ความรักมีหลายแบบ อยู่ที่ว่าจะเลือกแบบไหนเท่านั้นเอง “There are no coincidences in this world. Things do happen for good reasons.”

เข้าไปเกี่ยวข้องกับ "วินาศสันตะโร" ศึกชิง Uefa Cup อย่างไม่ได้ตั้งใจ

"อะไรกันนี่ .... เกิดมาไม่เคยพบเห็น
บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปรกันหรืออย่างไร"


สองสามประโยคสั้นๆ ที่เราพึงนึกในใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง Manchester จาก ศึกชิง Uefa Cup ระหว่าง
เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) และ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)

บอกตามตรงว่า ปกติ ไม่ได้สนใจเรื่องฟุตบอลมากมาย แม้ว่าจะอยู่ในเมืองที่ผู้คนบ้าคลั่งฟุตบอลกันเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ

หลายๆ ครั้งที่ทีมชาติอังกฤษแข่ง หรือว่า ทีม Manchester United หรือ ทีม Manchester City จะลงแข่งนั้น จะได้ยิน ได้เห็น แฟนบอลรวมตัวกันมาแต่ไกล ร้องลั่นเพลงเชียร์ของแต่ละทีม.... ซึ่งเราก็เห็นเป็นเรื่องปกติ รับได้

แต่ครั้งนี้ มันไม่ใช่ละ.......

วันที่ 14 พฤษภา 2551

เรามีเรื่องต้องออกจากบ้าน เพราะจะไปทำธุระใน City Centre และจะเลยไปทำ Part-time ต่อตอนเย็น

เข้าไปในเมือง ก็รู้สึกว่า แปลกๆ ทำไมวันนี้ มีคนมาเชียร์บอลเยอะมาก แทบทุกคนใส่สีน้ำเงิน แรกๆ ก็นึกว่าเหมือนทุกครั้งไป
แต่พอเดินไปเรื่อยๆ เริ่มแปลกๆ เพราะแฟนบอลแต่ละคน มารยาทไม่ดีเลย ตะโกนด่ากัน มาพูดถามคนที่เดินไปเดินมา (รวมทั้งเราด้วย) ว่า มาจากไหน ถ้าใครเผลอคุยด้วย ตอบไป แล้วไม่ใช่พวกเค้า ก็โดนตีหัวตามระเบียบ



นอกจากนั้น City Centre ของ Manchester ที่แสนปกติแสนจะน่ารื่นรมย์ ก็เต็มไปด้วยขยะเยอะมาก ถึงมากที่สุด และยังเหม็นอีกต่างหาก เพราะแฟนบอลที่มาจากต่างถิ่นพวกนี้ เข้าห้องน้ำไม่เลือกที่กันเลย ปวดตรงไหน ก็จัดการธุระกันตรงนั้นเลย ทุกซอกทุกมุมของ City Centre เหม็นมาก



หลังจากเราเลิกงานเสร็จ พี่ๆ ที่เป็น Supervisor บอกทุกคนว่า ตอนกลับบ้าน อย่าเดินผ่าน City Centre เพราะตอนนี้ สถาณการณ์รุนแรงมาก แฟนบอลทีม กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ไม่พอใจอย่างมาก เนื่องจากแพ้ด้วย เพราะฉะนั้น เกิดการ อาละวาด ทะเลาะตบตี มีคนบาดเจ็บจำนวนมาก
และที่สำคัญ เสื้อที่เราใส่ทำงาน เป็นสีเขียวอีก พี่เค้าบอกว่า ให้ถอดออกเลย ห้ามใส่เด็ดขาด เพราะมันเป็นเสื้อสีของทีม เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (ทีมตรงข้าม ที่ชนะเป็นแชมป์ไป) ถ้าเค้าเห็นใครใส่เสื้อเขียว รับรอง โดนลากไปซ้อมแน่ๆ





ระหว่างเดินกลับบ้าน รู้สึกว่า เอาชีวิตอันมีค่าของเรามาเสี่ยงภัยมาก ที่ต้องเดินผ่านพวกแฟนบอลหัวรุนแรง ที่มีเป็นหมื่นๆ คนได้
เหตุการณ์มาคุกว่าเมื่อตอนบ่ายที่เราเห็นมาก เพื่อนเราที่เดินมาด้วยกัน โดนแฟนบอลคนนึง เข้ามาตะโกนถามใส่หูด้วย เดินไปก็เห็นวินาศสันตะโร กับพฤติกรรมต่างๆ ที่เราไม่เข้าใจว่า ทำไมเค้าไม่กลัวตำรวจ ไม่กลัวใครอะไรทั้งสิ้น ทำตัว ประหนึ่งว่า "ข้าเกิดมา เพื่อมีชีวิตวันนี้วันเดียวเท่านั้น" ทำอะไรตามใจโลด โดยไม่นึกถึงคนอื่นๆ เลย



โชคดีที่เมื่อวาน ทุกคนกลับบ้านมาด้วยกันอย่างปลอดภัย
ต่อไปไม่เอาอีกแล้ว ถึงแม้ว่า จะไม่ส่นใจเรื่องบอล แต่ต้องเช็คอย่างละเอียดก่อนออกจากบ้าน ว่าจะมีอะไรแบบนี้มั้ย

แต่ท่าทางจะไม่มีอีกนาน เพราะเห็น Manchester City Council ประกาศว่า เมืองเสียหายมาก จากเหตุการณ์นี้ จะงดการถ่ายบอลจอใหญ๋กลาง City Centre สำหรับนัดฟุตบอลใหญ่ๆ ที่จะมาถึง

นึกแล้วก็ได้แต่เสียดายว่า เมือง Manchester ถูกทำลายในชั่วข้ามคืน จากน้ำมือของคนต่างถิ่นแท้ๆ........



