'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เรื่องของ"พ่อ" (๑๐)

ตอน...วีรกรรมทำเพื่อลูก(๒)

พ่อบอกพวกเราเสมอ ๆ ว่า...พ่อเป็นเด็กกำพร้า สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้โดยมีต้นทุนเป็นศูนย์ ดังนั้นพ่อจึงจะไม่มีมรดกพกห่ออะไรให้พวกเราหรอก มีอย่างเดียวที่พ่อคิดว่าจะเป็นมรดกล้ำค่าติดตัวพวกเราไปจนตายนั่นก็คือการศึกษา...พ่อจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาของพวกเรามาก...

พ่อเพียรบอกพวกเราว่าพ่อไม่คาดหวังว่าจะให้ลูกของพ่อต้องเป็นอะไร...อย่างที่ในสมัยนั้นเขามุ่งหวังที่จะเป็นกัน...ลูกของพ่อไม่จำเป็นต้องเป็น 'เจ้าคนนายคน' หรอก...แต่ลูกของพ่อจะต้องไม่ลำบากจนถึงขั้นต้องขอข้าวใครกิน...

พ่อเพียงแต่หวังว่าพวกเราจะเรียนเพื่อรู้... แล้วนำความรู้นั้นมาประกอบสัมมาชีพเลี้ยงตัวได้ โดยไม่เป็นภาระของผู้อื่น..ในความคาดหวังที่สำคัญที่สุดของพ่อก็คือ... ลูกของพ่อต้อง...อยู่เย็น เป็นสุข...และเมื่อตัวเอง 'อยู่เย็นเป็นสุข' และ 'พออยู่พอกิน' แล้วก็ขอให้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง...ซึ่งพ่อก็เชื่อมั่นว่าการศึกษาจะสามารถทำให้ลูก ๆ ของพ่อเป็นเช่นนั้นได้

พี่สาวคนโตของเราถือกำเนิดขึ้นมาหลังจากที่แม่แท้งลูกคนแรกไปหนึ่งปี...จากประสบการณ์การสูญเสียครั้งก่อนทำให้พ่อกับแม่เฝ้าทนุถนอมลูกคนนี้ดังแก้วตาดวงใจ

พ่อต้องทำงานหนักมากขึ้นเมื่อมีลูกคนแรกเกิดขึ้นมา...แม่เล่าว่า ตอนนั้นพ่อมีจักรยานไอ้แก่อยู่คันหนึ่ง ทุกเช้าพ่อจะถีบจักรยานคันนี้เลียบไปตามรางรถไฟไปจนถึงโรงงานน้ำตาล ระยะทางจากบ้านของเราไปถึงโรงงานนั้น ไกลถึง ๒๐ กิโลเมตรเศษ ๆ ...ซึ่งเมื่อก่อนพ่อต้องเดินทางไปเช่นนี้อยู่เป็นกิจวัตรอยู่แล้วเพื่อตรวจตราทางรถไฟ...

มีตลาดสดขนาดใหญ่มากอยู่หน้าโรงงาน...มีสินค้าแปลก ๆ ใหม่ ๆ ทั้งของกินของใช้มากมายในตลาดนั้น ทุกเย็น บรรดาญาติ ๆ และเพื่อนบ้านก็มักจะมาฝากพ่อซื้อของจากตลาดสดที่หน้าโรงงานนั้นอยู่เป็นประจำ...ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของกินของใช้กระจุกกระจิกเช่นเมี่ยง บุหรี่ น้ำตาลทรายเป็นต้น
ซึ่งพ่อก็รับฝากและซื้อของเหล่านั้นมาให้คนที่ฝากซื้ออย่างเต็มอกเต็มใจทุกครั้งไป บางวันบัญชีรับฝากของพ่อจะยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว

