'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เรื่องของ"พ่อ" (๒)



วัยประถม

ฉันเคยถามพ่อว่าพ่อโกรธปู่หรือเปล่า...ที่ปู่ไม่กลับมาอยู่กับย่ากับพ่อ...
พ่อบอกว่าตอนเด็ก ๆ น่ะ...ก็มีบ้างที่รู้สึกคับแค้นใจ น้อยใจ...
แต่เมื่อวันเวลาล่วงเลยมา พ่อก็เพลิดเพลินกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
จนสามารถลืมเลือนไปได้บ้าง...
และเมื่อโตขึ้น...พ่อก็คิดว่าพ่อเข้าใจปู่...
คิดว่า...ผู้ใหญ่เขาคงมีเหตุผลของเขา...

ตากับยายรับพ่อเป็นบุตรบุญธรรม ให้พ่อใช้นามสกุลตา
พ่อจึงกลายเป็นน้องชายคนเล็กของบรรดาลุง-ป้าและน้า ๆ*
ที่อายุห่างกันไม่มากนัก..
(.น้าชายคนเล็กของพ่ออายุมากกว่าพ่อเพียงสามปี )

ตา...หรือที่พวกเราเรียกกันว่า...”พ่ออุ๊ย” จะรักพ่อมากเป็นพิเศษ...
อาจจะด้วยความสงสารหลานกำพร้าประการหนึ่ง
อีกประการหนึ่งก็คือ พ่อเป็นเด็กหัวอ่อน...ว่านอนสอนง่าย...
พ่อซนบ้างตามธรรมชาติของเด็ก แต่พ่อไม่เคยดื้อ ไม่เคยเกเรระรานใคร
เวลาพ่ออุ๊ยไปไหน ๆ ก็มักจะชวนพ่อไปด้วย...
พ่อก็จะวิ่งติดหน้าตามหลังพ่ออุ๊ยอยู่เสมอ ๆ

พ่ออุ๊ยชอบไปวัด...และพ่ออุ๊ยก็พาพ่อไปวัดด้วยทุกครั้ง
พ่ออุ๊ยจะไปนั่งคุยกับตุ๊เจ้า...ส่วนพ่อก็ไปวิ่งเล่นอยู่กับเด็ก ๆ วัยเดียวกัน

พ่อเล่าว่า...ในช่วงนั้นที่วัดมีงานก่อสร้างเยอะแยะไปหมด...
เพราะเป็นช่วงเริ่มก่อตั้งวัดใหม่
เดี๋ยวสร้างวิหาร เดี๋ยวสร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างกุฏิ ฯลฯ
ในการก่อสร้างศาสนสถานในสมัยนั้นไม่มีการจ้างการออนกันหรอก
เมื่อจะก่อสร้างอะไรสักอย่าง ก็อาศัยทั้งพระ-เณรที่อยู่ในวัด
กับชาวบ้านในหมู่บ้านนั่นแหละ ต้องร่วมมือร่วมใจกัน
ใครถนัดงานไม้ก็ทำไม้ ใครถนัดงานปูนก็ถือปูน
ใครถนัดงานแบกหามก็ไปช่วยกันแบกกันหาม
พวกผู้หญิงก็ไปช่วยกันทำอาหารเลี้ยงบรรดานายช่างจำเป็นเหล่านั้น

พ่ออุ๊ยก็มักจะพาพ่อกับหลาน ๆ ผู้ชายคนอื่น ๆ ไปช่วยกันขนหินบ้าง ทรายบ้าง เข้าวัดเป็นประจำ...
พ่อบอกว่า...นั่นกระมังคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พ่อผูกพันกับ”วัด”

