บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับ Google AdSense เลยสิ ที่ให้เจ้าของเว็บเอาพื้นที่โฆษณามาขายให้กับผู้ที่ซื้อโฆษณาผ่าน Google AdWords ใช่เลยครับ ทั้ง Google และ DoubleClick ต่างก็เป็นตัวกลางเชื่อมผู้ขายและผู้ซื้อเหมือนกัน จะต่างกันก็ที่ Google ให้บริการแบบ Pay-Per-Click Text Ads เป็นหลัก ผู้ซื้อโฆษณาจะซื้อคีย์เวิร์ดจาก Google AdWords จากนั้น Google จะนำข้อความโฆษณาของผู้ซื้อไปแสดงบนเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดนั้นๆ อยู่ ถ้าผู้เล่นเว็บไซต์นั้นเห็นโฆษณาแล้วคลิกที่โฆษณา ผู้ซื้อคีย์เวิร์ดก็จะต้องจ่ายเงินให้กับเจ้าของเว็บไซต์ โดย Google จะเป็นตัวกลางและเรียกเก็บค่าต๋งไป
ขณะที่ DoubleClick จะต่างออกไปตรงที่ไม่ได้มีเทคโนโลยี Search Engine แบบ Google จึงไม่สามารถให้บริการ Text Ads ได้ดีนัก แต่ DoubleClick ก็มี Image Ads ที่แข็งแกร่ง มีเครือข่ายเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเน้นรูปภาพและมัลติมีเดีย
Text Ads กับ Image Ads มีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน Text Ads จะถูกใช้เพื่อสื่อสารข้อความออกไปตรงๆ เพื่อให้ผู้มองเห็นตัดสินใจคลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมทันที ขณะที่ Image Ads จะไม่เน้นการถูกคลิกมากนัก แต่ถูกใช้เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้ภาพของโฆษณาฝังเข้าไปในหัวของผู้มองเห็น
ใครที่เคยอ่านหนังสือ Google Make Me Rich ก็คงรู้จักคำว่า Affiliate Marketing ดี เจ้า Performics ที่เป็นเบอร์สามของตลาดนี้ก็ทำตัวเป็นตัวกลางเช่นกัน ด้วยการสร้างเครือข่ายบริษัทผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่มีเว็บไซต์สำหรับขายออนไลน์ และเปิดให้คนที่อยากเป็นนายหน้าช่วยบริษัทเหล่านี้ขายของได้เข้ามาสมัครสมาชิก และเลือกสินค้าที่มีเพื่อนำไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามเว็บต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้น Google AdWords ถ้ามีคนคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของบริษัทขายสินค้าผ่านการแนะนำของนายหน้า และคนนั้นตัดสินใจเป็นลูกค้าของบริษัท คนที่เป็นนายหน้าก็จะได้รับค่าต๋งไป
แต่เมื่อ Google เข้ามาขอแต่งงานกับ DoubleClick และได้ Performics เป็นเรือพ่วงติดไปด้วย ต้นทุนของ Affiliate Marketing จะลดลงทันที จากเดิมที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าจะต้องจ่ายเงินให้ Performics และ Performics จะแบ่งเงินออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้นายหน้า อีกส่วนให้ตัวเอง และนายหน้าที่ทำ Affiliate Marketing ที่จ่ายเงินซื้อคีย์เวิร์ดให้กับ Google เงินที่จ่ายก็ถูกแบ่งเป็นสองส่วนเช่นกัน ส่วนหนึ่งให้เจ้าของเว็บไซต์ที่มีพื้นที่โฆษณา อีกส่วนให้ Google เอง
Before
ต่อจากนี้ไป Google จะเป็นผู้รับคนเดียวครับ คือรับเงินจากบริษัทผู้ผลิตสินค้า และรับเงินจากผู้ซื้อโฆษณา ซึ่ง Google สามารถที่จะลดเปอร์เซ็นต์ของเงินสองก้อนนี้ลงได้เพื่อให้ตลาดของ Affiliate Marketing โตมากขึ้น กระตุ้นให้เจ้าของสินค้าเอาสินค้ามาฝากให้ Google ช่วยขายมากขึ้นเนื่องจากค่าต๋งถูกลง ซึ่งจะทำให้นายหน้ามีสินค้าให้เลือกขายได้มากขึ้น และลงโฆษณากับ Google AdWords มากขึ้นเช่นกัน