Group Blog
 
All Blogs
 
นักขายมืออาชีพ ตอนที่ 33 งานแสดงสินค้า

P = PUBLIC Exhibition


ตอนนี้ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ เกี่ยวกับ “งานแสดงสินค้า” นี่ มีกันเกือบทุกวัน จนเกลื่อนตาไปหมด…………………..

คนที่ไปชมงานก็มืดฟ้ามัวดิน ปานมดปลวก……แห่แหนแน่นหนากันเป็นแสน เป็นล้านคน (ไม่รู้ราคาคุย หรือราคาจริง) แต่จะมีกี่คนซื้อไปซื้อสินค้า หรือไปติดต่อธุรกิจเกี่ยวกับสินค้านั้นก็มิทราบได้…………………………………..

เดี๋ยวนี้ เขามักจะมีงานแสดงกัน 5 –6 วัน ตามถนัด ตามเทศกาล แบ่งออกเป็น 2 –3 วันแรก ให้นักธุรกิจ หรือพ่อค้า แม่ขาย มีความสนใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เข้าชมงาน…….เพื่อจะได้เจรจางานการธุรกิจ กันโดยไม่ต้องไปเบียดเสียดยัดเยียดกับผู้คนที่ไปเพื่อประสงค์อื่นที่แตกต่างกัน

ส่วนที่เหลืออีก 3 –4 วัน ก็เป็น งานแสดงที่เปิดให้ผู้คนที่เข้าชมเป็นผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ อาจจะไปเปิดหูเปิดตาว่า เดี๋ยวนี้เขามีอะไรใหม่กันบ้าง บางคนก็ไปเดินเล่น…..บางคน
ก็หาโอกาสไปทำมาหากินในทางไม่สุจริต…..ซึ่งก็มีกันเป็นประจำในงานแสดงสินค้าต่างๆ ดังนั้น ยามหรือการ์ดต่างๆ จึงมักเข้มงวดกับการหยิบฉวยสินค้า หรือการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์กันอย่างรัดกุม

ถามว่า……ในฐานะ Salesman อย่างเรา…..งานแสดงสินค้าเหล่านี้ มีประโยชน์อันใด ที่เราควรเอาใจใส่ หรือไปเยี่ยมเยือน……..มีแน่นอนครับ……โดยเฉพาะ “ลุงแอ็ด”……..

เพราะเป็น…………………………………………………..

เป็นแหล่งในการหา Prospects ที่เด่นชัดที่สุด โดยเฉพาะในสองสามวันแรกที่เขาเปิดโอกาสให้นักธุรกิจเข้าเยี่ยมชมงาน เพราะผู้ที่เข้าไปเยี่ยมชมงานนั้น ก็คือ ผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์นั้นๆ มิฉะนั้น เขาก็ไม่ไปให้รถมันติดหรอก………………..

เขาต้องสนใจจริงๆ เพื่อไปดูของ มองให้เห็นกับตาจริงๆ ได้พบปะกันทั้งผู้ซื้อผู้ขาย มีโอกาสได้เจรจาธุรกิจกันจริงๆ ดังนั้น คุณไม่ถือโอกาสนี้แล้ว จะไปหาโอกาสที่ไหนอีกเล่า

เดี๋ยวนี้ลุงไม่ทราบว่า บริษัทของพวกเราทำอย่างกัน ในสมัยที่ลุงยังเป็นเซลส์ตัวกะเปี๊ยกอยู่ งานแสดงสินค้าเหล่านี้ คนที่ไปยืนเฝ้างาน….(เขาเรียกกันอย่างนี้…..) …………………..


เขาจะมีเบี้ยเลี้ยงให้ มีค่าเหนื่อยให้ และส่วนมาก เขาจะ
เอาผู้ที่มีความรู้เรื่องสินค้าเป็นอย่างดี ไปเพื่อสามารถอธิบายให้ผู้เข้าชมงานได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ใช่ไปยืนยิ้มหวานๆ แจกรอยยิ้ม พร้อมเศษกระดาษอะไรก็ไม่รู้ให้คนที่ไปชมงานเอาไปทิ้งเล่น

พอมีผู้เข้ามาชมสินค้าปั๊บ ก็ต้องให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พูดคุยอย่างเอาใจใส่เสมือนหนึ่งเขาได้เป็นลูกค้าตัวจริง ถ้าเขาสนใจในรายละเอียด เราก็จะเชิญเขาเข้าไปนั่งในบูทที่ทำไว้ต้อนรับลูกค้าโดยเฉพาะ

พลางอธิบายรายละเอียดให้เขาไป ……ถ้าเป็นสินค้าชิ้นเล็กๆ ราคาไม่สูงนัก ก็อาจจะซื้อขาย โคลสเซลส์กันตรงนั้นเลย แต่ถ้าเป็นสินค้าทางอุตสาหกรรม ที่ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ ก็จะขอนามบัตรของเขาไว้ พร้อมกับตกลงกันว่า จะไปเยี่ยมเยียนกันเมื่อไหร่

