้นเขาคงเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสกับพิษที่ฉันฝังฝากไว้บนหลังเท้าของเขา...
เขาคงก่นด่าและแช่งชักหักกระดูกฉันเสียมากมาย ให้ฉันต้องรับกรรมที่ตัวเองได้ก่อไว้...

ชาตินี้ฉันถึงต้องมาเกิดเป็นคน และเป็นคนที่จำเพาะต้องมาโดนตะขาบกัดซ้ำ ๆ ซาก ๆ ...
หนนี้เป็นหนที่สามแล้วในชีวิต
ความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสสากรรจ์นั้นไม่ต้องพูดถึง... (เพราะถ้าจะให้พูดก็คงจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยทีเดียว...ใครเคยโดนตะขาบกัดคงซาบซึ้งดี)
แถมด้วยผลพวงที่ตามมาภายหลังอีกหลายวันหลายคืนนั้น...มันเหนือคำบรรยายจริง ๆ
ด้วยความที่ฉันดันเกิดมาเป็นคนขี้แพ้เสียด้วย...(แต่ไม่เคยชวนใครตีนะเออ...)
อย่าว่าแต่ตะขาบตัวยาวเป็นคืบนี่เลย กระทั่งยุงหรือแมลงตัวเล็ก ๆ ฉันก็แพ้มันราบคาบมาแล้ว
ไม่รู้ฉันไปก่อเวรสร้างกรรมอะไรกะพวกมันไว้นักหนาก็ไม่รู้สิ....เฮ้อ...

เอ๋...หรือชาติก่อนฉันจะเกิดเป็นกบ...เจ้ากบตัวที่ทะลึ่งไปถามคำถามกวนโอ๊ยเจ้าตะขาบตัวนั้นจนทำให้มันสับสนในชีวิต
มันเลยผูกใจเจ็บ แค้นเคืองมาจนถึงบัดนี้...

แหะ ๆ เพ้อเจ้อ ไร้สาระค่ะ โปรดเข้าใจว่า...แม่ไก่กำลังสับสนด้วยพิษตะขาบสามตัวที่เข้ามาพลุ่งพล่านอยู่ในสายเลือด...หุหุ

(โอ๊ะ...สามตัวที่ว่านี่มาแบบต่างกรรมต่างวาระนะคะ...โหย...ถ้ามาในวาระเดียวรับรองว่าป่านนี้อิฉันเหลือแต่ชื่อกับบล็อกนี่แล้วล่ะค่ะ...อิอิ)

จึงหายศีรษะ...หาย(ทั้ง)หน้า ไปจากบล็อกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียหลายวัน ต้องขออภัยเพื่อนพ้องน้องพี่ที่แวะเวียนมาแล้วเจ้าของบ้านไม่ได้อยู่ต้อนรับนะคะ
และไม่ได้โผล่หน้าไปทักทายใครเลย...เดี๋ยววันนี้จะเริ่มเดินสายล่ะค่ะ 55

ขอสูมาเต๊อะเจ้า...จาวเหนือเปิ้นว่าขออภัย...











 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 9:51:57 น.
Counter : 2866 Pageviews.  

ฝน ~ ฝันเดือนกันยา




ฝน-ฝันเดือนกันยา

" อกหัก ! "
ฉันสรุปอาการของตัวเองสั้น ๆ ง่าย ๆ ในที่สุด ...
แต่นึกถึงพิษสงของมันก็ออกจะตกใจ...นานเท่าไหร่แล้วนะ หนึ่ง สอง สาม ...เก้า...สิบ...
สิบวันเต็ม ๆ ที่ฉันนั่งจับเจ่า...จมจ่อมอยู่กับตัวเองอย่างนี้...
โดยพยายามเลี่ยงที่จะตอบคำถามของใครต่อใครที่ทักถามด้วยความห่วงใย...
แม้กระทั่งตัวเอง
ก็เพราะกลัวคำตอบจะเป็นดังคำสรุปข้างต้นนั่นไงล่ะ

ข้างนอกฝนตกพรมพรำ ละอองโปรยปรายปลิวมากระทบตัวฉันเป็นครั้งคราว จากระเบียงหลังห้องที่ฉันนั่งอยู่
ฝนตกเหมือนวันนั้นเลย...ไม่ใช่วันนั้นหรอก ต้องวันโน้น...วันนู้นมากกว่า เพราะมันนานมากแล้ว
นานจนฉันจำไม่ได้แล้วว่าวันไหน...
แจ่มชัดแต่ว่าฝนตกพรำ ๆ อย่างนี้แหละ และที่สำคัญที่สุด...มันเป็นวันที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับเธอ...
เธอคนที่ทำให้ฉันต้องมานั่งสรุปอาการของตัวเองว่า...อกหักอยู่นี่ไงล่ะ

เธอบอกว่าเธอชื่อรบ...แล้วก็ให้ฉันทายชื่อเต็ม ๆ ของเธอ...วันรบ...ไม่ใช่ พักรบ...ไมถูก...เธอหัวเราะแล้วก็บอกว่า...ชนะ...เธอชื่อ...รบชนะ

...................................

