Group Blog
 
All Blogs
 
“ถ้าคิดว่าคุณทำได้……คุณก็ทำได้” แด่ “นาย” ด้วยดวงใจ ตอนที่ 3

“ถ้าคิดว่าคุณทำได้……คุณก็ทำได้” แด่ “นาย” ด้วยดวงใจ ตอนที่ 3
ต่อจากเมื่อวานครับ

วิธีการตั้งเป้าหมายในกับตนเองที่ถูกต้อง ควรเป็นอย่างนี้

1 วิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันของคุณอย่างละเอียด

2 ตั้ง และ ขาย เป้าหมายให้กับตนเอง

3 วางแผน หาหนทางที่ดีที่สุดเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น

4 ปลูกฝัง เป้าหมายและแผนการทั้งหลายไว้ในความทรงจำของคุณ

5 กระตุ้นความตั้งใจของคุณอยู่ทุกขณะ

6 เป็นคนมีวินัยในตนเอง

คราวนี้ เราจะมาวิเคราะห์ในรายละเอียดของแต่ละข้อ เพื่อความเข้าใจที่แจ่มชัด


1 วิเคราะห์สถานะการณ์ปัจจุบันของคุณอย่างละเอียด
ถ้าหากวันหนึ่งคุณลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าท้องฟ้ามือสนิทไปหมด คุณมองไม่เห็นอะไรเลย และคุณก็จำไม่ได้ว่า ตอนนี้ คุณอยู่ที่ไหน คุณร้องตะโกนให้คนช่วย “ช่วยผมด้วย….ผมมองไม่เห็นอะไรเลย…และผมก็จำไม่ได้ว่าขณะนี้ผมอยู่ที่ไหน…..ช่วยพาผมกลับ
บ้านที บ้านผมอยู่ที่เชียงใหม่”

คนที่คุณโทรศัพท์ไปหาได้พยามยามร้องถามคุณว่า “ขณะนี้คุณอยู่ที่ไหน……..”

คุณก็ตอบว่า “ผมไม่ทราบ……ไม่ทราบจริงๆ ว่าอยู่ที่ไหน…….”

แล้วคนที่จะมาช่วยคุณ …. เขาจะมาช่วยได้อย่างไร

ฉันใดก็ฉันนั้น…คุณไม่มีทางจะวางแปลนให้กับอนาคตของตัวคุณเองได้เลย ถ้าหากว่า คุณไม่ทราบว่าขณะนี้คุณอยู่ที่ไหน……คุณไม่รู้สถานะการณ์ที่แท้จริงของคุณ….คุณไม่ทราบว่าอะไรคือจุดอ่อนจุดแข็งของคุณ ….คุณมีเวลาเท่าไหร่ในการที่ทำให้เป้าประสงค์คุณประสบความสำเร็จ

ดังนั้น คุณจะต้องวิเคราะห์สถานะการณ์ของคุณอย่างตรงไปตรงมา และเป็นความจริงที่สุด เพื่อที่คุณสามารถใช้วางแผนการของคุณได้……..ลองตอบคำถามเหล่านี้ ด้วยตัวของคุณเอง (เอาที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด)

1 การศึกษาของคุณอยู่ในระดับไหนในขณะนี้

2 คุณมีเวลาศึกษาต่อเพื่อให้การศึกษาของคุณอยู่ในระดับเดียวกับเป้าประสงค์ที่คุณวางไว้หรือไม่

3 มันจะคุ้มค่าหรือไม่ การศึกษาต่อ หรือคุณมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้น วิธีนั้นคืออะไร

4 คุณต้องที่จะเป็นอะไรในอนาคต (นายแพทย์, ทนายความ, นักพูด, นักวิชาการ,นักธุรกิจ ฯลฯ)

5 คุณมีเวลาเท่าไหร่ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายไว้

6 และขอโทษ……ขณะนี้คุณอายุเท่าไหร่….คุณยังมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่

7 คุณมีทรัพยากรอะไรเป็นทุนอยู่บ้าง หรือจะหาได้จากที่ไหนเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

8 คุณต้องมีความรู้ ความสามารถอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ จะคุณจะได้จากที่ไหน ใช้เวลาสักเท่าไหร่

9 คุณคิดถึงอุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้คุณไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายของคุณหรือยัง

10 คุณจะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้นด้วยวิธีอะไร และจะประสบผลสำเร็จขนาดไหน

