มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
 

ตอนที่ 11 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (สมรส-สมรัก ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ)

ตอนที่11 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย

สมรส-สมรักตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ

หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคมาหลายด่าน....ในที่สุด วันแห่งการรอคอย....ก็มาถึง


อาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2014 วันนี้....เป็นวันวิวาห์ ที่จัดขึ้นตามขนบธรรมเนียมและประเพณีไทย ที่ผู้คนรอบ ๆ ข้างมาดามจะรับรู้และยินดีด้วยอย่างแท้จริง...กาลเวลาได้พิสูจน์ในสิ่งที่มาดามใส่ความพยายาม... ใส่ความจริงใจ ตลอดระยะเวลา 1 ปีเศษๆ...

มาดามตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกอย่างพร้อมในรถต้องแต่เมื่อคืนขันหมากเอก และ ขันหมากโทที่เป็น ต้นกล้วยให้พี่ชายเอามาจากลพบุรี ส่วน ต้นอ้อยให้เพื่อนร่วมงานเมื่อสิบกว่าปีก่อนจัดหาให้...ดูแล้วมาจากหลายสารทิศเนอะ...ประหยัดไงแล้วนี่ก็เป็นพิธีแต่งงานที่ประหลาดที่ฝ่ายเจ้าสาวต้องจัดขบวนขันหมากเพื่อมาแต่งตัวเองคริคริ...แต่เงินของเจ้าบ่าวเค้าทั้งหมดแหละจ้า

ขับรถออกจากบ้านคนเดียวตอนตีสี่ครึ่งเพื่อไปที่ Vicenza...มาดามนัดช่างแต่งหน้าทำผมไว้แล้วแต่ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากวันที่คุยกันครั้งแรก (นี่คือความสะเพร่าอย่างแท้จริงกรุณาอย่าลอกเลียนแบบ) กำหนดการคือเริ่มแต่งหน้าตีห้าเพื่อเข้าพิธีเช้า 7 โมงเช้า....มาดามคิดว่าเวลาช่วงนี้รถราคงไม่มีออกมาแล่นบนถนนขับ 30 นาทีถึงสบาย ๆ โดยเฉพาะเป็นวันอาทิตย์ชะล่าใจ...ที่ไหนได้บนทางยกระดับช่วงวงแหวนอุตสาหกรรมไม่รู้อะไรนักหนารถรามากมายและยังติด ยึกยัก หลายช่วงหลายตอนเวลาที่กะไว้ไม่น่าพอ...มาดามเริ่มโทรเข้ามือถือช่างทำผมเพื่อที่จะบอกว่า รอหน่อยรถติดอยู่ แต่คุณผู้ชมคะคนที่รับสายเสียงผู้ชายค่ะ เขาทำเสียงงัวเงียมาดามต้องบอกไปว่าโทรมาเรื่องไร เขาก็ถามอย่าง งง ๆ ว่า “สถานที่อยู่ที่ไหนครับ” มาดามใจหายวาบเอาแล้วฉัน...ชีวิตจะรันทดอีกแล้วหรือนี่....บอกเขาไปเสียงฝั่งโน้นตอบมาว่า “ครับ ๆ เดียวจะบอกคุณบีให้ครับ” มาดาคิดว่าพวกเค้าอาจเป็นสามีภรรยากันแต่เมื่อพิจาณาจากคำถามดูเหมือนว่าคุณบีของมาดามจะยังไม่ได้ขยับร่างออกจากที่นอน...


มาดามเดา...พอขับรถได้ยาว ๆ ไม่ติดช่วงลงกาญจนาภิเษก บางแคมาดามเหยียบเกือบมิดจนถึงถนนบรมราชชนนี...มาดามขับลงมาแล้วเกิดจำไม่ได้ว่าต้องขึ้นสะพานกี่ครั้งและกลับรถใต้สะพานไหน...วนอยู่อย่างนั้นสองรอบ...มาดามสายไปกว่าครึ่งชั่วโมง...เมื่อเข้าไปจอดรถก็พบว่ามีรถคันหนึ่งจอดอยู่แล้วซึ่งก็คือรถของเมคอัพอาร์ทติสนั่นเอง....มาดามหอบชุดทั้งหมดออกจากรถวิ่งโร่ขึ้นไปห้องแต่งตัวชั้นบน...มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งรออยู่...โชคดีที่พวกเค้ามีบ้านพักอยู่ไม่ไกล...ทุกอย่างต้องรีบแล้ว...ช่างหญิงแต่งหน้า-ช่างชายทำผม ไปพร้อม ๆ กันมาดามใจชื้นขึ้น แต่ก็บอกน้อง ๆ ว่าไม่ต้องสวยมากแต่ขอให้ทันเวลา....ครึ่งชั่วโมงต่อมาช่างภาพของมาดามก็มาถึงน้องเอกเค้าก็มาสวัสดีแล้วเริ่มปฏิบัติการถ่ายภาพ (หน้าซีดๆ ผี ๆ ) ของเจ้าสาวขณะถูกโบ๊ะหนังหน้าแต่ยังไม่ทันได้ป้ายสี...เห็นแล้ว ก๊ากกก...ยากที่จะยอมรับจากนั้นเอกก็ขอยืมชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปถ่ายอีกห้องหนึ่งสำหรับทำโพร์ไฟล์ตามแพทเทิร์นของตากล้องมืออาชีพ....

น้องสาวมาดามกับเจ้านายของเธอคุณอารยา ก็ขึ้นมาดูลาดเลา จริง ๆ พวกเธอได้มาถึงหลังมาดามไม่นานนักแต่ดูแลสถานที่จัดโน่นนี่นั่นให้เข้าที่เข้าทางอยู่ด้านล่าง...คุณอารยาติว่าสีทาปากจืดไป...ขอเติมหน่อย...ช่างก็อึดอัดเพราะคงขัดกับรสนิยมหรือแพทเทิร์นของเธอ แต่ก็ยอม ๆ ยังไม่พอคุณอารยาก็ยังบอกว่าดอกไม้ที่ติดผมนั่นไม่สวยเลยน่าจะอย่างโน้นอย่างนี้...ระหว่างนั้นเจ้าบ่าวก็ยังมาไม่ถึงเพราะหลานสาวของมาดามขับรถหลงไป-มาเจ้าคริสก็จำสะพานไม่ได้เหมือนมาดาม...มาดามเรียกหาน้องสาวให้ช่วยไปบอกนายพิธีว่าอย่าเพิ่งไปรับพระที่วัดแต่ไม่ทันการณ์ซะแล้วพระรู้หน้าที่มีรถมาเองไม่ต้องไปรับ...ท่านก็มานั่งฉันน้ำรอๆ ๆเจ้าบ่าวก็ยังมาไม่ถึง...เวรกรรม...โอย ๆ หน้าก็ยังแต่งค้าง ๆโทรศัพท์ก็เข้า...เพื่อนสมัยนักเรียนโทรมาถามทางบอกว่าอยู่ตรงนั้นตรงนี้จะมายังไงอยู่ตรงไหนแน่...บอกทางกันอยู่สามรอบ...

ในที่สุด...คริสก็พาคีธขึ้นมาชั้นบน...มาดามได้ยินเสียงใครคนหนึ่งถามว่า “ชุดเจ้าบ่าวอยู่ไหนเอามาหน่อยเร็วหน่อย” มาดามลืมตามอง....หัวใจจะวาย...เจ้าบ่าวของมาดามมาในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดโปโลลายขวางเทา-ขาว...พลาดอีกแล้ว“ทำไมยูไม่เปลี่ยนใส่ชุดที่ไอบอกมันแขวนที่ราวในห้องนอนไง” คำตอบ “ไอ.ด้อน.โน” มาดามหันไปหาคริส “ทำไมไม่ดูให้เขาสวมชุดพิธีเช้าแม่สั่งแล้ว” คำตอบ “ไม่รู้เค้าบอกว่าแม่เอาชุดมาแล้ว” คุณอารยาเข้ามาขัดจังหวะ “เอาชุดกินเลี้ยงนั่นแหละสวมเร็วเกินฤกษ์มานานแล้ว” แล้วเธอก็ช่วยแต่งตัวให้เจ้าบ่าวดูเธอคล่องแคล่วไปซะทุกอย่าง...แล้วนายพิธีก็มายืนรออย่างกระวนกระวาย...และพาเราสองคนลงบันไดมาเพื่อจะเข้าไปในห้องทำพิธีชั้นล่าง...

มาดามคล้องแขนคีธไว้เราเดินมาถึงทางเข้าแล้วอย่างไม่คาดคิดเจ้าบ่าวร้อง “อุบส์” พร้อมกับกระตุกแขนที่มาดามคล้องอยู่ไปคว้าเอวกางเกงของตัวเองมาดามก้มมองดู...เวรกรรม ๆ กางเกงหลวม ขนาดรูดลงมา ที่สำคัญคีธไม่ได้คาดเข็มขัดที่ปกติเค้าต้องใช้เป็นประจำ...วันนี้เขาสวมยีนส์โดยไม่คาดเข็มขัด???? โอย ๆอยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด...นายพิธีหันมาเห็นก็แก้ไขสถานการณ์โดยวิ่งไปขอยืมเข็มขัดน้องๆ นักศึกษา ม.มหิดลศาลายาที่มาช่วยเสิร์ฟอาหารเครื่องดื่ม....เวลานี้คีธเหมือนเด็ก ๆ ที่ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ทำตัวไม่ถูก (มาดามมานึกได้ตอนหลังว่าเพราะเค้าตื่นแล้วยังไม่ได้ปลุกตัวเองด้วยกาแฟ 3ถ้วยทำให้ยังงง ๆไม่พร้อมที่จะทำอะไร)


พิธีการเช้า เริ่มด้วย บ่าว-สาวจุดธูปเทียนนั่งฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ตักบาตรถวายภัตตาหาร ถวายสังฆทาน-ปัจจัยกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล....พิธีเช้าผ่านไปด้วยดี คีธทำได้ดีขึ้นเพราะว่าเขาได้เรียนรู้จากวีดีโอและเอกสารที่มาดามส่งให้ก่อนหน้าหลายเดือน....เราส่งพระกลับออกไป

จากนั้นเป็น พิธีแห่ขันหมาก-สู่ขอ ซึ่งในระหว่างนั้นนายพิธีให้มาดามเก็บตัวที่ห้องชั้นบน...มาดามได้รับเกียรติจากอดีตนายจ้างเมื่อ 12 ปีก่อน คุณสมพงษ์ อวกุล มาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว...วันนี้เจ้านายผู้แสนดีของมาดาม รับบทหนักมาก...ส่วนผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวก็มีบรรดาพี่ชายและพี่สาวของมาดามรวมสี่คนคุณพ่อท่านแก่มากไม่สามารถเดินทางไกล ๆ จากลพบุรีมาร่วมพิธีได้ส่วนคุณแม่นั้นได้แต่นอนอยู่บนเตียงมาหลายปีเพราะเป็นอัมพาตครึ่งซีก....


ลำดับถัดมาเป็น พิธีหมั้น นายพิธีพาเจ้าบ่าวขึ้นมารับตัวเจ้าสาวลงไปทำพิธีหมั้นหมาย...เราต่างสวมแหวนให้กันและกัน...ตอนนี้มาดามมีแหวนสองวงในนิ้วนางซ้าย แหวนหมั้นและแหวนแต่ง เป็นแหวนเซ็ทคู่ที่มีคนชมว่าสวยงามนัก...สวนแหวนเจ้าบ่าวเป็นแหวนมรดกตกทอดจากรุ่นปู่มาถึงรุ่นพ่อของเค้าตอนนี้มันอยู่ที่นิ้วนางของเค้าแล้วพอดีเป๊ะ มาดามไม่ต้องจ่ายสักเก้...เป็นธรรมดาที่แขกเหรื่อก็อยากจะกลั่นแกล้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว...ต่างๆ นา ๆ ซึ่งเจ้าบ่าวดูเหมือนจะชอบ...

