Group Blog
 
All Blogs
 
“ถ้าคิดว่าคุณทำได้……คุณก็ทำได้” แด่ “นาย” ด้วยดวงใจ ตอนที่ 2

“ถ้าคิดว่าคุณทำได้……คุณก็ทำได้” แด่ “นาย” ด้วยดวงใจ ตอนที่ 2
ต่อจากเมื่อวานนี้ครับ


5 ดังนั้น ผู้ที่ทำงานขาย จึงควรเป็นผู้ที่มีความรู้รอบด้าน (Generalist Type)
เขาเล่าให้ฟังว่า การทำงานของคนเรามีสองแบบ แบบที่หนึ่งคือรู้อะไร ก็ให้รู้จริงไปเลย หรือที่เรียกว่า Specialist Type วิธีนี้ เป็นวิธีของนักวิชาการ ที่ศึกษาอะไรแล้ว ต้องศึกษาให้รู้จริง มีความสามารถจริง ทำได้จริงไปเลย วิธีดังกล่าว เหมาะสำหรับทำงานประจำ หรือเป็นนักวิชาการมากกว่า ซึ่งเหมาะกว่าที่จะมาเป็นพนักงานขาย เพราะนักวิชาการ เมื่อคิดอะไรแล้ว ก็ต้องคิดให้ทะลุ ต้องคิดให้หนัก ให้ทะลุประโปร่งลงไป ดังนั้น การที่จะมองอะไรไปรอบๆ ตัวเราจึงไม่ค่อยได้มีโอกาส และไม่มีเวลาทำเช่นนั้น ดังนั้น หากให้เปรียบเทียบ ก็เหมือนม้าแข่ง ที่ต้องบังตาไว้ และให้วิ่งไปรอบสนาม จึงจะวิ่งได้เร็ว

ส่วน นักขาย นั้น ท่านเล่าว่า เปรียบเสมือน “ว่ายน้ำได้อย่างเป็ด และบินได้อย่างไก่” ถึงแม้ว่าไม่มีความรู้เฉพาะเรื่องด้านเพียงพอที่จะคุยเรื่องต่างๆ ได้อย่างถึงกึ๋น แต่ท่านก็ว่า เพียงพอแล้ว ที่จะคุยกับคนเราได้ทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องที่เรายังไม่มีความรู้ หรือรู้น้อย ก็ยิ่งมีประโยชน์ ที่จะได้สนทนาก็ผู้รู้ได้อย่างมีรสชาดมากขึ้น ดังนั้น นอกจาก “นักขาย” จะต้องเป็นนักคุยที่ดีแล้ว จะต้องเป็น “นักถาม” ที่ดีด้วย

ท่านถามผู้เขียนว่า เห็นด้วย ไหม ……ผู้เขียนก็ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักไปเท่านั้น เพราะมันเป็นเรื่องจริง และไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงท่าน

6 มีโอกาสได้เป็นมิตรกับคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง
ข้อนี้ ผู้เขียนได้ประท้วงว่า มีประโยชน์อะไรที่จะได้เป็นมิตรกับคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง เลือกเอาคนที่ดีไว้เป็นมิตรก็พอ คนที่ไม่ดีไม่ควรคบ เพราะสุภาษิตโบราณที่พูดไว้ว่า “คบคนพาล พาลพา ไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล”

เขาตอบว่า อันธรรมดา การเป็นมิตรกับคนทั่วไปในไซร้ ก็จะไร้เหตุผล พร้อมด้วยยกสุภาษิตจีนขึ้นกล่าวเปรียบเทียบว่า “นกไม่มีขน ย่อมบินขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้ คนไม่มีเพื่อน ก็ยิ่งใหญ่ไปไม่ได้เช่นกัน”………….นอกจากนั้น ยังยกตัวอย่างว่า สมัยเขาเป็นเซลส์แมนตัวเล็กๆ อยู่กับบริษัทแห่งหนึ่ง สิบกว่าปีมาแล้ว บังเอิญต้องไปขายเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีใครรู้จัก

