'นัด' ลูกสาวคนรองสุดท้องของพ่อกับแม่เกิดมาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ทั้งในครอบครัวของเราเองและในชุมชนเล็ก ๆ หมู่บ้านหลังดอยของเรานี้...เบื้องแรกสุด...กิจการการค้าขายของแม่เจริญรุดหน้าขึ้นถึงขีดที่อาจเรียกได้ว่าสูงสุดในช่วงนั้น...จนพ่อกับแม่สามารถรวบรวมเงินก้อนใหญ่พอสมควร ซื้อที่ดินที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน อันเป็นย่านชุมชนได้แปลงหนึ่ง และพ่อก็สร้างบ้านหลังใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมขึ้นบนที่ดินผืนนั้น...บ้านหลังใหม่ของเราสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น จากหกเป็นเจ็ด...และอาจจะเป็นแปดเป็นเก้าในเวลาต่อมา...พวกเราย้ายบ้านมาอยู่บ้านใหม่เมื่อนัดอายุได้สองขวบความเปลี่ยนแปลงอย่างที่สองก็คือ...ในปีที่นัดเกิด พ่อได้ลาออกจากการเป็นนายสถานีรถไฟลำเลียงอ้อย เพื่อมาช่วยแม่ค้าขาย และทุ่มเวลาให้กับการทำงานเพื่อชุมชน พ่อได้รับเลือกให้เป็นกรรมการสุขาภิบาลของอำเภอในยุคแรก ๆ ที่เขามีการจัดตั้งเป็นเขตสุขาภิบาลขึ้นมา...ในยุคนั้นเป็นยุคของการ เร่งรัดพัฒนาชนบท ความเจริญทางวัตถุหลายหลากประเภทหลั่งไหลเข้าสู่หมู่บ้านหลังดอยของเราในช่วงนี้นี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นถนนราดยางมะตอยอย่างดี ไฟฟ้า ประปา และสาธารณูปโภคอื่น ๆ ...โดยแทบจะทุกอย่างประทับตรา "ร.พ.ช.(เร่งรัดพัฒนาชนบท)"และคงจะเป็นด้วยเหตุอันเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงนี้เอง ที่ส่งผลให้เด็กหญิงที่ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกันนี้กลายเป็นเด็กที่ต้อง "เร่งรัดพัฒนา" ตัวเอง เพื่อให้เข้ากันได้กับยุคสมัยในวัยนอนเปล แม่บอกว่า...นัดเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายกว่าใครเพื่อน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อต้องไปดูแลควบคุมการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ และแม่ก็วุ่นวายอยู่กับการขายของ...แม่บอกว่า...บางครั้ง...หลายครั้งเลยล่ะ ที่แม่ทิ้งให้นัดนอนอยู่ในเปลตามลำพัง และแม่ก็ลืมให้นมนัดจนเลยเวลาไปเป็นชั่วโมงสองชั่วโมง โดยที่นัดมิได้ร้องอุทธรณ์ใด ๆ...นับว่านัดนั้นอึดตั้งแต่เป็นทารกเลยทีเดียวนัดมีปานแดงดวงหนึ่งอยู่กลางหลัง พวกเราจึงพากันเรียกนัดว่า "คุณหนู"โดยคุยกันล้อ ๆ ว่า...สักวันหนึ่งคุณหญิงแม่ของนัดจะมาตามหานัด และเมื่อนัดโชว์ปานแดงที่กลางหลังให้เขาดู เขาก็จะรับเจ้าหล่อนเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยกัน...แล้วพวกเราที่เลี้ยงนัดมาก็จะได้อาศัยใบบุญนัดด้วย...บอกแล้วว่าที่บ้านเราบ้านิยายกันทุกคนนัดเป็นเด็กที่แจ่มใสร่าเริง เปิดเผย อยากรู้อยากเห็น และกระตือรือร้นกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...นัดเป็นลูกที่มีหน้าตาประพิมพ์ประพายคล้ายแม่มากที่สุด ซึ่งนั่นก็หมายความว่านัดเป็นเด็กหน้าตาดี เพราะแม่ของเราเป็นคนสวยและเมื่อบวกเข้ากับอุปนิสัยที่ขี้อ้อนนิด ๆ และช่างประจบประแจงหน่อย ๆ ทำให้พวกเรา (แอบ) รู้สึกกันว่า นัดเป็น 'ลูกรัก' ของพ่อกับแม่อีกคนหนึ่ง...