ตามด้วยพิธีรับไหว้ คีธจริง ๆ ไม่สามารถนั่งพับเพียบได้จึงต้องนั่งขัดสมาธิตลอดพิธี (เราซ้อมนั่งสวมแหวนที่บ้าน แต่เค้าทรงตัวไม่ได้จะล้มไปด้านข้าง)....ได้เวลาหิวกันแล้ว...เบรกรับประทานอาหารว่างเช้าสำหรับแขก 50 คน


ลำดับถัดมาเป็น พิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์...เจ้าหน้าที่ได้ปรับแต่งสถานที่ไว้พร้อมแล้ว...ตลอดพิธีการนายพิธีผู้น่ารักและมีอารมณ์ขัน (แซวได้ตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศคึกครึ้น) ได้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพิธีแต่งงานตามขนบธรรมเนียมไทยแท้ ๆรวมถึงความหมายของแต่ละสิ่งอย่างใน ชุดขันหมากเอก และขันหมากโทแก่แขกที่มาร่วมและแปลเป็นภาษาอังกฤษควบกันไปทำให้คีธรู้เรื่องราวตลอด...เนื่องจากมีแขกมาร่วมงานไม่มากพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์เสร็จเร็วกว่ากำหนด...


จากนั้นเป็น พิธีส่งตัวเข้าหอ ซึ่งก็ใช้ห้องชั้นบนที่มีเตียงนอนใหม่ ๆ แต่ว่ามาดามเตรียมผ้าปู ปลอกหมอนของตัวเองมาใช้..ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นมาให้โอวาทให้พรอีกรอบ...โปรยดอกไม้...แล้วปล่อยให้เราอยู่กันสองคนเพื่อเปลี่ยนชุดลงไปงานเลี้ยงกลางวัน


งานเลี้ยงกลางวัน เจ้าหน้าที่ปรับเวทีเป็นครั้งที่สามและจัดโต๊ะรับประทานอาหารให้กระจายเต็มห้องซึ่งเร็วกว่ากำหนดมาดามได้มอบหมายให้หลานสาวอีกคนช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบเพื่อการฉายสไลด์พรีเซนเทชั่นระหว่างงานเลี้ยงและมอบหน้าที่ให้เธอช่วยเป็นพิธีกรด้วย....เจ้าบ่าวและเจ้าสาวถูกเชิญให้ลงไปที่ห้องจัดเลี้ยง...เจ้าสาวมาในชุดกระโปรงบานยาวสีขาวแขนแขนล้ำแบบคล้องคอ (เพราะมันช่วยปิดไหปลาแดกที่ลึกมาก) เปลี่ยนดอกไม้ติดผมช่อใหม่ที่ช่างทิ้งไว้ให้เจ้าบ่าวอยู่ในสูทสีดำชุดเดิมที่เหงื่อโชก...มาดามคล้องแขนเจ้าบ่าวมาหยุดที่หน้าประตูทางเข้า (ตามคำสั่งของหลานสาวซึ่งแทนที่จะขึ้นไปเป็นพิธีกรอยู่บนเวทีชีก็ผันตัวเองมาเป็นคนช่วยพิธีกรกำกับบทแล้วโยนสคริปท์พิธีกรที่เตรียมมาให้เจ้าพี่ชายซึ่งก็เป็นหลานชายของมาดาม...ดีมะล่ะคะ)...


ยืนรอหน้าประตูจนพรีเซนเทชั่นจบก็เดินควงคู่กันเข้าไปด้านในผ่านโต๊ะแขกที่จัดไว้สองฟากข้าง ตรงกลางเป็นทางเดิน (นี่เป็นไอเดียคุณอารยาสั่งการเองเลย) หน้าเวที เป็นโต๊ะเค้ก มาดามสั่งคัพเค้ก 50 คัพเรียกว่าได้กินกันครบทุกคน...ชั้นยอดเป็นเค้กปอนด์ไว้สำหรับตัด...พิธีก็เริ่มไปเหมือนคู่อื่นๆมีการคล้องมาลัยบ่าว-สาว เชิญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นอวยพรบ่าว-สาวกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานสัมภาษณ์นิดหน่อยว่าเราเจอกันได้ไง (เพราะในพรีเซนเทชั่นไม่มีการเล่าเรื่องราวมีแต่ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งประกอบเพลง I do Cherish Youที่มาดามชอบ)


เสร็จแล้วก็ตัดเค้ก...รันทดเล็กน้อยกว่าจะตัดได้เพราะเราไม่ได้ซ้อมกันมาก่อนเลยไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแต่ก็สำเร็จลงด้วยเพราะ มาดามเทคโอเว่อร์ดาบ...บอกคีธ “ยูแค่จับดาบเฉย ๆปล่อยไอจะคอนโทรลมันเอง” .....เป็นอันว่าแขกทุกคนได้กินเค้กอร่อย ๆ กันถ้วนหน้า (เหลือไว้ให้มาดามเอากลับบ้าน 3-4 ถ้วย....โต๊ะจีนอีกหนึ่งโต๊ะขนกลับไปให้เพื่อนบ้านที่ไม่ได้มาร่วมงานแต่ให้ซองมา)


เมื่อกินอิ่มสวนเสเฮฮาและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันจนพอใจแล้วเราก็ออกไปส่งแขกที่โถงด้านหน้าอาคารถ่ายภาพสุดท้ายกันก่อนออกประตูไป....ก่อนจากกัน...อดีตเจ้านายสั่งเสียคีธผู้ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว “Take care of her” เขาตอบอย่างหนักแน่น “Don’t worry I will”  มาดามจำคำนี้ไว้ไม่มีวันลืม แล้วบอกคีธว่า "อย่าลืมคำพูดนี้ ไอถือว่ามันคือคำสัญญา"



เราสองคนขอถือโอกาสนี้

ขอบคุณ ทีมงาม Siam House, นศ.มหาวิทยาลัยมหิดลที่มาช่วยงานและยังให้ยืมเข็มขัดช่วยกู้หน้า...

ขอบคุณ นายพิธีที่แปลความเป็นอังกฤษโดยไม่คิดค่าตัว ซึ่งปกติ ที่อื่น ๆต้องจ่ายสี่ห้าพันบาท...

ขอบคุณ อดีตเจ้านายผู้อารี คุณสมพงษ์ อวกุล  หนึ่งเดียวในดวงใจผู้ซึ่งเป็นมิตรแท้ตลอดกาลของมาดาม

ขอบคุณ คุณอารยา เมตตคุณมัย บิ๊กบอส แห่งบจก.สแตนดาร์ดแพลนเอ็นจิเนียริ่ง

ขอบคุณ น้องบุษ ที่ช่วยเป็นแม่งานดูแลทุกอย่างแทนพี่สาวคนนี้

ขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลูก หลานๆ และแขกที่มาเป็นเกียรติทุกๆ ท่าน ที่ทำให้งานมีชีวิตชีวาขึ้น

ขอบคุณ เพื่อนร่วมและอดีตเจ้านาย...ที่แม้ไม่สามารถมาร่วมงานแต่ก็ส่งความยินดีมาในซอง!

มาดามซาบซึ้งใจยิ่งนัก...ขอบคุณจากใจค่ะ

และที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลย

ขอบคุณเว็บไซต์ FriendsFinder

ที่ทำให้เรา ได้พบ ได้รัก และได้ร่วมชีวิต


หลังจากนี้...มาดามต้องไปรับการสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวที่สถานทูตอเมริกา...จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรขึ้นอีกมาดามจะจัดการกับสถานการณ์นั้นอย่างไง...จะผ่านการสัมภาษณ์หรือไม่ติดตามอ่านตอนต่อไป...

คลิกไปอ่านเรื่องอื่น ของมาดามได้ที่นี่จ้า





 

Create Date : 15 กันยายน 2558   
Last Update : 22 กันยายน 2558 3:56:56 น.   
Counter : 1721 Pageviews.  


ตอนที่ 10 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (เรื่องวุ่น ๆ ก่อนวันวิวาห์)

ตอนที่ 10 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย - เรื่องวุ่น ๆ ก่อนวันวิวาห์


หลังจากที่คีธย้ายเข้าพักที่บ้านมาดามแล้ว ชีวิตเค้าดูมีชีวาขึ้นทุกวันจะชอบนอนเอกเขนกที่เตียงชายหาดตัวโปรด ทำหน้าระรื่นเย้าแหย่ ว่าที่ภรรยา ตอนเดินผ่านไป-มาทำโน่น นี่ นั่น และจะพูดภาษาไทยได้สองสามประโยค เช่น "ผ้มรักสาวไทย...คุณสวยจัง...ที่รักผ้มฮิ้ว...แต่ก็ไม่เคยทำรุ่มร่ามเพราะรู้ดีว่ามาดาม “ถือสา” ....เค้ารักที่จะนอนอยู่กับบ้าน แต่ถ้าจำเป็นที่เราต้องออกไปข้างนอกด้วยกัน และเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็จะพึมพำว่า Home sweet home!

มาดามซื้อเสื้อยืดให้เค้าเพิ่มสำหรับสวมอยู่บ้านมีสองตัวที่เป็นของเก่าที่มาดามเก็บไว้ตั้งแต่สมัยยังสาวๆ ซึ่งตอนนั้นชอบเสื้อตัวโคร่ง ๆ ใหญ่ๆและเมื่อยิ่งเจอเครื่องซักผ้าเทอร์โบมันก็ขยายได้ไม่เลิกขนาดฝรั่งคีธใส่ยังหลวม...เพิ่มยีนส์เท่ๆ อีกตัว ส่วนกางเกงลำลองอยู่บ้านก็สวมแบบชาวเลที่เจ้าคริสขนมาทิ้งไว้ให้แม่สองสามตัวก่อนไปสวีเดน...ไม่น่าเชื่อว่าคีธจะได้รับมรดกนี่...แต่ไม่ว่าอะไรที่มาดามซื้อมาเค้าก็จะบอกว่า“แพท ไม่ต้อง ๆ เสื้อผ้าอยู่ในกระเป๋าใบนั้น (ที่หายไป) เยอะมากพอแล้ว” อ้อใช่ซินะลืมเรื่องนี้ไปเลยมาดามจึงบอกว่า “ถึงเวลาที่ยูต้องติดตามกระเป๋านั่นแล้วนะ...นั่นเลยโน้ตบุคใช้ได้ตามสบาย...เช็คว่าตอนนี้กระเป๋าจริงๆอยู่ที่ไหน เราจะติดต่อขอรับมันตอนขากลับ”เค้าก็ตอบ “ไม่ต้องแพทขากลับเรามีเวลารอเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี ชั่วโมงเพียงพอที่จะไปติดต่อเรื่องนั้นถมเถเชื่อผม” คุณผู้ชมคิดว่ามาดามควรเชื่อเค้ามั๊ยคะ ที่จริงมาดามตอนนี้ยุ่งสุดฤทธิ์เพราะวันแต่งใกล้เข้ามา....


คีธกินได้ทุกอย่างที่มาดามจัดให้และดูเหมือนจะชอบรสเผ็ดเล็กๆ ปกติเค้าจะต้องเข้านอน 2 ทุ่ม และตื่นตี 4-5 เหมือนมีนาฬิกาปลุกในตัวแต่จริง ๆ เค้าไม่ได้ตื่นเหมือนเรา ๆเค้าต้องปลุกตัวเองให้ตื่นเต็มที่ด้วยกาแฟดำ 3 ถ้วยดื่มไปจนถึง 6 โมงเช้า มาดามจะลงมาเตรียมอาหารเช้าให้เพราะเค้าไม่คุ้นกับครัวไทย ๆ คีธไม่เคยบ่นหรือร้องขอว่าต้องกินนั่นนี่เท่านั้นเท่านี้ มาดามก็จัดให้ตามที่ได้ยินเค้าคุยตอนแชทว่าอะไรที่เค้ากินตอนเช้าพอดีเรากินเหมือนกัน คือ ซุปข้าวโอ้ต-นม ขนมปัง แซนด์วิช มื้อหนักของเค้าคือมื้อเที่ยง ส่วนมื้อค่ำอยู่เมกาเค้าไม่กินแต่มาดามไม่รู้เรื่องนั้นก็จัดพวกต้มซุปแกงจืด ให้เค้ากินเปล่า ๆ ไม่เอาข้าว...