พ่อวิ่งเล่นไปมาระหว่างบ้านกับวัด จนอายุได้ ๘ ขวบกว่า...
พี่เณรรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นญาติๆ กัน อายุมากกว่าพ่อถึง ๙ ปี ก็ชวนพ่อให้อยู่ที่วัดเลย...
พ่อชอบพี่เณรรูปนี้มาก เพราะพี่เณรมักจะมีเรื่องราวแปลก ๆ ใหม่ ๆ
รวมทั้งนิทานปรัมปราและตำนานต่าง ๆ มาเล่าให้เด็ก ๆ ฟังอยู่เสมอ ไม่เคยซ้ำเลย..
เรื่องที่พ่อโปรดปรานและรบเร้าให้พี่เณรเล่าให้ฟังอยู่เป็นประจำ
ก็คือเรื่องของเซี่ยงเมี่ยงค่ำพระยา กต๋าป๋าค่ำตุ๊**
กับนิทานธรรมชุดนันทปังกร***
พ่อตอบตกลง...พ่อจึงกลายเป็นขโยมวัด (เด็กวัด) ตั้งแต่นั้นมา...

ในช่วงนั้นเอง ย่าก็มีสามีใหม่ และย้ายออกไปอยู่กับเขาที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านเดียวกันนั่นแหละ...มีน้องชายให้พ่ออีกสองคน...

พี่เณรสอนพ่อให้ท่องบทสวดมนต์ ทำวัตรเช้า-เย็น
และยังสอนอ่าน – เขียน อักขระพื้นเมือง(ตัวเมือง)อีกด้วย

พอพ่ออายุได้ ๙ ขวบ พ่ออุ๊ยก็พาพ่อไปเข้าโรงเรียนประชาบาลเปิดใหม่ในอีกหมู่บ้านหนึ่ง...ไม่ใกล้ไม่ไกลหมู่บ้านของพ่อนัก
พ่อบอกว่า...พ่อจำได้ไม่เคยลืม ถึงความรู้สึกทั้งปีติ ทั้งตื่นเต้นที่จะได้เข้าโรงเรียน...
ย่ากับปู่คนใหม่(พ่อเลี้ยงของพ่อ)รับหน้าที่จัดหาชุดนักเรียน
รวมถึงอุปกรณ์การเรียนอันได้แก่โต๊ะ เก้าอี้ (นักเรียนต้องเอาไปเองจากบ้าน...)
กระดานชนวน และช็อล์คสำหรับเขียนกระดานชนวนทำจากดินสอพองซึ่งหาได้ไม่ยากตามริมแม่น้ำ
บางครั้งพ่ออุ๊ยก็จะเก็บมาเหลาไว้ให้พ่อทีละหลาย ๆ อัน...

พ่อกับเพื่อน ๆ ในวัยใกล้เคียงกันหลายคนต้องเดินตัดทุ่งนาไปเป็นระยะทางประมาณสองกิโลเมตรเศษ ๆ ทุกวันไป – กลับวันละสองเที่ยว เพราะตอนกลางวันก็ต้องกลับมากินข้าวกับพ่ออุ๊ย กับพี่เณรที่วัด...
พ่อบอกว่า...ถ้าไม่ใช่ฤดูทำนาก็ไม่ลำบากอะไร เดิน ๆ วิ่ง ๆ เล่น ๆ กันไป เดี๋ยวเดียวก็ถึง
แต่ถ้าเป็นช่วงที่ชาวนาเขาทำนากัน...ซึ่งเป็นฤดูฝน...ก็ต้องเดินบนคันนาแคบ ๆที่มักจะเฉอะแฉะ...
ต้องเดินเรียงเดี่ยว หลายครั้งที่เผลอเล่นกันบ้าง แกล้งกันบ้างกับเพื่อน ๆ ก็อาจจะลื่นไถลตกลงไปในนาข้าว เปียกมะล่อกมะแล่ก ถ้าเป็นขากลับก็แล้วไป อย่างมากก็โดนแม่อุ๊ยกับป้าดุและบ่นเอาบ้าง...จิ๊บจ๊อย...พ่อบอก
แต่ถ้าเป็นขาไปนี่สิ...เป็นเรื่อง.... เพราะครูใหญ่ (ซึ่งเป็นครูคนเดียวของโรงเรียน)นั้น...ดุมากกกกกก....