นอกเหนือไปจากอ้าย ในวัฒนธรรมของบ้านเราไม่ค่อยคุ้นชินกับการเคล้าเคลียใกล้ชิดกับพ่อ แม่มากนัก เมื่อพ้นวัยเด็กเล็กมาแล้วพวกเรามักจะรู้สึกขัดเขินที่จะแสดงออกถึงความรักพ่อกับแม่ด้วยการกอดรัดเคล้าคลอ...แต่สำหรับนัด...นัดสามารถทำเช่นนั้นได้โดยไม่ขัดเขินและเป็นธรรมชาติมาก...จึงไม่แปลกถ้าพ่อกับแม่จะมีความรู้สึก 'เอื้อเอ็นดู' ลูกสาวคนนี้เป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆจะว่าไปแล้ว นัดน่าจะเป็นส่วนผสมผสานที่ลงตัวที่สุดของพ่อกับแม่ก็เป็นได้...นัดหน้าตาดี เป็นเด็กรักสวยรักงามมาตั้งแต่เล็ก ๆ เหมือนพี่คนโตของเรา...แต่นัดไม่ออกแนวแม่บ้านการเรือนเหมือนพี่เท่าไหร่นัดเปรี้ยวและเปรียว คล้าย ๆ น่อย แต่นัดก็ไม่ซนไม่แก่นทโมนเท่าน่อยนัดอ่อนไหวเหมือนกัน แต่นัดเขาอ่อนไหวอย่างเปิดเผย ไม่ช่างเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกอย่างนิด... (บางครั้งนัดเขาจะร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวรด้วยความสงสารพระเอกนางเอกในนิยายที่เขาอ่าน...หรือจากหนัง ละครที่ดู...หรือถ้าเขาโกรธหรือน้อยใจใครเขาก็จะโพล่ง ๆ ออกมาตรง ๆ ) ในวัยเด็กนัดไม่ได้มีวีรกรรมอะไรโลดโผนให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วงนัก...เพราะนัดก็มักจะเที่ยวเล่นอยู่ในกลุ่มเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่โตไล่ ๆ กันมา จะอย่างไรก็มีพี่ ๆ คอยดูแลอยู่ด้วยต่อเมื่อนัดโตขึ้นสู่รุ่นสาวน้อย ๆ นั่นแหละ...ความ 'ล้ำหน้า' ของนัดจึงเริ่มปรากฏ...และกลายเป็นข้อที่พ่อกับแม่ต้องติดตามเฝ้าระวัง... อย่างที่บอก...นัดเกิดมาในยุคของการเร่งรัดพัฒนา...เมื่อเติบโตขึ้นมานัดก็ได้เร่งรัดพัฒนาตัวเองจนเป็นสาวได้เร็วกว่าพี่ ๆ ...ในวัยรุ่น นัดก็เป็นเด็กวัยรุ่นที่ล้ำสมัยและเปิ๊สสะก๊าดที่สุดในบรรดาพวกเราพี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกิริยามารยาท การแต่งเนื้อแต่งตัวตลอดจนการคบค้าสมาคมกับเพื่อนฝูงทั้งเพื่อนหญิงเพื่อนชาย...ด้วยความที่เป็นคนคล่องแคล่ว ปราดเปรียว บวกกับบุคคลิกที่ร่าเริง เปิดเผย ไม่ถือเนื้อถือตัว ทำให้นัดกลายเป็นผู้นำของกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้านของเราได้โดยง่าย...ไม่ว่าจะมีงานหรือกิจกรรมใด ๆ ที่ทางชุมชนจัดขึ้น นัดจะต้องเป็นตัวแทนกลุ่มหนุ่ม - สาวของหมู่บ้านเรา พาเพื่อน ๆ ไปร่วมงานทุกครั้ง ไปแสดงการฟ้อนเล็บบ้าง รำวงมาตรฐานบ้าง กระทั่งรำวงประยุกต์นัดเขาก็ถนัดนักเชียว...ถ้าเป็นงานกลางวันก็ไม่กระไรนัก แต่ถ้าเป็นงานกลางคืน ส่วนใหญ่ก็จะเล่นและเลิกกันดึกดื่นเที่ยงคืน ถึงนัดจะมีเพื่อนไปด้วยกันหลายคนแต่สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมไม่วางใจอยู่ดี...ดังนั้น ทุกครั้งที่นัดต้องไปร่วมงานต่าง ๆ ไม่ว่าใกล้ ไกล ค่ำมืดดึกดื่นแค่ไหน พ่อจะต้องตามติดไปส่ง ไปรับ ไปร่วมในงานด้วยทุกที่...หลายครั้งพ่อจะมีเพื่อนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนนั้น ๆ มานั่งเป็นเพื่อน...เล่นหมากรุกบ้าง หมากฮอสบ้าง บางทีก็นั่งถกปัญหาสถานการณ์การบ้านการเมืองกันเป็นที่คึกคักครึกครื้นแต่บางครั้ง บางที่ที่ไปพ่อก็ไม่มีเพื่อนมานั่งคุยด้วย...