"ที่ว่างของงานเขียน..เล็กๆแต่อบอุ่น [Love&Warmth]"
Group Blog
 
All Blogs
 
ในวันฝนร่ำ....(On The Rainy Day)



ในวันฝนร่ำ...

(On The Rainy Day)

รัน




ท้องฟ้าเหนือสวนสาธารณะครึ้มหม่นไปด้วยเมฆฝน
สายฝนโปรยปรายพร่างพราว
ละอองฝุ่นฝนปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ
และได้ลอยเคว้งคว้างมาติดที่ดวงตา… ของชายหนุ่ม
ที่ในตอนนี้ มีเม็ดน้ำตาอุ่นๆ ร่วงไหลรินออกมา
ขณะที่ยืนเหม่อมองไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น…




1
เขาจำได้แม่นยำถึงวันนั้น ในวันที่มีเธอยืนอยู่ที่นั่น ใต้ต้นไม้ใหญ่กลางสายฝนพรำ เขาเอ่ยปากชักชวนเธอให้มาหลบเม็ดฝนใต้ร่มคันน้อยของเขา และนั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความรัก ระหว่างพนักงานบริษัทผลิตเครื่องซักผ้าต๊อกต๋อยเช่นเขา และเซลล์ขายหนังสือนิทานจอมอุดมการณ์อย่างเธอ ที่จบลงด้วยช่อดอกไม้หลากสีและเสียงกรุ๋งกรุ๋งของระฆังวิวาห์ ในเวลาต่อมา….


2
กาลเวลาอันล่วงเลย …จากฤดูฝนหนึ่งไปสู่อีกฤดูฝนหนึ่งรวมๆ กันเป็นหลายๆ ฤดูฝน สายน้ำแห่งกาลเวลาได้ชะล้างและพัดพาเอาความหอมหวานสดชื่นของเธอให้จางหายไปหมด เหลือไว้แต่ความชินชาน่าเบื่อหน่าย

เขาตระหนักดีแล้วว่า “อะไรเอ่ย?” แก่ง่าย ตายช้า ก็เธอนี่ยังไงล่ะคือ คำตอบ!

ทั้งความน่ารักสดใสของเธอมันลดน้อยถอยลง เหลือไว้แต่คำพร่ำบ่นเดินสวนเข้ามาแทนที่ ซึ่งนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น มโหฬารมากขึ้น จนเขาแสนเกลียดชังรุ่งเช้าของทุกวัน “ขับเร็วหน่อยได้ไหมคะ เดี๋ยวฉันไปทำงานไม่ทัน” ประโยคสุภาพในยามที่เธออารมณ์ดี หากแต่ในยามที่เธอหงุดหงิด มันจะกลายเป็นคำพูดดูถูกฝีมือขับรถกันไปเลยทีเดียว

“เต่ามันไล่กัดยางรถหรือยังไง ….หา …คุณ”

เขาคิดในใจลำพังเสมอว่า “ทำไมเธอไม่คิดไปแต่งงานกับนักขับรถแข่ง หรือไม่ก็คนพวกขับรถสิบล้อกินยาบ้า หรือไม่ก็คนขับรถแท็กซี่ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย แทนที่เธอจะมาอยู่กินกับพนักงานบริษัทขายเครื่องซักผ้ากิ๊กก๊อกอย่างเขา!


3
ในวันสิ้นเดือนของฤดูหนาวอันเย็นยะเยือก..วันหนึ่ง เขาเมา …โซเซมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้าน ใจของเขาบอกว่า “ไม่! ยังไม่อยากเข้าบ้าน”

และแล้ว ---เหมือนมีเวทมนตร์ สายลมหนาวที่โรยรินอยู่รอบกายในตอนนั้นเหมือนเอ่ยปากชักชวนให้เขามาเต้นรำ เขาพยักหน้าตอบรับ “O.K.” แล้วร่างของชายหนุ่มก็พลิ้วไหวไปตามจังหวะของเสียงดนตรีที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ ท่ามกลางแสงไฟสีโศกกับม่านหมอกสีสลัวที่หน้าบ้านนั่นเอง

เริ่มต้นด้วย “ช่า ช่า ช่า” ต่อด้วย “รุมบ้า” และจบลงอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่งด้วยจังหวะ “สโลว์” แต่ทว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา-ชายหนุ่มร่ำลาสายลมเย็นมุ่งหน้าเข้าสู่บ้าน แต่เพียงแค่แง้มประตูเข้าบ้านไป “แอด.. ด..ดดด” เสียงของเธอก็ลอยมาปะทะหน้า “โครม” เข้าจังเบ้อเร่อเท่อ

เขาครวญอยู่ในใจ “โธ่เอ๋ย! ทำไม? ไม่ใช่! สายลมลอยมาปะทะหน้า สำนวนอมตะในนิยายที่เขาเคยอ่านพบเล่า!!”

