เที่ยวเถิด จะเกิดผล (สนุก สุขใจ)
Group Blog
 
All blogs
 
`Myanmar Memories

ไปพม่าครั้งนี้เป็นนัดล้างตา เพราะไปครั้งแรกใช้บริการของทัวร์ ซึ่งไม่จุใจ เท่าที่ควรเพราะตัวไกด์เค้าก็ไม่ค่อยแน่นเรื่องข้อมูล การจัดการเดินทางก็ไม่เวิร์ค เพราะระยะใกล้ดันให้เราบิน แต่ระยะไกลกับให้เรานั่งรถบัส ซึ่งครั้งนั้นทำให้เพื่อนรุ่นพี่ถึงกับรำพึงว่า กูอยากตาย เพราะเป็นการนั่งรถจากรัฐฉานมาย่างกุ้ง ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 26 ชั่วโมง อยู่ในรถที่ทุกอณูของที่ว่าง จะถูกยัดแหย่ไปด้วยสิ่งของของชาวบ้าน จนไม่มีที่วางขา

ครั้งแรกเราเริ่มจากย่างกุ้ง ไปพุกาม มัณพเลย์ แล้วสุดท้ายที่อินเล รัฐฉาน

ด้วยความที่เห็นแก่กิน เพราะไม่แน่ใจว่าอาหารเค้าจะถูกปากเราหรือเปล่า จึงได้พกข้าวเหนียวไปหลายกิโล พร้อมทั้งหมูทอดเจ้าอร่อย คุณไกด์ก็หวังว่าจะได้ค่าคอมจากร้านอาหาร แต่ก็ผิดหวัง เพราะสาวสยามดันงัดเอาเสบียงขึ้นมาเปิป โดยมิได้นำพาต่อภัตตาคารไหน ๆ ทั้งสิ้น
แต่หลังจากที่เสบียงหมดเราก็ต้องพึ่งอาหารจากพม่า ภายหลังทัวร์นี้ได้รับการขนานนามว่า ทัวร์แดกผัก เพราะเราเน้นร้านอาหารพื้นเมือง ที่เค้ามีน้ำพริก และผักให้เรากินได้เต็มที่ นึกชมตัวเองที่พกมะนาวไปด้วย มันยอดมากเลยกับการบีบมะนาวใส่ไปในน้ำพริกพม่า เพิ่งลองกินใบมะกรูดอ่อนที่นี่ ทั้ง ๆ ที่บ้านเราก็มี อร่อยล้ำจริง ๆ

เราใช้บริการรถไฟของพี่หม่องหนึ่งเที่ยว ก็สนุกดี แต่บ้านเราดีกว่าหลายขุม นอนก็ไม่ค่อยหลับเพราะเสียงคนคุยกันดังหนวกหูมาก

น่าเสียดายที่ครั้งนี้เรามีโอกาสอยู่ที่พุกามแสนสั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นเมืองที่เราหมายมาด เมืองนี้โรแมนติกและย้อนยุคดี แต่เราก็ได้มีโอกาสนับเวลาถอยหลังฉลองปีใหม่กันบนดาดฟ้าของเกสต์เฮ้าส์ พร้อมทั้งฟังเครื่องเสียงที่คุณพี่โจ้ได้หอบหิ้วมาจากกรุงเทพด้วย ดูไฮโซนิ เห็นบอลลูนที่เศรษฐีเค้าได้ขึ้นชมวิวทุ่งเจดีย์ ก็ได้แต่แหงนมองด้วยความอิจฉา

เริ่มเข้าสู่การเที่ยวคราทีสอง
ขอบคุณแอร์เอเชียที่ทำให้เรามีโอกาสได้กลับไปเที่ยวอย่างละเอียดอีกครั้ง กับเพื่อนสาว อีก สามคน แต่ สองสาวเที่ยวแต่ที่ย่างกุ้ง แล้วกลับ แต่เราไปเที่ยวที่พุกาม และมัณฑเลย์ต่อ

ครั้งก็เลยทำให้ได้สัมผัสพม่าอย่างแท้จริง และสำหรับตัวเองคิดว่าเป็นบุญด้วยที่ได้มีโอกาสได้ไปสักการะ พระเจดีย์ชเวดากอง ที่เป็นพระธาติประจำปีเกิด ถึงสองครั้ง สองครา

และครั้งนี้เราก็ได้ไปแอบฟังไกด์ ที่เค้าอธิบายให้ฟังว่าเราสามารถหาจุดที่เราสามารถเห็นแสงอัญยมณีบนยอดของเจดีย์ด้วย ในแต่ละมุมก็จะเห็นสีที่แตกต่างกันออกไป

คนพม่านั้นเค้าศรัธทาในพุทธศาสนาอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากจำนวนประชาชนที่ไปวัด หรือไปกราบไว้พระธาตุ เจดีย์ และนั่งสมาธิสวดมนต์กันน่าเลื่อมไส

คนพม่าน่าสงสาร รายได้น้อย แต่เค้าก็ไม่โกงนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จริงใจ และเป็นมิตรมาก