พ่อเป็นเด็กหัวอ่อนและว่านอนสอนง่าย....อย่างที่เคยบอก
และพ่อก็เป็นเด็กหัวไวด้วย...พ่อเรียนรู้ได้เร็วมาก...
คุณครูใหญ่จะชมพ่อให้พ่ออุ๊ยและผู้ปกครองของเด็กคนอื่น ๆ ฟังเป็นประจำ...

พ่อบอกว่าชีวิตพ่อในช่วงนี้เรียกได้ว่ามีความสุขดีทีเดียว...
ถึงพ่อจะอยู่วัด แต่ถ้าพ่อต้องการอะไรที่ทางวัดไม่มีให้
พ่อก็จะวิ่งไปบ้านพ่ออุ๊ยบ้าง บ้านย่าบ้าง...
ยายหรือแม่อุ๊ยจะค่อนข้างดุ และเสียงดัง ซึ่งพ่อไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้...
พ่อบอกว่าอาจจะเป็นเพราะแม่อุ๊ยมีลูกหลายคน และย่าไม่ใช่ลูกที่แม่อุ๊ย "ปลื้ม”ซักเท่าไหร่
ส่วนพ่ออุ๊ยจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่ก็รักหลาน ตามใจหลาน
ถ้าพ่อขออะไรถ้าพ่ออุ๊ยมีอยู่หรือพอหาให้ได้พ่ออุ๊ยก็ไม่เคยขัดใจ...

พ่อเลี้ยงของพ่อ...ซึ่งพวกเราจะถูกสอนให้เรียกว่าพ่อหลวง...
เป็นคนใจดี รักเด็ก และเอื้อเอ็นดูพ่ออย่างจริงใจ...
บางครั้งพ่อก็ชอบไปขลุกอยู่บ้านย่าเพราะพ่ออยากเล่นกับน้อง
พ่อหลวงก็มักจะถามไถ่ถึงเรื่องการเรียน และให้พ่อทบทวนบทเรียนให้ฟังเป็นประจำ...
ใคร ๆ ก็บอกว่าพ่อโชคดีที่มีพ่อหลวงเป็นพ่อใหม่...
พ่อเองก็คิดเสมอว่าตนเองมีบุญ ที่ถึงแม้จะกำพร้าพ่อจริง
แต่ก็มีพ่อเลี้ยงที่รักและเอาใจใส่พ่อ...
และทำให้พ่อสามารถเรียก "อี่พ่อ" ได้อย่างสนิทใจ...

...ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปไวเสมอ...

วันหนึ่งในต้นฤดูร้อน...ฟ้าก็ถล่มลงตรงหน้าพ่อ...
ตอนนั้นพ่อเพิ่งเรียนจบชั้นประถมสี่...ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในตอนนั้น...
ย่าให้กำเนิดน้องอีกหนึ่งคน...คราวนี้เป็นน้องหญิง...

พ่อตื่นเต้นดีใจมาก เพราะพ่ออยากได้น้องผู้หญิงมาตลอด...แต่
น้องออกมาดูโลกได้เพียงสองชั่วโมงก็เสียชีวิตลง...
แล้วย่าก็ตายตามน้องไปในเวลาไม่นาน....

พ่อจึงเป็นเด็กกำพร้าอย่างสมบูรณ์แบบ
ตอนนั้นพ่ออายุได้ ๑๓ ปีบริบูรณ์.


