...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
All blogs
 
ตอนเช้าที่บ่อสร้าง สันกำแพง



ตอนเช้า...ที่ตำบลบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง

เสียงนกเขา ขันคู กู่ตอนเช้า
สลัดหนาว ออกจากกาย ส่ายตาหา…
ที่อำเภอ สันกำแพง แหล่งทุ่งนา
ได้ยินเสียง นกป่า กู่หากัน

เสียงจุ๊กจุ๊ก ฮุกกรู อยู่ยอดไม้
ฟังคล้ายคล้าย เสียงเพลง บรรเลงขวัญ
นึกว่าเป็น ดนตรี ที่เล่นกัน
ประกอบเพลง “นกเขาขัน ฉันครวญ ”

เป็นเพลงเก่า ลูกทุ่ง คนกรุงร้อง
ชื่อทูลทอง ใจเสนาะ เพราะไห้หวน
ยามพลัดพราก จากเคหา แม่หน้านวล
อยู่กระท่อม กลางสวน พฤกษ์พนา

เสียงแจ้วแจ้ว กรู้กรู้ จู้จุ๊กจิ๊ก
รัวระริก บริสุทธิ์ ดุจปักษา…
หรือนกจริง ยิ่งดนตรี เล่นลีลา
เลยรู้ว่า เป็นนกเขา ที่เสาไฟ…

ได้เห็นตัว หัวหาง ช่างน่ารัก
มาเกาะพัก ขันคู กู่เสียงใส
บ้างจับกลุ่ม อยู่ในพุ่ม ซุ้มไม้ใบ
ละเมาะใน ข้างข้างบ้าน ขับขานดัง

ไม่เคยยิน มานาน พาลนึกแปลก
ตอนแรกแรก คิดว่าเจ้า ถูกเขาขัง
เพราะว่าโลก มนุษย์ สุดน่าชัง
ชอบเอา นกมาขัง หวังได้ดู…

หวังได้ยิน สำเนียง เสียงคูขัน
เพื่อประชันร้องแข่งได้แรงหู
เขาจับเจ้า ขังกรง ส่งขึ้นชู…
เสียงขันคู จึงขาดหาย ภายในดง…

ไม่คิดว่า ที่นี่ ที่เชียงใหม่
บ้านบ่อสร้าง ช่างอำไพ น่าไหลหลง
สันกำแพง มี นกป่า มาจากดง
มาร้องส่ง ขับขาน สัญญาณไพร

ใกล้บ้านฉัน ปัตตานี ยะลา ที่รารัก...
เขาคอยดัก ลอบฆ่า ไม่ปราศรัย
นกหรือคน ใต้ฟ้า จากป่าไทย
ถูกเหนี่ยวไก ปืนยิง ว่าอิงการ...

จนป่าใต้ ไร้ปักษา มาส่งเสียง
มีแต่เพียง คำรามปืน ยื่นมาผลาญ
นกไม่ขัน คนขม มานมนาน
ผิดกับบ้าน บ่อสร้าง สันกำแพง
00000

(เขียนจากครั้งไปงานพืชสวนโลก และนอนที่บ้านมนูญ ณ นคร หรือ "ฉมังฉาย" เป็นเวลาเกือบ ๒ สัปดาห์ จนเกือบจะผันตนเองไปอยู่ที่นั่น)



Create Date : 12 กรกฎาคม 2550
Last Update : 12 กรกฎาคม 2550 15:17:56 น. 23 comments
Counter : 2773 Pageviews.

 
ขอยืมภาพนกที่ไม่ใช่ นกเขา แต่เป็น นกเรา มาประกอบเรื่องแทน

เขียนกวีดีกว่า ไม่มีปัญหากับใคร...


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:33:25 น.  

 
ประกาศจากวันแรกจนมาถึงวันนี้ ดูจากหน้าจัดการบล็อก

จำนวนผู้ชม 4318 ครั้ง
จำนวนผู้ชม Profile 77 ครั้ง

แสดงว่ายังพอที่จะเขียนอะไรเล่นไปได้


โดย: lungboon (pantamuang ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:37:48 น.  