รูปทั้งหมดจาก Manchester Evening Newsข่าวแชมป์ Uefa Cup จาก Manager
ข่าวการจลาจล และความเสียหายที่เกินขึ้นจาก Manchester Evening News และ BBC
รวม VDO ความจลาจลในเมือง Manchester ของวันนั้น จาก BBC




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 16 พฤษภาคม 2551 1:55:27 น.   
Counter : 970 Pageviews.  

เจาะลึกเข้าไปในตัวกับ Body Worlds 4 Exhibition

Photobucket


ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างของ Body Worlds Exhibition มาจากทางรายการโทรทัศน์ และใครที่เคยมีโอกาสไปดูมาแล้ว

คราวนี้โอกาสมาเยือนถึงถิ่น เนื่องจากมี Body Worlds 4 Exhibition: The Original Exhibition of Real Human Bodies ในเมืองที่เราอาศัยสิงสถิตย์อยู่พอดี

ก่อนไปดูหลายๆ คน โดยเฉพาะมาชิคุง มาขู่ว่า น่ากลัวน่า ไปดูแล้วจะติดตานะ เดี๋ยวดูเสร็จต้องกินข้าวไม่ลงนะ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก

หาได้เป็นงั้นมั้ย มาชิคิดมากไปเอง เราประทับใจในโชว์นี้มาก

Body Worlds 4 Exhibition คืออะไร
เป็น exhibition ที่แสดงถึงอวัยวะ กล้ามเนื้อ กระดูกต่างๆ ในร่างกายของเรา โดยมาจากคนจริงๆ

ผู้ใดคิดค้นความคิดสุดยอดอันนี้ขึ้นมาได้
Gunther von Hagens เป็นผู้คิดค้นกรรมวิธีเก็บและแสดงร่างกายคน โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า Plastination ตั้งแต่ปี 1977
Gunther von Hagens เคยต้องโทษจำคุกทางด้านการเมืองด้วย แต่นี่แหละน้า ความอัจฉริยะย่อมไม่มีวันซ้อนเร้น

Photobucket


Plastination คืออะไร
กรรมวิธีที่ใช้เก็บรักษาอวัยวะ และกล้ามเนื้อต่างๆ ของคนที่เสียชีวิตแล้ว เพื่อนำมาใช้ในการแสดงนี้ Gunther von Hagens สามารถคิดกระบวนการวิธีเก็บส่วนต่างๆ ไว้ โดยสามารถแยกกล้ามเนื้อออกจากส่วนที่เป็นกระดูกด้วย ซึ่งวิธีกรรมต่างๆ ได้ก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่ว่า ร่างกายมนุษย์หนึ่งคนนั้น สามารถแยกออกมาเป็น สามแฉกได้ โดยที่ส่วนเท้ายังติดกันอยู่ แต่แยกให้ดูด้านในต่างๆ ของร่างกาย พูดไปแล้ว น่าจะนึกภาพตามกันลำบาก ไปดู VDO ดีกว่า



ส่วนไหนของร่างกายที่มีให้ดูบ้าง
มีทุกส่วนเลย และเค้าให้ดูทั้งร่างกายคนเลย โดยในบางโชว์เค้าจะแยกส่วนกล้ามเนื้อกับส่วนโครงกระดูกให้ดู แต่ส่วนที่มีการให้ดูกันเยอะๆ และแยกเป็นอวัยวยะเป็นชิ้นออกมา คือ สมอง ปอด เส้นเลือด ข้อต่อต่างๆ แต่ส่วนที่เราดูแล้วติดใจมาก คือ ปอด เพราะเค้ามีปอดของผู้ที่สูบบุหรี่ เทียบให้ดูกับคนที่ไม่ได้สูบ ดูแล้วอึ้ง.... คนที่สูบบุหรี่ปอดสกปรกมาก ถึงแม้ว่าจะเคยดูสารคดีที่เห็นเป็นรูปมาบ้างแล้ว แต่มันไม่เท่าอันนี้ ที่เราได้เห็นปอดจริงๆ มันสกปรกมากๆ เลยชนิดที่ว่า ถ้าปอดออกมาอยู่ข้างนอกเนื้อ และทุกคนเห็น ทุกคนคงจะต้องรังเกียจมากๆ เลยนะเนี่ย เราเห็นหลายคนที่ไปดู พูดกับคนข้างๆ ว่า เห็นแบบนี้แล้วต้องเลิกสูบบุหรี่ให้ได้ ..... สมควรทำอย่างแรง