“คุณรู้ไหมว่า วันนี้เป็นวันอะไร ....”

เขายืนคอหมุนเคว้งคว้างเหมือนคนไม่มีกระดูกอยู่สักพัก ก่อนจะอ้อแอ้ตอบเธอไปว่า

“เอิ๊ก…. เมื่อวาน…เอิ๊ก …วันพฤหัส วันนี้….เอิ๊ก ….ก็ต้อง…เป็นวันศุกร์สิ คุณนี่สวยก็ไม่สวยแถมยัง… … โง่อีกต่างหาก”

เธอผุดลุกขึ้นจากโซฟา ปรายตาไปที่เค้กก้อนโตกับเทียนไขหลากสี

“วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่ 5 ของเราย่ะ ไม่ต้องตามขึ้นมานะ เหม็นเหล้า นอนตรงโซฟานั่นแหละเหมือนที่ฉันนอนรอคุณเมื่อกี้”

“อ้อ ….แล้วไหนล่ะเงินเดือน” ประโยคหลังเธอพูดด้วยเสียงดังมากกว่าปกติจนเขาสะดุ้งตกใจ เธอตรงเข้ามาคว้าหมับ--กระเป๋าเงิน--ที่เขายื่นไปให้ แล้วใช้มันเคาะหัวเขาเสียงดัง “โป๊ก” หนำใจแล้วจึงย่ำเท้าตึงตังเข้าห้องนอนปิดประตูเสียงดังสนั่น “ปัง” ปล่อยให้เขายืนงงอยู่เดียวดาย เผลอพึมพำกับตัวเอง “ลืมไปได้ยังไง” ก่อนจะล้มตัวลงนอนหลับสนิทตั้งแต่หัวยังไม่ทันถึงหมอนดี

ลมเย็น คู่เต้นรำแอบตามเขามานัวเนียรอบกายเขาถึงในบ้าน มันทำให้เขาหนาวเสียจนต้องตื่นมากอดตัวเอง

...ตอนนั้น คลับคล้ายว่าเหมือนมีใครเอาผ้าห่มหนานุ่มมาคลุมตัวเขาเอาไว้ให้คลายหนาว…อบอุ่นไปถึงใจ


4
อาชีพขายหนังสือนิทานของเธอ ทำให้ต้องพลัดพรากจากเขาไปต่างเมืองบ้างเป็นบางเวลา อีกทั้งเงินเดือนของมันก็แสนจะน้อยนิดเต็มที …แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เธอก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งมันไป เธอบอกเขาว่า

“ความฝันบางอย่างมันไม่เกี่ยวกับเงิน แต่มันขึ้นอยู่ที่ใจ”

เขาคิดอยู่ในใจ “ใช่สิ! เธอพูดถูกทีเดียว มันไม่เกี่ยวกับเงิน แต่มันเกี่ยวกับเขา เพราะยามเธอไม่มี เธอเอาเงินจากเขานี่ !!!”

เธอยิ้มนัยน์ตาทอประกายระยิบ ก่อนจะพูดต่อว่า

“ความฝันของฉันก็คือการเป็นส่วนเล็กๆ ที่ได้ช่วยเหลือเด็กๆ ในประเทศของเราให้มีความสุขด้วยนิทานท่ามกลางเด็กๆ เหล่านั้น เมื่อฉันเอ่ยคำว่า “...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…” คุณรู้ไหมว่าฉันเห็นอะไร ฉันเห็นประกายสุกใสในดวงตาของพวกเขา นั่นแหละคือความสุขของฉัน”

ทั้งหมดที่กล่าวมา คือ เธอ
เซลล์ขายหนังสือนิทานจอมอุดมการณ์.....