 
๐ ยาม......อุษาส่องแจ้ง..........กระจ่างตา
เช้า........หมอกเรี่ยลงหนา........เริ่มร้าง
ที่..........มืดมิดหม่นพา............ไสวสว่าง
บ่อสร้าง..หนแห่งกว้าง..............ถิ่นนี้ ระบือระบิน

๐ ยิน.......เสียงนกร่ำร้อง..........ก้องไกล
เสียง......อ่อนอ้อนพาใจ...........จิตเคล้า
นก........โผผกร่อนไป..............เคียงคู่
ร้อง.......ร่ำดุจเรียกเข้า.............ร่วมร้อง บรรเลง


โดย: big-lor วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:24:23 น.  

 
มาอ่านกลอนอาบูลย์จ้ะ
บางทีก็ย่องมาไม่ทิ้งร่องรอย
บางทีก็ทิ้งคำทักทายไว้เช่นนี้แหละค่ะ
คิดจะไปอยู่กับคุณฉมังฉายจริงน่ะ ไม่มีสะตอกินนะอาบูลย์ คิดถึงแย่เลย...


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.59.82 วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:25:51 น.  

 
จนป่าใต้ ไร้ปักษา มาส่งเสียง
มีแต่เพียง คำรามปืน ยื่นมาผลาญ
นกไม่ขัน คนขม มานมนาน
ผิดกับบ้าน บ่อสร้าง สันกำแพง
_______________________

เสียงนกร้องที่ใดในพงพี
แสดงป่าอุดมดีมีพืชผล
แต่ถ้าหากเสียงนกที่เป็นคน
แสดงตนว่าพูดมากปากพาไป (อิอิ)

"มาแจมแบบมั่ว ๆ ค่ะ อาบูลย์"


โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:49:22 น.  

 
ฟังแล้วคิดถึงบ้านคะ อยากกลับบ้าน


โดย: mintny_n วันที่: 12 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:19:27 น.  

 


ใกล้บ้านฉัน ปัตตานี ยะลา ที่รารัก...
เขาคอยดัก ลอบฆ่า ไม่ปราศรัย
นกหรือคน ใต้ฟ้า จากป่าไทย
ถูกเหนี่ยวไก ปืนยิง ว่าอิงการ...

ชั้นเชิงกวีของลุงไม่แพ้ใครจริงๆ
การเขียนบทกวี คือวิธีการพักผ่อนสมองในแบบของลุง จริงหรือเปล่าครับ


โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.185 วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:5:04:18 น.  

 
มาอ่านบทกวีครับ...ลุงบูลย์สบายดีนะครับ

เอ...ว่าแต่ว่า...บรรยากาศทางใต้ มีความเห็นกันอย่างไรบ้าง กับซีไรต์ปีนี้ ที่มีแต่กวีรุ่นใหม่เข้ารอบนะครับ


โดย: pu_chiangdao วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:22:37 น.  

 
อาบูลย์จ๊ะ
แวะมาเยี่ยมเยือน
ช่วงนี้มีงานง่วนหลายอย่าง
ไว้ว่างแล้วค่อยแวะมาคุยใหม่เน้อ


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:20:12:07 น.  

 
กว่าจะเข้ามาที่บล็อกได้วันนี้เล่นเอาดึก เพราะจากเช้าถึงบ่ายเข้าบล็อกไม่ได้เลย

นัก...กลอนนอนบ่ได้..............เต็มตา
กวี....หากร่ายกวีมา................กระตุ้น
ที่.....ใดใจอยากหา.................มิตรต่อ กันแฮ
รัก....กวีมีสุขลุ้น.....................โศลกซึ้งนักเอย

ยิน...ถ้อยมธุรพจน์..................บทกวี
ดี.....กว่าเสียงดนตรี................เสนาะแท้
ที่.....ประเสริฐเฉิดฉวี...............คำกล่อม
สุด...ใจอยากทราบแม้.............ชื่อนั้นนามใด
......................
ขอบคุณตะเบบูญ่า ที่มาทิ้งร่องรอย วันนี้ไม่ได้เช็คยอดว่ามีผู้มาแอบอ่านเท่าไหร่