Photobucket


โชว์ที่เราประทับใจ
เป็นโชว์ที่แสดงถึงการเจริญเติบโตของทารก โดยเริ่มตั้งแต่ อสุจิผสมกับไข่ แล้วมีพัฒนาการไปเป็นอย่างไรบ้าง ในช่วงเดือนแรก จะเริ่มมีตาเล็กๆ แต่หน้าคล้ายเอเลี่ยนมากๆ แต่ขนาดเด็ก แค่ประมาณ 1 ใน 3 ของปลายนิ้วก้อย จากนั้นก็ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ประมาณ 2 เดือน จะเริ่มโตเท่าปลายนิ้วก้อย มีเท้ากับนิ้วเล็กกกก งอกออกมาแล้ว ดูแล้วน่าทึ่งว่า เราโตมาเป็นมิชชี่ แบบนี้แต่ก่อนตัวเท่าเมี่ยงเอง น่าทึ่งจริงๆ

Body World Exhibition มีที่ไหนเมื่อไร
ถ้าเป็น Permanent exhibtion จะอยู่ที่เมือง Guben ประเทศเยอรมัน
แต่จะมีการเปิดแสดงโชว์ไปเรื่อยในอเมริกา ยุโรป และบางประเทศในเอเชีย โดยสามารถดูข้อมูลว่ามี Exhibition ที่ไหน เมื่อไร ได้ ที่นี่

ทำไมไม่มีรูปที่ถ่ายมาเองเลยละ
เค้าไม่ให้ถ่ายรูป ซึ่งเราก็เข้าใจ ใครจะไปให้ถ่าย กว่าเค้าจะคิดค้นกันขึ้นมาได้ ยากเย็นแสนเข็ญ กรรมวิธีในการขนอวัยวะ ร่างกายส่วนต่างๆ มาแสดงยังต่างแดน ก็น่าจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่ เพราะฉะนั้น เค้าจึงอยากให้ทุกๆ คนเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง

ถ้าเมื่อใด Body Worlds ไปเยือนถึงถิ่นคุณ อย่าลืมหาโอกาสไปสัมผัสด้วยตนเอง แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง.....

All pictures were taken from the Body World official website.




 

Create Date : 07 เมษายน 2551   
Last Update : 7 เมษายน 2551 7:32:02 น.   
Counter : 1223 Pageviews.  

จ๊ากกก.....กับครั้งแรกที่รู้สึกว่า "แผ่นดินไหว" เป็นไง

เวลา 01:00 ของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551

ข้าพเจ้า (เรียกแทนตัวเองเหมือนบันทึกจดหมายเหตุเลยวุ้ย) กำลังนั่งปั่นงานตามปกติ (ไม่ได้นั่นขยันทำงานถึงตีหนึ่ง แต่เพิ่งเริ่มทำมาเมื่อไม่นานตะหาก) ระหว่างที่กำลังเขียนๆ อยู่นั่น ก็รู้สึกว่า ห้องสั่นอย่างแรง สั่นชนิด ตึกคลอนไปมา ประหนึ่งว่า ตึกลอยขึ้นมา แล้วมีแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ยกตึกแก่วงเล่นอยู่ด้านล่าง ... เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ เกือบนาที

ตอนแรกนึกว่า เพราะรถบรรทุกผ่าน แต่เอ้ รถไรเนี่ย จะทำให้ตึกสั่นได้ขนาดนั่น แต่เอ๋ แผ่นดินไหวเหรอ ก็อังกฤษไม่ได้อยู่ที่ Equator ไม่ใช่เหรอ ถึงเราจะอ่อนภูมิศาสตร์ แต่มันก็ไม่น่าใช่จุดที่จะมีแผ่นดินไหวหน่า....

ก็ได้แต่คิด แล้วก็นั่งมึนอยู่ครึ่งชั่วโมง เพราะตึกสั่นแรงมากจนมึนหัว

แต่สิ่งแรกที่แว็บเข้ามาคือ ตายยยย ช้านยังไม่ได้ back up งานที่เขียนไว้เลยนะเนี่ย นี่ถ้าตึกถล่มมา Notebook พัง แล้วจะเอาไฟล์ที่ไหนมากู้ได้ละ ให้เขียนอีกก็ไม่ได้แล้ว .... เลยกอด Notebook ไว้แน่นเลย ...

มาเล่าให้ Mashi ฟังภายหลัง Mashi บอกเออดีแหะ ... ชีวิตตัวไม่ห่วง ห่วง Notebook ก่อน ให้มันได้อย่างนี้สิ

ตื่นมาวันรุ่งขึ้น ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะนึกว่า ตึกสั่นจากรถบรรทุกจริงๆ
ปรากฎว่า Mashi หาข่าวมาให้ บอกว่า เมื่อคืน ที่อังกฤษมีแผ่นดินไหวจริงๆ ประมาณ 5.5 ริกเตอร์ ....... เอ้ยยยย เยอะนะเนี่ย
ตามข่าวที่บอกไว้ใน








 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551   
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 4:06:55 น.   
Counter : 357 Pageviews.  