*จริง ๆ แล้ว ทางเหนือเราจะไม่มี ”น้า” ...จะมีก็แต่ อา กับอาว์ (ออกเสียงเป็นอาว...ยาว ๆ )...จะน้องพ่อ หรือน้องแม่ก็เป็นอาหมด บางครั้งก็เรียก อาว์ (ขอสารภาพว่าฉันเองก็ไม่แน่ใจนักว่า อย่างไหนถึงต้องเรียกอา อย่างไหนถึงเรียกอาว์ ตอนแรกคิดว่าน้องพ่อคืออาว์ น้องแม่คืออา แต่มาภายหลังก็เห็นเรียกกันทั้งสองอย่าง...ก็เลยอนุมานเอาเองว่า...มันก็ออกเสียงใกล้เคียงกันนั่นแหละ)
เช่นเดียวกับคำว่าปู่กับย่า หรือตากับยาย ส่วนใหญ่เราจะเรียก พ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย บางบ้านอาจจะเรียก พ่อหลวง – แม่หลวง...ซึ่ง ก็แล้วแต่พ่อแม่จะพาเรียก


(ฉันจึงรู้สึกแหม่ง ๆ ทุกครั้งเมื่อได้ยินผู้คนพากันขนานพระนามแห่งองค์ในหลวงกับสมเด็จพระราชินีของเราว่า...พ่อหลวง – แม่หลวง...เพื่อน ๆ หลายคนว่าฉันว่า...ใคร ๆ เขาก็เรียกอย่างนี้กันทั้งบ้านทั้งเมือง...แกจะมาทำตัวขวางโลกอยู่ทำไม...ฉันก็บอกได้แต่ว่า ไม่รู้ล่ะ ใครจะเรียกก็เรียกไป แต่ฉันคนหนึ่งละที่จะไม่...ด้วยฉันรู้สึกว่า...ช่างอาจเอื้อมเนาะ...อาจเอื้อมไปนับญาติกับพระองค์ท่านทีเดียว !)

**เซี่ยงเมี่ยงค่ำพระยา กต๋าป๋าค่ำตุ๊ เป็นนิทานพื้นบ้าน ซึ่งส่วนตัวฉันเข้าใจว่ามีทั้งทางเหนือและทางอีสาน เนื้อหาก็เทียบได้กับศรีธนญชัยของทางภาคกลางนั่นเอง
(คำว่า "ค่ำ" ภาษาเหนือแปลว่า แกล้ง รังแก หรือข่มเหง )


***เป็นนิทานธรรมะที่มีจารึกอยู่ในใบลาน พบในวัดทางเขตภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาจะกล่าวถึงธรรมะของชนชั้นปกครองเช่น ทศพิธราชธรรมเป็นต้น









Create Date : 09 ตุลาคม 2550
Last Update : 7 ธันวาคม 2550 20:10:07 น. 17 comments
Counter : 891 Pageviews.

 
คุณแม่ไก่ขา น้องพ่อถ้าผู้ชาย คนอิสาน เรียก อาว แต่ถ้าผู้หญิงก็ อา ค่ะ

ตกลงแม่สายสำคัญที่ไหลผ่านหลังแม่ไก่ ชื่ออะไรคะ อยากรู้จัง เผื่อจะหาคำตอบว่าคุณแม่ไก่อยู่แถวไหนของลำปาง ถามเลยดีก่า อยู่ อำเภอไรคะ แค่เนี๊ย ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย อิ อิ อิ

มาหาค่ะ สบายดีมั้ยคะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:14:02:15 น.  

 
^
^
แหะ ๆ ท่าจะเหมือน ๆ กันเนาะ...
เอาเป็นว่าเขาแบ่งกันที่เพศนั่นเอง...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:14:41:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ
ถ้าว่างๆแวะไปเที่ยวที่บ้านอีกนะคะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:15:03:22 น.  

 
โอ ..พิมพ์ผิดค่ะ แม่น้ำสายสำคัญ ชื่ออะไรคะ

กรมอุตุ เมืองเขลางนคร ไม่ยอมนอนหลับแฮะ พยากรณ์อากาศได้ด้วยอ่ะ

มดซักตัวก็ยังไม่ยอมขนไข่เลยเหรอคะ ทำมายมดเมืองนี้ ความรู้สึกช้าจังคะแม่ไก่ หารู้ไม่ว่าน้ำกะลังจะท่วมรังเลี้ยว


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:15:32:35 น.  