ที่ย่างกุ้งเราถือคติว่า เที่ยวต้องเห็นหมด ทั้งภาคกลางวันและกลางคืน ซึ่งครั้งแรกเราได้ใช้ข้อมูลของโลนลี่พลาเน็ต แต่ผับที่เราไปเค้าปิดไปตั้งแต่ปีมะโว้ เราก็เลยเปลี่ยนไปเที่ยวที่ Mr Guitar ซึ่งเค้าตกแต่งร้านได้น่านั่งอยู่ในสวน ถื่อว่าเริ่ด มีดนตรีสดเล่น ซึ่งการร้องเพลงของเค้าจะคล้าย ๆ คาเฟ่ คือมีนักร้องหลายคน เพลงก็ย้อนไปประมาณ สิบปีเห็นจะได้ ที่นี่เค้าถ่ายทอดสดฟุตบอลจาก ยูบีซี ของไทยด้วย

มีเกร็ดที่อยากเล่าเพื่อนนักเที่ยวว่าที่นี่ หากประสงค์ขอเพลง โปรดเตรียมเงินจ่ายค่าเพลงด้วยค่ะ เราก็ขอไปสามเพลง เด็กเดินมาบอกว่าเล่นได้แค่เพลงเดียว เราก็คุยกันว่า เออดีเนอะ ร้องได้ ไม่ได้ก็เดินมาบอก ที่ไหนได้เค้าเก็บตังค์ที่นี่เราเสียประมาณ เกือบร้อยบาท เดชะบุญที่เค้าร้องได้แค่เพลงเดียว

จากย่างกุ้งไปพุกามเราก็นั่งรถบัสประจำทางไป เข้าที่พักแล้วก็ไปเดินเล่น แน่นอนว่าเราต้องไปเดินตลาดพื้นเมือง ชอบมากกับการเดินตลาดท้องถิ่น มันมีเสน่ห์และสีสัน ที่จะหาไม่ได้จากโลตัสหรือบิ๊กซีแน่นอน

ที่นี่มีร้านอาหารไทยด้วย ดีใจมากเพราะได้กินพริกน้ำปลา เอ้อ เราได้ลองนวดแบบเมียนมาร์ด้วย นอนนวดใต้ถุนบ้าน อีกคนหนึ่งนวด อีกคนหนึ่งถือพัดคอยพัดวีให้เรา น่ารักดี

อีกอย่างก็คือเมียนมาร์เบียร์ ของเค้าดีนะ ได้รางวัลจากยุโรปทีเดียว และที่นี่แกงปลาอร่อยมาก เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้

พุกามนั้น เป็นที่นี่มี ทุ่งเจดีย์ ซึ่งหากเราดูจากรูปหรืออ่านจากหนังสือ ยังไงก็ไม่เหมือนที่ตาเห็น สมควรแล้วที่เค้าได้ขึ้นมรดกโลก สำหรับเราก็ใช้บริการรถม้า และเดิน บางที่เราไปกันสองคน วังเวงเหมือนกัน ขอบอกว่าไม่ควรพลาดชมแสงสุดท้ายของวันผ่านทุ่งเจดีย์ที่พุกาม เรานั่งรถม้า นาขณะที่รถม้าวิ่ง เราก็มองกลับไปยังทุ่งเจดีย์ที่ทาบทาด้วยสีทอง ประทับใจจริงๆ

ที่มัณฑเลย์เราก็ได้ไปเที่ยวที่ เมืองอมรปุระ ที่เค้าไม่ให้รถวิ่ง จะมีก็แต่รถม้าเท่านั้น รู้สึกเหมือนเราย้อนกลับสู่อดีตยังไงยังงั้น เราคิดว่าเนี่ยแหละที่นักท่องเที่ยวถวิลหา โดยเฉพาะพวกที่เค้ามาจากประเทศที่มีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว เค้าต้องการเที่ยวแบบธรรมชาติมากกว่า

ที่นี่เราได้เจอมิตรมากมาย เจอน้องชายชื่อ เมง เมง น่ารัก เชียว ซื่อ ๆ คนพวกนี้เค้าไม่ต้องการอะไรจากเราเหมือนคนบางประเทศ เค้าต้องการความเป็นเพื่อน และไมตรีมากกว่า วันนั้นนั่งกินข้าวกันอยู่ เห็นผู้ชายใส่เสื่อเหลือง รักในหลวงก็คิดว่าเป็นคนไทย พอทักทายจึงรู้ว่าเค้ามาเรียนกฎหมายที่เอแบค แม่ก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นี่ เค้าก็พาไปดูบ้าน พาเที่ยว โดยให้เพื่อนที่เป็นครูเอามอไซค์มาอีก หนึ่งคัน ดีจังมีคนท้องถิ่นพาเที่ยว อ้อคนนี้เค้าชื่อโรเจอร์ แต่ไม่ได้เล่นเทนนิสนะ

ครั้งนี้ประทับใจและถือว่าล้างตาได้สำเร็จ พม่าน่าเที่ยว คนพม่าก็น่ารัก ยืนยัน




Create Date : 16 มกราคม 2552
Last Update : 16 มกราคม 2552 12:41:48 น. 2 comments
Counter : 729 Pageviews.

 
สวยจังเลยค่ะ

อ่านแล้วอยากไปบ้าง ใกล้ๆไทยเรานี่เอง



โดย: bakaminkchan วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:16:44:22 น.  

 
ไปเลยค่ะคุณ bakaminkchan เชียร์สุดใจค่ะ เพราะคนน่ารัก ค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง


โดย: สวีทตี้ วันที่: 16 มกราคม 2552 เวลา:17:32:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สวีทตี้
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีค่ะชาวแก๊งค์ เพิ่งเข้ามา ยังเงอะงะอยู่ค่ะ ชอบเที่ยว แลกเปลี่ยนข้อมูลและรูปภาพกันนะคะ
Friends' blogs
[Add สวีทตี้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.