Actions speak louder than words. ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม
Group Blog
 
All Blogs
 
เมื่อลูกไม่ได้ดั่งใจ

เมื่อลูกไม่ได้ดั่งใจ

เรามักจะได้ยินคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วย “ความคาดหวัง”บ่นเสมอว่า “ลูกไม่ได้ดั่งใจ” เมื่อความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่อยากจะให้คุณพ่อคุณแม่ถามตัวเองสักนิดว่า เราเลี้ยงลูกแบบไหน ตามใจไปรึเปล่า อบรมสั่งสอนเพียงพอมั้ย หรือว่ามีหน้าที่หาเงินให้ลูกใช้ ขับรถรับส่งลูก หาที่เรียนพิเศษให้ แล้วใช้ความคาดหวังของเราเป็นตัวตั้ง เอาผลการเรียนของลูกเป็นคำตอบสุดท้าย ถ้าคุณเลี้ยงลูกแบบนี้ลูกก็อาจจะบ่นอยู่ในใจเหมือนกันว่า “พ่อแม่ไม่ได้ดั่งใจหนู” เพราะคุณกำลังเอาตัวเองเป็นตัวตั้งโดยไม่คิดว่าลูกนั้นมีความเป็นตัวตน มีความคิดเป็นของเค้าเอง เด็กยิ่งโตเท่าไหร่ก็มีความเป็นตัวตนสูงเท่านั้น หน้าที่ของคนที่เป็นผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูนั้นต้องประกอบด้วยการอบรมสั่งสอนและดูแลให้เค้ามีความสุขตามอัตภาพเข้าไปด้วย นั่นคือหน้าที่ที่แท้จริง

การเลี้ยงดูนั้นต้องอาศัยความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ ความใกล้ชิด และความผูกพันอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากยิ่งนัก ผู้เขียนเองก็ทำได้ไม่มากในตอนแรกต้องค่อยๆปรับวันละนิดให้เกิดความเคยชิน จากคะแนนเต็ม 100 ยอมรับว่าเริ่มต้นให้คะแนนตัวเองแค่ 20 เอง และก็หาข้ออ้างต่างๆนานาว่าที่เราทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์เนื่องจากเหนื่อย ต้องทำงานนอกบ้าน ต้องทำงานบ้าน ต้องมีภาระเลี้ยงลูก ทำให้เกิดความเครียด ต้องการเวลาพักผ่อนฯลฯ สาระพัดข้ออ้างและข้อแก้ตัวที่จะใช้ปลอบใจตัวเองว่าที่ทำได้แค่นี้เพราะอะไร แต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นถ้าลองไตร่ตรองดีๆจะพบว่าเป็นข้ออ้างที่เราอ้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเองโดยเอาความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสุขส่วนตัวเป็นที่ตั้ง เมื่อเวลาผ่านไปแล้วพบว่า “ลูกไม่ได้ดั่งใจ” ก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาเริ่มต้นใหม่ได้อีก ได้แต่มานั่งถามตัวเองว่าที่ผ่านมาเราทำหน้าที่ “ดีที่สุด”หรือยัง ลองทำใจเป็นกลางวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล จะได้คำตอบเองว่าเพราะอะไรลูกถึง “ไม่ได้ดั่งใจ”

หลายครอบครัวที่ลูกชอบเรียนแผนกศิลป์ แต่พ่อแม่อยากให้เรียนวิทย์ ในเมื่อลูกไม่อยากเป็นแพทย์หรือวิศวะก็ไม่เข้าใจว่าจะให้ลูกไปเรียนวิชาเคมี ฟิสิกส์ ชีวะ เพื่ออะไร ลองนึกย้อนวัยดูสิว่าช่วงไหนของชีวิตที่เรามีความสุขมากที่สุด ก็คือช่วงวัยรุ่นนี่แหละที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นช่วงที่สนุกสุดๆ เป็นช่วงที่เพื่อนมีอิทธิพลมากมายกับชีวิต เป็นช่วงที่ต้องลุ้นผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อกำหนดชะตากรรมในอนาคต ถ้าคุณพ่อคุณแม่ใกล้ชิดลูกไม่พอ สิ่งแวดล้อมและคนใกล้ชิดจะมีปัจจัยอย่างยิ่งในการเปลี่ยนชีวิตพวกเค้า หลายคนคบเพื่อนดีก็ดีไป แต่หลายคนที่หลงผิดและหาทางกลับไม่ได้

อยากฝากคุณพ่อคุณแม่ว่าทำไมเราไม่ตั้งโจทย์ใหม่ว่า “ทำอย่างไรให้เราได้ดั่งใจลูก” จะดีกว่ามั้ย เป็นการวิเคราะห์ทั้งตัวเองและความต้องการของลูกเพื่อนำมาเปรียบเทียบกันว่าโจทย์ที่ตั้งไว้นั้นถูกใจทั้งสองฝ่ายหรือไม่ มีความเข้าใจตรงกันหรือเปล่า มีความต้องการสอดคล้องกันและพร้อมที่จะจับมือเพื่อเดินไปในเส้นทางเดียวกัน มิใช่ปล่อยให้เส้นทางที่จะเดินเป็นเส้นทางคู่ขานอีกต่อไป เมื่อทำอย่างนี้แล้วคงจะหาคำตอบที่ “ได้ดั่งใจ” ทั้งสองฝ่ายนั่นเอง








Create Date : 06 สิงหาคม 2550
Last Update : 6 สิงหาคม 2550 13:14:16 น. 3 comments
Counter : 562 Pageviews.

 
พอนึกว่าเราจะทำอย่างไรให้ได้ดั่งใจลูกก็นั่งยิ้มกับตัวเอง

เพราะตาเป็นแม่ที่ไม่ค่อยจะได้ดั่งใจลูกค่ะ


โดย: MONROVIA วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:13:26:04 น.  

 
อยากเป็นแม่ที่ได้ดั่งใจลูกเหมือนกันค่ะ

บางทีเราก็ต้องสะกดอารมณ์ตัวเอง...เพราะถ้าทำอะไรไปมันคือไม่ได้ดั่งใจที่เค้าต้องการแน่นอน วันนี้ก็ไม่คาดหวังอะไรจากเค้าเลยค่ะเรื่องเรียน แค่เค้ามีความสุขจากการเรียนรู้ และมีสังคมเพื่อมาเติมส่วนที่เค้าขาดไปเพราะพัฒนาการด้านนี้ช้า วันนี้รอเค้ายิ้มกลับมาบ้านเวลาลงจากรถโรงเรียน...มีความสุขที่สุดค่ะ

แวะมาเยี่ยมค่ะ และจะมาบ่อยๆเลยค่ะ ขออนุญาติแอดบล๊อกด้วยนะคะคุณแม่น้องเม่นคนเก่ง


โดย: Imperfect Mom วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:15:18:31 น.  

 
บางเวลาลูกก็น่ารัก ถูกใจคุณแม่
แต่บางเวลาก็ขัดใจจนแมเครียด
อยากให้ลูกหายจากโรคสมาธิสั้นซะที
ปาฎิหารย์น่าจะมีจริงนะคะ....


โดย: ชาลินี IP: 203.151.118.70 วันที่: 18 มิถุนายน 2552 เวลา:8:36:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แม่น้องเม่น
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add แม่น้องเม่น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.