ส่วนมาก ใครที่ไปเฝ้างานในวันนั้น…..ถ้าได้ต้อนรับลูกค้าที่มีทีท่าว่าจะซื้อ หรือที่เราเรียกว่า Prospects กัน บริษัทก็มักจะให้เป็นสิทธิ์ของ Salesman คนนั้นไป Follow up ต่อ เพราะถือว่า เขาได้คุยมาบ้างแล้ว รู้จักตัวกันอยู่แล้ว…..ถ้าไปให้คนอื่น ถึงแม้จะเป็นเจ้าของเขต…ก็อาจจะหลุดออเดอร์ได้ เพราะลูกค้าอาจจะต่อว่าได้ว่าส่งคนที่ไม่รู้จักกันไปพบ

ดังนั้น สมัยก่อน……ใครได้ไปเฝ้างาน…..แต่ละครั้งนี่เป็นบุญนักหนา….แย่งกันไปเสียด้วยซ้ำ……อย่างลุงงี้…..อาสาเขาไปตลอด…..เพราะเราตัวเล็ก ยืนทน……มันก็เหนื่อยหน่อย……แต่ได้ลูกค้าแต่ละวัน มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม…..ดีกว่าไปเดินตะลอนๆ แตกแดดตากฝนอยู่ในท้องถนนโดยไม่รู้ว่าลูกค้าอยู่ที่ไหน

เดี๋ยวนี้ ยังมีการแย่งกันไปเฝ้างานอยู่หรือเปล่าไม่ทราบ….หรือต้องบังคับกัน….จึงจะไปเฝ้างานให้…………………...


แต่ถ้าเราไม่ได้ไปหรือไม่ถึง “เวร” ของเรา………ลุงก็มักถือโอกาสไปชมงาน…………………………………………..

ไม่ใช่ไปเที่ยวชมเฉยๆ………เพราะในงานแสดงสินค้านั้น ก็คือคู่แข่งของเราทั้งนั้น………………………………………

บางบริษัทก็รู้จักกันดี ซึ่งเขาก็ต้อนรับเราอย่างดี แต่เราก็ต้องให้เกียรติเขา พอมีลูกค้ามาเยี่ยมชมในบูทของเขา เราก็ปลีกตัวออกมา ไม่ใช่คอยไปยืนกันท่า ฟังเขาอธิบายศัพท์คุณของสินค้าเฉยอยู่

บางบริษัทฯ ซึ่งไม่เคยพบปะกัน ในท้องตลาด บางทีเราก็แอบเข้าไปแปลงตัวเป็น “ว่าที่ลูกค้า” ปล่อยให้พรรคพวกเขายืนอธิบายกันจนลิ้นห้อย……..ดูมันสนใจสินค้าเรามาก พอขอนามบัตรมันก็เดินไปเสียเฉยๆ อย่างงั้นนั่นแหละ…..ใช่แล้ว มันเป็น “ลูกค้าจำแลง” แหงๆ

คนที่ไปเฝ้างานก็ต้องรู้ทริกอันนี้ด้วย…….ไม่งั้น Information โดยขโมยหมด

เรื่อง “งานแสดงสินค้า” นี้มี “ความหลังฝังใจลุงแอ็ด” อยู่เรื่องหนึ่ง จะเล่าให้ฟัง…..แต่เอาไปเล่าต่อนะ เดี๋ยวรู้ถึงใครคนหนึ่งเข้า หูก็อาจจะขาดได้………………………………

ตอนนั้น ลุงยังอยู่ที่บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ซึ่งขายสินค้าแทบทุกชนิด ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ…………………..

ในปี พ.ศ. 2509 เมื่อไม่นานมานี้เอง (ก็เมื่อ 39 ปีที่แล้วเท่านั้นเอง) ตอนนั้นลุงแอ็ดได้เข้าทำงานที่ยิบอินซอยได้ประมาณ 2 ปี จึงนับว่ายังเป็นเด็กใหม่ๆ ซิงๆ สดๆ อายุอานามก็ยังอยู่ในวัย “ฉะกัน” คือประมาณ 21 ขวบ…………..

รัฐบาลในสมัยนั้น (ใครเป็นนายกฯ จำไม่ได้แล้ว) ก็จัดให้มีงาน “แสดงสินค้านานาชาติแห่งเอเซีย ครั้งที่ 1” ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ ตำบลหัวหมาก ตรงที่เป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหงในปัจจุบัน ในระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน ถึง วันที่ 10 ธันวาคม 2509 ตั้งแต่ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 ถึง 22.00 น. และในวันเสาร์ – อาทิตย์ ในเวลา 10.00 ถึง เวลา 24.00 น.