วันหนึ่งพ่อจึงเกิดความคิด... เพราะตอนนั้นแม่เริ่มตั้งท้องอ่อน ๆ ไม่สามารถลงไปทำสวนผักได้ตามปกติเหมือนที่เคยทำมา (แม่มีสวนผักอยู่ริมแม่น้ำ...ก็ที่บ้านเดิมของแม่นั่นแหละ...ปลูกผักแทบทุกชนิดอย่างผักกาด คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หัวหอม กระเทียม เป็นต้น)
แม่บ่นเบื่อที่ต้องนั่ง ๆ นอน ๆ เฉย ๆ ไม่มีอะไรทำ...พ่อจึงคิดหางานเบา ๆ ให้แม่ทำอยู่กับบ้าน...โดยขั้นต้น พ่อรับเอาสินค้าจำเป็นที่มักจะมีผู้ฝากพ่อซื้ออยู่เสมอ ๆ นั่นแหละ นำมาให้แม่วางขายที่หน้าบ้านเสียเลย
ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด ของที่พ่อรับมาขาย ขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่า ทั้ง ๆ ที่พ่อเพิ่มราคาขึ้นจากเดิมอีกนิดหน่อย พอเป็นค่าเหนื่อยและขอกำรี้กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ
หลายคนบอกว่าพ่อน่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว เพราะบางทีเขาอยากฝากซื้อเยอะ ๆ เขาก็เกรงใจ แต่พอพ่อรับมาขายแบบนี้เขาก็สามารถซื้อได้ตามใจ และสามารถสั่งได้ด้วยว่าต้องการอะไร ๆ บ้าง...
แม่จึงกลายเป็นแม่ค้าขายของตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

เพียงสองปีหลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง พ่อไปซื้อที่ใกล้ ๆ กับสถานีอ้อยอีกหนึ่งแปลงแล้วลงมือปลูกบ้านอีกหนึ่งหลัง เพราะพ่อคิดแล้วว่าที่นั่นทำเลการค้าขายจะดีกว่าที่บ้านเดิม...และพ่อก็ออกแบบบ้านหลังใหม่ให้มีสภาพเป็นร้านค้าเต็มที่ โดยสร้างเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างไว้ขายของ ชั้นบนใช้อยู่อาศัย...บ้านของเราจึงกลายเป็นร้านขายของชำร้านที่สองประจำหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ รองจากร้านของ 'อากงเทา' ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน

พี่ชายของเรา...ลูกคนที่สองของพ่อกับแม่เกิดที่บ้านหลังใหม่...พ่อตั้งชื่อร้านค้าของเราตามชื่อพี่ชาย

เมื่อพี่สาวคนโตมีอายุถึงเกณฑ์ต้องเข้าโรงเรียน พ่อก็พาไปเข้าโรงเรียนในหมู่บ้าน...โรงเรียนนี้มีชั้นเรียนถึงแค่ประถมสี่ ซึ่งก็เหมือนกับโรงเรียนเล็ก ๆ ทั่วไปในแต่ละหมู่บ้านละแวกนั้น
คุณครูใหญ่บอกว่า จบประถมสี่แล้วถ้าอยากจะเรียนต่อประถมห้าต้องไปต่อที่ในเมือง...จากบ้านเราเข้าสู่ตัวเมือง ระยะทางประมาณ ๓๐ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงเศษ ๆ (นั่งสองแถวหวานเย็น ซึ่งมีแค่วันละสองเที่ยวไป-กลับ)
ตอนนั้นพี่เพิ่งอายุสิบขวบเอง (เด็กผู้หญิงสิบขวบเมื่อ ๓๐ - ๔๐ ปีที่แล้วยังเด็กมาก ๆ ไม่ประสีประสาอะไรเลย) พ่อสงสารพี่ถ้าจะต้องให้เทียวไปโรงเรียนไกลขนาดนั้น...
หรืออย่างดีหน่อยก็ต้องไปเข้าโรงเรียนในตัวอำเภอ...ซึ่งก็ลำบากในการเดินทางเช่นเดียวกัน ถึงแม้จะใกล้เข้ามาหน่อย แต่ในสมัยนั้นยังไม่มีรถโดยสารเลย...