ฉันจำไม่ได้อีกเช่นกันว่าวันนั้นฉันจะรีบร้อนไปไหนนักหนาถึงได้เดินทะเล่อทะล่าไปชนเธอเข้า ...
น่าขำนะ เราพบกันเหมือนพระเอกนางเอกในนิยายเปี๊ยบเลย แต่ก็น่าเสียดายที่มันไม่ใช่นิยาย ฉันกับเธอจึงไม่ได้เป็นพระเอก - นางเอกที่บังเอิญเดินมาชนกัน สบตากัน รู้จกกัน แล้วก็รักกัน...
ตามแบบฉบับนิยายพาฝันทั้งหลายที่ควรจะเป็น

เธอคงเจ็บไม่น้อยที่ถูกฉันชนเข้าเต็มแรงจนเซไปกระแทกเข้ากับมุมเสาต้นเขื่อง ...
แต่เธอก็มิได้แสดงอาการใด ๆ ให้รู้เลย กลับขอโทษขอโพยฉันเสียอีก
พลางกุลีกุจอก้มลงเก็บสมุดหนังสือของฉันที่ตกเกลื่อนกลาด แถมด้วยรอยยิ้มนิด ๆ ขณะที่ส่งคืนให้ฉัน...รอยยิ้มที่แย้มอยู่ทั้งที่ปากและตาของเธอทำให้ฉันเขินจนไม่ได้กล่าวแม้คำขอโทษหรือขอบคุณเป็นการตอบแทน
กลับรับหนังสือมาใส่อ้อมแขนแล้ววิ่งหนีจากมาเสียดื้อ ๆ

แล้วฉันก็ต้องมานั่งตำหนิตัวเองอยู่ในใจเงียบ ๆ ...ในห้องเรียนวิชาถัดมา
แต่ดูเหมือนว่า จะมีอะไรบางอย่าง...(หลายคนอาจจะเรียกว่าเป็นพรหมลิขิต...หรือโชคชะตาก็สุดแท้แต่...)ที่ดลบันดาลให้ฉันได้มีโอกาสแก้ตัว...ในวันเดียวกันนั่นเอง...วันที่ฝนตกพรำ ๆ นั่นแหละ

ฉันเห็นเธอยืนกระสับกระส่าย มองนาฬิกาที่ข้อมือบ่อย ๆ พลางมองออกไปที่สายฝนที่ตกพรำอยู่ข้างนอกอย่างลังเล ฉันตัดสินใจก้าวออกจากร้านหนังสือแลัวเดินตรงไปหาเธอทันที...

"เรียนตึกไหนคะ ?" เธอหันมา แล้วยิ้มให้อย่างจำได้
"ตึกสังคมฮะ สัมมนา"
"ไปด้วยกันซีคะ ฉันมีร่ม" วูบหนึ่ง ฉันกลัวเธอจะปฏิเสธแทบแย่...ฉันคงเก้อน่าดู
แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ..."ขอบคุณฮะ"
ฉันกางร่ม และเธอก็เอื้อมมือมาดึงจากมือฉัน บอกสั้น ๆ ว่า "ให้ผมถือดีกว่าฮะ"

เราเดินเคียงกันไปเงียบ ๆ
ฉันยิ้มเขิน ๆ เมื่อหันไปมองและพบว่าเธอกำลังมองมาที่ฉันพอดี

"เอ่อ...เรียนอะไรฮะ" เธอถาม ฉันสั่นหัว
"ไม่มีเรียนค่ะ"
"อ้าว!" เธออุทานเสียงดัง "แล้วมาตึกนี้ทำไมล่ะฮะ"
"ก็มาส่งคุณไงคะ"
"อ้าว!" เธออุทานซ้ำอีก เงียบไปแป๊บหนึ่งแล้วจึงพูดขึ้น
"ขอบคุณฮะ ไม่น่าลำบาก..."
ฉันไม่ตอบ เพราะเราเดินมาถึงตึกเรียนของเธอพอดี...

