Up In The Air - เหงาแต่อบอุ่น รันทดแต่มีความหวัง
ไรอัน บิงแฮม เรียกอาชีพของตัวเขาเองว่า "เจ้าหน้าที่ปรับโครงสร้างองค์กร" ซึ่งหน้าที่หลักก็คือการไปไล่พนักงานออกแทนบรรดาหัวหน้า ที่ไม่กล้าเอ่ยปากไล่ลูกน้องของตัวเองออกนั่นเอง
ในช่วงวิกฤติ

เศรษฐกิจ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานเป็นจำนวนมาก ช่วงนี้เองที่เป็นขาขึ้นในอาชีพของบิงแฮม
นาตาลี พนักงานสาวหน้าใหม่ไฟแรง ได้พยายามใช้เทคโนโลยี video call เข้ามาใช้ในธุรกิจ ซึ่งขัด

กับวิธีการทำงานของบิงแฮมที่เชื่อในการคุยกับพนักงานแบบตัวต่อตัวมากกว่า
เพื่อเป็นการหารูปแบบที่เหมาะสมให้กับระบบ ทั้งคู่จึงต้องเดินทางไปทำงานร่วมกัน
และในการเดินทางนี่เอง ที่ทำให้บิงแฮมได้

พบกับอเล็ก สาวแกร่งผู้ซึ่งใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางเหมือนกัน


ไม่รู้เป็นตัวหนังหรือเพราะอารมณ์ส่วนตัวกันแน่ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ผมรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ช่างเหงาเสียจริงๆ


ทั้งฉากเปิดตัวหนัง ที่มีหมู่เมฆล่องลอยดูสดใส แต่ก็แฝงความว่างเปล่าอย่างประหลาด
ที่นั่งข้างบิงแฮมจะเป็นที่ว่างเสมอ แม้แต่ตอนที่ต้องเดินทางนาตาลีก็ยังแยกที่นั่งกันคนละแถว
บิงแฮมไม่ศรัทธาใน

ความสัมพันธ์ เขามองว่าความผูกพันเป็นภาระอย่างหนึ่งที่มนุษย์ต้องแบกไว้ ดังนั้นตัวเขาเองจึงไม่ผูกพันกับใคร แม้แต่กับญาติพี่น้อง
สำหรับอเล็กซ์นั้นเป็นผู้หญิงที่มีความคล้ายกับบิงแฮมในหลายๆ ด้าน ทั้งคู่นัดเจอ

กันตามเมืองที่เดินทางไปทำงาน แต่ไม่เคยผูกพันกันมากกว่านั้น
จนถึงตอนท้ายที่เขาต้องการรู้จักกับอเล็กซ์มากขึ้น แต่เขาก็ต้องพบกับความผิดหวังอยู่ดี


ชีวิตของบิงแฮมเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเหงาของคนในยุคไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี (แต่ในเรื่องนี้บิงแฮม ไม่ใช่คอมพิวเตอร์?) ที่ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่คิดจะมีความพันธะกับใคร เพราะกลัวจะเสียความเป็นอิสระ

ไป
ทั้งๆที่เหงาแต่ก็ไม่เคยยอมรับตัวเอง กลับหลอกตัวเองด้วยการหาอะไรไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
อย่างกรณีของบิงแฮม คือการสะสมไมล์ของสายการบิน เพื่อให้ได้บัตร VIP ไว้บินฟรีตลอดชีพ ทั้งๆ ที่ก็ยังไม่รู้ว่า

จะตัวเองอยากจะบินไปที่ไหน
จนสุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่ฝันได้เป็นจริง เขาก็ไม่ได้รู้สึกยินดีในสิ่งที่ได้มา
ทำให้ต้องกลับมาคิดอีกทีว่า ที่จริงแล้วชีวิตต้องการอะไรกันแน่
ถึงตอนนี้ เขารู้แล้วว่าตัวเอง

ต้องการคนที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
แต่ในเมื่อชีวิตของเขา ไม่เคยจริงจังในความสัมพันธ์กับใคร ดังนั้นคนที่เข้ามาในชีวิตเขา ก็ไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับเขาเหมือนกัน
สุดท้ายเขาก็กลับมายืนที่จุดเดิม ที่

ต้องอยู่คนเดียวกับความเหงาอีกครั้ง


แต่หนังก็ไม่ได้ปล่อยให้คนดูต้องเหงา หดหู่กันทั้งเรื่อง ด้วยการมีมุขแทรกมาเป็นระยะ เรียกร้อยยิ้มได้เป็นอย่างดี
ส่วนบิงแฮมดูเหมือนจะเป็นคนไร้หัวใจ แต่เวลาที่เขาต้องให้กำลังใจพนักงานที่กำลังโดนไล่ออก

เขากลับทำได้ดีมาก
เอาเป็นเพราะเขามองจากสายตาของคนนอก ที่ไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรเลยก็ได้
ทำให้คิดได้ว่า บางทีการที่คนเราเอาความคิดไปเพ่งอยู่กับความสิ้นหวัง พยายามหาทางออก กลับทำให้เรา

มองไม่เห็นโอกาสก้าวไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า



สิ่งที่เรียกรอยยิ้มได้ดีคือจูลี่ น้องสาวของบิงแฮมที่กำลังจะแต่งงาน
จูลี่และแฟนหนุ่ม ไม่ได้มีหน้าที่การงานเลิศหรุ ไม่ได้มีโอกาสเดินทางไปสถานที่ต่าง เหมือนบิงแฮม
จูลี่จึงขอให้บิงแฮมช่วยพกรูปถ่าย

คู่ของเธอกับแฟนติดตัวไปถ่ายตามสถานที่ต่างๆ
ดูแล้วเหมือนไร้สาระ แต่เป็นไอเดียที่น่ารักไม่เบา ยิ่งได้เสริมกับคำพูดของจูลี่ว่า "ถึงแม้เราไม่ได้เที่ยวรอบโลกแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีรูปซะที่ไหน"


ซึ่งตีความหมายได้ว่า ถึงแม้คนเราจะไม่ได้มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราจะไม่มีความสุขในชีวิตซะหน่อย


ช่วงใกล้จบเรื่องที่บิงแฮมต้องอยู่เพียงลำพัง เขาก็โทรไปสายการบิน เพื่อโอนไมล์ทั้งหมดที่มีให้น้องสาวได้ใช้ไปฮันนีมูน และยังเขียนจดหมายรับรองเพื่อช่วยให้นาตาลีได้งานใหม่ตามที่หวัง
ท้ายที่สุด ถึงแม้จะ

ต้องอยู่ลำพัง แต่บิงแฮมก็ยังเดินต่อไป
ไม่ว่าชีวิตจะเคยได้ทำผิดพลาดอะไร ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่เสมอ




Create Date : 18 ตุลาคม 2553
Last Update : 19 ตุลาคม 2553 12:39:52 น.
Counter : 341 Pageviews.

1 comments
  
ชอบประโยคสุดท้าย

สุดท้ายชีวิตก็ต้องการใครซักคนครับ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=03-2010&date=19&group=2&gblog=171
โดย: คนขับช้า วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:19:35 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ลัคกี้เหมียว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]