พ่อถามครูใหญ่ว่ามีวิธีไหนที่โรงเรียนจะเปิดสอนป.ห้าได้บ้าง ครูใหญ่ก็บอกว่า คงจะยาก เพราะที่บ้านเราไม่มีเด็กที่จะเรียนต่อมากพอ...แล้วครูใหญ่ก็โบ้ยให้พ่อไปปรึกษาท่านศึกษาธิการอำเภอเอาเองแล้วกัน
พ่อเลยเดินทางไปพบศึกษาธิการอำเภอ ถามท่านว่าต้องมีเด็กกี่คนถึงจะให้โรงเรียนเปิดสอนชั้นป.ห้าได้ ท่านศึกษาฯก็บอกว่าต้อง ๒๐ คนขึ้นไป...แต่ในชั้นเรียนของพี่ในตอนนั้นมีเด็กนักเรียนชั้นประถมสี่ทั้งชาย-หญิงรวมกันแค่๑๙ คน และที่มีความคิดจะเรียนต่อประถมห้ามีอยู่ ๘ คนรวมทั้งพี่...ในจำนวนนี้มีอยู่สองคนที่ฐานะดีหน่อยและมีญาติอยู่ในเมือง จึงไม่มีปัญหาในเรื่องหาที่เรียนต่อ...

ในสมัยนั้น ผู้ปกครองของเด็ก ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจในเรื่องของการศึกษาเท่าใดนัก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง ยิ่งเป็นลูกคนโตยิ่งแล้วใหญ่ ...หลายคนคิดว่าเรียนไปทำไมนักหนา เรียนจบป.สี่ก็อ่านออกเขียนได้แล้ว เดี๋ยวก็ต้องแต่งงานแต่งการออกเรือนไป...อีกอย่างคนที่เป็นพี่คนโตควรจะต้องมีหน้าที่ช่วยแม่เลี้ยงน้อง.

..แม้แต่แม่เองก็คิดเช่นนั้น...เพราะในตอนนั้นแม่ก็มีลูกเล็ก ๆ เพิ่มมาอีกสามคนแล้ว แม่อยากให้พี่ออกโรงเรียนมาช่วยแม่ขายของกับดูแลน้อง ๆ แม่บอกว่าพี่เป็นผู้หญิงไม่ต้องเรียนมากหรอก ให้พี่ผู้ชายเรียนไปเถอะ ..ป้า ๆ น้า ๆ หลายคนเห็นด้วยกับแม่
แต่ไม่ใช่พ่อของเรา...พ่อเสียดายพี่ เพราะพี่เราเรียนเก่งมาก ได้ที่หนึ่งตลอดสี่ปี สมัยนั้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ พี่ได้คะแนนไม่เคยต่ำกว่า ๙๕% แม้แต่เทอมเดียว...

พ่อเที่ยวตระเวนไปตามบ้านของเพื่อน ๆ ร่วมชั้นเรียนของพี่ พยายามพูดชักจูงให้ผู้ปกครองของเด็ก ๆ เหล่านั้นเห็นคุณค่าของการศึกษา...หลายคนเห็นคล้อยตาม แต่บอกว่าไม่ได้หรอกเขาไม่มีเงินบ้าง เด็ก ๆต้องช่วยพ่อแม่ทำนาบ้าง...อีกหลายคนหาว่าพ่อบ้า...

ไม่เพียงแค่คนในหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้นที่พ่อพยายามไปหาเพื่อชักชวนให้ส่งลูกเข้าเรียนต่อประถมห้า ...พ่อปั่นจักรยานไอ้แก่ของพ่อไปตามหมู่บ้านอื่น ๆ ใกล้เคียง พบปะใคร รู้จักหรือไม่รู้จักพ่อไม่สน...(แต่ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันแหละ) พ่อก็จะพูดแต่เรื่องนี้...
จนในที่สุด...ในช่วงระยะเวลา(โรงเรียนปิดเทอม)สองเดือนเศษ ๆ พ่อก็สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้ปกครองเด็ก ได้ถึง ๑๒ คน รวมกับพี่และเพื่อน ๆ อีก ๖ คน ทำให้มีเด็กทั้งหมด ๑๘ คน ซึ่งก็ยังไม่ครบจำนวนตามที่ศึกษาธิการท่านกำหนดไว้อยู่ดี...
แต่พ่อไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ พ่อเดินทางไปขอเข้าพบศึกษาธิการจังหวัดเลยทีเดียว แล้วบอกเล่าให้ท่านฟังถึงสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่พ่อได้ทำลงไป...
ท่านศึกษาฯจังหวัดรับฟังพ่ออย่างสนอกสนใจ เมื่อพ่อเล่าจบท่านก็บอกว่า...ดี ดี ดี...แล้วท่านก็บอกว่า ๑๘ คนก็สอนได้...ถ้ามีเด็ก ๆ ต้องการจะเรียนจริงจัง ๑๕ คนก็เอาแล้ว...
พ่อบอกว่าได้ยินอย่างนั้น หัวใจพ่อพองโตจนจะเหมือนกับจะล้นออกมานอกอก...
ท่านศึกษาฯจังหวัดสั่งการลงมายังศึกษาฯอำเภอ...ให้โรงเรียนเล็ก ๆ ของเราเปิดสอนชั้นประถมห้านับตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา...