 
ไปดูอันดับแม่ไก่วันที่ 9 ต.ค

อันดับพันเจ็ดร้อยกว่าๆอัพเร็วจริงขอชม

จากข้าน้อยเอง


โดย: botanichuman วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:18:52:02 น.  

 
เขียนดีมากๆค่ะ
รออ่านตอน 3 นะคะ


โดย: เมณี (เมณี ) วันที่: 10 ตุลาคม 2550 เวลา:22:40:17 น.  

 
สวัสดีค่ะแวะมาเยี่ยม เรื่องที่เขียนให้อ่าน เขียนดีจริงๆค่ะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:12:47:38 น.  

 
^
^
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านค่ะ...
ช่วงนี้ที่บ้านยุ่ง ๆ ค่ะเพราะในหมู่บ้านมีงานศพ
และกำลังอยู่ในช่วง"ดาสลาก"

ต้องหลังวันอาทิตย์ที่ ๑๔ ไปแล้วถึงจะได้มาเขียนต่อค่ะ...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:15:28:32 น.  

 
มาชวนเพื่อนใหม่ ไปเที่ยวฮานอยด้วยกันครับ




โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:18:12:37 น.  

 
สวัสดีค่ะแวะมาเยี่ยม
ปล. คำว่า"ดาสลาก"คืออะไรคะ ไม่รู้จริงๆค่ะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:18:53:56 น.  

 
แม่ไก่ออกหาอาหารได้แล้ว..ลูกเป็ดจะรอ




โดย: botanichuman วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:7:59:34 น.  

 
สวัสดีครับ ผมขอเชิญแวะเข้ามาดื่ม maribu cocktail ได้ที่ blog นะครับ


โดย: veerar วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:20:32:39 น.  

 


*** สวัสดีคะ แวะมาเยี่ยม ขอต้อนรับสู่ bloggang มีเวลาว่างอย่าลืม แวะไปทักทาย..หน่อยอิง..บ้าง ขอให้มีความสุขทุก ๆ วันนะคะ ***



โดย: หน่อยอิง วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:8:09:29 น.  

 


โดย: โสมรัศมี วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:11:26:07 น.  

 
ไปด้วย ไปด้วยค่ะ...คุณฮอง
อยากไปฮานอยง่ะ...ทำไงไปได้ละคะ...

คุณดอกคูณฯขา..."ดาสลาก"ก็หมายถึงการจัดเตรียมสิ่งของที่จะนำไปทาน"สลากภัตต์" น่ะค่ะ...แล้วสลากภัตต์คืออะไร...เดี๋ยวมาเล่านะคะ รอรูปอยู่ค่ะ ช่วงนี้เน็ตที่บ้านก็ช้ามาก มาก...

หนูโบจัง...แม่ไก่ต้องฟักไข่ก่อนค่ะ ...ยังไม่มีเวลาออกไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารเลย...

คุณ veerar ...คุณหน่อยอิงขา...เดี๋ยวไปเยี่ยมค่ะ...(โปรดเห็นใจคนหลังดอย...อิอิ)

ขอบคุณค่า...คุณโสมรัศมี จุ๊บ ๆ



โดย: แม่ไก่ วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:17:17:14 น.  

 
สวัสดีค่ะ
เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ไขความกระจ่างให้

วันนี้เอาหมึกย่างมาฝากค่ะ


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:14:34:18 น.  

 
^
^
ซื๊ดดดดด...แซ่บหลายเด้อค่าคุณดอกคูณฯ...
ขอบคุณค่า...


โดย: แม่ไก่ วันที่: 16 ตุลาคม 2550 เวลา:17:27:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.