5
เมื่อแรกวิวาห์ใหม่ๆ ยามเธอต้องร้างห่างไกลไปต่างเมือง ทั้งเขาและเธอต่างก็รู้สึกโหยหากันดีอยู่หรอก แต่เนิ่นนานไปเป็นเขาเองที่มักแอบลอบยิ้มให้กับตัวเอง เพราะรู้ดีว่าอย่างน้อยเขาคงไม่ได้ยินเสียงพร่ำบ่นของเธอไปอีกหลายวันทีเดียว

เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ เธอต้องเดินทางไปต่างเมืองเพื่อเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง ชายหนุ่มเฉลิมฉลองการจากไปของเธอ ด้วยการเมาหนักกว่าทุกๆ ครั้ง กว่าจะกลับเข้าบ้านก็จวนสว่างคาตา ทิ้งตัวลงนอนหลับสนิทตรงส่วนไหนของบ้าน แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้

ผวาตื่นอีกครั้งครา ก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงกริ๊ง …กริ๊ง… โทรศัพท์บนโต๊ะเล็กๆ แผดเสียงร้องเรียกอยู่

“เออ….คือว่ารถที่พาภรรยาของคุณไปต่างจังหวัด พลิกคว่ำตกเหว ทุกคนในรถ เออ…รวมทั้งภรรยาของคุณ เสียชีวิตหมดค่ะ”

ในตอนนั้น เสียงจากปลายสายอีกข้างดังแว่วมาแผ่วเบาแต่สำหรับเขามันคล้ายกลับมีใครเอาค้อนยักษ์มาทุบหัวจนก้อนสมองอื้ออึง สิ้นเรี่ยวแรงปล่อยโทรศัพท์ลอยเคว้งคว้างลงข้างตัว...


6
นับจากวันที่เธอจากเขาไป เขาก็ไม่ต้องฟังเสียงพร่ำบ่นใดๆ อีกต่อไป ไม่ต้องรีบเร่งขับรถไปส่งเธอในยามรุ่งอรุณ เพื่อฟังคำเสียดสีในฝีมือขับรถ ไม่ต้องจำว่าวันไหนหนอ? คือวันครบรอบแต่งงาน ไม่ต้องเจียดเงินเดือนแสนน้อยนิดให้เธอ ... และไม่ต้องอะไรๆ ต่อมิอะไรอีกมากมายเพื่อเธอ ซึ่งนั่นก็น่าจะดีอยู่หรอก.. มิใช่หรือ? สำหรับเขา

แต่ในความเป็นจริงแล้ว….เปล่าเลย! เพราะในวันที่ชีวิตขาดเธอ ช่วงเวลาในแต่ละวันมันช่าง….เงียบเหงา… แสนเศร้า และเฮงซวย สิ้นดี!

ไม่ว่าในตอนนี้ เธอจะอยู่ ณ ที่แห่งไหน เขาอยากจะให้เธอรับรู้ไว้ว่า เขายินดีที่จะฟังเสียงพร่ำบ่นของเธอในยามเช้า ยินดีจะมอบเงินเดือนของเขาทั้งหมดให้เธอ และยินดีจะทำทุกๆ อย่าง

...ขอเพียงแต่…ให้ได้เธอ…กลับคืนมาดังเดิม!!!



และในวันที่เศร้าและเหงาหนักๆ เหมือน…เช่นวันนี้
เขาจะมายังที่สวนสาธารณะ สถานที่ที่เขาพบเธอเป็นครั้งแรก
และเฝ้าเหม่อมองไปยังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นเพียงหวังว่า

คงอาจจะมีสักวันที่เขา…
จะได้พบเห็นเธอมายืนหลบสายฝนใต้ต้นไม้ใหญ่อีกสักครั้ง

เพื่อเขา.....จะได้มีโอกาสชักชวนเธอ
มาหลบเม็ดฝนใต้ร่มคันน้อยของเขาอีกสักครา…..

..............................





Create Date : 10 เมษายน 2550
Last Update : 11 เมษายน 2550 16:43:13 น. 14 comments
Counter : 4461 Pageviews.

 
อ่านจบแล้วเศร้าจังครับ จบแบบเศร้ามาก

เค้าว่ากันว่า คนเราจะเห็นความสำคัญก็ต่อเมื่อสูญเสียสิ่ง ๆ นั้นไปใช่ไหมครับ? เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อให้ใครเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?

แล้วจะแวะมาอ่านเรื่องใหม่อีกนะครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:18:14:31 น.  