นี่เป็นอีกหนึ่งวีรกรรมเล็ก ๆ ของพ่อของเรา...ที่ทำเพื่อลูกของพ่อ






ขอขอบคุณภาพประกอบจากเว็บโอลด์ดรีมซฺค่ะ







Create Date : 30 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 16 มกราคม 2551 12:29:03 น. 23 comments
Counter : 1631 Pageviews.

 
เป็นคุณพ่อที่สุดยอดมากๆเลยค่ะ
ต้องยกนิ้วให้ "คุณพ่อนักพัฒนา"
คนนี้และปรบมือให้ดังๆเลยค่ะ
สวัสดียามบ่ายนะคะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:25:27 น.  

 
โห ! น้า
หนูเคยถามเจนนะว่าถ้าไม่มีเงินกู้เราจะเรียนถึงชั้นอะไร
เจนตอบมาว่า "ถ้าไม่มีเงินกู้พ่อคงส่งเรียนแค่ปวส. แล้วไปทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนต่อ"
แต่ของหนูเป็นตายร้ายดียังไง พ่อแม่ต้องส่งจนจบปริญญาตรีแน่นอน

พ่อแม่สมัยน้าส่วนมากแค่ให้ลูกพอรู้หนังสือตามอัตภาพ ส่วนพ่อแม่สมัยหนู ลูกแค่ได้เรียนหนังสือตามที่รัฐบาลกำหนด คือแค่จบขั้นพื้นฐาน น้อยคนนักที่จะเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย

แต่พ่อแม่สมัยนี้ ลูกต้องได้เรียน และก็ต้องเรียนโรงเรียนดี ๆ ด้วย ช่างต่างกันเหลือเกิน


โดย: kuakul วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:29:37 น.  

 
อ้อ ! ลืมบอกไปว่า แม่หนูเหมือนพ่อน้าเลย ที่คิดว่าการให้การศึกษาแก่ลูกคือสมบัติที่ดีที่สุด

แม่บอกว่า "เผื่อวันหนึ่งเราตายไปแล้วเขาจะได้ดูแลตัวเองได้" (แอบฟังตอนแม่คุยกับน้า) นี่แสดงว่าแม่กะเลี้ยงหนูจนตาย !!!
ฮื่อ...


โดย: kuakul วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:32:59 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นค่ะ

วันนี้ลางานค่ะเพิ่งเข้ามาค่ะ

คิดถึงจึงมาหาค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:16:18 น.  

 
สวัสดีวันเสาร์ค่ะ แม่ไก่

อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ
เป็นคุณพ่อที่ประเสริฐมากนะคะ


โดย: ปลิวตามลม IP: 125.25.150.67 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:9:50:21 น.  

 
ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่มาอ่านค่ะ

ช่วงนี้อากาศเย็นมาก ๆ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:20:06:35 น.  

 
สวัสดี วันอาทิตย์ ตอนอากาศกำลังน่านอนค่ะแม่ไก่

ไม่รู้จะเขียนอะไรดี แค่อยากบอกว่า คิดถึง ค่ะ ..ยิ้ม..


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:8:45:12 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะแม่ไก่
สบายดีนะคะ มีความสุขในวันหยุดมากๆน้า
แล้วอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:10:55:23 น.  

 
พ่อเก่งจังค่ะ


โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 2 ธันวาคม 2550 เวลา:13:17:49 น.  

 
ได้รับข้อความที่ส่งให้แล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: kuakul วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:11:20:50 น.  