ขอบคุณ คุณหทัยชนก
อ่านนิยายเมืองเทวดาจริงเป่า พอจะอ่านได้ไหม หรือหลอกคนแก่อีกราย

ขอบคุณ คุณ mintny_n
สะกดถูกหรือเปล่าไม่รู้ ขอบคุณที่เข้ามาทัก บ้านอยู่เชียงใหม่หรือครับ

ขอบคุณธารดาว
วันนี้ปลายแปรงไม่มาโพสต์ สงสัยจะคิดอะไรไปมาก แต่ธารดาวเข้าใจก็ดีแล้ว ลุงนี่นิสัยเสียอยู่ที่มักเป็นแบบปากฆ่าคอ เฮ้อ ไม่รู้จะแก้อย่างไร นอกจากว่านี่แหละธรรมชาติ เห็นมั้ยว่าไม่ใช่ธรรมะ
วันนี้ธารดาวชอบกลอนขึ้นมาแล้วหรือ ธารดาวเคยเขียนกลอนแบบเบลอ ๆ ได้ดี น่าจะลองรื้อขึ้นใหม่ ลุงชอบนะบทนั้น

ขอบคุณคุณภูเชียงดาว
ลุงแค่นักกลอนสมัครเล่น เลยไม่ได้ติดตามว่าใครจะได้ซีไรท์ แต่ถ้าภูเชียงดาวส่งละก็ ขอลุ้นให้อย่างน้อยให้ได้เข้ารอบ ส่วนลุงแค่กลอน ชาตินี้ไม่มีวันได้รวมเล่มประกวดหรอก นอกจากพิมพ์เอง

หนอน
งานยุ่งก็ไม่เป็นไร แค่มาเยี่ยมแป๊บ ๆ ก็ดีใจ ว่าไมทิ้งกัน ไม่งั้น ผอ อี ผี จะหลอก ถ้าไม่มีใครมา

สวัสดีแก่ทุก ๆ ท่านที่ไม่ลงชื่อด้วย ขอบคุณครับ


โดย: lungboon IP: 125.27.234.178 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:15:02 น.  

 
อา...จะเขียนกลอนอะไรดีล่ะ

เกาหัวก็แล้ว.แคะขี้ฟันก็ตั้งนาน
นั่งอึ้งก็อีกชั่วโมง
นกเขาที่บ้านไม่ขันทำอย่างไรล่ะลุงบุลย์...


โดย: ปลายแปรง วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:31:44 น.  

 
ตายแล้ว...นาฬิกาที่เครื่องคอมมันเพิงเที่ยงคืนเอง...
แล้วโพสต์ส่งไปไงเป็นจะตีหนึ่ง
ตาย...ตายแน่ๆ พรุ่งนี้อีกามาเหยียบหน้าแน่ไ
แต่สงสัยจะเป็นไอ้เอี้ยงหน้าบ้านมากกว่าแฮะ...
โอยต้องรีบนอนแล้วเดี๋ยวลุกมาหงข้าวให้ป้าพิศไม่ทัน...ตายแน่เรา...เขาเฉดหัวแน่เลย...มัวแต่เคาะหาลุงบูลย์...แงงงงงงงง

ถึงว่าวันนี้มึนหัวตึ๊บๆนอนดึกนี่เอง
ลุงบูลย์...วันนี้พ่อมหาประสิทธิ์ของลุงบูลย์ทำหน้าไม่ถูกแฮะ
มีคนเขามาขอลูกสาว...ไอ้เราก็ปากพล่อยว่าจะขึ้นป้าย
"บ้านนี้มีคานว่างให้เช่า"
เชื่อหรือยังว่า สนิมเกิดแต่เนื้อในตน...ฮือๆๆๆ
ปากหมาจริงๆเรา


โดย: ปลายแปรง วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:37:49 น.  

 
ลุงบูลย์...
เหนื่อยนะเนี่ย...วิ่งหาไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน...
เปิดประตูห้องซ้าย...อ้าวย้ายไปข้างขวา...เปิดประตูครัว...เอ๊ะหนีไปห้องส้วม....