สัมภาษณ์งาน (part-time) ในเมือง(ที่เขาว่า)ผู้ดี…มันยากงี้เลยเหรอ (พร้อมของแถมขั้นตอนการทำ NI)

สัมภาษณ์งาน (part-time) ในเมือง(ที่เขาว่า)ผู้ดี…มันยากงี้เลยเหรอ



ที่มาที่ไป



คาดว่าเรียนปีนี้ กะว่าจะหารายได้พิเศษเป็นค่าขนมเล็กๆ น้อยๆ และเป็นค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน จะได้ไม่คิดถึงบ้านมาก เดี๋ยวเรียนแล้วจิตตก ก็เลยส่งใบสมัครงานไปที่หนึ่ง ส่งที่เดี่ยวก่อนเพราะว่าอยากทำที่นี่มาก


เราเป็นสมาชิกที่ Manchester Aquatic Centre ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาทางนำ้แบบครบวงจร มี Fitness และพวก Aerobic Classes ต่างๆ หลังจากที่แวะเวียนใช้บริการมาครึ่งค่อนปี เราชอบ Cafeteria ของที่นี่มาก ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขายเครื่องดื่ม Sandwish และพวกอาหารเบาๆ แค่นี้ไม่น่ายาก ก็เลยคิดว่าสมัครงานที่นี่ดีกว่า ใกล้บ้านด้วย

หนี่งเดือนผ่านไปหลังจากส่งใบสมัคร เค้าโทรมาเรียกไปสัมภาษณ์ โอ้ยตื่นเต้น ดีใจใหญ่ เพราะคิดว่าเค้าโทรมาเนี่ย คงเรียกไปดูโงวเฮ้งนิดหน่อย แล้วก็น่าจะรับเลย

วันสัมภาษณ์



พอวันสัมภาษณ์งานเรามาถึง ก็แต่งตัวดูดีในระดับนึง แต่ไม่ถึงกับแบบใส่สูทเพราะไม่น่าต้องเว่อร์ขนาดนั่น และก็ไม่ได้ตื่่นเต้นอะไรมากมายอะไร เพราะคิดว่าไม่น่ามีอะไรมาก ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยด้วย

ในห้องสัมภาษณ์ มีคนสัมภาษณ์ 2 คน คนหนึ่งเป็นหัวหน้า Human Resource อีกคนหนึ่งเป็นหัวหน้าส่วน Catering คำถามทั้งหมดเราเห็นเลย มี 4 หน้ากระดาษ เวลาเราตอบเค้าจะจดๆ ในกระดาษ คำถามเนี่ย บอกได้คำเดียวว่า…….อะไรกันนี้ ยากมากก ส่วนมากเป็นคำถามเกี่ยวกับด้านโภชนาการ ฟังแต่ละคำถามแล้วอึ้ง เยอะมากๆ มีตัวอย่างเท่าที่จำได้ติดใจ เผื่อเพื่อนที่มาอ่านอาจนำไปเป็นตัวอย่างในการเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานลักษณะนี้ได้

คนโหด: เล่าประสบการณ์ที่เกี่ยวกับ Catering ที่มีมาทั้งหมดสิ
เรา: …..ตอบไปว่าเคยทำร้านอาหารไทยที่อเมริกามาก่อน

คนโหด: Customer Care ในความเข้าใจของคุณ คือ อะไร
เรา: เอ่อ…..นิ่งไปเล็กน้อย และก็ตอบไปเกี่ยวกับการเอาใจใส่ลูกค้า

คนโหด: มาตรฐานในห้องครัวควรเป็นยังไง (เรื่องความสะอาด)
เรา: ปลาไหลเข้าสิง มั่วไปเรื่อยๆ

คนโหด: เนื้อสัตว์ และผักควรเก็บที่อุณหภูมิเท่าไร
เรา: ไม่เคยสังเกตมาก่อนแหะ แต่ก็มั่วเอาอุณหภูมิตู้เย็นกับช่องแข็งมาตอบ ดูแล้วเค้าก็ฟังคำตอบเราแบบงงๆ

คนโหด: ทำไมอาหารที่ยังไม่ได้เอามา cook ต้องเก็บแยกจากอาหารสดที่ยังไม่ได้ปรุง
เรา: คือมันรู้อะว่าต้องทำเงี่ย แต่ให้ตอบเป็นเหตุผลทางการอะ นึกไม่ออกอะ แต่มั่วไป จำได้ว่าตอนเรียนเรื่องการถนอมอาหารตอน ป.4 ครูพูดเกี่ยวกับเรื่องออกซิเจนที่เข้าไปในอาหารที่ทำแล้ว มันจะทำให้อาหารบูดได้ ตอบไปเสร็จ เค้าก็งงๆ อีก