"ฉัน..."
"อาจารย์ยังไม่มาเลย นั่งคุยกันก่อนไหมฮะ"
เรานั่งลงที่ม้าหินอ่อน ใกล้ ๆ ห้องเรียนของเธอนั่นเอง
"คือ...ฉันจะขอโทษคุณน่ะค่ะ ที่เมื่อเช้าซุ่มซ่ามเดินไปชนคุณเข้า..."
"อ๋อ...โธ่...ไม่เป็นไรฮะ..."
เธอยิ้ม...ฉันชอบเวลาเธอยิ้มจัง มันดูเปิดเผยและจริงใจ เหมือนรอยยิ้มของเด็ก ๆ

"ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย...ผมชื่อรบฮะ เรียนอีค่อนปีสาม"
"พิมค่ะ มนุษย์-ไทย ปีสามเหมือนกัน..."
"ชื่อพิมเฉย ๆ หรือฮะ...?"
"พิมลินค่ะ"
"ชื่อน่ารักจังฮะ อาจารย์ผมเดินมาโน่นแล้ว เดี๋ยวพิมมีเรียนต่อหรือเปล่าฮะ"
"ไม่มีแล้วค่ะ เดี๋ยวก็กลับหอเลย"
"พิมอยู่หอไหนฮะ...เผื่อวันหลังผมแวะไปคอลจะลงมาคุยด้วยไหมฮะเนี่ย..."
"หอสองค่ะ...อาจารย์คุณมาแล้วค่ะ" ฉันเลี่ยงไม่ตอบคำถามหลังเสียเฉย ๆ

"อาจารย์ยังไม่เข้าหรอกฮะ...พิมเรียกผมว่ารบซีฮะ ไม่ต้องเรียกคุณ...เดี๋ยวพิมก็ลืมชื่อผมพอดี"
ฉันหัวเราะ ...รู้สึกชอบเธอเอาเสียง่าย ๆ
"ชื่อรบเฉย ๆ หรือคะ?" ฉันถาม อย่างเจตนาจะล้อเลียน เธอหัวเราะบ้าง...
"ทายสิฮะ..."
ฉันเอ่ยไป 2-3 ชื่อ...ไม่ถูก...เมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องไป เธอจึงลุกขึ้นยืน พลางบอกด้วยเสียงหัวเราะ ๆ ว่า

"ชนะครับผม...ผมชื่อรบชนะฮะ...แล้วเจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณอีกครั้ง"
เธอโค้งให้ฉันอย่างล้อ ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว


.......................................


แล้วเราก็ได้พบกันอีกบ่อย ๆ หลังจากวันนั้น ตามตึกเรียนมั่ง ในแคนทีน ในห้องสมุด ...เราร่วมโต๊ะกันได้อย่างไม่ขัดเขิน เธอคุยสนุก และฉันก็ชอบฟัง บางวันเธอชวนฉันไปกินข้าวด้วย ฉันก็ไป บางครั้งก็มีเพื่อน ๆ ไปด้วย แต่หลายครั้งเราก็ไปกันตามลำพัง...เธอเดินไปส่งฉันที่หอบ่อย ๆ หลังห้องสมุดปิด จนเพื่อน ๆ เริ่มจับตามอง...

มันไม่ใช่ความผิดของใครหรอกนะ ทั้งเธอและฉัน...ถ้าจะโทษก็น่าจะโทษสภาพสังคมอันแสนจะคับแคบของที่ที่เราอยู่กันนี่เถอะ ...เพราะสังคมนี้จะไม่เปิดโอกาสให้ ผู้หญิงผู้ชายไปไหนมาไหนกันตามลำพังโดยไม่มีความสัมพันธ์อื่นนอกเหนือจากความเป็นเพื่อนธรรมดา ๆ ได้เลย...