แหม...คนไฟแรงเนี่ยลำบากใจจริง
ห้องหับในใจมีมากล้นจนคนมาเยือนหลงทาง

แล้วใจคอมาแอบซุบซิบนินทาอะไรกันสองคนกะธารดาว...เดี๋ยวเขาก็รู้หรอกว่าอายุเยอะ ถถึงชอบคิดเล็กคิดน้อย...เดี๋ยวคุณกาจะฝากที่ระลึกให้เสียชื่อคนหน้าอ๊อน....อ่อนนา

สองสามวันนี้...เครื่องคอมไม่ค่อยปกติ เจอไวรัสเล่นงานจนหมอบราบคาบต้องล้างเครื่องลงโปรแกรมใหม่หมด แถมเวลาโพสต์คอมเมนต์ บางที่เขียนไปแล้วเกือบสิบหน้า จอกระตุกวูบ....เพราะอิทธิฤทธิ์ไวรัสนั่นแล วันรุ่นก็เซ็งสิ...

ปิดเครื่องนอนก็ได้ฟะ....พอมาเปิดเครื่อง เฮ้ย ! ดันไม่ขึ้นอีก...
เลยไปกวนทุเรียนแก้เซ็งซะเลย....
ตกลงเทวดาจะตกสวรรค์ลงมาให้อ่านรึยังล่ะ...
บ้านโน้นนะขายดิบขายดีถึงกับพิมพ์ครั้งที่สองแล้วนะ...ท่าทางดวงกำลังขึ้นลิฟท์ตึกใบหยกแน่เลย...พุ่งเอ๊า...พุ่งเอา..
เฮ้อ...ไปตากกล้วยดีกว่าเรา.....


โดย: ปลายแปรง วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:33:36 น.  

 
ระวังตัวเท้อะพี่ปลายแปรง! มัวแต่แวะบ้านโน้นบ้านนี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่แต่หน้าคอมฯ อาจถูกเฉดหัวออกจากบ้านจริงๆ จะหาว่าข้าพเจ้าไม่เตือน..ฮิฮิ

จริงสิ ลืมเล่า ที่พี่ปลายแปรงแนะนำลุงบูลย์เรื่องป้องกัน้ไฟ
จากคอมฯช็อตน่ะ
"ลุงบูลย์...หาสายไปยาวๆสักเส้นนะคะแล้วตัดเอาเส้นทองแดงพันกับน๊อตตัวไหนสักตัวก็ได้ที่เครื่องคอมฯ เอาตรงข้างหลังก็ได้ แล้วลุงบูลย์ ลากสายไฟออกไปข้างนอก พันกับตะปูหรือเศษเหล็กก็ได้ทิ่ลงไปในดินลึกๆ ไฟก็จะเลิกดูด..."
ตอนแรกผมอ่านผ่านๆ ก็เข้าใจว่าให้เอาสายไฟยาวๆตัดเอาเส้นทองแดงพันกับน็อตที่เครื่องคอมฯแล้วเอามาพันกับตัวเองอักที...
ซี้แหงมๆ!


โดย: ธารดาว IP: 203.146.63.185 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:9:48:52 น.  

 
ไม่ต้องเขียนกลอนหรอก เด็ก ๆ อ่านรู้เรื่องบ้างเป็นพอ เรื่องกลอนปล่อยให้คนโบราณเขาเขียนกันเถิด สมัยนี้วัยใหม่เขาเขียนกลอนเปล่ากันแล้ว กลอนฉันทลักษณ์เชย

แต่สำนวนร้อยเล่มเกวียน ที่เขียน ๆ อยู่นี่นะก็นับว่ายอดแล้วหละ

เฮอะ มีลูกสาวก็ต้องไว้ให้เขาขอซี ลูกสาวพ่อมหาสิทธิ์มีคนเดียว นึกว่าแต่งไปนานแล้วเสียอีก ไม่ปาเข้าสามสิบกว่าแล้วรึ

ไม่แน่มีลูกเขยอาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง...