คนโหด: ถ้ามีของหกระเกะระกะอยู่ที่พื่้น พร้อมกันกับที่มึลูกค้ามารอซื้อของ จะทำไง
เรา: ไม่รู้ว่าคำตอบที่ดีคืออะไร แต่ว่าเราเลือกไปบริการลูกค้าก่อนอะ ไม่รู้สิ คือ ถ้าเราเป้นลูกค้า เรามาซื้อของอะ เรารีบอะ ต้่องมาบริการเลย ส่วนเช็ดล้างพื้นนะ ทำตอนลูกค้าไปก็ได้อะ

คนโหด: ช่วงสุดสัปดาห์ จะมีลูกค้าเยอะมาก จะมีวิธีบริหารงานอย่างไร ถ้าต้องอยู่แต่คนเดียวในร้าน และจะดูแลลูกค้าให้ทั่วถึงอย่างไร
เรา: เอาประสบการณ์จากที่เคยทำร้านอาหาไทยมาตอบ ต้องใจเย็นเข้าไว้ เพราะลูกค้าจะอารมณ์เสียมากเวลามีคนเยอะ และก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และก็พยายามบริหารเวลาให้ดี

คนโหด: คุณมี Health Certificate มั้ย
เรา: มันคืออะไรเหรอ ไม่รู้จักอะ อันนี้ถ้าจะมั่ว เค้าต้องรู้แน่ๆ ดำนำ้ไม่ขึ้น ก็เลยยอมรับกับเค้าไปตรงๆ ว่าไม่มี และไม่ทราบว่ามันคืออะไร เค้าเลยอธิบายให้เราฟังว่า มันเป็น Certificate ทางด้านโภชนาการ คือ ถ้าเรามีใบเนี่ยก็แปลว่าเราผ่านการทดสอบ มีความรู้ด้านการโภชนาการเป็นอย่างดี โอ้ว..เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าจะเป็นแค่พนักงานเช็ดๆ ถูๆ ขายของเล็กๆ น้อยๆ ใน Café เนี่ย ต้องมี Certificate ด้วยน้า…

คนโหด: ทำไมเรื่องการใส่ใจในสุขภาพถึงเป็นเรื่องที่น่าจะสำคัญในชึวิตคน
เรา: อันนี้พอตอบได้ แต่ก็เป็นการตอบลักษณะบ้านๆ ของเราว่าก็แน่ละมันย่อมสำคัญ ตาม concept ยอดฮิต You are what you eat แถมถ้าไม่ใส่ใจสุขภาพ ก็นะ แก่ตัวไปก็โรคภัยถามหา แต่เวลาตอบคำตอบเรามันก็ไม่ได้ดูเป็น Professional เท่าไรนัก ในใจคิด จะเอาอะไรกับฉันหนักหนานะเนี่ย

จำคำถามมาได้แค่เนี่ย รู้ว่าถามเสร็จ…โอ้ยมึน เค้าบอกว่าเดี่ยวเราจะส่งจดหมายผลการสัมภาษณ์ไปที่บ้านนะ เราคิดในใจเออนะ ไม่ต้องส่งมาก็ได้ รู้อยู่แล้วละว่าไม่น่าได้หรอก เพราะเรารู้ว่าเค้าไม่ประทับใจในการดำนำ้ของเราเท่าไรนัก

วันรุ่งขึ้น ได้จดหมายเลยมาที่บ้าน โฮอะไรมันจะเร็วขนาดเนี่ยนี้

….
….
….
….

เปิดมา เค้าพูดประมาณว่า

“เสียใจด้วยนะ หลังจากการพิจาณาแล้ว เราพบว่ามีผู้สมัครอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนกว่าคุณ เราเข้าใจว่าจดหมายฉบับนี้อาจทำให้คุณผิดหวัง แต่ถ้ามีโอกาสอันเหมาะสม เราอาจติดต่อคุณมาใหม่”

ไม่ต้องมาติดต่งติดต่ออะไรแล้ว อะไรอะ อุตส่าห์อยากทำจะแย่ แต่ก็นะแห้วไปตามระเบียบ ใครจะไปรู้ละว่าต้องเตรียมข้อมูลมาสัมภาษณ์มากขนาดนั่นนะ

เฮ้อ…หาใหม่ต่อไป




การทำ National Insurance



ตอนที่ไปสมัครงานครั้งนี้ เค้าขอ National Insurance Number เราก็เอ้มันคือไรว่า แต่เนื่องจากต้องแสดงความเป็นโปรหน่อย ก็เลย ไม่ถามออกไปว่า “มันคือไรเหรอ” แต่หลังจากวางสายจากเค้า รีบหาข้อมูลด่วน ก็เลยรู้ว่า

ในอังกฤษ ถ้าจะทำงานไม่ว่า Part time หรือ Full time นายจ้างจะขอ National Insurance Number นี้ ซึ่งเป็นคล้ายหมายเลขประจำตัว ซึ่งคนหนึ่งจะได้รับหนึ่งหมายเลข และใช้เลขเดิมไปตลอดชึวิต แต่หากทำงานร้านอาหารไทยทั่วไป อาจไม่ต้องไปสมัครขอ National Insurance Number เพราะเป็นการทำแบบกันเอง ไม่มี contract อะไร แต่ถ้าอยากทำ Part time อื่นๆ ทั่วไป ควรจะมี เพราะงั่นเลยอยากแนะนำว่าใครที่มีแนวโน้มว่าอยากทำงานเนี่ย มาถึง UK แล้ว ก็ให้ไปสมัคร National Insurance Number ไว้เลย เพราะเวลานายจ้างขอ เราจะได้มีให้เค้าเลย อย่างกรณีเรา ไม่มีหมายเลขนี้ ก็ต้องสมัครก่่อน