หรือไม่พ่อก็เหนื่อยจากงานที่ทำในตอนกลางวันเต็มทีแล้ว...ในสภาพเช่นนี้ ภาพที่คุ้นตาของบรรดานักเที่ยวทั้งหลายจึงเป็นภาพชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งสัปหงกอยู่มุมใดมุมหนึ่งด้านล่างของเวทีแสดง...รอคอยลูกสาวที่อาจจะกำลังฟ้อนเนิบเนือย... หรือไม่ก็กำลังเต้นเย้ว ๆ อยู่บนเวที...พ่อไม่ใช่พ่อที่หวงลูกสาวเสียนี่กระไรหรอก แต่พ่อของเราจะเป็นพ่อที่ห่วงและเห่อลูก ๆ มากกว่า...พ่อรู้สึกภาคภูมิใจนักหนาที่จะบอกกับใคร ๆ ว่า...สาวน้อยคนที่กำลังฟ้อนนำขบวนอยู่นั้น หรือเจ้าเด็กแก้มป่อง หน้าใสที่กำลังเต้นโย่ว ๆ อยู่นั้นคือลูกสาวของพ่อ...แล้วพ่อก็จะยิ้มหน้าบานถ้าใคร ๆ ชมให้พ่อได้ยินว่าลูกสาวของพ่อฟ้อนได้งามนัก...ก็นัดเขาป๊อปปิวล่าร์ขนาดนี้จึงไม่แปลกที่นัดมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งหญิงทั้งชาย และนัดก็คบสนิทกับทุก ๆ คนเท่าเทียมกัน...แม้จะมีหลายคนในกลุ่มนั้นต้องการที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน นัดก็ไม่ได้มีท่าทีให้ใครเป็นพิเศษ...หลายครั้งที่เกิดกรณี "รถไฟชนกัน" ขึ้นที่บ้านของเราร้อนถึงพ่อ...ซึ่งเป็นนายสถานีรถไฟเก่า...ถึงแม้จะเป็นเพียงรถไฟขนอ้อยก็ตามทีเถอะ...ต้องลงมาทำหน้าที่สับราง...หลายครั้งที่พ่อจะต้องเอามอเตอร์ไซค์ออกแล้วขับขี่ไปส่งเด็กหนุ่ม ๆ บางคนที่ริจะจีบสาวแต่ไม่มีรถ...โดยระหว่างทางพ่อก็จะค่อย ๆ เตือนบ้าง สอนบ้าง เด็ก ๆ เหล่านั้นให้คิดถึงการเรียนมากกว่าที่จะริรักในวัยเช่นนี้...หลายคนห่างหายไป แล้วก็มีคนใหม่ ๆ แวะเวียนมา...เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ๆ ตลอดช่วงที่นัดเรียนหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดของเรานัดเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ที่เลือกเรียนสายธุรกิจ...แล้วก็ก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจเต็มตัวในวัยทำงานนัดเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว...บางเรื่องมันก็ให้ผลดี แต่บางเรื่องมันก็อาจจะนำมาซึ่งความผิดพลาดและเสียหาย...และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่พ่อเป็นห่วงนัด เพราะพ่อรู้ดีว่า การจะอยู่ในแวดวงธุรกิจอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่องและมีคุณธรรมพร้อมนั้นเป็นไปได้ยากนัก...พ่อจะพยายามชี้แนะแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมให้กับนัดอยู่เสมอ ๆ และช่วยประคับประคอง ให้กำลังใจยามที่นัดทำท่าว่าจะสะดุดหรือซวดเซ...นัดใช้เวลาเกือบ ๆ ๒๐ ปี ในที่สุด...นัดก็สามารถทำให้พ่อคลายกังวลในข้อนั้นได้ในเวลาต่อมา...และถึงขั้นภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อในบั้นปลายชีวิตของพ่อ พ่อได้เห็นว่านัดสามารถเดินไปบนถนนสายธุรกิจได้อย่างเจริญก้าวหน้า และสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น มีฐานะที่มั่นคงกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน...ยังจะมีสิ่งใดอื่นอีกเล่าที่จะเป็นยอดปรารถนาของคนเป็นพ่อเป็นแม่ได้มากไปกว่านี้...(แล้วพวกเราก็เปลี่ยนคำเรียกนัดจาก "คุณหนู" มาเป็น "คุณนาย" ได้อย่างสมภาคภูมิ ด้วยประการฉะนี้...)