บังเอิญ (อีกเหมือนกัน) ที่ธนาคารแห่งนั้น ได้มีผู้อำนวยการคนใหม่มารับผิดชอบ…..เขาขายคอมพิวเตอร์ที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ และได้ให้บริการหลังการขายธนาคารแห่งนั้นมาเป็นเวลาหลายปี จนเขาอำลาวงการออกไปขายสินค้ายี่ห้ออื่นอยู่อีกหลายปี จนกระทั่งมาทำกิจการของตนเอง

เขาได้เล่าให้ฟังต่อว่า เมื่อมาทำกิจการของตนเอง ก็ต้องมีเงินทุนไว้หมุนเวียนให้เหมาะสมกับกิจการ เขาก็มีโครงการที่จะขอกู้ธนาคาร เขาเขียน Proposal เสียอย่างดี ใส่ปกสวยงาม เอาไปยื่นขอกู้ธนาคารที่ไหน เขาก็บอกว่า…..แหม เขียน Proposal เสียดี ใส่ปกเรียบร้อย….แต่ขอโทษ…มีโฉนดไหม
ทุกธนาคารพูดเหมือนกันหมด โถ…เขาจะไปเอาโฉนดที่ไหนไปค้ำประกัน เพราะโฉนดที่ดินและบ้านก็ยังอยู่กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ยังผ่อนไม่หมด เขาตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาผู้อำนวยการธนาคารที่เขาเคยรู้จักเมื่อหลายสิบปีก่อน ปรากฏว่าท่านได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นรองกรรมการใหญ่ของธนาคารแห่งนั้น

เขาตัดสินใจไม่นัดไปก่อน เพียงแต่เช็คว่าท่านว่างหรือไม่เท่านั้น เพราะนึกในใจว่า ถ้าท่านไม่รู้จักเรา หรือลืมเราเสียแล้ว ก็เป็นอันว่าพับกันไป โปรเจคไม่ต้องทำต่อไปอีกแล้ว เพราะหาที่กู้เงินไม่ได้ ปรากฏว่า ตอนที่เขานั่งรอท่านอยู่นั้น พอเลขาเดินเข้าไปบอกว่า เขามาพบ ท่านรองกรรมการผู้จัดการคนนั้นก็เดินออกมาพบเขาถึงหน้าห้อง พลางทักทายอย่างสนิทสนม หลังจากถามสารทุกข์สุกดิบกันเรียบร้อยแล้ว

ท่านก็ถามว่า มาพบท่านด้วยธุระอันใด เขาก็ไม่รอช้า พลางยกเอา Proposal มาให้ท่านอ่าน ท่านพลิกไปดูอย่างฉาบฉวย แล้วถามว่า “ต้องการเงินสักเท่าไหร่” เขาตอบว่า “สองล้านบาทครับ”……..ท่านฉวยปากกามาเขียนอะไรที่หน้าปกยุกยิกสองสามคำแล้วบอกเขาว่า “คุณเอาคำสั่งนี้ไปยื่นที่ฝ่ายวิเคราะห์หนี้สิน…แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย” เขารีบบอกท่านทันทีว่า “ท่านครับ….ผมไม่มีโฉนดค้ำประกันนะครับ” คำตอบที่ได้ยินเสียงชัดเจนจากปากท่านก็คือ

“ตอนคุณเป็นเซลส์แมนขายคอมพิวเตอร์ให้ผม….เงินตั้งเป็นสิบๆ ล้าน ผมยังเชื่อคุณได้ และคุณก็ได้ให้บริการผมมาเป็นอย่างดีอีกนับสิบปี….แล้วนับประสาอะไรกับเงินกู้แค่สองล้านที่คุณจะมาทำธุรกิจของคุณเอง…..เอาไปเถอะ…..และขอให้โชคดีน๊ะ…..”

