'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ ศานติในเรือนใจ ~ ติช นัท ฮันห์



ศานติในเรือนใจ (Touching Peace)
ติช นัท ฮันห์ / เขียน
ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์ / แปล
มูลนิธิโกมลคีมทอง /พิมพ์/จัดจำหน่าย




'ศานติ' มิได้อยู่ที่ไหน หากแต่อยู่ในเรือนใจของเรานี้เอง ...
ผู้แสวงหาสิ่งนอกตัวจนเหินห่างจากตนเอง ย่อมประสบแต่ความขุ่นข้องหมองใจในความว่างเปล่าของชีวิต แม้จะมีทรัพย์ศฤงคารและเกียรติยศมากมายเพียงใดก็ตาม

หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้ถ่ายทอดศิลปะแห่งการเข้าถึงศานติสุขในชีวิตประจำวัน
ซึ่งจะช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงมิติใหม่ของ “การปฏิบัติธรรม” ว่ามิใช่เรื่องไกลตัวหรือหนีโลก หากแต่เป็นเรื่องของศิลปะการใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าและความหมาย มีชีวิตชีวาและงดงาม สิ่งธรรมดาสามัญจะกลับมีความหมายพิเศษขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
แม้แต่สิ่งพื้นๆ เช่น ลมหายใจ ก็จะกลับกลายเป็นของขวัญอันทรงคุณค่า...





บางบทบางตอนจากหนังสือ...

"...เราต้องหยุดการเผาผลาญบั่นทอนร่างกายและจิตวิญญาณของเราไปกับความคิดเกี่ยวกับความสุขในอนาคต เราต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุขในปัจจุบันขณะ สัมผัสกับศานติ และความสดชื่นรื่นเริงที่มีอยู่ในขณะนี้

หากมีใครสักคนมาถามเราว่า “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอมาถึงหรือยัง?” เราอาจจะตอบเขาไปว่า มันกำลังมาถึงในไม่ช้านี้แหละแต่ถ้าเรายังคงมีชีวิตอย่างเช่นที่ผ่านๆมา ช่วงเวลานั้นอาจจะไม่มีวันมาถึงเลยก็ได้ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนปัจจุบันขณะให้เป็นช่วงเวลาอันอัศจรรย์ที่สุด...

การหายใจเข้าออกอย่างมีสติจะช่วยให้เธอสงบ สดชื่น มั่นคง แจ่มใส และเป็นอิสระที่สุด และสามารถรื่นรมณ์กับปัจจุบันขณะ จนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ..."




มีนิทานเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วต้องอมยิ้ม...

" ฉันอยากจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ 'ความเป็นเช่นนั้นเอง' ให้เธอฟังเรื่องหนึ่ง ...
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนไข้โรงพยาบาลโรคประสาทในเมืองเบียนฮัวคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะป็นคนปกติ เขากินและพูดคุยได้เหมือนคนอื่นๆ

แต่เขาเชื่อว่าตัวเองเป็นฝักข้าวโพด และทุกครั้งที่เห็นไก่เขาจะวิ่งหนีสุดชีวิตทีเดียว...

เขาไม่รู้ถึงความเป็นเช่นนั้นของตัวเอง เมื่อพยาบาลรายงานเรื่องนี้ให้หมอฟัง หมอก็บอกกับคนไข้คนนี้ว่า

“คุณไม่ใช่ฝักข้าวโพดหรอก คุณก็คือคนคนหนึ่ง คุณมีผม มีตา มีจมูก และแขน ”
หมอได้สอนคนไข้แบบนี้แล้วในที่สุดก็ถามคนไข้ว่า
“ทีนี้คุณลองบอกหมอสิว่าคุณเป็นใคร?”
คนไข้ตอบว่า ”คุณหมอครับ ผมเป็นคน ผมไม่ใช่ฝักข้าวโพดหรอก”

หมอมีความสุขมากเพราะรู้สึกว่าตัวเองช่วยคนไข้ได้มากทีเดียว แต่เพื่อให้แน่ใจ หมอก็เลยขอให้คนไข้พูดประโยคนี้ซ้ำๆกันว่า

“ฉันเป็นคน ฉันไม่ใช่ฝักข้าวโพด” วันละสี่ร้อยครั้ง และเขียนข้อความนี้ลงกระดาษสามร้อยเที่ยว ชายคนนี้ก็เลยหมกมุ่นกับการทำตามที่หมอแนะนำและไม่ออกไปข้างนอกอีกเลย เขาอยู่แต่ในห้องพูดและเขียนตามที่หมอบอกทุกคำ