ขั้นตอนการขอ National Insurance Number
1. โทรไปนัดวันสัมภาษณ์ ซึ่งเค้าจะถามข้อมูลส่วนตัวเรา และสถานที่ที่สะดวกในการไปสัมภาษณ์ ซึ่งจะเป็นหน่วยงาน Jobcentreplus มีอยู่ทั่วไปทุกเมือง คิวสัมภาษณ์ก็นานสุดๆ ประมาณ 1 เดือน
ซึ่งสำนักงาน Jobcentreplus ในเมืองต่างๆ สามารถดูได้จาก Website นี้
Jobcentreplus

2. หลังจากทำการนักเสร็จ จะได้จดหมายมาที่บ้านยืนยัน วันและเวลาในการไปสัมภาษณ์
3. วันสัมภาษณ์ นำเอกสารต่างๆ ไป ดังนี้
- จดหมายนัดการสัมภาษณ์
- passport
- หลักฐานยืนยันว่าเรียนอยู่ เช่น Student ID
- หลักฐานว่าเรามีการหางานอยู่ เช่น ใบตอบรับหรือปฎิเสธการสมัครงานของเราจากผู้ว่าจ้าง (อย่างเราก็เอาใบตอบปฎิเสธไป) หรือถ้าคนที่ทำงานแล้วก็เอา Slip เงินเดือนไปได้ ขอสำคัญคือว่า เอกสารเหล่านี้ต้องเป็น เอกสารที่ออกจากผู้ว่าจ้าง ถ้าเป็นเอกสารที่เราเขียนเอง อย่างใบสมัครงาน หรือ Resume เนี่ย ไม่ได้นะ

ตอนสัมภาษณ์เค้าก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย แต่อาจนานประมาณครุึ่งชุั่วโมงเพราะเค้าต้องถามไป กรอกใบสมัครให้เราไปด้วยนะ
4. กลับบ้าน นั่งรอ นอนรอ ไปประมาณ 1 เดือน ก็จะมีจดหมายส่งมาที่บ้านว่าเราได้รับ NI Number หรือไม่
5. ถ้าได้รับ NI Number ก็นั่งรอ นอนรอ ไปอีกประมาณ 1 เดือน ก็จะได้ Plastic Card NI Number แต่ระหว่างนั้นก็เอา number ไปใช้ได้แล้ว

ถ้าต้องการข้อมูลรายละเอียดเพ่ิมเติมสามารถดูได้ที่
DWP หรือ HMRC

ทั้งหมดด้วยประการฉะนี้แล ขอให้โชคดีทุกท่าน






 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2549 6:17:02 น.   
Counter : 966 Pageviews.  

จัดกระเป๋ามาเรียนอังกฤษ ภาค 2...รายการครบทุกหมวดแล้ว ไปประเทศอื่น ก็เข้ามาดูได้นะ

ในที่สุด…. ความฝันของเราในการจะรวบรวมรายการของใช้เอามาเรียนที่อังกฤษ ก็เป็นความจริงได้ โดยการขอรายการนี่มาจากคุณ fat shark ในห้อง around uk คือจริงๆ อย่างที่เขึยนไว้ใน blog ตั้งแต่แรกว่าอยากทำ check list นี่ให้น้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่กำลังจัดกระเป๋า แล้วเวียนศีรษะกับการทำให้นำ้หนักไม่เกินอยู่นะ แต่ยังไม่มีเวลามานั่งพิมพ์จริงๆ จังๆ สักที่ ก็ได้นี่เลย รายการของคุณ fat shark เลยขอคุณ fat shark มาแล้วก็เพ่ิมเติม อะไรนิดหน่อยตามประสบการณ์ของ Mactopia หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์น้า




หมวดที่ 2: คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้า

- notebook
- ปลั๊กไฟ adapter ตัวต่อแยก
- กล้อง และที่ชาร์ทถ่านกล้อง
- หมึกปริ้นเตอร์ - หาดูใน net เช่น ร้าน Argos ว่าเราอยากได้รุ่นไหน แล้วก็เตรียมซื้อหมึก Refill จากพันทิพย์ ไปได้เลย ที่นี่หมึกแพงมาก

- ซีดีเปล่า
- ซีดีเพลงและหนังไทย เอาไว้เผื่อคิดถึง แต่เอามาเฉพาะที่ชอบสุดๆ นะ เพราะเดี๋ยวนี้หาดูตาม net ได้ง่าย

- ซีดีโปรแกรมที่คาดว่าต้องใช้ เช่น ถ้าเรียนสาย Social Science ก็ควรมี SPSS แล้วถ้าไม่เคยใช้ ก็ซื้อหนังสือคู่มือการใช้ภาษาไทยมาด้วย จะช่วยได้มากเลย