เขาถือหนังสือที่ท่านให้เดินใจลอยเข้าไปที่ฝ่ายวิเคราะห์หนี้สิน ซึ่งในนั้นเขียนไว้ว่า “อนุมัติ Clean Loan สองล้านบาทถ้วน”

พลางนึกในใจว่า นี่เป็นผลบุญที่เขาทำมาแต่ชาติไหน ซึ่งบากหน้าไปที่ไหนๆ เขาก็ไม่อนุมัติ แต่พอมาเจอท่านปั้บ ก็อนุมัติปุ๊บ…..แต่นึกดูอีกที ไม่ใช่ชาติไหนหรอก…..ชาตินี้แหละ ที่เขาได้เคยขายสินค้าให้ท่านและได้บริการท่านเป็นอย่างดีจนสามารถเรียกความประทับใจจากท่านได้ไม่ลืม……ถ้าชาตินี้ เขาไม่ได้เป็นเซลส์ และไม่ได้มาบริการท่าน และไม่ได้ทำความดีไว้แล้ว ไฉนเลย เขาจะมีโอกาสเช่นนี้

7 และข้อสุดท้ายคือ มีโอกาสก้าวหน้าไปสู่ผู้บริหารสูงสุด
ข้อนี้ เขาบอกว่ายังปฏิบัติไม่ได้ แต่กำลังพยายามทำอยู่ ซึ่งเขาเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่า ต้องทำได้แน่นอน แต่เนื่องด้วยเศรษฐกิจตอนนี้กำลังตกต่ำ โอกาสยังไม่อำนวย ดังนั้นโอกาสจึงยังไม่มี ไว้มีโอกาสแล้ว เขาจะแสดงให้ผู้เขียนเห็น และพิสูจน์ให้ผู้เขียนเห็นกันจะจะว่า ทำได้แน่นอน

ผู้เขียนขี้เกียจเถียงกับเขา เพราะแค่ 7 ข้อ เ ท่าที่เขาเล่ามา ทำให้ผู้เขียนเห็นด้วยอย่างจริงจังว่า มนุษย์ผู้นี้มี “กึ๋น” พอที่จะทำเรื่องที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ แต่ตนเองทำได้

เรื่อง “กึ๋น” นี้ ผู้เขียนเคยฟังครั้งหนึ่ง จากเจ้านายของตนเอง หลังจากทำงานกับเจ้านายมา 14 เต็ม วันหนึ่ง ผู้เขียนมีความจำเป็นที่จะต้องร่ำลาออกจากบริษัทเดิมไปหาประสบการณ์จากที่ใหม่ ตอนที่ไปลาเจ้านาย หลังจากมีการ Post Interview กันนิดหน่อยแล้ว ผู้เขียนก็ถามเล่นๆ เจ้านายว่า “เจ้านายครับ….ก่อนที่กระผมจะขอกราบลาไปหาประสบการณ์ที่อื่น กระผมขอถามอะไรเจ้านายสักอย่าง คือว่า กระผมอยากรู้ว่า ในตัวของกระผมนี้ มันมีอะไรดีบ้าง….เจ้านายจึงให้กระผมรับใช้อยู่ได้ตั้ง 14 ปี โดยไม่ถูกซองขาวไปก่อน” เจ้านายของผู้เขียนตอบสั้นๆ ว่า “คุณมันมี กึ๋น ดี…..ขอให้รักษาไว้ให้ได้ และจะประกอบอาชีพประสบผลสำเร็จ”
ผู้เขียนฟังแล้วกราบลาออกมา ทั้งที่ไม่รู้ว่า “กึ๋น” ของเจ้านาย แปลว่าอะไร อีกหลายปีถัดมา ผู้เขียนจึงทราบว่า “กึ๋น” นั้น ไม่มีในคน มีแต่ในสัตว์ และต้องเป็นสัตว์ปีกเสียด้วย เช่นในเป็ด ในไก่เป็นต้น แต่เป็นความหมายของคำว่า “มีความสามารถ”…..”ความอดทน” หรือที่เรียกว่า “อึดและพยายามเอาชนะทุกประการ” อะไร..ทำนองนั้น ทำให้ผู้เขียนต้องยิ้มกริ่มไปหายไปหลายวัน