เมื่อเพื่อน ๆ เริ่มแซว...ฉันก็เริ่มหวั่นไหว (ฉันเบื่อความอ่อนไหวในอารมณ์ของตัวเองเสียจริง! )ฉันเริ่มไถ่ถามเรื่องของเธอจากเพื่อนคนอื่น ๆ และพิถีพิถันกับตัวเองมากขึ้นเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอ
ฉันดีใจทุกครั้งที่ได้ยินเพื่อน ๆ กล่าวขวัญถึงเธอแต่ในแง่ดี

และฉันก็ยิ่งยินดีเป็นพิเศษที่ได้ยินว่า...ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่มีใคร

และนานวันเข้า เราก็พบกันถี่ขึ้น ทั้งโดยบังเอิญและตั้งใจ...เธอแวะมาหาฉันที่หอบ่อยครั้งเข้า...
ฉันก็แอบทึกทักเอาเองว่า...เธอชอบฉัน
เพื่อน ๆ หลายคนก็บอกอย่างนี้...ซึ่งยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับฉันมากขึ้น

น่าขำนะ...และฉันก็คงจะทึกทักไปเองและก็มั่นใจอยู่อย่างนี้ไปอีกนานทีเดียว...
ถ้าเพียงแต่...เธอผู้นั้นจะไม่ก้าวเข้ามาขัดเสียก่อน...

"อุ้มจ๊ะ...นี่ไงพิม เพื่อนรบ...พิมฮะ นี่อุ้มแฟนผมฮะ...อุ้มขึ้นมาเที่ยวสองสามวันฮะ"
ผู้หญิงหน้าหวาน ร่างเล็กบางตรงหน้าฉันแย้มเยื้อน
"อยากรู้จักมาตั้งนานแล้วค่ะ รบเขียนเล่าถึงพิมบ่อย ๆ บอกว่าพิมน่ารัก มาเห็นตัวจริงแล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ..."
น้ำเสียงใส ๆ นั้นแสนซื่อ
"ขอบคุณค่ะ..." ฉันรู้ตัวว่ายิ้มของตัวเองคงจะเจื่อน และแหยเป็นที่สุด
"พิมฮะ...ถ้าผมจะฝากอุ้มให้พักกับพิมซักสองสามวันจะเป็นไรไหมฮะ ผมไม่อยากให้อุ้มต้องไปพักที่โรงแรมข้างนอกคนเดียว"

เธอทอดสายตามองไปที่คนของเธออย่างรักใคร่ห่วงใย...
และแววตาที่เบือนมาสบตาฉันนั้นก็ไม่เคยแปรเปลี่ยน...
เคยยังไงก็ยังงั้น ฉันเสียอีกที่ต้องหลบสายตาเธอ...
เสไปมองกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่เธอถืออยู่ในมือ
"ได้ซี...มา...เดี๋ยวพิมเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บให้"


......................................


ฉันแทบไม่รู้ตัวว่าตัวเองผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร มันเหมือนกับความฝัน บางครั้งฉันก็ภาวนาให้มันเป็นความฝันไปจริง ๆ แต่มันก็ไม่อาจเป็นไปได้
ภาพของเธอกับผู้หญิงที่แสนจะน่ารักคนนั้นดูเหมือนจะคอยตอกย้ำความจริงให้ฉันเจ็บปวดยิ่งขึ้น...
ก่อนหน้านั้นต่างหากที่ฉันฝันไป...ฝันและหลงเพ้อ ตอนนี้คงถึงเวลาที่ฉันจะต้องตื่นขึ้นมาเสียที

อุ้ม...ผู้หญิงแสนหวานคนนั้นกลับไปแล้ว เธอคงแปลกใจเมื่อมาคอลฉันตามปกติแล้วฉันไม่เคยอยู่รอพบหน้า...
ฉันกลัวใจตัวเองน่ะรบ
ฉันคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งทีเดียว ในการปรับตัวปรับใจ รับสภาพที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่
เธอเป็นผู้ชายเธอคงไม่เข้าใจหรอก...
เธอไม่เคยเข้าใจฉัน เพื่อนที่เธอบอกว่า แสนดี
ใช่สิ...ฉันก็คงเป็นได้แค่เพื่อนที่แสนดีของเธอเท่านั้นแหละ

เอาเถอะรบ...ขอเวลาให้ฉันสักนิดแล้วฉันจะพยายาม
แม้มันจะยากเย็นเพียงไหนฉันก็จะพยายาม...
แต่ในวันที่สายฝนพรมพรำอยู่อย่างวันนี้...
ฉันคิดว่าฉันคงยังไม่พร้อมที่จะพบหน้าเธอเป็นแน่...

เผื่อว่า...เผื่อว่า เมื่อฝนหยุดตก...ฉันอาจจะมองเห็นอะไร ๆ ได้ชัดเจนขึ้น แล้วพบว่าที่ผ่านมานั้น...
ฉันแค่ฝันไป ...ฝันกลางฤดูฝนไงล่ะ













 

Create Date : 02 ตุลาคม 2551    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2551 15:07:58 น.
Counter : 1442 Pageviews.  

1  2  3  4  

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.