- โทรศัพท์มือถือและที่ชาร์ทถ่าน - เอามาใช้ช่วงแรกที่ยังเปิด contract ไม่ได้เพราะว่าการจะเปิด contract ที่นี่ได้ต้องมีบัญชีธนาคารก่อน และมีบัตรที่ใช้ direct debit ได้นะ

- MP3
- เมาส์
- USB thumb drive - มีประโยชน์มาก เพราะต้องมีการส่ง file รับ file - กันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาทำงานกลุ่ม
- สาย USB ยาวๆ
- สาย LAN เอายาวๆ หน่อยนะ เพราะบางทีที่เสียบอยู่ไกลๆ

- ไฟฉาย
- นาฬิกาข้อมือ

== รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้มาซื้อที่นี่ ==
- Printer
- หม้อหุงข้าว ไม่แพงเลย ซื้อได้ที่เจ้าเดิม ร้าน Argos
- ไดร์เป่าผม (ถ้าใช้นะ)
- วิทยุ ที่เล่น cd ได้และเป็นนาฬิกาปลุกได้อีก ถูกมากประมาณ 10 ปอนด์ ซื้อได้ที่เจ้าเก่า ร้าน Argos อีกนั่นละ




หมวดที่ 3: ของใช้ส่วนตัว

- หวี และกระจกเล็ก
- ชุดตัดเล็บ
- ยาสีฟันและแปรงสีฟัน เอามาให้ครบปีเลย ที่นี่แพงมาก ถ้าตามหลักการทั่วไป หนึ่งปีจะใช้ยาสีฟันหลอดใหญ่ 4-5 หลอด และตามหลักสุขอนามัยก็ใช้ แปรงสีฟัน 6 อันต่อปี (ทำวิจัยมา…..เว่อร์สะไม่มี เราเนี่ย)

- ชุดเย็บผ้าแบบอันเล็ก เอามาเผื่ออะไรขาดจะได้ซ่อมได้
- ถ้าสายตาสั่นนะ เอา contact lense กับนำ้ยามาด้วยให้ครบปี ที่นี่แพงแบบทำเลซิกได้เลย ถ้าโดยทั่วไป หนึ่งปีจะใช้นำ้ยา 4 ขวดนะ

== รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้มาซื้อที่นี่ ==
- แป้งธรรมดา และแป้งเด็ก
- แชมพู ครีมนวด ที่นี่มียี่ห้อ Tresemme ที่เราชอบมากๆ เลย

- สบู่ โลชั่น ครีม เครื่องประทินโฉมอื่นๆ ที่ Boots ก็มีหมดนะ //www.boots.com/home.jsp

- กระเป๋าต่างๆ นี่แล้วแต่ตาม style ส่วนบุคคลนะ แต่มาซื้อที่นี่เหอะ จะได้ของน่ารักๆ ไม่แพงด้วย

อันนี้ลับเฉพาะคุณสภาพสตรี (แต่มาเขียนตรงนี้แล้วมันลับยังไงเนี่ย) ถามกันมามากเหลือเกิน …. ผ้าอนามัยควรเอามามั้ย ตอบได้เลยว่าที่นี่มันแพงกว่าก็จริง แต่ราคาที่แพงกว่าแล้ว ก็ยังคุ้มกว่าที่จะแบกทั้งหมดมาจากไทยนะ เพราะงั้นก็มาซือ้ที่นี่เถอะ ราคาพอรับได้




หมวดที่ 4: ครัว&ห้องน้ำ&เครื่องนอน
****
หมวดนี่จริงๆ แล้วมาซื้อที่นี่ได้หมด แต่เอาติดไม้ติดมือมา นิดหน่อย ยำ้นิดหน่อยนะ ไว้สำหรับช่วงแรก ส่วนหลังๆ ก็ไปซื้อเอาได้
- ม่าม่า
- โลโบ
- หมูหยอง
- น้ำพริก ถ้าแบบที่เป็นขวดหนักเอามาลำบาก แนะนำให้ซื้อเป็นซอง ยี่ห้อ OJ นะ เราว่ารสชาด หลานๆ นำ้พริกตำจากครกนะ
- กะปิ

== รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้มาซื้อที่นี่ ==
- มีด
- ฟองน้ำล้างจาน
- ฟองน้ำขัด 3 เอ็ม
- หนังสติ๊ก
- ถุงพลาสติก
- กะทะ หม้อชาม จาน รามไห
- ถุงซักผ้า
- ผ้าคลุมเตียง ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
- ผ้าขี้ริ้ว หรือ ผ้าเช็ดจิปาถะ
- ถุงมือยางทำความสะอาดห้องน้ำ

รายการเหล่านี่สามารถหาซื้อในราคาย่อมเยาว์ได้ที่ Primark, One Pound Shop, Tesco, Asda (เอาค่าโมษณามาให้ฉันเดี๋ยวนี่นะ)
ที่อังกฤษไม่มีหมอนข้างอะ หายังไงก้หาไม่เจอ อยากได้หมอนข้าง