ว่าก็ว่าเถอะเรื่องบล็อกนี่ทำให้เสียเวลาฉายหิบ เมื่อคืนลุงบูลย์ก็นอนตีหนึ่งกว่า เพิ่งอ่านในหนังสือพระ เตือนว่าอย่านอนดึกจะเป็นการลดทอนอายุให้สั้นลง

เรื่องหนังสือเขาพิมพ์ซ้ำ อย่าไปอิจฉา ไดโนเสาร์อึ อย่าอึตามไดโนเสาร์(เอาให้ใหญ่กว่าช้าง) แค่เราพิมพ์ครั้งเดียวแล้วขายหมด พันสองพันเล่มก็ดีเหลือแหล่แล้ว
ขอฝากโคลงสี่(ไม่)สุภาพถึงนักเขียนใหญ่

....บารมีเขามากพ้น...............อเนกอนันต์
เราแค่พิมพ์สองพัน................เท่านี้
ขายจนแผ่นดินหัน.................หัวกลับ
ลองเปิดกุดังซี้......................โอ้โฮ้เหลือบาน

.....นักเขียนดังชั่งล้น.............เลิศบุญ
แม่ยกแย่งแบ่งทุน.................มอบให้
เขียนอะไรไป่ก็หนุน...............ควักจ่าย ซื้อแฮ
มีแต่เรานี่แหละไว้..................ก่อเชื้อเผาตัว
.................................................................
(เมียลุงเคยบอกว่า หนังสือที่เขียน ๆ โดยเฉพาะพวกต้นฉบับที่มีเป็นตั้ง ๆ สูงเท่าตู้ จะเอาไว้แทนฟืนเผาลุงตอนลุงตาย)

ว้ายธารดาว คิดได้ไง
ลุงยังไม่เคยบอกเบื่อโลกเลยนะ ว่าแต่ที่ใคร ๆ แนะนำมาแม้แต่แต่งบล็อก ก็ยังไม่ได้ทำสักอย่าง ตอนนี้เวลาจะเสียบอะไรทีก็ ๑ ดับเครื่องแล้วถอดออก ๒ หาวัสดุเช่นกระดาษมารองยืนเพราะพื้นปูกระเบื้อง แต่พวกช่างที่มาทำอะไร ๆ ให้บ่อย ๆ ไม่เห็นเขากลัว เขาจับหน้าตาเฉยเลย

เรื่องไวรัสลุงดีหน่อย โทร.เรียกช่างมาจัดการให้ ช่างร้านเนตเก่งกว่าช่างซ่อม ช่างซ่อมจะลบโปรแกรมหมด


โดย: lungboon IP: 125.27.233.75 วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:02:06 น.  

 
สวัสดีค่ะลุงบูลย์
----------------------------------------------------
อ่านบทกลอน อิ่มเอมจิต
อ่านออกเสียงดัง ๆ ยิ่งไพเราะตรึงใจ

ถ้าไม่อายเพื่อน ๆ จะอ่านออกเสียงจริง ๆ นะค๊า
แบบว่า...อยากโชว์เสียงหวาน
อะคึ่ ๆ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:33:44 น.  

 
..อาบูลย์..
เพิ่งได้อ่านก็วันนี้ค่ะ ทำงาน 6 วัน วันนี้อีกครึ่งวัน เลยเพิ่ง Print เอามานอนอ่าน กะว่า วันนี้กับพรุ่งนี้อีกวัน อ่านจบ 5 ตอน แต่อดไม่ได้ไงคะ ต้องเข้ามาที่นี่ก่อน
..แหะ แหะ แบบที่เคยบอกค่ะอา ว่าติด..
อ่านจบแล้ว จะมาบอกนะคะ

อ่าน Comment ที่อาตอบพี่ปลายแปรง อึ้งๆ อ่ะ
"ไม่ต้องเขียนกลอนหรอก เด็ก ๆ อ่านรู้เรื่องบ้างเป็นพอ เรื่องกลอนปล่อยให้คนโบราณเขาเขียนกันเถิด สมัยนี้วัยใหม่เขาเขียนกลอนเปล่ากันแล้ว กลอนฉันทลักษณ์เชย

แต่สำนวนร้อยเล่มเกวียน ที่เขียน ๆ อยู่นี่นะก็นับว่ายอดแล้วหละ"

อ้าวๆๆๆๆ อาบูลย์เจ้าขา นกกลายเป็นคนโบราณไปเมื่อไหร่กันละเนี่ย แถมเชยอีกตะหาก เหอ เหอ เพราะเวลาจะเขียนกลอน จะยึดเอาฉันทลักษณ์ของกลอนมาเป็นหลักค่ะ แง แง๊ อาบูลยขา นกยังไม่อยากแก่นะคะ


โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:37:46 น.  