หนึ่งเดือนต่อมา หมอก็มาดูเขาอีก และพยาบาลก็รายงานว่า
"เขาทำได้ดีเชียวค่ะ เขาอยู่แต่ในห้อง และปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำอย่างขยันขันแข็งมาก”

หมอถามว่า
"เป็นอย่างไรบ้างครับ”
“สบายดีครับหมอ ขอบคุณครับ”
“กรุณาบอกหมอหน่อยได้ไหมว่า คุณเป็นใคร”
“อ๋อได้ครับคุณหมอ ผมเป็นคนผมไม่ใช่ฝักข้าวโพด”


หมอคนนั้นปลื้มใจมาก และบอกว่า

"เอาล่ะ เราจะให้คุณออกจากโรงพยาบาลในสองสามวันนี้ละ กรุณาตามหมอไปที่ห้องทำงานหน่อยนะ”

แต่ในขณะที่หมอ พยาบาล และคนไข้กำลังเดินไปที่ทำงานของหมอด้วยกัน บังเอิญมีไก่ตัวหนึ่งเดินผ่านมา ชายคนนี้จึงวิ่งหนีอย่างรวดเร็วจนหมอจับไว้ไม่ทัน กว่าพยาบาลจะพาคนไข้มาที่ห้องทำงานของหมอได้ก็ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว

หมอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ไหนคุณบอกว่าคุณเป็นคนไม่ใช่ฝักข้าวโพด แล้วทำไมถึงต้องวิ่งหนีด้วยละ เวลาที่คุณเห็นไก่”
ชายคนนี้ตอบว่า “แน่นอนครับหมอ ผมเป็นคน ไม่ใช่ฝักข้าวโพด แต่ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไก่มันรู้?”

ถึงแม้ว่าเขาจะฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่เขาก็ยังไม่เห็น "ธรรมชาติที่แท้จริง” ของตัวเอง ไม่เห็น "ความเป็นเช่นนั้นเอง" ของตัวเอง และไม่เข้าใจ "ความเป็นเช่นนั้นเอง" ของไก่ด้วย

เราแต่ละคนต่างมีความเป็นเช่นนั้นของเรา
หากเราต้องการอยู่ร่วมกับคนอีกคนหนึ่งอย่างศานติและมีความสุข
เราจะต้องเข้าใจความเป็นเช่นนั้นของเขา รวมทั้งความเป็นเช่นนั้นของตัวเราด้วย

เมื่อใดที่เรามองเห็นสิ่งนั้น เราจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีสันติและมีความสุขโดยไม่มีปัญหาใดๆ...


เกี่ยวกับความรัก....

"...เมื่อเธอตกหลุมรักครั้งแรกและรู้สึกชื่นชอบใครคนหนึ่งมากๆ นั่นยังไม่ใช่ความรักที่แท้จริง
ความรักที่แท้จริง หมายถึงความรัก ความเมตตาและความกรุณาเป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ..."


โปรยปกหลัง...

"...ดอกไม้ไม่จำเป็นต้องมีอะไรอื่นอีก เพื่อที่จะเกื้อกูล
ขอให้เป็นเพียงดอกไม้ ก็เพียงพอแล้ว
สำหรับมนุษย์คนหนึ่ง ถ้าเข้าเป็นมนุษย์ที่แท้จริงได้ นั่นก็เพียงพอแล้ว
ที่จะทำให้โลกสดชื่นและรื่นเริง

เพราะฉะนั้น ขอให้เธอฝึกการหายใจเข้า-ออก
และฟื้นความเป็นดอกไม้ในตัวเธอขึ้นมา..."




สั้น ๆ จาก เว็บสำนักพิมพ์ โกมลคีมทอง :

ศิลปะการดำเนินชีวิตอย่างมีสติและผาสุก เป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ความสุขของมวลมนุษย์ภายในเรือนใจที่สงบและศานติ สามารถจะฝ่าฟันความสับสน ความรุนแรง ความหมดหวัง วิตกกังวล และความหวั่นไหว ที่ก่อให้เกิดขึ้นในใจได้ทุกขณะ ด้วยศานติในเรือนใจ เมล็ดพันธุ์แห่งความดีงามจะถูกหว่านและเติบโตในใจเราและคนรอบข้าง เพื่อศานติแห่งผู้คน เพื่อศานติแห่งโลก




สั้น ๆ เกี่ยวกับผู้เขียน:(จาก ' วิกิพีเดีย' )

