|
'พ่ายจ๊างหื้อเข้าหว่างงา'
คำแปล :หากจำต้องวิ่งหนีช้าง ให้เข้าอยู่ระหว่างงาทั้งคู่ของมัน
ขยายความ : ในโลกของปุถุชน เราต่างต้องดิ้นรนสู้กับโลก และต่างก็ถูกความทุกข์รุกไล่ เสียดแทงประดุจงาช้างสารที่กำลังพยศ โบราณท่านบอกวิธีเอาชนะช้างไว้ว่า หากต้องสู้กับช้าง อย่าวิ่งหนี ด้วยยิ่งหนีก็จะยิ่งโดนไล่แทง แม้จะปีนขึ้นต้นไม้ช้างก็คงเขย่าต้นให้เราตกลงมาแล้วใช้งาแทงเราจนถึงบาดเจ็บเป็นแผลเหวะหวะ หรือกระทั่งล้มตายได้...
แต่ท่านให้เราหันเข้าเผชิญหน้ากับช้าง แล้วหาทางเข้าไปอยู่ในระหว่างกลางของงาทั้งสองของมัน...
งาทั้งคู่ของช้างคืออุปมาแห่งอาวุธของความทุกข์ที่เริ่มต้นด้วย 'ความเป็นของคู่ - Duality ' ดังปรากฏในตำนานเรื่องของอาดัมกับอีวา... อาดัมและอีวาถูกพระเจ้าสั่งห้ามกินผลไม้แห่งความดีและความชั่ว... อันเป็นต้นตระกูลของความเป็นของคู่... คือดี คู่กับชั่ว
ช้างในที่นี้หมายถึงโลก งาทั้งคู่หมายถึงโลกธรรมแปด...สี่คู่... คือคู่แห่งความมีและความเสื่อมนั่นเอง...
มีลาภคู่กับเสื่อมลาภ มียศคู่กับเสื่อมยศ มีสรรเสริญคู่กับนินทา มีสุขคู่กับทุกข์
การเข้าไปอยู่ระหว่างงาก็หมายถึงการเข้าไปอยู่ทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทา ไม่หลงยึดทางใดทางหนึ่งจนเกินไป ไม่ว่าทางด้านดีหรือชั่ว ได้หรือเสีย เพราะไม่ติดสมมติว่า ดีหรือชั่ว ได้หรือเสีย
แต่ถือแลเห็นว่าเป็นธรรมดาโลก ไม่เศร้าโศกหรือลิงโลด... นั่นคือชัยชนะ ด้วยหากไม่ยึดชั่วไม่ถือดี จิตอยู่เหนือกรรม งาทั้งคู่จึงทู่ทื่อสิ้นคม
ในชีวิตคนเรา ย่อมมิอาจปลีกตัวให้พ้นไปจากการถูกต้องสัมผัสด้วยโลกธรรมทั้งสี่คู่ดังกล่าว แม้กระทั่งพระบรมศาสดา
แต่พระองค์ทรงชี้แนะให้เรา "ไม่ติดไม่ยึด" ในโลกธรรมนั้น ๆ ประดุจใบบัวที่รับน้ำค้าง แต่ไม่เปียกด้วยน้ำค้างฉันใด
*เรียบเรียงจาก "ภูมิปัญญาล้านนาชน" อ.มานิต สุทธจิตต์ ม.สถาบันราชภัฎลำปาง
*ขอบคุณภาพประกอบจากฟอร์เวิดเมล์ เป็นภาพชุดศิลปะไทย โดย อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
|