แต่ที่ขาดไม่ได้คือ ไฮเนเก้น และ บุหรี่ แรก ๆ ต้องซื้อ มาโบโร่ยกแพ็คจากร้านขายส่ง ต่อมาหมดมาดามเลยหยิบบุหรี่สารพัดยี่ห้อในร้าน ให้เค้าลองสูบว่ายี่ห้อไหนรสชาติใกล้เคียงเค้าเลือกวันเดอร์ (ตลกดี) ราคาถูกที่สุดในร้าน...ครั้งแรกจัดให้เค้าสูบในห้องเล็กเปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมปิดประตู...แต่พอมาดามเปิดห้องเข้าไปแล้วกลิ่นควันมันยังอบอวลแถมทะลักออกมานอกห้องอีกมาดามจึงให้เค้าออกไปสูบหน้าร้านด้านนอก (จริง ๆ คีธบอกก่อนมาไทยว่าเค้าจะสูบบุหรี่นอกบ้านแต่มาดามคิดว่ามันจะแปลก ๆ ที่ปล่อยสามีไปนั่งสูบบุหรี่หน้าบ้านจึงจัดห้องไว้เป็นห้องทำงานและสูบบุหรี่ของเค้า)…..เรื่องราวของเราสองคนดำเนินมาจนใกล้ถึงวันวิวาห์

21 พฤศจิกายน มาดามต้องไปที่ตลาดเช้าเพื่อซื้อ ของที่จะใช้สำหรับขันหมากโท อันได้กล้วยน้ำหว้าหวี 4 หวี มะพร้าวน้ำหอม 4 ลูก ส้มโอ 4 ลูก ขนมจันอับ 1 คู่ ขนมเปี๊ยะ 1 คู่ ขนมมงคลรวม 9 อย่าง 1 คู่ ส่วน ปลานิลนึ่ง 1 คู่ ไก่ต้มนอนตอง1 คู่ หมูนอนตองต้ม 1 คู่ ชุดนี้ได้เพื่อนคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกันช่วยจัดการต้มให้...ส่วนขันหมากเอกนั้นมาดามซื้อรวมในแพ็คเกจแต่งงานของสยามเฮ้าส์ ซึ่งประกอบด้วย พานสินสอด 1 พานธูปเทียนแพ 1 พานแหวน 1 พานเชิญขันหมาก 1 ทั้งหมดเป็นพานดอกไม้-ใบตองประดิษฐ์คล้ายของจริง (ดอกไม้สดแพงเกินไป) ที่จริงที่นี่ก็มีรับบริการจัดชุดขันหมากโทด้วย แต่ว่า เมื่อคำนวณแล้ว...จ่ายแพงกว่าทำไม?มาดามประหยัดได้พันกว่าบาทเลยซื้อเองส่วนพานสำหรับใส่ทางสถานที่จัดให้อย่างจุใจ....

คืนนี้มาดามต้องเอาลิสต์ทั้งหมดออกมาเช็คอีกครั้งเพื่อดูว่าอาจมีบางอย่างยังไม่เรียบร้อย หรือข้ามไป....มีของหลายอย่างต้องขนใส่รถไว้ตั้งแต่คืนนี้เพื่อ เอาไปใช้ตกแต่งสถานที่จัดงานไม่ให้ดูเรียบโล่งเกินไปเช่น ดอกกุหลาบ ธีม ม่วง-ชมพูพาสเทล, ปอม-ปอมสีชมพู, ผ้าออแกนซ่าสีม่วง-ชมพู และโคมกระดาษสีขาว กรอบรูปตั้งโต๊ะ รวมถึงของใช้จิปาถะบรรดามี....

นอกจากนั้นยังต้องขนกล่องของชำร่วย 50 ชุด ใส่รถไปด้วยเลย ส่วนการ์ดที่จะติดแขวนของชำร่วย มาดามได้ออกแบบแล้วส่งอีเมล์ไปให้น้องสาวพิมพ์ลงการ์ดแข็งหอม ๆ จากที่ทำงานมาเลย เราจะผูกติดกับโบว์กล่องของชำร่วย (กล่องยักษ์) กันในวันพรุ่งนี้


เสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน ทิ้งคีธไว้ที่บ้านคนเดียวส่วนมาดาม และคริส ต้องไปที่ Vicenza สถานที่จัดงานแต่ง แวะรับภาพถ่ายกรอบหลุยส์พรีเว็ดดิ้งที่สตูดิโอ ส่วนขาตั้งไม่เอาเพราะที่จัดงานเตรียมไว้เยอะแล้ว....มาดามนัดให้น้องสาวกับเพื่อนของเธอมาช่วยช่วงหลังเที่ยง...แต่ปรากฏว่างานนี้ได้คุณอารยาบิ๊กบอสของน้องสาว ขนดอกไม้มากมาย และแจกันดอกไม้ยักษ์ 2 คู่พร้อมที่ตั้งและยังมีรถจักรยานสีขาวจั๊วที่มีตะกร้าและดอกไม้สวยสดใสน่ารักมาช่วยประดับสถานที่ให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น...คุณอารยาและน้องสาวของเธอที่มาด้วยกลายเป็นแม่งาน ลงมือทำเองทุกอย่าง และเหนื่อยมากกว่ามาดามซะอีกแต่ดูพวกเธอรู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วย...มาดามรู้สึกขอบคุณพวกเธอจริงๆ...ก่อนจะกลับออกมาก็เช็คความพร้อมของสถานที่กับเจ้าหน้าที่อีกครั้ง...


เราออกจากที่นั่นประมาณห้าโมงเย็นแต่เนื่องจากมาดามขับรถเข้าช่องผิดทำให้วิ่งเตลิดไปในเส้นทางที่หาที่กลับรถไม่ได้จากตลิ่งชันวิ่งยาวไปราชดำเนินและติดแหง็กอยู่บนเส้นนั้นจนถึงหนึ่งทุ่ม...ตายละ...ที่รักของมาดามจะรู้จักหาอะไรกินรองท้องมั๊ยเนี่ยมาดามไม่คิดว่า ณ เวลานี้มาดามจะมาติดอยู่ที่นี่...และที่อยากจะเขกกระบาลตัวเองสักโป้กที่ลืมอุ่นอาหารกลางวันในตู้เย็นไว้ให้คีธ และไม่ได้บอกเค้าด้วยว่ามีอาหารอยู่ในนั้น…เดชะบุญเพื่อนบ้านผู้อารีซึ่งน้องเค้าเปิดร้านนวดแผนไทยอยู่ตรงกันข้ามและสนิทกะมาดามมากกว่าคนอื่น เธอมักจะแบ่งอาหารมาให้มาดามกินเสมอ ๆ วันนี้ก็เช่นกันเธอทำต้มจืดเห็ดหอมแล้วเอามาให้แต่ไม่เจอมาดามคีธก็รับไว้และได้กินแกงชามนั้นกันตาย...

สองทุ่มเศษ ๆ เรากลับมาถึงบ้านประตูร้านปิดแล้วแต่ยังไม่ได้ดึงประตูม้วนลง...มาดามเข้าบ้านไม่ได้เพราะทิ้งกุญแจไว้ให้คีธใช้เผื่อว่าเค้าอยากจะไปที่ตลาด...ไฟปิดทั้งชั้นล่างและชั้นบน....อะไรกันนี่ทำไมวันนี้เค้านอนเร็ว ทุกคืนเค้านอนตอนสี่ทุ่มตั้งแต่ย้ายมาพักที่นี่...มาดามกดกริ่งแล้วรอดูว่าเมื่อไหร่ไฟจะเปิด...เงียบ...มาดามตะโกนเรียกชื่อเค้าหลายครั้ง....เงียบ....เริ่มบ่นๆๆ อารมณ์เริ่มเข้มขึ้น ๆ คนไรวะนอนไม่รู้เรื่อง...แต่ก็คิดว่าเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่เค้ากินก่อนนอนทุกคืนประจำทำให้เค้าตกอยู่ในโหมด Shutdown?

มาดามตัดสินใจขออนุญาตน้องดา บ้านติดกันขึ้นไปที่ห้องนอนของเธอที่ชั้นบนเพื่อออกประตูไปที่ดาดฟ้าที่เชื่อมต่อกับดาดฟ้าบ้านมาดามแล้วทุบประตูเรียกคีธหลายครั้งแต่ก็เงียบอีก...มาดามกลับลงมา...ยืนคิดจนหัวแทบแตก...ค่อยนึกได้ว่ามาดามบอกคีธให้ย้ายไปนอนห้องของมาดามซึ่งอยู่ด้านหลังของบ้านเพราะคืนนี้เจ้าคริสและหลานสาวอีกคนของมาดามจะมาค้างที่นี่เราจึงต้องการห้องใหญ่...มาดามจึงเดินไปหาเด็กหนุ่ม ๆ ที่ร้านขายอาหารเยื้อง ๆ บอกให้ช่วยปีนกำแพงรั้วหลังบ้านไปเคาะหน้าต่างเรียกคนให้หน่อย (ดีที่บ้านมาดามอยู่ติดกับหลังสุดท้ายที่เจ้าของไม่ได้ต่อหลังบ้านจนเต็มจึงสามารถขึ้นกำแพงแล้วเดินไปแค่ล็อคเดียวก็ถึงหลังบ้านมาดาม...หนุ่มน้อยเรียกคีธแต่ก็เงียบ...ในที่สุด เจ้าคริสโมโหสุดเหวี่ยงปีนกำแพงเดินตามเด็กหนุ่มนั่นไปแล้วย่ำไปบนหลังคาในครัวปีนไปยืนบนกันสาดที่ยื่นออกมาประมาณเกือบฟุตแล้วทุบหน้าต่างเสียงสนั่นหวั่นไหว...นั่นแหละคีธถึงได้ตื่นขึ้นมา...ที่ตลกคริสเล่าตอนหลังว่าคีธตื่น ลุกขึ้นนั่ง และพยายามมองที่หน้าต่างว่าเกิดไรขึ้น ซึ่งมันก็ออกจะมืด ๆ แต่เสียงแป๋น ๆ ของว่าที่ลูกเลี้ยงทำให้เค้าจำได้เค้าก็เลยพยายามจะเปิดหน้าต่างคริสยิ่งโมโห ตะโกนใส่ “ไม่ใช่ตรงนี้...โน่นไปเปิดประตูบ้าน” เหนื่อยมั๊ยล่ะท่านผู้ชม!

ก่อนคีธจะกลับไปนอน มาดามบอกเค้าว่า “พรุ่งนี้เช้ายูสวมชุดเข้าพิธีเช้าที่ไอแขวนไว้นี่ไปเลยนะ ส่วนอีกชุดไอจะเอาไปด้วยสำหรับเปลี่ยนที่โน่น” ไม่พอมาดามยังสั่งเจ้าคริสแบบเดียวกันให้เพื่อช่วยเช็คคีธก่อนที่จะออกจากบ้านตามมาดามพรุ่งนี้...ก่อนนอนคืนนี้มาดามเปิดลิสต์ขึ้นมาเช็คความเรียบร้อยอีกเป็นรอบสุดท้าย เผื่อว่าลืมหรือข้ามอะไรไป แล้วก็ขนสิ่งที่จะนำไปด้วยในวันพรุ่งนี้ไปใส่ในรถไว้เลย ชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาว 3 ชุด พร้อมเครื่องประดับ  รองเท้า ชุดผ้าปูเตียงวาง กล้อง Nikon ซีดีพรีเซนเทชั่น...ไว้เบาะหลัง ส่วนของที่จะจัดขันหมากใส่ไว้กระโปรงหลัง ยกเว้น ปลา หมู ไก่ แช่ในตู้เย็นไว้ก่อน เช้าค่อยขนใส่รถ บอกตัวเองว่าต้องไม่ลืม...ต้องไม่ลืม...ต้องไปนอนแล้วจ้ะ...

