แล้วทั้งสองเสี่ยเอาราคาประมูลสูงสุดที่คิดว่าตัวเองจ่ายไหวมาจากไหนล่ะ? ทำไมเสี่ย Microsoft ไม่ประมูลแข่งต่อไปอีกให้ราคาสูงกว่า 3.1 พันล้านเหรียญ แล้วให้เสี่ย Google มาเกทับอีกครั้ง?
คำตอบก็คือไพ่ในมือของทั้งสองเสี่ยไม่เท่ากันครับ ไพ่ของเสี่ย Microsoft เป็น Straight Flush ขณะที่ไพ่ของเสี่ย Google คือ Royal Straight Flush ราคา 3.1 พันล้านเหรียญมันเกินไพ่ Straight Flush ของเสี่ย Microsoft ไปแล้ว
ทีนี้เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่าทำไมเสี่ย Google ถึงให้ราคา 3.1 พันล้านเหรียญได้ ราคานี้มีที่มาอย่างไร?
ศัพท์คำนี้เด็กการเงินคงรู้จักดี แต่ผู้อ่านบล็อกนี้ส่วนใหญ่คงไม่ใช่เด็กการเงิน ผมก็จะอธิบายในแบบที่ไม่ใช่ Net Present Value นะครับ จะไม่พูดถึง Time Value of Money หรือ Weighted Average Cost of Capital แต่จะอธิบายเรื่องของจุดคุ้มทุนแทนเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
ผมไม่รู้ว่าตัวเลขกำไรของ DoubleClick อยู่ที่ปีละเท่าไหร่ แต่สมมุติว่าถ้า DoubleClick ทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอปีละ 310 ล้านเหรียญ ขณะที่ Google จ่ายเงินซื้อไป 3.1 พันล้านเหรียญ แปลว่าต้องใช้เวลา 10 ปี Google ถึงจะได้ทุนคืน (ไม่สนใจเรื่อง Time Value of Money นะครับ)
ถ้า 10 ปีคืนทุน Google เอาเงินไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ย 7% ดีกว่าครับ
แปลว่ากำไรของ DoubleClick น่าจะสูงกว่าปีละ 310 ล้านเหรียญ หรือ Google ได้อะไรจากการซื้อ DoubleClick ที่มากกว่ากำไรที่ตัวมันเองทำได้อยู่แล้ว
โดยส่วนตัวผมแล้ว ผมเชื่อว่ากำไรของ DoubleClick ไม่น่าจะสูงกว่านี้มากนัก แต่ Google ได้อย่างอื่นพ่วงมาด้วย ซึ่งอยู่ในหัวข้อถัดไป
แต่ยังมีมูลค่าเพิ่มอีกแบบก็คือการที่คู่แข่งของ Google ไม่ได้กิจการของ DoubleClick ไป ให้ลองนึกดูว่าถ้าคู่แข่งอย่าง Microsoft หรือ Yahoo! ได้ DoubleClick ไป จะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของ Google ลดลงแค่ไหน แต่พอ Google ได้ DoubleClick มา ทำให้ส่วนแบ่งของ Microsoft และ Yahoo! ลดลงแค่ไหน และส่วนแบ่งของ Google สูงขึ้นแค่ไหน ผลต่างระหว่างความเสียหายของคู่แข่งและความได้เปรียบของ Google ก็คือมูลค่าเพิ่มที่ Google ได้มาครับ
มูลค่าในส่วนที่เป็น Net Present Value ทั้ง Google และ Microsoft คงคำนวณออกมาได้ไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่ต่างกันก็คือ Synergy Value และ Competition Value โดยที่ Google ให้ราคาของมูลค่าเพิ่มสองแบบนี้สูงกว่าที่ Microsoft ให้ อาจจะด้วยความสามารถของ Google ที่จะทำให้มูลค่าเพิ่มทั้งสองแบบเกิดขึ้นได้เหนือกว่าที่ Microsoft จะทำได้ และนี่คือไพ่ที่เหนือกว่าของ Google ครับ
ต่อจากนี้ไป สิ่งที่ Google ต้องพยายามทำก็คือการ maximize ทั้ง Synergy Value และ Competition Value ให้เป็นไปตามราคาที่ได้คำนวณเอาไว้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางครั้งการ Synergy อาจจะไม่ประสบความสำเร็จและทำให้ต้นทุนสูงขึ้นอีก หรือการคุกคามจากคู่แข่งก็อาจจะไม่ได้ลดลงอย่างที่ต้องการก็ได้
เราก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าเสี่ย Google กับหนู DoubleClick จะเข้าขากันได้ดีแค่ไหน จะเป็นคู่ที่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรไปจนแก่เฒ่า หรือจะกลายเป็นคู่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำกันแน่ (เสี่ยอย่าล่มปากอ่าวละกัน)
คือ มี Synergy Value และ Competition Value
มากกว่าบริษัทคู่แข่งใช่ไหมครับ