 
อะ...ฮ้า...

เป็นไงล่า..ต่อให้เอาสีชมพูมาบังเต็มหน้าบ้านก็ใช่จะลดทอนวัยให้ย่อมเยาวลงได้....

แม้แต่ "นก..โนอาห์" ซึ่งน่าจะขึ้นเรือไปลอยรำเท้งเต้งอยู๋บนยอดเขาบาราคูดัส (มีไหมเนี่ย) ยังหลวมตัวลงจากเรือว่ายกลับมาน้ำท่วมทุ่งกะลุงบูลย์เล้ย....

งั้นปลายแปรงไม่โบราณดีกว่า.....

แต่คุณหทัยขนกเขียนสวยนะ..เขียนเป็นขาประจำลุงบูลย์ร่ายกลอนเอาหมอนมาหนุนอยู๋ประจำ เลยไม่กล้าทัก...ก็เกรงว่าจะเป็นผูหลักผู้ใหญ่แล้วลามปามไปขี้กลากจะอินหัวเอา...
แต่กะลุงบูลย์ข้อยกเว้นจ้า.....ยิ่งแกล้งจะยิ่งรุ่งเรือง

ลูกสาวพ่อมหาประสิทธิ์ของลุงบูลย์นะปีนี้ก็ปาไป 36 แล้ว ป้าพิศไม่เรียกสินสอดอะไรหรอกแต่จะแถมข้าวสารให้กระสอบหนึ่งด้วย
ปลายแปรงก็เลยขึ้นป้ายหน้าบ้าน "บ้านมีคานว่างให้เช่า"

แต่ท่านมหาจะอารมณ์ดีหรือเปล่านั่นก็ไม่รู้...หรือจะใจหาย...ลูกมันไปทีละคนแล้วเหวย...

แต่ปีหน้าว่าจะจัดงานแต่งกะตานุแล้วล่ะ...รอมาตั้งสิบปีพ่อแกไม่ขึ้นไปขอเสียที เดี๋ยวจะหาเถ้าแก่มาสู่ขอแทนอยู่เนี่ย...ลุงบูลย์สนใจไหม มีข้อเสนออะไรดีๆบ้าง เพราะเพื่อนรุ่นพี่ที่ภูเก็ตเสนอตัวมารายหนึ่งแล้วจะได้เปิดประมูลโครงการกัน
กะว่าจะรอให้มีลูกลิงเหมือนธารดาวก่อนค่อยแต่ง...ก็ท่าจะไม่มีโอกาสเสียแล้วล่ะ

ว่าแต่...ไอ้สายไฟน่ะ...เขาอธิบายไม่ครบเท่านั้น ใครเขาจะลอบสังหารนักเขียนหญ่ายได้เล่า ไม่อยากมีชื่อในประวัติศาสตร์จ๊ะ....แต่ที่สำคัญธารดาวทะเลาะกันอย่าให้วิธีนี้นะ..เดี่ยวไม่สวย...

ไม่ไหวแฮะว่าแต่ลุงบูลย์เป็นโรคติดบล๊อค...นี่วันๆก็ไม่ได้ทำอะไรมัวแต่รอดูใครจะนินทาเรา...งานการไม่ได้ทำ แย่จริงๆเขียนหนังสือค้างไว้ ก็มันแต่อีร่อยอีหริบแบบนี้

ไปดีกว่า...นึกว่าบ้านตัวเองทุเรียนกวนไม่ส่งไปให้นะกลังต้องพาไปส่ง รพ.ราชรี มันไกล...สงสัยพยาบาลสวยนิ






โดย: ปลายแปรง วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:26:00 น.  

 

ตอบ หลานหทัยชนก

ที่ว่าเชยเพราะไม่เคยใครค่อยใกล้
มาต่อกลอนวอนไว้นอกจากนี้
มีแต่คนขาประจำย้ำวจี
บล็อกคนแก่แน่ซี้ ไม่ตรึงตา (-ร้อก เชยจะตาย)

จะพูดจาก็ล้าหลังฟังแง่คิด
เขาอาจอ่านแล้วหงุดหงิดจิตผวา
แต่ว่าอาดีใจเขาไม่มา
จะได้มีเวลานั่งเขียนงาน...