คีธจะทำอะไรเปิ่น ๆ ในวันวิวาห์....โปรดติดตาม...

ตอนที่ 11 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (สมรส-สมรัก ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ)

คลิกไปอ่านเรื่องอื่น  ๆ ของมาดาม ได้ที่นี่จ้า






 

Create Date : 12 กันยายน 2558   
Last Update : 25 กันยายน 2558 9:35:05 น.   
Counter : 1913 Pageviews.  


ตอนที่ 9 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (เกิดอะไรขึ้นในวันถ่าย Pre-wedding)

ตอนที่ 9 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย 

เกิดอะไรขึ้นในวันถ่าย Pre-wedding

วันที่ 14พฤศจิกายน 2014 มาดามมารับที่รักแล้วพาไปที่สตูดิโอบนถนนศรีนครินทร์มาดามเลือกที่นั่นเพราะสะดวก และมีชุดให้เลือกเยอะที่สำคัญตอนที่มาดามกับเจ้าคริสไปครั้งแรก พวกน้อง ๆ ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ขนชุดมาให้ลองแบบไม่อั้นเรียกว่าลองกันไม่หวาดไหว มาดามเซ็นสัญญาวางมัดจำวันนั้นเลย

แตกต่างจากที่แรกที่มาดามอุตส่าห์ดั้นด้นไปถึงถนนรามคำแหงที่นั่นอยู่ในซอกซอยที่หายาก..ขอเล่านิดเถอะ เพื่อจะได้เห็นความแตกต่างนะ….ที่ร้านนั้นพอเราไปถึง ก็เจอ “ผู้ฉิง” เฝ้าร้านอยู่ สวมกางเกงสั้น สบาย ๆหลังจากถามไถ่และบอกความต้องการว่าจะมาดูชุดไทยพิธีเช้า และชุดเจ้าสาวตอนกินเลี้ยงว่าพอจะมีแบบที่ชื่นชอบหรือเปล่า แล้วค่อยดูแพ็คเก็จที่หลัง....เธอก็เดินไปนำชุดไทยมาสามชุด“เนี่ยค่ะสามชุดนี้สำหรับพิธีเช้า แต่ถ้าไม่ถูกใจ ก็ต้องสั่งตัดค่ะโดยเพิ่มเงินจากแพ็คเก็จอีกหนึ่งหมื่นบาทต่อชุดผ้าก็จะเป็นผ้ายกแบบนั้น” ชี้ไปที่สวมอยู่ในหุ่น... “ว้าว แพงจัง” มาดามอุทาน “เฉพาะแค่ผ้ายกชิ้นหนึ่งยังไม่รวมค่าตัดก็สามหมื่นแล้วค่า..” มาดามเลยถามว่า “งั้นขอลองหน่อยได้มั๊ยคะว่ามันจะพอดีหรือว่าออกมาเป็นไง” เธอก็ตอบว่า “ได้ค่ะ แต่ถึงจะคับจะหลวมเราก็จะปรับแก้ให้พอดีเป๊ะค่าไม่ต้องห่วงเรามืออาชีพค่า” ว่าแล้วเธอก็หันมาคว้าแขนเจ้าคริสจะพาไปห้องแต่งตัว...เจ้าคริสขัดขืนดึงแขนกลับแล้วชี้มาที่มาดาม“นู่นค่ะ คนนู้นที่จะแต่งงาน”

...เธอทำท่าผิดคาดนิด ๆ เพราะใครๆ ก็ต้องคิดว่าแม่พาลูกสาวมาดูชุด...แต่นี่กลับตาลปัต ยายแม่ แต่งเอง! แต่ก็ทำเนียน“อุ๊ยตายละ คงแต่งกับฝรั่งซิคะคุณแม่” ดูเธอช่าง “แสนรู้” ซะจริง ๆ….มาดามลองมันทั้งสามชุดนั่นเลยเธอก็ช่วยจัดชุดให้พอดี เพราะมันหลวมโคร่ก ใส่เครื่องประดับ เอารองเท้ามาให้สวมจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย...มาดามใจชอบชุดสีชมพู แต่เก่าเกินไป ส่วนชุดผ้ายกหน้านางแดงเกาะอกขาวเอาไม่ได้เลย เห่ยมาก...มาถึงชุดผ้ายกหน้านางสีเขียวทอง เกาะอกสีครีมอันนี้สวยและยังใหม่คิดว่านี่ใช้ได้ให้ลูกถ่ายรูปไว้ตอนลองทั้งสามชุดเพื่อตัดสินใจ...ครั้นพอถามหาชุดกินเลี้ยงชีก็ชี้ไปที่ราวบอกว่าอยู่ตรงนั้นทั้งหมด แต่ไม่ยอมเอามาเสนอ และจริง ๆมันถูกแขวนมิดชิดในถุงกันฝุ่นมองไม่เห็นไรเลย แค่แหวก ๆ เห็นอกเสื้อ...อาการชีเหมือนไม่อยากจะได้มาดามเป็นลูกค้ามาดามเลยขอตัวกลับออกมา....มาดามคิดว่า ทำไมดูชีเหมือนไม่อยากขายบริการ...รึว่าชีไม่เชื่อว่ามาดามจะได้เข้าพิธีจริง?

เอาละกลับมาที่ Wedding Studio วันนี้มีนัดตอนเก้าโมงเช้า คริสเดินทางมาสมทบ เริ่มจากการ การเลือกชุดที่จะใส่ถ่ายทั้งในและนอกสถานที่จริง ๆ มาดามเล็งของคีธไว้แล้วว่ามีสีไหนบ้างแค่ต้องมาลองว่าขนาดไหนคับหรือหลวมไปน้อง ๆ ก็จะแก้ไขหน้างานเลย แบบว่ายืดได้ หดได้ จากนั้นมาดามก็ถูกแต่งหน้าทำผมโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเองในกระจก จนกว่าช่างจะบอกว่า “เสร็จแล้วค่ะ”ระหว่างที่แต่งหน้า คีธกับคริส ก็คุยกันอย่างออกรส เล่นกันเสียงดังลั่นดีที่ไม่มีคู่อื่นมาใช้บริการ ที่สตูฯ มีขนมและน้ำหวานเตรียมไว้ให้ไม่อั้น สองคนนั่นกินกันอย่างอร่อยไม่พอ...คริสออกไปซื้อลูกชิ้นทอดมากินกับคีธ มาดามได้แต่สูดกลิ่นกินไรไม่ได้เพราะโดนตรึงอยู่บนเก้าอี้เสริมสวย...ถูกทึ้งหนังหน้าจากการลงรองพื้นแบบป้ายแล้วใช้นิ้วปาด ป่าด ๆๆๆ แถว ๆ ใต้ตาอ่ะ (คิดในใจ โอยยยย ผิวฉาน ๆ อุตส่าห์ทะนุถนอมมาแรมปี จะยานก็คราวนี้เป็นแน่ จะกู่กลับมั๊ยน้อ?...) แต่เพื่อความสวยจำต้องยอม....


พอแต่งเสร็จช่างยื่นกระจกให้มาดามเช็คดูหน้าตัวเอง....โอ พระเจ้าช่วย...อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก...จะพูดยังไงดี มาดามไม่เคยเห็นตัวเองในแบบนี้มาก่อนและไม่คิดว่าจะมีโอกาสถูกทำให้ “หนังหน้า ยับย่น” ได้ขนาดนี้คุณผู้ชม...เคยเห็น “หนังควาย” มั๊ยคะ...หนังควายมันจะหนาและย่น ๆ...ช่างหันไปถามความเห็นของสองคนนั่นคริสบอก ก็สวยดีนะแม่ คีธก็บอกโอเค ช่างก็หว่านล้อม พยายามทำให้มาดามสบายใจ “คุณพี่...ทุกคนก็แต่งแบบนี้ละค่ะพอเข้ากล้องแล้วจะสวยงามมาก ถ้าคุณพี่จะให้แต่งน้อยกว่านี้ ถ่ายรูปออกมาจะไม่สวยจะจืดชืด เรามืออาชีพ ทำมานานแล้วนะคะออกมาสวยทุกคนคุณพี่อาจไม่ชินกับการแต่งหน้า...” อืม..คงงั้น...แต่ไอ้เจ้าคิ้วอุบาทว์นี่ลืมบอกช่างว่าไม่เอาแบบที่แต่งให้คนอื่น คิ้วบ้าคิ้วบออะไร ดำเข้มจากตรงกลางไปหาปลายส่วนกลางไปถึงหัวคิ้วจางแบบต่างเฉดเยอะมากมาดามเห็นที่เค้าลงในเว็บแล้วไม่ชอบแต่ก็ลืมบอกข้อนี้...มาดามรำพึงรำพันออกมาเบา ๆว่า “ล้างออกได้มั๊ย” ช่างบอก “ถ้าคุณพี่อยากจะล้างจริงก็ได้แต่ว่าคุณพี่ต้องแต่งหน้าใหม่เองนะ” เล่นมุขนี้เลย...

คริสช่วยกู้สถานะการณ์ “แม่เอาเถอะสวยนะ” ปกติลูกเราเป็นพวก ลูกอิช่างติ แต่ไฉนวันนี้ไม่...มาดามเลยต้องโอเคพร้อมถ่ายทำ...ส่วนคีธไม่ยอมรับบริการแต่งหน้า เค้าไม่ชอบ...น้อง ๆเตรียมชุดลำดับที่หนึ่งไว้ให้ในห้องเปลี่ยนชุด...และช่วยมาดามสวมชุดเสร็จแล้วขึ้นไปที่ชั้นบน..สตูดิโอ...จะมีน้องผู้หญิงอีกคนมาช่วย “กำกับบท”ต้องโพสต์ท่าไหน ยังไง....ก็ท่าเดิม ๆ จนมาดามเบื่อ ๆ เล่นท่าของตัวเองที่น่าจะออกมาเป็นธรรมชาติมากกว่าการเก็กท่า....ช่างกล้องมีสองคนๆ หนึ่งถ่าย อีกคนช่วยกำกับฉาก จัดเสื้อผ้า หน้าผมให้คีธ...ระหว่างการถ่ายทำ...คีธไม่ยอมละสายตาไปจากใบหน้าของมาดามและทำตาเชื่อมตลอดเวลา จนต้องถามว่าทำไมมองแบบนั้นไม่เลิก “ก็คุณสวย มากกว่าตอนอยู่ข้างล่างนั่นอีก” คือคำตอบ เมื่อเราสองคนยืนอยู่กลางแสงสปอร์ตไลท์ทุกอย่างดูดี สาวสวย หนุ่มหล่อ...น้องผู้ชายคนกำกับฉากพอจัดปกเสื้อให้หนุ่มคีธเสร็จก็เดินมาหามาดามเอ่ยปากว่า “พี่ครับเขาหล่อมากจริงๆ ผมงี้อิจฉาเลย” ระหว่างถ่ายทำ 3 ชุดพวกเราก็สนุกสนานเฮฮา เพราะคีธ บางครั้งทำ "เกินบท” บางครั้งก็ทำท่าตลก ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะตอนแสดงท่าจะหอม ผู้กำกับบอกอย่าให้จมูกชนแก้มแต่เค้าไม่สามารถทำได้ ชนอยู่นั่นแหละ....คริสต้องมาช่วยแปลและทำท่าให้ดูหลายครั้ง

กว่าจะถ่ายในสตูดิโอเสร็จก็ปาไปบ่ายสามโมงมาดามต้องกินขนมรองท้องก่อนออกไปถ่ายนอกสถานที่ ซึ่งเราเปลี่ยนจาก สวนหลวง ร.ไปเป็นสถานตากอากาศบางปูแทน....หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาวสีขาวเลือกเอาตัวแขนสี่ส่วน เพราะกลัวความร้อน (คิดว่ามันจะช่วยได้บ้าง) และคิดว่ามันน่าจะดูดีกว่าที่มีลูกไม้บางๆ ปิดอก เพราะไม่มี “อะไร” จะโชว์....กองคาราวานก็แห่กันไปที่นั่นสองคันรถของมาดามมี “น้องผู้กำกับ” นั่งไปด้วย ที่เหลือไปรถช่างภาพมาดามต้องจ่ายเงินค่ารถให้ช่างภาพด้วยละ...แปลกแต่ก็ขี้เกียจซักไซ้ ทำให้มันจบ ๆไป....