ยิ่งคุณสามารถตอบปัญหาต่างๆ ข้างต้น ได้ใกล้เคียงกับความจริงกับของสถานะการณ์ในขณะนี้ของคุณ โอกาสที่จะบังเกิดผลสำเร็จก็ง่ายขึ้น

เพื่อเป็นการ “ทดสอบเป้าหมาย” ว่านั่นเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคุณ หรือไม่ คุณมีวิธีสอบอยู่ 5 ประการดังนี้

1 มันเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่าหรือไม่
อย่าลืมว่าการคืบหน้าสู่เป้าหมายแต่ละครั้งนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค์ ไม่มีใครได้อะไรมาง่ายๆ แต่เมื่อได้มันมาแล้ว “มันคุ้มค่า มีคุณค่า หายเหนื่อย กับที่คุณได้มาหรือไม่”

มันไม่มีประโยชน์อะไร ที่เมื่อคุณได้มันมาแล้ว คุณก็ได้แต่นั่งพร่ำเพ้อบ่นถึงเวลาที่เสียไป และไม่ได้ยินดีหรือยินร้ายกับมันเท่าใดนัก

2 คุณจะทำมันได้สำเร็จหรือไม่
ข้อนี้มันวัด “กึ๋น” กันชัดๆ ถามจริงๆ เถอะว่า “คุณทำมันได้สำเร็จหรือไม่”…….ซึ่งพิจารณาจาก 10 ข้อที่คุณตอบข้างบนก็น่าจะรู้แล้ว นอกจากคุณเป็นคนมี “กึ๋น” เป็นพิเศษ …..

แต่ถ้าไม่มี และรู้ตัวว่า มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย ก็ฉีกแผนการนั้นเสียดีกว่า แล้วลองนั่งวางแผนการใหม่……

เรื่องอะไรที่จะไปฝันว่าจะเป็นเศรษฐีเงิน 100 ล้าน ในอีก 3 ปีข้างหน้า ในเมื่อขณะนี้คุณยังตกงาน หรือทำงานยังเป็นเสมียนอยู่ แผนการที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณนั้นยังมีอีกมากมาย เยอะแยะไปหมด

3 เป้าหมายของคุณแจ่มชัดหรือไม่
คุณเคยรู้สึกไหมว่า บางทีเป้าหมายของคุณมันลอยไปลอยมาจนคุณจับมันไม่ถูก และมันก็เลยกลายเป็น “ความฝัน” ไป ทั้งที่คุณยังตื่นอยู่ บางคน นั่งตาลอย ฝันถึงอนาคตอันสดใสของตนเอง พอตื่นจากภวังค์ของตนเอง ก็ถอนหายใจ พลางลุกขึ้นไปถีบสามล้อต่อ

อย่างนั้นเขาไม่เรียกว่า “เป้าหมาย” เขาเรียกว่า “ฝัน” ไป มีชายคนหนึ่งเคยไปถามหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อครับ…..ทำอย่างไร จึงจะให้ความฝันของผม กลายเป็นความจริงครับ”

หลวงพ่อท่านก็หัวเราะหึ หึ พลางบอกว่า “ก็ตื่นซิ หลานเอ๋ย…..อย่ามัวนอนหลับไหลอยู่เลย”

เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้คุณทราบว่า ถ้าคุณอยากให้ความผันของคุณนั้นเป็นความจริง คุณต้องตื่นจากมัน ปลุกความคิดให้ตื่นขึ้นมา คิดอย่างจริงจัง แปลมันออกเป็นเป้าที่เด่นชัด ถ้ามันเป็นตัวเลขได้ เป็นรูปธรรมได้ก็ยิ่งดีวิเศษสุด เช่น

เราจะเป็นคนรวย…………….อย่างไม่เอา ต้องบอกว่าเราจะมีเงิน 10 ล้านบาท

เราจะต้องรวยเร็วๆ…………..อย่างนี้ ต้องพูดว่าเงิน 10 ล้านนี้ จะต้องมีให้ได้ภายใน 5 ปี

เราจะต้องมีงานดีๆทำ……….อย่างนี้ไม่ได้ ต้องบอกว่า “ฉันจะเป็นผู้จัดการฝ่ายขายให้ได้ภายใน 3 ปี”

หมายความว่า คุณจะต้องมีเป้าหมายที่แน่ชัด ระบุเป็นจำนวนเลข เป็นจำนวนวัน เป็นตำแหน่ง ฯลฯ ที่แน่นอน ดังนี้จึงเรียกว่า เป็นเป้าหมายที่แจ่มชัด จริงจัง