ถ้าขืนมีแม่ยกแล้วหมกเม็ด
แต่ละวันคงเสร็จน่าสงสาร
โอ้คุณคะ คุณขา ดาราบาน
อ้อนเสียงหวานนุ่มหูอยู่ใกล้ไกล

แต่ถ้านกโนอาห์จะเอาสาร
เรื่องกลอนกานท์ควรศึกษาอย่าไปไหน
มาต่อกลอนกับคนแก่ให้แน่ไป
อาจได้รับซีไรท์อีกไม่นาน...

ตอบปลายแปรง...

อย่างปรายแปรงนี่น่าคบจบศิลป์ศาสตร์
รักความงามธรรมชาติพูดฉาดฉาน
ไม่อึมครึมอมพะนำให้รำคาญ
เป็นลูกหลานที่น่ารักรู้จักใจ

รู้ว่าอ่อนว่าแก่ก็แค่นี้...
ส่วนที่ดีถึงจะแก่แต่มีไหม
มีไหมล่ะโลกทรรศน์ชัดจริงใจ
คบกันได้ใช่อายุอุปาทาน

จะต้องล่ำต้องหล่ออ๋อพระเอก
พูดคำเสกสรรสรวลชวนสมาน
เหมือนดาราหน้าจอจ้อเจือจาน
แสดงจบก็จบงานกลับบ้านไป...

บ้านปลายแปรงจะแต่งงานจงวานบอก
เผื่อลุงออกไปร่ายกลอนอวยพรใส
พ่อประสิทธิ์เขาแต่งลูกยังผูกใจ
เขาเคยใส่ซองยาวลูกสาวลุง

ไม่รู้ว่าครานี้จะมีการ์ด
บอกมิตรญาติเพื่อนพ้องฉลองถุง
จะได้รีบขับรถกดเงินตุง (กระเป๋า)
เพื่อเอาพุงมางานเลี้ยงเสี่ยงอีกที...

ขอจบกลอนเพลงยาวกล่าวกับหลาน
พอเป็นงานเป็นการไว้แค่นี้
คุยกันแค่หลานลูกถูกใจมี
ให้หนุ่มหนุ่มเขาร้องยี้ไม่อยากมา...

(จะมาทำมั้ย ไม่ใช่คนดังซักกะน่อย เฮอะ ๆ)




โดย: ลุงบูลย์ IP: 125.27.234.201 วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:37:40 น.  

 
อ๋าว แล่วกัน ลืมตอบสาวบ้านนอก อะคึ่ ๆ ๆ (เลียนแบบมั่งเดี๋ยวจะว่า บ่ทันโลก)

อ่านบทกลอน อิ่มเอมจิต
อ่านออกเสียงดัง ๆ ยิ่งไพเราะตรึงใจ

ถ้าไม่อายเพื่อน ๆ จะอ่านออกเสียงจริง ๆ นะค๊า
แบบว่า...อยากโชว์เสียงหวาน
อะคึ่ ๆ

นั่นไงกลัวเชยใช่มั้ยล่ะ
แต่ทีจะอ่านบทจดความไข
พูดจนน้ำท่วมฟ้าป่าดงไพร
ตอนเป็นไกด์โฆษกอกอิ่มเอม

พูดนำหน้าขบวนแห่เทียนพรรษา
ดูหน้าตาจิ้มลิ้มอิ่มเกษม
แดดร้อนเปรี้ยงเสียงดังยังปรีดิ์เปรม
แต่พอเกมอ่านกลอนกลับละอาย

นี่แหละหนาว่ายุคใหม่ไทยผิดเพี้ยน
วัฒนธรรมโดนเบียนเจียนจะหาย
หนังสือกลอนกลกวีถึงที่ตาย...
ขายไม่ได้เพราะคนใหม่เขาไม่เอา...
.........

โอ่นอ โอ่นอ นวลเอ่ย ชะเอิงเอย พิซซ่าพาเต้นแร็พ... เจ็บกระดองใจ(ไทย)





โดย: lungboon IP: 125.27.234.201 วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:09:07 น.  