เวลาสี่โมงเย็นผู้คนเริ่มทยอยมาเที่ยวพักผ่อนเพื่อดูนกนางนวลที่ สะพานสุขตา...ศาลาสุขใจ คู่มาดามเลยเป็นคนแปลกมาเดินลากชายกระโปรงบนสะพาน ทำท่าโน้นท่านี้ ตามที่ผู้กำกับบท บอก ก็ซ้ำ ๆ เดิม ๆ แหละ...มาดามก็ต้องควัก บทส่วนตัวออกมาใช้สลับกันไป ก็สนุกดี ทำบ้า ๆ บอ ๆ เจ้าคริสก็ชอบถ่ายรูปตอนที่แม่บ้าบอ เมื่อเอาภาพมาดูแล้วมาดามก็ชอบจริง ๆ...พวกเราย้ายโลเคชั่นไปอีกที่ไม่ไกลนัก ตรงนั้นเป็นบึงน้ำเล็ก ๆ เงียบ ๆ มีสะพานไม้ผุ ๆ พัง ๆ ทอดไปในน้ำ..เราสองคนต้องไต่กระย่องกระแย่งทำตัวให้เบาหวิวที่สุด เพื่อชักภาพบนนั้น...แล้วมาดามก็ขอ “ภาพพิเศษ” ปิดท้ายด้วย “ฉากโรแมนติกกลางถนน” หนุ่มคีธบรรจงจุมพิตที่นลาฏ...ภาพนี้คิดเองว่ามันเหมาะกับโลเคชั่น...ภาพออกมาดีมากแต่ไกลไปนิด....ก็มันเป็นภาพที่ “คุณพี่ขอร้อง” คุณน้องเลยต้อง “จัดให้” แต่ไง๋ไม่ยอมเดินมาให้ใกล้ ๆ กะจะเอาวิวฟากฟ้าและสองข้างทางของถนนนั่นเลย

วันที่ 15พฤศจิกายน 2014 ฉลองวันเกิดให้ “ที่รัก” ของมาดามตามแผนที่เตรียมไว้ คริสมาที่บ้านมาดาม แล้วเราก็ขับไปรับคีธที่แมนชั่นเพื่อไปกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารริมทะเลขบางปู ชื่อ “สายลมบางปู” ที่มาดามเคยไปกินบรรยากาศสองครั้งและออกจะชื่นชอบมากแต่ว่าครั้งนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากมายก่ายกอง...ไม่มีที่นั่งสำหรับเราแม้ว่าทางร้านจะขยายพื้นที่ให้บริการออกไปอีกราว 30% แม้แต่ ส้มตำ ยังผลิตด้วย “เครื่องทำส้มตำ” แทนน้ำมือของคน คริสต้องไปยืนรอเข้าคิวที่ยาวเหยียดเพื่อรับโต๊ะ...รอกันสักพักใหญ่ก็ได้ที่สำหรับสี่คนนั่ง...อาหารอร่อยแต่โต๊ะที่ได้อยู่ในที่ ๆ คนเดินผ่านไปมา

ระหว่างที่กินกันไปคุยกันไปคริสก็ถามคีธว่า “ทำไมยูไม่พาแม่ไอบินไปพร้อมกันเลยล่ะ?” คำตอบคือ “รอยื่นคำขอวีซ่าก่อนน่าจะสามเดือนก็ได้แล้ว....บรา บรา ๆๆ” คริสก็เสนอว่าทำไมไม่ขอวีซ่าท่องเที่ยวเดี๋ยวนี้ได้เร็วแค่ 7 วันเอง...คีธถึงกับทำตาโต “จริง ๆ เหรอ?...ไอไม่รู้มาก่อน คิดแต่ขอวีซ่าคู่สมรส K-3” คำตอบคือ “จริ้ง ไอทำมาแล้วสามเดือนก่อน นี่เพิ่งจะกลับจากสวีเดน” ... “เยี่ยม โอเค แพทเราจะบินไปด้วยกันด้วยวีซ่าท่องเที่ยว” ไชโย!

ค่ำนั้นมาดามอนุญาตให้คีธย้ายเข้าบ้านมาดามได้โดยไม่ต้องรอหลังงานแต่ง เพราะมาดามเริ่มไม่สะดวกในการรับ-ส่ง และที่สำคัญมาดามพบว่า เค้าลำบากเรื่องอาหารการกินค่อนข้างมาก...หนุ่มคีธดีใจสุด ๆ....มาดามยกห้องนอนให้เค้า ส่วนตัวเองไปนอนที่ห้องเล็ก....คืนนั้นรีบเข้าเว็บสถานทูตอเมริกาเพื่อกรอกใบสมัครออนไลน์ และเช็ควันเวลาคิวสัมภาษณ์ที่ยังว่างอยู่และดำเนินการชำระเงินค่าธรรมเนียมที่ธนาคารในวันรุ่งขึ้น....มาดามได้คิวสัมภาษณ์เร็วที่สุดคือวันที่ 24 พ.ย. แปลว่าหลังวันแต่งงานมาดามต้องวิ่งโร่ไปรับการสัมภาษณ์ที่สถานทูตอเมริกาแล้ววันต่อมาก็บินไปฮันนีมูนที่เกาะช้าง...ถ้าวีซ่ามาสามารถออกให้ได้ภายใน 7 วันจริง มาดามก็สามารถบินไปพร้อมคีธ ในวันที่ 7ธันวาคม...ดังนั้นทุกอย่างต้องไม่มีอะไรผิดพลาด.....ด้านคีธก็เสิร์ชหาตั๋วเครื่องบินจากเอเย่นต์ที่มีตั๋วไฟล์ทเดียวกับเค้า วันและเวลาเดียวกัน ซึ่งก็ได้ที่ Orbitz…เค้าไม่จองผ่าน เอ็กซ์พีเดียอีกแล้ว เข็ดแล้ว...

โปรดติดตามเราต่อไป....คีธยังก่อเรื่องไม่เลิกแม้...ในวันแต่งงาน...

คลิกอ่านตอนที่ 10

คลิกไปอ่านเรื่องอื่น  ๆ ของมาดาม ได้ที่นี่จ้า





 

Create Date : 10 กันยายน 2558   
Last Update : 12 กันยายน 2558 21:41:28 น.   
Counter : 2423 Pageviews.  


ตอนที่ 8 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (แม้แต่จดทะเบียนสมรสก็ยังพบความลำเค็ญ)



ตอนที่ 8 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย 

แม้แต่จดทะเบียนสมรสก็ยังพบความลำเค็ญ

13 พฤศจิกายน 2014….หลังจากผ่านความรันทดมาหลายด่านได้อย่างชนิดใจหายใจคว่ำ...คิดว่ามาถึงที่นี่แล้วอะไรๆ จะปลอดโปร่งโล่งตลอด เพราะได้เตรียมทุกอย่างมาเป็นอย่างดี ยกเว้น พยาน 2 คน ซึ่งครั้งแรกตั้งใจจะให้คริสมาด้วยแต่ก็เกรงว่าจะลำบากเธอมากเกินไป ต้องแล่นตามไปโน่นไปนี่อยู่เรื่อยประกอบกับได้สืบค้นพบว่าถ้าคู่ที่จะจดทะเบียนไม่ได้ “หนีบ”พยานมาด้วยทางอำเภอก็จะจัดเจ้าหน้าที่แถว ๆ นั้นช่วยมาเป็นพยานรัก...และก็ไม่มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนแต่อย่างใด


เอกสารที่เตรียมมา ส่วนของมาดามได้แก่ บัตรปชช. ทะเบียนบ้าน ส่วนของคีธ มี สำเนาพาสพอร์ต และหนังสือรับรองโสดฉบับแปลเป็นไทยที่ประทับตราจากกรมการกงสุล....ด้านในไม่มีผู้ใช้บริการคู่อื่นเพราะเย็นมากแล้ว

ขั้นตอนที่ 1 รับเรื่อง: มาดามแจ้งความประสงค์ต่อนายทะเบียนโดยลงชื่อในคำร้องตามแบบ คร.1ที่นายทะเบียนเป็นผู้บันทึกข้อความ และจัดพิมพ์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ให้

ขั้นตอนที่ 2. ตรวจสอบหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง: เจ้าหน้าที่ก็ขอเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบและถามหาพยาน มาดามบอกไปว่าไม่มีพยานมาด้วย

ขั้นตอนที่ 3. นายทะเบียนตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ร้องทั้งสองฝ่าย: ในขั้นตอนนี้เราสองคนถูกนิมนต์ไปนั่งในห้องทำงานปลัดหญิง.... ไม่รู้เวรกรรมไรอีก...ปลัดอำเภอหญิงผู้ซึ่งดูอ่อนเยาว์กว่ามาดามหลายปี ชีพูดว่า “นี่มันสี่โมงเย็นแล้วนะทำไมมาจนป่านนี้ มาพรุ่งนี้ดีกว่ามั๊ย” (มาดาคิดในใจ อ้าวนี่วอนอีกคนมั๊ยล่ะอารมณ์เน่าเพิ่งจะจางไปตะกี๋เอง...จดทะเบียนสมรสมันจะใช้เวลามากมายเกินชั่วโมงเลยรึ...แต่มาดามไม่สามารถพ่นวาจาเช่นนั้นออกมาได้ “โธ่คุณปลัดขานี่ก็เดินเรื่องมาทั้งวันตั้งแต่เช้ามืดเมื่อวานแล้วละค่า... กะว่าวันนี้ต้องจบเพราะทุกอย่างถูกจองวันเวลาไว้เป๊ะแล้วเราถูกจำกัดด้วยเวลาจริง ๆ ค่า... ช่วยหน่อยนะ...เห็นใจคู่รักวัยทองเถอะนะคุณปลัดขา” โอ้ย ๆ...นี่ใช่ฉันจริงๆ รึนี่ เกิดมาไม่เคยต้องอ้อนวานใครขนาดนี้


ชีบ่นไปพลิกเอกสารไปมาแปดสิบตลบสลับกับการซักฟอก...ทำอาชีพอะไร? เจอกันยังไง?นานแค่ไหน? รู้จักกันดีพอหรอ?แล้วจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหน? ฯลฯ ชีเรียกมาดามโดยใช้สรรพนามว่า “เรา” อย่างงั้นเราอย่างงี้ ราวกับว่ามาดามเป็นลูกน้องหรือไม่ก็เด็กนักเรียนในสังกัดของเธอก็ไม่ปาน มาดามแอบคิดว่า “เอ..รึว่าหน้าฉันดูอ่อนเยาว์เกินไปโอ๊ะไม่ซิ เธอมีหลักฐานแสดงอายุอานามของเราอยู่ในมือแล้วไง...เอาน่ะ ทน ๆ ฟังไปก่อน วันนี้ต้องยอมให้เธอ” มาดามไปติดต่อราชการงานเมืองก็บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยมีใครที่ไหน “ถือวิสาสะ” กับสตรีสูงวัยเช่นนี้เลย หุหุ...