สังเกตได้ว่า…..เวลาของงานแสดงสินค้า นาน…..และยาว…..มาก……………………………………………

บริษัทฯ ใหญ่ๆ ในประเทศไทย ไม่ว่า หลุยทีเลียวโนเวล, บอร์เนียว, บีกริม แอนด์โก ฯลฯ รวมทั้งยิบอินซอยด้วย ต่างก็ไปออกงานกันคึกคัก

คุณต้องนึกถึงงานในบรรยากาศรุ่นคุณพ่อ หรือคุณแม่ของคุณดูนะครับ…………………………………………….

ในสมันนั้น รถราก็ไม่ค่อยจะมีวิ่ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ก็เปิดขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ งานก็อยู่ไกลแสนไกล ถึง “หัวหมาก” โน่น……….มีบริษัท ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ นับร้อยมาออกงานแสดงสินค้ากัน ผู้คนก็เดินกันคึกคัก…..ปานงานมาดิกราสในฤดูหนาว เปิดไฟสว่างไสวกันทั่วงาน…….หนุ่ม ก็แต่งชุดเสื้อนอกสีดำ สาวก็แต่งชุดราตรียาว…..กรอมพื้น สวมหมวกกันเป็นแถว………เสมือนกับงานแสดงแฟชั่นอีกงานประหนึ่งปานนั้น

ลุงก็ได้หน้าที่ ให้เอาพวก Helper คือผู้ช่วยที่ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาชมงาน…..จำนวนเกือบ 20 คน
ซึ่งลุงก็คัด และเลือกเอามาเฉพาะ จากนักเรียนโรงเรียนพาณิชย คนที่ สวยๆ ยิ้มหวานๆ ถ้าในสมัยนี้ เขาก็เรียกว่า “พริตตี้ๆ” อะไรเทือกนั้น

ลุงต้องทำจดหมายไปขออนุญาตกับพ่อ-แม่เขาที่บ้าน เมื่อพ่อ-แม่อนุญาตแล้ว ก็เอามาอบรม ให้รู้จักการต้อนรับลูกค้า การไหว้ การยิ้ม การกล่าว “สวัสดีครับ สวัสดีคะ…” ขอบคุณนะคะ…..อะไรอย่างนี้ที่บริษัทสักสองสามวัน แล้วให้มาเรียนรู้ว่า สินค้าที่บริษัทขายมีอะไรบ้าง อีกสองสามวัน รวมเป็นหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

พองานเริ่มแสดง ลุงก็นัดให้นักเรียนสวยๆ เหล่านั้น มารวมตัวกันที่บริษัท พวกที่ต้องไปเฝ้างานรอบเช้า ก็เลือกเอานักเรียนพาณิชยที่เรียนรอบบ่าย ส่วนพวกที่ต้องเฝ้างานรอบบ่ายก็เลือกเอาพวกที่เรียนรอบเช้ามาออกงาน เพื่อไม่ให้เสียทั้งงานและทั้งเรียน พร้อมด้วยมีค่าเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย ชั่วโมงละ 5.- บาท (ห้าบาทถ้วน) ถ้าเป็นรอบกลางวัน ใครเข้ารอบดึกก็จะได้ชั่วโมงละ 6.25 บาท (หกบาทยี่สิบห้าสตางค์)

เสร็จแล้วก็จัดรถเมล์เล็กๆ สีเขียวๆ (ไม่มีแอร์นะครับ) เพราะอากาศตอนเดือนพฤศจิกายน ถึงมกราคมตอนนั้น หนาวจัดเอามากๆ จนผู้หญิงทุกคนต้องสวมสเวตเตอร์สีแดง สีเขียว สีชมพู สดใสน่ารัก แก้มก็เป็นเลือดฝาดสีชมพู ดูแล้วน่าชื่นใจจริงๆ (ให้ดิ้นตายเถอะ…………..)

ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 10 ธันวาคม……เกือบ 30 วัน ที่ทำให้ลุงต้องเอาใจใส่ ดูแล รับส่ง เด็กๆ (ไม่ใช่เด็ก…อายุน้อยกว่าลุง 1 ปีเท่านั้นเอง) สาวๆ จนทำให้เกิดเป็นความสนิทสนมกันอย่างปานจะกลืน…………………..

ท่ามกลางอากาศอันหนาว…..ภายใต้เสื้อสเวตเตอร์สีแดง…..
ในบรรยากาศแห่งความหนาวเย็นอันน่าชื่นใจ………………
และดอกมะลิที่หอมกรุ่น…………………………………….

ทำให้ลุงได้รู้จักกับ “เธอ”…….และสนิทสนมกันในที่สุด…..
………………………………………………………………
………………………………………………………………




















เธอคนนั้น คือ “คุณอาภา ถาวรมาศ” หรือ “ป้าอี๊ด” ของลุงแอ็ดนั่นเอง………………………………………………..

















“คลับนักขาย 001”
//lungadd.pantown.com/



Create Date : 03 ธันวาคม 2548
Last Update : 3 ธันวาคม 2548 20:03:31 น. 0 comments
Counter : 433 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.