ถ้าเว็บของคุณมีคนเข้าเยอะ แต่คนที่เข้ามาอยู่กับเว็บไม่นาน แบบนี้เรียกว่า Portal Site คือเป็นเหมือนศูนย์กลางให้คนเข้ามาใช้บริการ แต่ไม่ให้เขาอยู่กับเว็บนานมาก รีบส่งเขาไปที่อื่นต่อไป เว็บประเภทนี้ก็เช่น Web Directory หรือพวกเว็บรวมลิงค์ที่เด็กไทยชอบทำสมัยที่ดอทคอมบูม ซึ่งในสมัยนี้ Web Directory ได้พัฒนาขึ้นกลายเป็น Web Directory 2.0 ซึ่งมาในรูปแบบของ Social Bookmark อย่าง del.icio.us, digg.com หรือ zickr.com นั่นเอง
และถ้าเว็บของคุณมีคนเข้าเยอะ แถมคนใช้เวลาอยู่กับเว็บของคุณนาน แบบนี้เรียกว่า Community Site เป็นเว็บที่มีโมเมนตัมมากพอที่จะดึงดูดให้คนเข้าเว็บมาก และทำให้พวกเขาใช้บริการอยู่ในเว็บนานๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือเว็บบอร์ดอย่าง Pantip.com หรือเว็บซื้อขายออนไลน์ระดับโลกอย่าง eBay.com
เว็บแต่ละประเภทต่างก็มีกลยุทธ์การจัดการที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น ถ้าเว็บของคุณเป็นแบบ Portal Site และฝันว่าวันหนึ่งอยากจะเป็น Community Site ให้ได้ หน้าที่ของคุณก็คือการทำ Internal Improvement โดยปรับปรุงเนื้อหาหรือบริการภายในเว็บไซต์ให้น่าสนใจมากขึ้น เพื่อให้คนอยู่กับเว็บคุณนานขึ้น แต่ถ้าคุณเป็น Content Site และอยากจะเป็น Community Site คุณควรจะทุ่มเทกับการทำ External Improvement เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บ เช่น การประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ในรูปแบบต่างๆ
ผมกำลังจะสร้าง Community Site เหมือนกันครับ โชคดีได้เข้ามาที่ blog ของคุณ ได้ประโยชน์และแง่คิดี่ดีครับ www.bynatureonline.com ยังไงแวะไปวิจารณ์เว็บที่พึ่งปรับปรุงเสร็จใหม่ๆ ของผมบ้างนะครับ