...เมื่อได้ยินคำตอบว่า...เราคบกันมาสี่เดือน...แค่นั้นแหละพระเดชพระคุณท่าน...ชีบอกว่า “โอ้ยแค่สี่เดือนเองอ่ะ? แล้วจะอยู่กันยืดเร้อ? ถ้างั้นปลัดคงจดทะเบียนให้ไม่ได้หรอก อย่างน้อยควรรู้จักกันซัก 6 เดือน สมัยนี้คู่ผัวเมียแต่งงานกันง่าย ๆ แล้วก็อยู่กันไม่ยืด”  เอาแล้วชีวิตเริ่มพบความลำเค็ญอีกครั้งรึนี่... “โธ่ คุณปลัด เราสองคนไม่ใช่เด็กหนุ่มๆ สาว ๆ เราต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนอายุกว่าห้าสิบปี พวกเราเหลือเวลานิดหน่อยสำหรับชีวิตบั้นปลายเราคิดแค่หาความสุข ไม่แสวงหาความทุกข์ ละทิ้งตัวตน คุณปลัดก็น่าจะยินดีและสนับสนุนให้คนแก่สองคนได้ครองคู่กันอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพราะยังไง เราก็มีพิธีแต่งงานกันอีกสิบวันข้างหน้านี้แล้วค่า...” เธอเงียบไม่รู้คิดไรอีก..


ชีหันไปสปีคอิงลิชกับมิสเตอร์คีธ เกรกรอรี่ ฟราย... “ทำไมยูถึงรักเธอ” คำตอบ “เพราะเธอน่ารักน่ะซิแถมยังเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายควรมีไว้เป็นเมีย” ก๊ากกกก...ตอบได้ดีมากจ้ะที่รักทำเอาปลัดหญิงอึ้งไปเลย...ชียังไม่เลิกพลิกเอกสาร พลิกแล้วพลิกอีกอยู่อย่างนั้น ทำท่าหน่วงเหนี่ยว...แต่มาดามแค่เงียบ ๆ รอดูว่าเธอจะตัดสินใจยังไง สักพักก็พูดว่า “เดี๋ยวปลัดจะไปขออนุญาตท่านนายอำเภอขอเป็นคนลงนามในเอกสารทะเบียนสมรสเองปกติแล้วปลัดจะมีอำนาจเฉพาะตอนที่นายอำเภอไม่อยู่” เย่ส!! ชีหมายความว่าชีอยากมีลายเซ็นประดับไว้ในใบทะเบียนสมรสและใบสำคัญการสมรสของเราสองคนว่างั้นเหอะ...ก๊ากกกอีกที...อารมณ์ไหนนี่ ฉันตามผู้หญิงคนนี้ไม่ทันจริงๆ เริ่มสงสัยว่าชียังโสดอยู่หรือไร “เดี๋ยวต้องใช้เจ้าหน้าที่เป็นพยานสองคนนะรบกวนช่วยค่าขนมน้อง ๆ 500 บาท จริง ๆปลัดไม่มีส่วนได้เสียหรอกนะ” เราตอบ “โอเค ไม่มีปัญหาค่ะคุณปลัด” ควักแบ้งค์ 500 ให้ชีไป ชีก็บอกให้คอย เดี๋ยวกลับมาจะขึ้นไปหานายอำเภอก่อน

ขั้นตอนที่ 4. ลงนามในการจดทะเบียน/ลงนามในเอกสาร คร. 2, คร. 3

ประมาณ 10 นาทีชีก็กลับลงมา พร้อมหนังสือมอบอำนาจให้เธอกระทำการแทน....คราวนี้น้ำเสียงของเธอเปลี๋ยนไป๋ ไม่แฝงไว้ด้วยอำนาจ...ฟังคล้ายจะมีความยินดีกับคู่สมรสใหม่ (สว..สูงวัย) ชีให้เราสองคนลงลายมือชื่อในเอกสารเหล่านั้น แล้วตัวเองก็บรรจงลงลายมือชื่อแบบว่าอย่างพิถีพิถันเลยแหละเพื่อให้ดูดีเป็นสง่าราศรีแก่ทะเบียนฯของมาดาม ไม่ช้ามาดามจะพาลายมือชื่อของคุณปลัดหญิงบินไปเที่ยวเมกา..อย่างไรก็ตาม เราสองคนก็ขอถือโอกาสกล่าว “ขอบคุณ” คุณปลัดหญิงไว้ ณ ที่นี่ค่ะ จริง ๆ มาดามดีใจนะที่คุณปลัดอยากเซ็นชื่อในทะเบียนสมรสของเรา ด้วยตัวเองเพราะถือว่าสุดท้าย เธอให้เกียรติเราสองคนอย่างจริงใจ...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


เราออกจากอำเภอ มาประมาณหกโมงครึ่ง ตะวันกำลังจะลับฟ้า ตรงนั้นเป็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา มาดามพาคีธไปเดินปลดปล่อยอารมณ์ที่นั่น ชมตะวันตกดิน ดูเรือสินค้าแล่นผ่าน ฝูงนกโผผินบินวนเวียน...สายน้ำและสายลม ทำให้มาดามผ่อนคลาย และสดชื่นขึ้น...เราเดินจูงมือกันลงไปที่สะพานที่ลอยอยู่ริมแม่น้ำ...มาดามทำท่าจะผลักเค้าตกน้ำ คีธก็ดูจะกลัว ๆ....เราพูดคุยหยอกล้อเล่นกันสักพัก ได้เวลาต้องกลับ...พรุ่งนี้เราสองคนมีคิวถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งวันทั้งในและนอกสถานที่ (ภาพประกอบ: ถ่ายรอบ ๆ บ้านมาดามจ้ะ)

จะเกิดอะไรขึ้นกับมาดามอีกในวันถ่ายพรีเวดดิ้ง??? เชิญติดตามอ่านต่อ

ตอนที่ กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (เกิดอะไรขึ้นในวันถ่าย Pre-wedding)

คลิกไปอ่านเรื่องอื่น  ๆ ของมาดาม ได้ที่นี่จ้า

Smiley





 

Create Date : 09 กันยายน 2558   
Last Update : 11 มิถุนายน 2559 9:15:51 น.   
Counter : 1636 Pageviews.  


ตอนที่ 7 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (Where Are You Right Now?)

ตอนที่ 7 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (Where Are You Right Now?)

10 พฤศจิกายน 2014 มาดามและลูกสาวกำลังรอคอยการมาของว่าที่เจ้าบ่าวที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่วันนี้มาถึงเร็วกว่า... สองคนแม่ลูกจึงมีเวลาเดินเล่นและถ่ายรูปกับยักษ์ไว้เป็นที่ระลึก มาดามไม่ลืมที่จะทำป้ายชื่อมาด้วย และซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ทเพิ่มอีกหนึ่งวัน“เราต้องได้พบกันแน่”มาดามรำพึง....พอใกล้เวลาเครื่องลงเราสองคนปักหลักคอยอยู่ที่ Tourism Authority ที่ ๆ ส่งไลน์ไปแจ้งเค้าไว้เมื่อวันวาน คิดว่าเขาต้องเห็นข้อความนั้นตอนเปิดมือถือเมื่อถึงสนามบินอินชอน-เกาหลีแต่ก็ยังอดสงสัยเล็กๆ ว่าช่วงที่รอต่อเครื่องมาไทยทำไมเค้าไม่ส่งข่าวมาหาบ้างนะหรือว่ามือถือของเค้าใช้ไม่ได้หลังจากออกนอกสหรัฐอเมริกา...ไม่น่ะ...ตอนมาดามไปเที่ยวลาวของมาดามก็ใช้ได้ดีเด่ขอเพียงมีอินเทอร์เน็ทจะซื้อแพ็คเกจหรือใช้วายฟายของสถานที่นั้น ๆ ก็ใช้ได้ และโดยเฉพาะที่แอร์พอร์ตจะมีจุดบริการคอมพิวเตอร์พร้อมอินเทอร์เน็ทให้ลูกค้าสามารถนั่งใช้ได้...


มาดามชะเง้อคอยาวตลอดเวลาหลังจากเช็คว่าเครื่องลงแล้วดูที่ทางออก ดูในจอสกรีนยักษ์ของแอร์พอร์ตมาดามเห็นทุกคนที่เดินออกมา...เอ๊ะ...คนนั้นรึเปล่า? ไม่ใช่...พวกเขาเดินดุ่มๆ เหมือนคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี...คนอื่น ๆ ที่มารอรับญาติพี่น้องเพื่อนฝูงลูกค้า ฯลฯ ก็ร้องตะโกนทักทายกัน กอดกัน แล้วก็พากันเดินออกประตูไป...คนแล้วคนเล่า...กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า..ไม่รู้กี่ไฟล์ทต่อกี่ไฟล์ทที่ได้คิวลงจอดและผ่านกระบวนการต่าง ๆ ของสนามบิน จนกระทั่งเดินออกประตูมา...แต่ทำไมนะ...ทำไมมาดามจึงไม่เห็นวี่แววของผู้ชายคนนั้น...คนที่กำลังจะมาเข้าพิธีแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...คนที่ให้สัญญาหลายอย่างเป็นมั่นเหมาะ...แม้แต่เมื่อวานก็ยังสัญญาว่าจะอยู่ที่นี่...วันนี้...เวลานี้....เกิดอะไรขึ้นกับเค้ากันแน่นะ?...มาดามเริ่มอยู่ไม่ติด เดินไปชะเง้อ ตรงนั้น ตรงนี้ ส่งข้อความ...ส่งอีเมล์...แต่ทุกอย่าง “เงียบ” มองไปรอบ ๆ เผื่อจะมีผู้ชายสักคน ที่ทำท่ายืนรอใครบางคนอยู่ในเวลานั้น...ต่อให้หน้าตาไม่เหมือนเค้า มาดามก็คิดว่าจะเข้าไปถามว่าคุณมายืนรอแพทหรือเปล่า....แต่ไม่มีจริงๆ....นาทีนี้รู้สึก ชีวิตนี้แทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ชื่อเสียง เกียรติยศที่หวงแหนเป็นนักหนา ตลอดที่ครองความโสดมายี่สิบกว่าปี กลับจะมาย่อยยับเอาตอนแก่หรือนี่....ผู้หญิงที่ตลอดชีวิตไม่เคย“ผิดหวัง” มาก่อน..แต่ตอนนี้...ผู้คนคงหัวเราะเยาะ และสมน้ำหน้า!