ดังนั้น ได้พิจารณาความจากเซลส์แมนคนนั้นแล้ว จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เขาคิด สิ่งที่เขากระทำ เกิดขึ้นจากสิ่งหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า “ศรัทธา”
เซลส์แมนคนนั้น จะไม่มีวันที่เขาได้พูดหรือเล่าออกมาจากใจจริงของเขาเลย ถ้าเขาไม่มีความ “ศรัทธา” ต่อ
1 อาชีพขายของเขา
2 ตัวเขาเองและความเชื่อมั่นที่เขามี
3 ศรัทธาต่อเพื่อนร่วมโลกของเขา
4 ต่อสินค้า ที่เขาขาย ว่าจะสร้างคุณค่าคุ้มค่าเงินของผู้บริโภคที่ต้องเสียไป
5 ต่อเจ้านายหรือนายจ้างของเขา
6 และสุดท้าย ต่ออนาคตอันสดใสของเขาเอง

ดังนั้น “ความมีศรัทธา” ต่อสิ่งที่ตนเองกระทำอยู่ หรือพยายามกระทำให้ดีขึ้น เป็นบ่อเกิดของ ”ความสำเร็จ” และ “ความสำเร็จ” นั้นเป็นความปรารถนาของทุกๆคน ไม่มีใครที่ต้องการให้ผู้คนตราหน้าได้ว่า ทำอะไร แล้วไม่สำเร็จ ดังนั้น “ความสำเร็จ” ที่ทุกคนปรารถนา นั้นก็คือ

ความสำเร็จ………………เป็นเรื่องที่ต้อง “เสาะหา”……ไม่ใช่เรื่องของ “เกิดมาเป็น”
ความสำเร็จ………………เป็นเรื่องของการ “ฟันฝ่า”…..ไม่ใช่เรื่องของ “ฟลุค - ฟลุค”
ความสำเร็จ………………เป็นเรื่องของการ “ต่อสู้”………ไม่ใช่เรื่องของ “นั่งดูดวง”
ความสำเร็จ………………เป็นเรื่องของความ “สามารถ”………ไม่ใช่เรื่องของ “วาสนา”
ความสำเร็จ…………………เป็นเรื่องของความ “เชี่ยวชาญ”………ไม่ใช่เรื่องของ “บุญหล่นทับ”
และ
ความสำเร็จ…………………เป็นเรื่องของ “พรแสวง”…………ไม่ใช่เรื่องของ “พรสวรรค์”

เมื่อเกิด “ศรัทธา” ขึ้นอย่างแรงกล้า ในหัวใจ จนปรารถนา “ความสำเร็จ” ขึ้นแล้ว ก็หาว่าสิ่งเหล่านี้จะเพียงพอต่อสิ่งที่ตนเองตั้งเป้าหมายไว้ไม่ ทุกคนย่อมมีอุปสรรค์ด้วยกันทั้งนั้น คนที่มีความศรัทธาอันแรงกล้าและปรารถนาความสำเร็จสูงสุดหลายคน ที่ต้องล้มเหลวไปกลางทางหลายร้อย หลายพันคน เป็นเพราะทุกคนมิได้ “ตั้งเป้าหมาย” ให้แก่ตนเอง หรือตั้งเป้าหมายในทางที่ผิด

ต่อวันพรุ่งนี้อีกสักวันครับ

จากคุณ : ลุงแอ็ด - [ 15 ก.ค. 48 12:08:53 ]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

... ดูด แย้ว นะจ๊ะลุงจ๋า แบ่ร แบ่ร









จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก - [ 15 ก.ค. 48 14:12:00 ]






ความคิดเห็นที่ 2

ลุงแอ๊ดมีทำรวมเล่มขายบ้างหรือเปล่าค่ะ

จากคุณ : ลูกเป็ดสีดำ - [ 15 ก.ค. 48 14:41:21 ]






ความคิดเห็นที่ 3

กลับไปทำงานต่อดีก่า ไฟลุกค่ะ

จากคุณ : Vydde - [ 15 ก.ค. 48 16:31:45 ]






ความคิดเห็นที่ 4

แปะ ๆ ๆ ๆ ตบมือให้ลุงแอ็ดครับ...

จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 17 ก.ค. 48 06:24:55 ]








Create Date : 18 กรกฎาคม 2548
Last Update : 18 กรกฎาคม 2548 10:54:27 น. 0 comments
Counter : 374 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.