Drag Me to Hell


ตอนแรกที่เห็นตัวอย่างของ Drag Me to Hell ก็เกิดอาการอยากดูอยู่แล้ว พอมาอ่านบทความแล้วเจอว่า Sam Raimi เป็นผู้กำกับเรื่อง Evil Dead ด้วย ก็ยังงง ๆ อยู่ว่า "มันเรื่องอะไรหว่า"
ก็เลยไปค้นในเน็ท แล้วก็ต้องร้องดัง ๆ (ในใจ) ว่า "โอ้ววว นี่มันหนังที่เราเคยชอบดูตอนเป็นเด็กนี่"
ถามว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไง ก็จำไม่ได้แล้วล่ะ แต่จำได้ว่าตอนที่ผู้ใหญ่ดูหนังเรื่องนี้กัน พวกเด็กๆ ก็ต้องคอยวิ่งไปแอบหลังโซฟาเวลาที่ผีออก
ให้มาดูอีกทีตอนนี้ก็คงไม่กลัวแล้วล่ะ แต่มันเป็นความประทับใจวัยเด็กน่ะ
มารู้แบบนี้แล้ว เลยยิ่งอยากดูมากขึ้นไปอีก



กลับมาเข้าเรื่อง Drag Me to Hell กันต่อ



คริสตินเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อ เธอมีงานที่ดี มีคนรักที่ดี ดูแล้วชีวิตเธอก็เหมือนคนอื่นทั่วไป เมื่อตำแหน่งผู้จัดการว่างลง เธอจึงต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมงาน (ซึ่งชะเลียเจ้านายได้เก่งกว่า) เพื่อให้ตัวเองได้เลื่อนตำแหน่ง



ในช่วงที่งานกำลังมีความกดดันนี้เอง เธอก็บังเอิญไปได้ยิน เสียงแฟนหนุ่มโทรศัพท์คุยกับแม่ ซึ่งแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่า ต้องการได้ลูกสะใภ้ที่คู่ควรกับวงศ์ตระกูล ไม่ใช่สาวบ้านนอกอย่างคริสติน ความกดดันในการได้เลื่อนขั้นจึงมีมากขึ้น เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของว่าที่แม่สามี เธอจะพลาดการเลื่อนตำแหน่งไม่ได้แล้ว


เมื่อหญิงชราคนหนึ่งมาขอผ่อนผันการยึดทรัพย์ เธอจึงเห็นว่านี่คือโอกาสที่เธอจะได้รักษาผลประโยชน์ของธนาคาร และจะเป็นผลงานได้ให้เธอได้เลื่อนต่ำแหน่ง เธอจึงไม่อนุมัติการผ่อนผัน แม้ว่า
หญิงชราจะคุุกเข่าขอร้องเธอแล้วก็ตาม หญิงชราโกรธแค้นเธออย่างมาก จึงสาปเธอด้วยคำสาป "ลาเมีย" ซึ่งเป็นปีศาจที่จะมาลากเธอไปลงนรก




คริสตินและยายแก่ยิปซี ต่างก็เป็นเหยื่อของระบบทุนนิยมอเมริกัน ที่ให้ความสำคัญแต่เรื่องเงินทอง คิดถึงแต่ตัวเอง ลืมความมีน้ำใจ และการให้อภัย เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีจุดยืนของตัวเอง และหาจุดยินยอมกันไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องมาทำร้ายกัน ทั้งหมดที่ทำไปก็เพียงเพราะเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง


บทของคริสตินนั้นสะท้อนถึงชีวิตของคนทั่วๆ ที่จากบ้านนอกเข้ามาทำงานในเมืองเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ต้องเปลี่ยนบุคลิกตัวเองเพื่อให้เข้ากับสังคมได้ ต้องแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานเพื่อให้อาชีพของตัวเองมีความก้าวหน้า และเป็นที่ยอมรับของคนรอบตัว ความกดดันลักษณะแบบเดียวกันนี้คนดูส่วนใหญ่ก็คงต้องเคยเป็นกันบ้างในชีวิตจริง จึงสร้างอารมณ์ร่วมได้ไม่ยาก บุคลิกของยายแก่ยิปซี ก็ไม่ได้ชวนให้เกิดความสงสารน่าสงสารเอาเสียเลย จนเราคิดไปว่าเป็นเราก็คงตัดสินใจแบบเดียวกับคริสตินแน่นอน แล้วพอได้รู้โทษที่เธอต้องได้รับก็รู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ยิ่งพอไปถึงช่วงกลาง ๆ เรื่อง จะยิ่งรู้สึกว่าคริสตินเป็นคนน่าสงสารที่ถูกรังแก และเราก็อยากลุ้นให้เธอรอดพ้นจากคำสาปนี้ไปให้ได้



ในชีวิตจริงเรื่องราวทำนองนี้ก็มีให้เห็นได้ทั่วไป คนเราทำร้ายกันด้วยอำนาจที่ตัวเองมี อำนาจนั้นจะเป็นปลายปากกา เป็นเงินทอง ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือใครมีอำนาจเหนือกว่า แล้วพออำนาจเปลียนมือ ก็ถึงเวลาทวงคืนแบบทบต้นทบดอก



ดูตัวเราเอง ถ้ามีเพื่อนบ้านที่เราเกลียดหน้ามาก ๆ มาขอความช่วยเหลือ แล้วจะช่วยหรือเปล่า
ถ้าเพื่อนบ้านจูงหมามาถ่ายที่หน้าบ้านเราทุกวัน วันหนึ่งเรามีหมาจะจูงไปถ่ายที่หน้าบ้านมันหรือเปล่า เผลอๆ อาจจะจูงไปทีเดียว 5 ตัวเลยก็ได้



ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองถูกด้านมืดเข้าครอบงำ (เอามาจากหนังเรื่องอะไรหว่า) แม้เพียงแค่ชั่วครู่ ก็อาจจะเป็นการทำลายอนาคตตัวเองไปทั้งชีวิตเลยก็ได้




ใครคิดเหมือนผมบ้าง?

- นางเอกแข็งแรงไม่ใช่เล่น ขนาดโดนเหวี่ยง กระแทก ล้มลุกคลุกคลาน แต่มีแผลเล็กๆ ที่ปากนิดเดียว แถมวันต่อมาแผลก็หายแล้ว

- ยายยิปซีก็แข็งแรงไม่แพ้กัน ขนาดโดนถีบ โดนเหล็กเสียบปาก ทั้งกระเด็นทะลุกระจกรถ แต่ก็ยังลุกมาสู้กันต่อจนเอาชนะนางเอกได้

- ฉากสุดท้าย เกิดขึ้นในสถานีรถไฟ มีคนเยอะแยะ แต่มีพระเอกเห็นเหตุการณ์อยู่คนเดียว



Create Date : 01 กรกฎาคม 2552
Last Update : 6 สิงหาคม 2552 17:58:18 น.
Counter : 312 Pageviews.

1 comment
1  2  

ลัคกี้เหมียว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]