หมวดที่ 5: เอกสารและสำเนา

รายการนี่สำคัญ เอกสารของเราเท่านั้น หาใหม่ไม่ได้ แล้วค่า xerox ที่นี่ก็แพง เพราะงั้นก็ xerox มาจากไทยเลยนะ

- passport and visa
- Offer letter and acceptance letter
- offer letter accommodation
- ตั๋วเครื่องบิน
- รูปถ่าย - เอามาเยอะๆ ที่นี่ไม่มีแต่งฟิมล์เหมือนบ้านเรา ถ่ายมาแล้วรับไม่ได้
- transcript
- IELTS certificate and GMAT or GRE (ถ้าใช้)
- เช็คเดินทาง ดร๊าฟ เงินสด บัตรเครดิต




หมวดที่ 6: เครื่องเขียน

เอาทุกอย่างที่เป็นเครื่องเขึยนปกติเราชอบใช้เวลาเรียนมาให้หมด มันไม่หนักเท่าไร แทรกไปตามซอกหลืบกระเป่าได้ เพราะที่นี่เครื่องเขียนแพงมาก โดยทั่วไป ก็มี

- ปากกาทุกชนิด พร้อมไฮไลท์เตอร์
- ดินสอกดและใส้ดินสอ
- ยางลบ (สัก 2 3 ก้อน)
- คัทเตอร์ **แยกโหลด
- กรรไกร **แยกโหลด
- แม็กส์ พร้อม ลูกแม็กส์
- ถุงใส่ดินสอ
- liquid น้ำ แห้ง
- แผ่นคั่นหนังสือของ 3 M
- กาว uhu
- post it
- ไม้บรรทัดสั้น ยาว
- เครื่องคิดเลข
- ปากกาเมจิก
- ปากกาเขียน CD

== รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้มาซื้อที่นี่ ==
- สมุด หรือพวก Notepad
- สก็อตเทป
- แฟ้มห่วง แฟ้มใส
- คลิปหนีบกระดาษ
- ที่หนีบกระดาษ





หมวดที่ 7: ยา

เป็นหมวดที่เราเครียมมาแล้วได้ใช้่แบบรู้สึกคุ้มค่า แต่ขอเพิ่ม กับอีกอย่างคือ

- ยาหม่อง, para, ยาแก้อักเสบ, ดีคอลเจน, antifect, เบตาดีน
- ยาแก้แผลในปาก Kenalog (ที่นี่อากาศแปรปรวน ทำให้เป็นร้อนในง่าย)
- ยาธาตุนำ้ขาวตรากระต่ายบิน
- เทนโซพลาส, ผ้าก๊อต, เทป 3m
- ยาดม,เซียงเพียวอิ๊ว
- ยาคลายกล้ามเนื้อ
- counterpain, โวทาเลน, เฮรูดอย
- ยาแก้ท้องเสีย และผงนำ้เกลือชงแก้ดื่มเวลาท้องเสีย (ยี่ห้อ oreda ดี โดยเฉพาะรสส้ม)
- ยาอื่นๆ ตามอาการประจำตัว
- พวกยาอื่นๆ ที่ขอจากร้านหมอ เช่น ยาสิว ให้ขอจดหมายมาด้วยนะ ที่คลินิกเตค้ารู้อยู่แล้วละ แต่บอกเค้า เค็าก็ทำให้โดยง่ายดาย คือให้เอามาไว้กันเหนียวนะ เผื่อเค้าตรวจเจอแล้วถาม แต่ปกติก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ

== รายการในหมวดนี่ที่แนะนำให้มาซื้อที่นี่ ==

วิตามินต่างๆ นะ ไม่ต้องขนมาให้นักนะ ที่นี่มีร้านชื่อ Holland and Barrett มีวิตามินทุกอย่าง คุณภาพดี และราตาไม่แพง ยิ่งคอยจ้องเวลาเค้าลดนะ โฮคุ้มมากก

โฮเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันแฮะ รายการเท่าที่คุณ Fat Shark นำเสนอมา และที่ข้าพเจ้านึกออก ก็เป็นเท่านี่แล ถ้าคิดอะไรได้เพิ่มเติม หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถาพแวดล้อม จะมา Update นะ หรือถ้าเพื่อนเข้ามาอ่าน แล้วมีความเห็น คำถาม หรืออะไรเพิ่มเติม ช่วย Comment ด้วยนะ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2549   
Last Update : 5 สิงหาคม 2549 7:53:50 น.   
Counter : 1897 Pageviews.  

1  2  

Mactopia
Location :
Mantopia United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Blog ล่าสุด
1.A Perfect Dayout in Ingleton with Waterfalls and White Scar Caves
2.Switzerland...My Winter Sonata: 9 วัน เหมัตฤดู อู้ฮู สวิสเซอร์แลนด์
3.เข้าไปเกี่ยวข้องกับ "วินาศสันตะโร" ศึกชิง Uefa Cup อย่างไม่ได้ตั้งใจ
[Add Mactopia's blog to your web]