 
ต้นอ่านเรื่องนี้ระหว่างพักสายตาจากการอ่านเรื่องสั้น คนเล็กหัวใจมหึมามหาสมุทร

อ่านจบแล้วต้องถอนเอาความเศร้าออกทางลมหายใจ

ไม่อยากมีชีวิตที่เหลือไว้จมกับความเศร้าแบบนี้เลย

ซึ้งสะท้อนความรักของคนที่มองข้ามมันไปได้เป็นอย่างดีครับ ประมาณรักแท้ดูแลไม่ได้--เราไม่ดูแลเองต่างหาก



โดย: ต้น IP: 202.142.192.98 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:20:02:22 น.  

 
ผมก็คิดอย่างที่ คุงกล่องและต้นบอกมาล่ะครับ...

เรื่องนี้เศร้าจัง ไม่ได้เจอด้วยตัวเองคงไม่มีใครรู้

จะได้รับรู้ก็เมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว

*ขอบคุณ Rin สาวจุฬาฯ ที่ตั้งชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษให้ (อีกแล้ว-.*)

**เรื่องของ "คุณรัน" เรื่องนี้จะปิดท้ายส่งเทศกาลสงกรานต์ พบเรื่องใหม่ได้หลังจากเทศกาลหมดลงแล้วนะครับ

***ใครไปเที่ยวที่ไหนขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ รักษาสุขภาพทั้งกาย และใจด้วยนะครับ..ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับ


โดย: เจ้ากอล์ฟ (ChronoCross ) วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:20:24:53 น.  

 
"ไม่มีวันที่ฉันจะลืมเธอไปจากความทรงจำ"

......................................................

เศร้าเนอะ...อยากร้องไห้อ่ะ


โดย: blue mint วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:20:35:36 น.  

 
เศร้าค่ะ

..ไม่มีคำบรรยาย..







โดย: คนบ้าเกมส์ IP: 124.120.238.111 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:20:45:45 น.  

 
สำหรับคนสองคน
แค่เกิดมาแล้วได้รักกัน ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
จากเป็น จากตาย เป็นเรื่องธรรมดา


โดย: ..ยัยตัวยุ่ง.. IP: 125.24.143.2 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:9:13:39 น.  

 

ซึ้ง ก่อนได้เที่ยวสงกรานต์ พวกลุงๆไปเที่ยวไหนกันบ้างเปล่าคะ ยังไงขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยกันทุกคนนะคะ


โดย: wind IP: 58.147.70.147 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:9:18:54 น.  

 
ตอนนี้ อยู่บ้านที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับกรุงเทพ ก็คงวันที่ 16 น่ะค่ะ
ไม่มีเวลาว่างได้อ่านเลย
ไว้ค่อยเม้นท์หลังสงกรานต์นะคะ
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: แร่ใยหิน วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:8:54:00 น.  

 


โดย: 123 IP: 58.9.113.67 วันที่: 14 เมษายน 2550 เวลา:23:26:33 น.  

 
โฮ!! กอล์ฟจ๋า สงสารคนสายตาไม่ดีที่ไม่ชอบใส่แว่น
หน่อยเถอะ น้ำเพ่งแล้วเพ่งอีกมานมองไม่เห็นเลยอ่ะ
แล้วจะกลับมาอ่านนะจ๊ะ หาแว่นก่อน



โดย: ข้าวพอง วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:27:28 น.  

 
อ่านได้ล่ะ ไมเมื่อวานมานขึ้นเป็นรูปกบเหลืองๆเต็มไปหมดเลยล่ะ
เศร้าจัง น้ำตาซึมเลย คนเรามักมองไม่เห็นค่าสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ
จนเมื่อต้องสูญเสียมานไปแล้วนั่นล่ะถึงจะรู้สึก
ทั้งภาพทั้งเพลง ให้อารมณ์ดีจัง


โดย: น้ำ (ข้าวพอง ) วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:05:57 น.  

 
แวะเข้ามาเยี่ยมหาค่ะ สบายดีไม๊ค่ะ


โดย: opleee วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:02:35 น.  

 
แวะมาเยี่ยมอีกรอบค่ะ เมื่อไหร่จะได้อ่านเรื่องใหม่คะ

รออยู่ค่ะ


โดย: ข้าวพอง วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:06:46 น.  

 
ไม่นานเกินรอครับ มีเรื่องใหม่มาจะไปบอกคนแรกเลยน้า


โดย: เจ้ากอล์ฟ IP: 222.123.117.27 วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:36:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ChronoCross
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]










Friends' blogs
[Add ChronoCross's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.