ทึก ญอท หั่ญ หรือ ติช นัท ฮันห์ (อังกฤษ:Thich Nhat Hanh,เวียดนาม:Thích Nhất Hạnh) เป็นพระเวียดนามในพุทธศาสนานิกายเซนชื่อติช นัท ฮันห์ เป็นฉายา "ติช" เป็นคำใช้เรียกพระ ส่วน "นัท ฮันห์" เป็นนามทางธรรมที่มีความหมายว่า "การกระทำเพียงหนึ่ง(One Action)" ท่านเป็นพระมหาเถระนิกายเซน กวี และผู้สนับสนุนในเรื่องสันติภาพ ท่านมีงานเขียนเผยแผ่ตีพิมพ์ภาษาต่างๆ มากมาย และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักปฏิบัติธรรมชาวตะวันตก

เกิดปี พ.ศ. 2469 ที่จังหวัดกวงสี ในตอนกลางของประเทศเวียดนาม ท่านมีชื่อเดิมว่า เหงียน ซวน เบ๋า พ.ศ. 2485 อายุได้ 16 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดตื่อฮิ้ว และได้อุปสมบทเป็นพระในเวลาต่อมา ช่วงแรกที่อยู่ในเวียดนาม ท่านได้พยายามฟื้นฟูพระพุทธศาสนาด้วยการเขียบบทความ แต่กลับได้รับการต่อต้านจากผู้นำองค์กรชาวพุทธและรัฐบาลเป็นอย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ.2505 ท่านได้รับทุนไปศึกษาศาสนาเปรียบเทียบ ณ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐอเมริกา ท่านได้ศึกษาที่นั่นเป็นเวลา 1 ปี แม้จะได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียต่อ แต่ท่านก็ตัดสินใจเดินทางกลับเวียดนาม เพื่อต่อตั้ง รร.ยุวชนรับใช้สังคม และทำงานด้านความร่วมมือระหว่างพระพุทธศาสนานิกายมหายานและเถรวาทในเวียดนาม ท่านพยายามสอนแนวคิดเรื่องพระพุทธศาสนาเพื่อการรับใช้สังคม เพื่อรักษาความเสียหายจากสงคราม ท่านพยายามพัฒนาวงการสงฆ์ด้วยการสอนและเขียนในสถาบันพระพุทธศาสนาชั้นสูง ภารกิจที่สำคัญของท่านคือ ก่อตั้ง "คณะเทียบหิน" ในปี พ.ศ.2509 ในปี พ.ศ.2510 มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ได้เสนอชื่อของท่านให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยกล่าวว่า "ข้าพเจ้าไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัวอีกที่จะมีคุณค่าพอสำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ นอกเหนือไปจากพระผู้มีเมตตาจากเวียดนามผู้นี้"




*** อ่าน ~ เรื่องของพ่อ ตอน ๑๓ ~ได้ที่นี่ค่ะ














Create Date : 09 มกราคม 2551
Last Update : 9 มกราคม 2551 13:33:38 น. 6 comments
Counter : 1854 Pageviews.

 
เจิมๆๆ
มาทันพอดี


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:12:09:27 น.  

 
โมกเป็นโมก มิใช่ฝักข้าวโพด
และที่สำคัญ รู้ร้อนรู้หนาว
แต่ที่ไม่รู้คือใจคนอื่น...
และผู้อื่นก็ไม่เข้าใจโมกเช่นกัน

โมกเก่งที่สุดเลยย...
รู้ว่าคุณแม่ไก่อัพบล๊อกตอนไหนด้วยยยย...อิ อิ อิ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:12:18:39 น.  

 
มาเป็นคนที่ 2
พร้อมกาแฟค่ะ



โดย: BeCoffee วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:12:50:05 น.  

 
แงๆๆๆ
ฮือๆๆๆๆ
มีงอนๆ
เห็นบล๊อกโมกเป็นแค่ทางผ่าน
เก็บค่าผ่านทาง 30 บาทเจ๊า

ไม่รัก โมก เห็นเป็นแค่คนผ่านทาง โกรธๆๆ
ไม่รักๆๆๆ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:13:00:11 น.  

 
ชอบข้อความนี้ค่ะ

"...เมื่อเธอตกหลุมรักครั้งแรกและรู้สึกชื่นชอบใครคนหนึ่งมากๆ นั่นยังไม่ใช่ความรักที่แท้จริง
ความรักที่แท้จริง หมายถึงความรัก ความเมตตาและความกรุณาเป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ..."

ขอบคุณสำหรับข้อความดี ๆ นะคะ



โดย: ปลิวตามลม วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:23:09:25 น.  

 
ถ้าอ่านแล้วจะมีศานติในใจได้จริงๆ มั้ย


โดย: กวินทรากร วันที่: 11 มีนาคม 2551 เวลา:21:54:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.