 
จริงๆแหละเนอะ
ถ้าตอนนั้นตาไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา เราก็คงมาเป็นเราไม่ได้อย่างทุกวันนี้จริงๆ


โดย: littleploy IP: 58.9.94.232 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:18:39:30 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งจังค่ะ


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:9:10:35 น.  

 
ขอบพระคุณเหลือเกินค่ะ
สำหรับบุญที่นำไปฝากน้องนุ่ง

คิดถึงที่สุด
ช่วงนี้โมกงานยุ่ง เนื่องจากอำเภอมีงานประจำปีค่ะ

ยุ่งยาว ว่างอีกที หลังวันที่ 12 ค่ะทุกอย่างคงลงตัว
หนาวมากมั้ยคะ อุณหภูมิกี่องศา
ดูแลสุขภาพนะคะ
ห่วงใยค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:9:37:19 น.  

 
^
^
ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจค่า...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:11:14:26 น.  

 
พรุ่งนี้วันพ่อแล้วน้า
ขอแอบอิงพิงพึ่งเขียนถึงพ่อด้วยคนนะคะ

จะอัพบล็อกก็กระไร ไม่ได้แต่ง
แต่จะให้เขียนเรื่องพ่อยาว ๆ อย่างน้าก็ทำไม้ได้

คิดถึงพ่อจังเลย....
วันนั้นคุยโทรศัพท์กัน
พ่อถามว่ษ "มีอะไร"
ตอบพ่อไปว่า "คิดถึง"

เป็นครั้งแรกเลยที่กล้าพูดอย่างนี้
และก็เป็นครั้งแรกด้วยที่ไม่รู้สึกเขิน
และวันหนึ่งวันใดหากมีโอกาส
จะพยายามบอกรักพ่อกับแม่ให้ได้เลย

มันคือความท้าทาย
เหมือนที่หนูชอบทำอะไรเสี่ยง ๆ

หลายวันก่อนยังร้องไห้อยูเมื่อฟังเพลงเกี่ยวกับบ้านเรา
แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว
คิดถึงบ้านนั้นยังคิดถึงอยู่ค่ะ
แต่ก็ไม่ร้องไห้แล้ว


โดย: หนูเกื้อ IP: 125.24.83.14 วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:17:49:14 น.  

 
สวัสดีตอนหัวค่ำจ้าแม่ไก่
วันนี้แวะมาบอกว่าอัพบล็อกแล้วค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 4 ธันวาคม 2550 เวลา:19:08:27 น.  

 
มาแจ้งข่าวค่ะ แวะไปรับแทก ทำดีเพื่อพ่อทีนะคะ
ขอบคุณค่ะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:0:36:54 น.  

 

แวะมาอ่านเรื่องราวดีๆ นี้อีกรอบนะครับ


โดย: ห่วงใย วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:2:38:06 น.  

 


สุขสันต์วันพ่อค่ะแม่ไก่


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:10:21:13 น.  

 
สุขสันต์วันพ่อทุก ๆ คนค่า...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:12:08:56 น.  

 
พ่อเราทำเพื่อเรามากมายเหลือเกินคิดถึงพ่อ มากมาย คิดถึงจริง ๆ
เมื่อคืนสวดมนต์ให้พ่อ อยากเกิดมาเป็นลูกของพ่อทุกชาติไป


โดย: dalanda วันที่: 6 ธันวาคม 2550 เวลา:18:34:10 น.  

 
^
^
คิดถึงพ่อก็ต้องทำตามคำสอนพ่อนะจ๊ะหนูดา...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 11 ธันวาคม 2550 เวลา:20:41:50 น.  

 
มาเจิมไว้ค่ะ ว่าอ่านถึงตอนนี้...

คุณแม่ไก่เขียนดีมากกกกกกก คำสลวยไพเราะ ต้องเป็นคนใจเย็นมากแน่ๆเลย...

โอยย ชอบจังเลยค่ะ

สิ่งที่พ่อคุณพูดเหมือนพ่อเราเลย เรื่องการศึกษา ท่านบอกเสมอว่า พ่อไม่มีเงินทองมากองให้ แต่พ่อให้ได้แค่การศึกษาค่ะ

ยิ่งอ่านตอนนี้แล้วยิ่งรักคุณพ่อมากเลย


โดย: วนานันทน์ (eat pray love ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2555 เวลา:17:11:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.