4 คุณได้พิจารณาอุปสรรคต่างๆ ที่อาจจะเกิดต่อเป้าหมายของคุณหรือยัง
บางครั้งคุณอาจจะนั่งวางแผนการฝันหวานไปคนเดียว เลยลืมอุปสรรค์ที่จะเกิดขึ้นกับเราโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครชอบอุปสรรค์กันเท่าใดนัก เพราะคิดทีไร มันทำให้เราท้อใจไปในทันทีเหมือนกัน แต่ “นักวางแผน” เขาไม่เคยละเลยข้อนี้

เขาคิดถึงอุปสรรค์ที่จะเกิดขึ้นกับแผนงานของเขาอย่างจริงจัง เขาทำ List ของอุปสรรค์ต่างๆ ที่จะทำให้แผนงานของเขาไม่สำเร็จ และหาทางแก้ไขทีละข้อ ทีละข้อ ข้อไหนที่คิดไม่ออก เขาก็ทำเครื่องหมายบอกไว้ เตือนสติ เตือนตัวเองให้ระวังกับสิ่งเหล่านั้น

วิธีนี้ จะทำให้ “ความฝัน” ของคุณเริ่มเป็น “ความจริง” มากขึ้น และมากขึ้น อุปสรรค์นั้น บางครั้งก็แก้ไม่ได้ในครั้งเดียว ต้องปล่อยให้เหตุการณ์นำไปจึงจะแก้ได้สำเร็จ อุปสรรค์บางอย่างมันก็จะหายไปเองเมื่อถึงเหตุการณ์อย่างหนึ่ง ดังนั้น จงพิจารณาอุปสรรค์เหล่านั้นให้ดี และคิดหาหนทางที่จะเอาชนะมันด้วยความฉลาด

อย่าลืมว่า “ความสำเร็จ….มิได้ปูด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป”

ต่อพรุ่งนี้อีกสักวันก็แล้วกันนะ เดี๋ยวจะยาวเกินไป

//lungadd.pantown.com/

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 16 ก.ค. 48 11:08:01 ]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

เสริมนิดนึงครับลุงแอ็ด

เป้าหมายที่ดีควรจะมีลักษณะ S.M.A.R.T.

1. Specific - เจาะจงชัดเจน
2. Measurable - วัดผลได้
3. Attainable - สามารถทำได้จริง
4. Realistic - มีเหตุผล , สมจริงสมจัง
5. Timebound - มีกำหนดเวลา

:)

เช่น ถ้าตั้งเป้าหมายว่า "อยากมียอดขาย 100 ล้าน"
อยากถามว่าเป็นเป้าหมายตามนิยาม SMART ได้หรือไม่ครับ

จากคุณ : tanoy_delphi - [ 16 ก.ค. 48 14:17:14 ]






ความคิดเห็นที่ 2

เรื่องความชัดเจนและความวัดผลได้ แน่นอน ที่คุณระบุว่าต้องได้ ร้อยล้าน
แต่เรื่องมีเหตุผล สมจริงสมจัง กับสามารถทำได้จริงนั้น ก็เป็นเรื่องที่คุณต้อง
ให้คะแนนเอง

ยังขาดอยู่ก็แต่ "ระยะเวลา" ว่า 100 ล้านนะ จะต้องทำได้ภายกี่ปี อาจเป็นหนึ่ง
ปีหรือ 50 ปี ซึ่งความยากง่ายไม่เหมือนกัน ซึ่งคุณยังไม่ได้บอกไว้........ก็ยังขาด
แต่เรื่อง "ต้องมีกำหนดเวลา" เท่านั้นครับ

อ้อ....อีกเรื่องหนึ่ง การตั้งเป้าหมาย ควรใช้คำว่า "ต้องขายได้ 100 ล้าน" นะครับ
หากใช้คำว่า "อยากมียอดขาย 100 ล้าน" มันยังไม่ขลังพอครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 16 ก.ค. 48 17:09:02 ]






ความคิดเห็นที่ 3

ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ :)

จากคุณ : tanoy_delphi - [ 18 ก.ค. 48 10:26:11 ]







--------------------------------------------------------------------------------



Create Date : 18 กรกฎาคม 2548
Last Update : 18 กรกฎาคม 2548 10:58:18 น. 0 comments
Counter : 657 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.