แต่เอ๊ะ....เริ่มสังหรณ์ใจหรือว่าเค้าจะเป็นอะไรไประหว่างเดินทาง? เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์เค้าบ่นว่าปวดเกร็งที่กล้ามเนื้อมากผิดปกติ เมื่อไปพบแพทย์ตรวจสุขภาพ พบว่ามีปริมาณโปแตสเซี่ยมเกินเกณฑ์ที่มนุษย์ควรมีในร่างกายและแพทย์แนะนำว่าเมื่อมาถึงเมืองไทยให้รีบไปตรวจเช็คอีก...ตอนนั้นมาดามก็บอก งั้นเมื่อมาเมืองไทยมาดามจะดูแลเรื่องอาหารไม่ให้มีโปแตสเซี่ยมเลยละกัน...ด้วยความกังวลตอนนั้นมาดามจึงค้นในอินเทอร์เน็ท...โอว! นี่ไม่ใช่เล่นๆ การมีโปแตสเซียมเกินในร่างกายต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้เสียชีวิต...วิธีที่จะลดปริมาณคือ ไม่รับเข้าไปเพิ่ม+ขจัดออก แปลว่าต้องงดกินอาหารที่ให้แตสเซี่ยม และการออกกำลังกายมากๆ ร่างกายจะกำจัดมันออกไปเร็วขึ้น...ได้แต่หวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรบนเครื่องบิน

จาก 21.45 น.เวลาได้ล่วงเลยมาจน 23.30 น. คริสชวนกลับเพราะเธอก็หมดหวัง...มาดามส่งลูกเข้าบ้าน พี่สาวออกมามองหา “ฝรั่ง” คงเพราะคิดว่ามาดามจะพามาแนะนำให้รู้จักก่อนพาไปส่งที่พัก...แต่เธอก็ต้องผิดหวังเช่นกันและเริ่มบ่นให้น้องสาวตัวเอง “บอกแล้วไม่เชื่อเห็นมะมันจะเป็นแบบนี้”...มาดามจะพูดอะไรได้อีก...ตลอดทางที่ขับรถกลับก็ครุ่นคิดว่าจะทำไงต่อไป….จะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นเดินทางออกนอกประเทศมาจริงหรือเปล่า มาดามตั้งใจจะเช็คเริ่มจาก อเมริกันแอร์ไลน์-ชิคาโก ยัน โคเรียนแอร์ที่ Incheon เลย เพราะแอบคิดได้อีกว่าบางทีเขาอาจไปแวะที่เมืองจีนก่อนบินมาไทย แล้วโดนแฟนเก่าล็อคตัวไว้ไม่ให้มาแต่งสาวไทยหรือหลอกเอาเงิน เอาบัตรเครดิต แหวนหมั้น แหวนแต่ง สร้อยคอ ไปหมด....(คิดไปได้ถึงขนาดนั้น)

กลับมาถึงบ้านตีหนึ่งสิ่งแรกที่ทำคือ ส่งข้อความไปหาแมรี่น้องสาวของเค้า ถามว่าได้ยินข่าวจากพี่ชายของเธอบ้างมั๊ยและให้เธอช่วยเช็คไปที่พ่อแม่หน่อยเผื่อพวกเค้าอาจได้รับข่าว (คิดเผื่อกรณีคีธเจ็บป่วยจริงระหว่างเดินทางสายการบินหรือโรงพยาบาลอาจติดต่อแจ้งญาติ)....มาดามเข้านอนกะว่ารุ่งเช้าต้องได้รับข้อความจากเธอ...ความอ่อนเพลียทำให้หลับได้ตอนค่อนแจ้ง....

มาดามตื่นสายกว่าปกติเพราะได้นอนตอนตีสองกว่าๆ....จัดการเปิดร้าน...กาแฟที่เคยต้องดื่มทุกเช้า วันนี้เอาไว้ก่อนเพราะต้องรีบเช็คข้อความจากแมรี่...ผิดหวังอีก! ไม่มีข้อความหรือโพสต์ใดๆ ของแมรี่ แปลกจริง ๆ เธอไม่เห็นข้อความของเราหรือไงนะ? เอาละฉันรอช้าไม่ได้ต้องหาทางเข้าไปเช็คที่อเมริกันแอร์ไลน์....พลันเสียงมือถือดังขึ้น...ชายตามองอย่างเหนื่อยอ่อนคิดว่าพี่สาวโทรมาแน่ ๆ...แต่กลายเป็น อู่ทองแมนชั่น...คิดอีกว่าน้องคนนั้นคงโทรมาตามเอากุญแจคืนเพราะไม่มีการเข้าพักมาสองคืนมาดามพูดกรอกไปในสายว่า “โอน้องจ๋าพี่เจอปัญหาใหญ่แล้วละเมื่อคืนพี่ไปรับแฟนแล้วไม่เจอกัน เดี๋ยวพี่จะเอากุญแจไปคืนวันนี้แล้วคุณจะคิดค่าเสียโอกาสเท่าไหร่ก็โอเค ขอบคุณมาก ๆ จ้ะ”


น้องเค้าได้ฟังเช่นนั้นก็พูดว่า “นี่หนูกำลังจะถามว่าตกลงพี่ได้เจอกะแฟนหรือยัง...เมื่อเช้าเช็คห้องแต่ไม่มีใครเข้าพัก หนูเลยนั่งคิด ๆถึงเรื่องเมื่อคืน ที่ รปภ. โทรไปหาหนูตอนประมาณเที่ยงคืน บอกว่ามีฝรั่งแก่ ๆ ใส่เสื้อลายสะพายเป้ใบนึง มาถามหาเพื่อน บอกว่าเพื่อนอยู่ที่นี่...หนูตอนนั้นไม่คิดจริง ๆว่าเป็นแฟนพี่หรือเปล่า เลยบอก รปภ. ไปว่า ให้เขาไปหาที่พักแถว ๆนั้นแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาติดต่อ จะตรวจดูรายชื่อให้...เขามากับแท็กซี่...” มาดามอึ้งเหมือนถูกสาปไม่แน่ใจ ทำไมฝรั่งคนนั้นสะพายเป้ใบเดียว คนที่จะมาอยู่เมืองไทยหนึ่งเดือนไม่น่าจะมีเป้แค่ใบเดียว แล้วบอกมาหาเพื่อน หรือว่าเพื่อนอยู่ที่นี่คีธก็ไม่น่าพูดแบบนั้น เค้าควรพูดว่า เพื่อนจองห้องไว้ให้ที่นี่ หรือ ควรพูดว่า ไม่เจอเพื่อนที่บอกว่าจะไปรับที่สนามบินอะไรทำนองนี้ (โดยที่ลืมคิดไปว่า รปภ.ฟังภาษาอังกฤษไม่ออกและคนขับแท็กซี่ภาษาก็ไม่ได้ดีนัก แต่สื่อสารได้ขนาดนั้นนับว่าเจ๋งสุด ๆ แล้ว) “เอางี้นะพี่เดี๋ยวหนูไปเช็คกับร้านค้าแถวๆ นี้ ว่าเขาแนะนำให้คนขับแท็กซี่พาฝรั่งไปพักโรงแรมไหน อีก 10 นาทีเดี๋ยวหนูโทรกลับ” ไม่ถึง 5นาทีน้องเค้าก็โทรมา “พี่เขามาอยู่ตรงนี้แล้วแท็กซี่พาเขากลับมาพี่จะคุยกับเขาตอนนี้เลยมั๊ย เผื่อใช่แฟนพี่จริง ๆ” มาดามตอบ “โอเคดีคุยจ้ะ” ในใจคิดว่าขอให้ใช่เค้าทีเท้อะ....


“Hi, it’s Patt” มีเสียงจากอีกฝั่งพูดว่า “Oh! It’s you!” โอม๋ายก๋อด! มาดามเหมือนฟื้นจากความตาย...บอกเขาว่าเดี๋ยวจะให้พนักงานพาไปที่ห้องแล้วให้พักผ่อนอีกสามสิบนาทีจะไปหา...น้องเจ้าหน้าที่ก็ถามมาดามว่า “พี่แท็กซี่บอกว่าแฟนพี่ยังไม่ได้จ่ายเงินเลยตั้งแต่เที่ยวแรก ทั้งหมด 1,500 บาทจากสนามบินมาที่นี่เมื่อคืน และพาไปพักโรงแรม แล้วรับจากโรงแรมมาที่อู่ทองอีกพี่จะให้หนูจ่ายให้แท็กซี่ก่อนมั๊ย” มาดามรู้สึกประทับใจน้องคนนี้ยิ่งนักเธอเสนอความช่วยเหลือทุกอย่างโดยไม่ต้องรอรับการร้องขอ...ขอบคุณทุกอย่างที่เธอทำให้จริงๆ...

มาดามปิดร้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าขับรถออกมา ไม่ลืมที่จะหยิบ รองเท้า ไม้แขวนเสื้อ จานชาม ช้อนอาหาร น้ำดื่มน้ำผลไม้ ผลไม้ เนสกาแฟพร้อมถ้วย และที่ขาดไม่ได้เลย คือ ไฮเนเก้น 12 กระป๋อง ที่ซื้อเตรียมไว้ให้คีธ...รปภ. พามาดามผ่านประตูคีย์การ์ด และสอนวิธีเปิด-ปิด....มาดามมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนั่น...คิด...หน้าตาเค้าจะเป็นยังไงนะแล้วเมื่อเจอกันเค้าจะทำยังไงกะเรา? แล้วเราต้องทำตัวไง? แล้วอะไรที่เราจะพูดเป็นประโยคแรก???? เอาเหอะเข้าไปก่อนแล้วกัน...เคาะประตู“ที่รัก” คำนี้แบบไทย ๆ...ประตูเปิดออกเขาช่วยมาดามถือของไปวางบนโต๊ะ...เรายืนมองหน้ากันและกันพักหนึ่ง แล้วก็ กอดเรียกขวัญ แบบหลวม ๆ บอกให้เค้าเล่าเรื่องราวมาทั้งหมด....เค้าบอกว่าตกไฟล์ท เพราะเปลี่ยนเครื่องไม่ทัน เพราะ เอ็กซ์พีเดีย(Agent) เผื่อเวลาต่อเครื่องให้เขาไม่มากพอทำให้เขาต้องจองเที่ยวบินอีกวัน ไม่มีเที่ยวบินในวันนั้นอีกเลยเพราะ KoreanAir บินแค่วันละเที่ยว เค้าต้องไปพักที่โรงแรมใกล้สนามบิน...กับคำถามที่ว่าแล้วทำไมไม่ติดต่อกลับ...คำตอบคือ“ผมลืมเอาที่ชาร์จแบตฯมือถือมา ส่วนโน้ตบุ้ค แบตเสื่อมยังไม่ได้เปลี่ยนอันใหม่”


จากนั้นมองหากระเป๋าเสื้อผ้าคิดจะเอาไปแขวนในตู้แต่หาไม่เจอ...เห็นแต่เป้กองอยู่ที่พื้นเปิดดู มีโน้ตบุ้ค แฟ้มเอกสาร ยาประจำตัว ของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย บุหรี่ แล้วก็มือถือพร้อมสายชาร์จแต่ไม่มีตัวยูเอสบีอะแด็ปเตอร์เสียบอยู่ ครั้นพอล้วงต่อไปในซอกเล็กหลืบน้อยก็พลันไปเจอเอายูเอสบีอะแด็ปเตอร์เข้า โอ้ อนิจจังวัตสังขารา...เค้าไม่รู้ตัวว่ามีชุดชาร์จแบตครบ เพราะดันแยกมันออกจากกันแล้วเก็บคนละที่ทำให้หลง คิดว่าตัวเองไม่ได้หยิบมาด้วย....เหลือเชื่อมั๊ยล่ะท่านผู้ชม!

เมื่อถามถึงกระเป๋าเสื้อผ้าเค้าบอกว่า กระเป๋าหายไปตอนเปลี่ยนเครื่องที่ชิคาโก้....โอ..พระเจ้า...ทำไมรันทดท้อเช่นนี้หนอ....นอกจากเสื้อผ้าที่ใส่มานั่นเค้าก็ไม่มีอะไรอีกเลย...ทุกอย่าง รวมทั้งชุดว่ายน้ำและรองเท้าแตะแสนสวยที่เค้าซื้อมาฝากมาดามก็ไปกับกระเป๋าใบนั้น....ก่อนออกไปหาอาหารกลางวันกินข้างนอกคีธหยิบกล่องแหวนสองกล่องออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต เขาเปิดกล่องสีน้ำตาลออกหยิบแหวนทองคำขาวประดับเพชร ประธานเม็ดไม่เล็กตรงกลาง และเพชรรองแถบซ้ายและขวาวงนี้คือแหวนหมั้น เค้าสวมที่นิ้วนางซ้ายให้มาดาม (ที่จริงเค้าตั้งใจจะสวมให้ที่สนามบิน) แต่คุณผู้ชมมาดามอยากจะหัวเราะล้มกลิ้งลงไปกับพื้นไม่ใช่เพราะความดีใจนะจ๊ะ...มาดามขำหนุ่มเมกันที่ดันสั่งซื้อแหวนเบอร์ใหญ่เบ้งมาสวมนิ้วผู้หญิงที่ต้องการแค่เบอร์ 5.5 มันหลวมโคร่ก...สงสารตัวเองจับจิต...แต่ตอนเราไปนั่งกินข้าวกันที่บิ๊กซี ไฟที่ร้านอาหารส่องกระทบแหวนส่งประกายวูบวาบจนน่าตื่นตา...ตอนนี้คิดประเมินค่ามันแค่ไม่น่าเกินสี่หมื่นแต่ไม่ได้ถามเค้าหรอก....