 
...อาบูลย์ขา นกต่อกลอนสุนทรพจน์
โดยกำหนดฉันทลักษณ์สลักแน่น
ไม่สนใจรางวัลใดให้ตอบแทน
หรือเป็นแก่นสารใดไม่สงกา

เขียนกวีเพราะมีใจใฝ่ในรัก
มุ่งปกปักษ์วจนภาษา
ดำรงไว้เอกลักษณ์อักษรา
มีคุณค่าเกินกว่าจะปล่อยวาง

แต่สังคมผันเปลี่ยนวนเวียนหมุน
มิใคร่หนุนดำรงไทยให้สืบสาน
ใครชื่นชมความเป็นไทยในแต่กาล
ก็อาจพาลว่าแก่แย่จริงเรา

นกเป็นสาวรุ่นใหม่..ใช่ลบหลู่
ชอบเรียนรู้เทคโนฯโก้เหมือนเขา
แต่ก็รักอักษราภาษาเรา
โดยเฉพาะบทเก่ากวีกานท์

พนมมือด้วยเคารพนบผู้ใหญ่
ความเป็นไทยมิอาจจบลบเลือนผ่าน
ถูกสอนสั่งมาดังนี้ทุกวี่วาร
ยังตระการในใจไม่รู้ลืม

ขอทักทายผ่านมายังพี่สาว
ด้วยยึดเอาเป็นพี่ น้องนี้ปลื้ม
สวัสดี พี่ปลายแปรง ไม่แกล้งลืม
น้องด่ำดื่มสำนวนพี่ที่มาลง

ประมวลคำที่กล่าวมาคิดว่าใช่
อายุไขนกเป็นน้องต้องประสงค์
แต่ใช่อ่อนเยาว์วัยให้งวยงง
อีกสองปีจะแก่ลงเลขสามไป

ถ้าเข้าใจผิดพลาดบังอาจเอื้อม
ขอโปรดเชื่อมไมตรีที่มีให้
แก้ข้อมูลถ้าน้องคิดผิดจริงไป
ช่วยแก้ไขจะขอบคุณหนุนเป็นทาน

ก่อนจะกลับขอหันมาหาอีกหน
สุขเหลือล้นนะคะเจ้าของบ้าน
ไปนอนอ่านนิยายท้ายสวนนาน
สนุกสนานกับผีดิบเสียจนเพลิน

สงสัยคงต้องหาเมืองผีดิบอ่าน
จะได้ต่อเนื่องกาลเมื่อนานเนิ่น
ไว้วันว่างจะไปเดินหาให้เพลิน
ร้านหนังสือคงเผอิญจะเจอมัน

แล้วจะรออ่านต่อเมืองเทวดา
ตอนที่หกคงจะมาโพสดังฝัน
เจ็ด แปด เก้า ตามติดต่อเนื่องกัน
แล้ววันนั้นคงมาถึงอีกไม่ไกล

วันนี้คงแค่นี้ขอลี้ก่อน
พรุ่งนี้จะมาอ้อนอาบูลย์ใหม่
กราบ..ขอบคุณอาบูลย์ที่มีใจ
ให้เด็กน้อยฝึกใหม่ได้ต่อกลอน...


โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:38:11 น.  

 
ฟังเพลงแล้วรสถ้อยอร่อยจิต
วันระนิดจิตชื่นรื่นแจ่มใส่
พริ้งเพาะไพเราะเสนาะใจ
ฟังฟังไปนอนหลังพักกายา


โดย: เพี้ยน IP: 61.19.65.4 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:10:44:04 น.  

 
ยลเชยชมธรรมชาติดลจิต
ความศักดิ์สิทธิ์ใครปองมองแต่ผลาน
มันผู้นั้นจักสิ้นแผ่นดินกาล
ทรมานเจ็บช้ำย้ำในใจ
ธรรมชาติเปรียบดังเพชรล้ำค่า
อยู่ยืนมาตั่งแต่กาลไหนไหน
ความสวยสดชดช้อยคล้อยให้ใจ
ชื่นวิลัยใครจะเที่ยบบ่เที่ยมทัน
ดังกวีชั้นเลิศประเสริฐสุด
ฟังแล้วสุขหมดทุกข์สนุกสนาน
อมตแห่งกวีมีมานาน
ทุกวิมาลกวีไทยได้เรื่องลือ


โดย: แชน IP: 61.19.65.4 วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:11:07:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.