กินข้าวอิ่มแล้วเราก็ไปที่แบ้งค์เอาเงินดอลไปแลกเงินบาท เตรียมเป็นเงินสินสอด....ออกจากแบ้งค์ผ่านร้านทองแวะซะหน่อยเผื่อช่วยอะไรได้...มาดามถอดแหวนให้เจ้าของร้านทองดู ถามว่าทำให้มันเล็กพอดีนิ้วได้มั๊ย เค้าก็เอาวงแหวนเบอร์ต่าง ๆ มาให้ลองสวมเพื่อเช็คว่านิ้วมาดามเบอร์อะไร ตกลงแหวนหมั้นที่ซื้อมานั้นเบอร์ นิ้วมาดามแค่ 5.5 ร้านทองบอก ยากที่จะทำเพราะแหวนแบบนี้ถ้าตัดออกแล้วเชื่อมประสานให้ขนาดเล็กลงจะทำให้รูหนามเตยขยายและเพชรจะหลุดง่ายและอีกอย่างฝีมือคนไทยไม่ถึงขั้น งานคนละเกรด....

กลับมาส่งคีธเข้าห้องพัก บอกให้เขาพัก 1 วันเพื่อปรับเวลา แล้วจะกลับมารับตอนเช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน....ก่อนออกจากห้อง หนุ่มคีธรวบรวมความกล้า เอ่ยปากถาม “Before you go, can you give me a kiss?” มาดามยิ้มแบบว่าเขินจำต้อง Give him the first kiss....มาดามออกมาแล้วไปหาซื้อเสื้อผ้าให้เค้าแถว ๆ ตลาดใกล้บ้าน ได้ยีนส์เท่ ๆ มาตัวนึง กับเสื้อโปโลเชิ้ต 2 ตัว ถุงเท้า กางเกงชั้นใน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดตัวก็หยิบจากในตู้และรื้อกล่องตัวอย่างเสื้อโปโลเชิ้ตที่มีอยู่ตั้งแต่หลายปีก่อนที่เคยทำธุรกิจเสื้อผ้าชุดฟอร์มโรงงานได้เพิ่มอีก 2 ตัว แค่นี้ก่อนละกัน


วันที่ 12 พฤศจิกายน เดินทางด้วยรถไฟฟ้า เพื่อไปยื่นคำขอรับรองโสดที่สถานทูตอเมริกาซึ่งคีธได้ทำการนัดล่วงหน้าไว้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว และพิมพ์เอกสารที่ระบุวันนัดหมายถือมาด้วยยื่นให้เจ้าหน้าที่ช่องที่ให้บริการเฉพาะอเมริกันซิติเซ่น เจ้าหน้าที่บอกว่า มีบางอย่างผิดพลาดเพราะคุณได้ยกเลิกการนัดนี้แล้วในระบบโชว์อย่างนั้น..ยุ่งละซิ....

คีธเคยยกเลิกการจองจริงๆ เพราะว่ามาดามขอให้เขาเลื่อน แต่ปรากฏว่า คีธป้ำ ๆ เป๋อ ๆ หลังจากยกเลิกวันที่ 14 พ.ย.แล้วทำการนัดใหม่เร็วขึ้นเป็น 12 พ.ย. แต่ว่าไม่คลิกที่แท็บตอบยืนยันก่อนออกจากระบบ ทำให้การนัดไม่เสร็จสมบูรณ์ (เนื่องจากทางเวดดิ้งสตูดิโอแจ้งมาว่าไม่สามารถถ่ายพรีเวดดิ้งที่สวนหลวงในวันที่ 16 พ.ย.มาดามแจ้งไว้เพราะเขาจะปิดเพื่อเตรียมงานประจำปี...จึงจำเป็นต้องเลื่อนมาถ่ายพรีฯเป็น 14 พ.ย. ซึ่งเป็นวันนัดของสถานทูตพอดี)

หลังจากเจ้าหน้าที่โทรแจ้งเรื่องราวให้เจ้าหน้าที่ข้างในฟังเพื่อการตัดสินใจเธอก็อนุญาตให้คีธผ่านเข้าไปได้... (เห็นข้อดีของคนอเมริกัน คือบางเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความปลอดภัย เขาจะผ่อนผันโดยดูที่เจตนาไม่ยึดติดกระบวนการ) ....ระหว่างนั้นคริสลูกสาวมาดามก็ตามมาถึงเธอก็ไปด้อม ๆ มอง ๆ ที่ข้างทางออก คีธเปิดประตูออกมาพอดี สองคนก็ป๊ะกันจัง ๆ ต่างก็จำกันได้ เพราะเคยเห็นในรูปถ่าย ทักทายกันเสียงดัง...ขั้นต่อไปต้องหาที่แปลเอกสารฉบับนั้น...ที่ด้านหน้ามีหน้าม้าหลายตัว เอ๊ย หลายคนคอยมาเชื้อเชิญให้ไปรับการแปลจากสำนักงานที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้าม จำไม่ผิดน่าจะเป็นอาคารสิรินธร (ถ้าผิดต้องขออภัย) เราก็ไปตามคำเชิญอย่างว่าง่าย....ดีไปอย่างในนั้นมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ (ไม่ร้อนตับทรุด เหมือนร้านข้างทางแถว ๆ นั้น)....จ่ายค่าคำแปลสามหน้า แปดร้อยหน้าละ 300 แต่ว่าคุยถูกคอเลยได้รับส่วนลด....เมื่อมองดูเวลาต่อให้ติดปีกบินก็คงไปไม่ทันรับบัตรคิวที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ เพื่อประทับรับรองเอกสารที่แปลเป็นภาษาไทย Messenger ของบริษัทแปลเอกสารบอกว่าต้องไปก่อนเที่ยงรับบัตรคิว วันหนึ่งเขาให้แค่ 80 คิว เลยเชื่อเขา พวกเราเลยกลับบ้านก่อน ค่อยไปต่อวันพรุ่ง (เรื่องจริงเจอคือ เขาจ่ายบัตรคิวไม่อั้นนะจ๊ะ เพราะปรับกระบวนท่าการให้บริการใหม่)


วันที่ 13 พฤศจิกายน ขับรถไปที่ กรมการกงสุลแจ้งวัฒนะ....ผู้คนมาจากไหนนักหนา แทบหาที่จอดรถไม่ได้เลย ไต่บันไดขึ้นไปชั้นบน ยื่นเอกสารให้ตรวจสอบความพร้อมและ รับบัตรคิว ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นนั่งรอเรียกชื่อเพื่อชำระเงินก่อน แล้วรอรับเอกสารคืน อันนี้ค่อนข้างนาน เกินเที่ยงแน่พวกเราลงไปกินข้าว....คีธถามมาดามว่าเรารออะไรกันอยู่ มาดามตอบ “รอรับเอกสารที่ประทับตรารับรองของทางการไทยเพื่อใช้ในการจดทะเบียนสมรสไง” คีธแย้งบอกว่า “ไม่ใช่เอกสารนั้นประทับตรามาแล้วแพท จากสถานทูตอเมริกาไง” เราก็เถียงกันจนคนข้างเคียงหันมามอง คีธพยายามจะบอกว่าไม่ใช่ ๆ มาดามก็ไม่ฟังยืนยันรอต่อไป เค้าไม่รู้จะพูดยังไงได้แต่เอาหัวตัวเองโขกพนักเก้าอี้สองสามครั้ง มาดามเลยโกรธเค้า เค้าก็ขอตัวไปรอข้างล่าง สูบบุหรี่ มาดามรอจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เรียกให้ไปรับเอกสารคืน มาดามไปขอรับแต่เขาไม่ให้ บอกว่าเจ้าของต้องมารับเองแต่ถ้ามาดามจะรับแทนก็ต้องถ่ายบัตรประชาชนรับรองสำเนาถูกต้องมาก่อน....มาดามเดินไปตามหาคีธไม่เจอสุดท้ายต้องเลือกที่จะรับเอง เดินไปหาที่ถ่ายเอกสาร พอตอนกำลังเดินจะกลับไปยื่นสำเนาบัตรให้เจ้าหน้าที่คีธก็โผล่หัวมา มาดามสะบัดหน้าพรืด ไม่สนเพราะโกรธจัด (ฟังดูเหมือนจะไปกันไม่รอดเนอะ) มาดามได้เอกสารมาครอบครอง เดินนำหน้าไปที่รถ เปิดประตูรถออกระบายความร้อน แดดก็ร้อนยืนสงบสติอารมณ์ใต้ร่มไม้สักพัก...ก็มีไอ้คนนึงมันกำลังมองหาที่จอด มันคิดว่ามาดามกำลังจะออกรถมั้งแล้วมันก็ (เสือก) บีบแตรใส่ มาดามเลยได้โอกาสระบายความร้อนออกจากตัว (โทสะ) ณ บัดนั้น เดินไปถามมันว่า “มีปัญหาอะไร บีบแตรทำไม ไม่เห็นเหรอว่ามันร้อน ชั้นมีสิทธิจอด คุณไม่มีสิทธิมาไล่รู้ไว้ด้วย” ชะรอยว่ามันจะรู้ว่ายัยคนนี้อารมณ์กำลังเดือดใส่ฝรั่งคนนั้น เพราะมาดายืนเท้าเอวหน้าง้ำอยู่...

มาดามขับรถไปที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ เพื่อทำเรื่องจดทะเบียนสมรส ระหว่างทางคีธพยายามชวนคุยแต่มาดามไม่พูดด้วย...ขับปาดซ้ายปาดขวาระบายอารมณ์ไปตลอดทาง กว่าจะมาถึงอำเภอระบายออกไปเกือบหมด...(ผู้หญิงอารมณ์ร้ายเค้าต้องคิดในใจแบบนี้...ดีให้รู้ไว้).....

จดทะเบียนสมรสกับต่างชาติใครว่าง่าย ต้องใช้หลักฐานอะไร พยานแบบไหน กี่คน เท่านั้นยังไม่พอ ถ้าผลการ“สัมภาษณ์” ไม่เป็นที่น่าพอใจ คุณอาจไม่ได้รับการพิจารณาให้จดทะเบียนสมรสจากนายทะเบียน

ติดตามอ่านต่อ

ตอนที่ 8 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (แม้แต่จดทะเบียนสมรสก็ยังพบความลำเค็ญ)

Smiley

คลิกไปอ่านเรื่องอื่น ๆ ของมาดาม ได้ที่นี่จ้า


AMKOV AMK7000S 2.0" LCD Wifi 4K (4096 * 2160) 10fps 1080P 60fps Full HD 20MP Waterproof 40m 170°Wide Angle Action Sports Camera/ PC Camera/ Car DVR FPV มาพร้อมกับ Remote Control Watch

ราคา 2,970 บาท ($89.99) จำนวนจำกัด เพียง 20 คนแรก ภายใน 10 ธ.ค. 2015 นี้เท่านั้น

คลิกดูรายละเอียดที่นี่








 

Create Date : 08 กันยายน 2558   
Last Update : 7 ธันวาคม 2558 2:34:45 น.   
Counter : 1564 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com