บันทึกการเดินทางรอบโลกตามลำพัง - 57 ( มหานครเม็กซิโกและมหานครโบราณเธนโนธิทลัน ) พ่อของยูลันดามาส่งผมที่สถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้สุดและอวยพรให้ผม มีความสุขกับการเดินทางตามลำพังในเมืองขนาดมหึมาอย่างเม็กซิโกซิตี้ ผมกล่าวขอบคุณและยิ้มให้ท่านอย่างสุภาพก่อนที่จะหันหลังเดินลับหาย เข้าไปในเมืองที่มีขนาดเกือบๆ 5,000 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรอยู่ อาศัยเกือบๆ 20 ล้านคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นมหานครที่หนาแน่นที่สุดในโลกใบนี้ หลังจากที่ผม นั่งบ้าง ยืนบ้าง เดินบ้าง เปลี่ยนรถไฟ จากสายหนึ่ง สู่อีกสาย หนึ่ง มาอีกสายหนึ่ง ในระบบการคมนาคมที่แสนยุ่งเหยิงแต่เปี่ยมไปด้วย ประสิทธิภาพของเมืองใหญ่เมืองนี้ ในที่สุดผมก็ถึงจุดหมายซึ่งจะเป็นจุด เริ่มต้นในการสำรวจเมืองใหญ่เมืองนี้ ณ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีชื่อว่า โซกาโล ในย่าน เซ็นโตรอิสโตริโก ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุด ผมเดินวนไปวนมาในย่านโซกาโลอย่างตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ และเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังของสถานที่บริเวณนี้ เซ็นโตรอิสโตริโก ดูเหมือนจะรวบรวมอะไรหลายๆ อย่างของหลากหลายยุคสมัยได้อย่าง ไม่น่าเชื่อทั้งในยุคอาณาจักรแอ๊สเต๊กที่ยิ่งใหญ่แห่งมหานครเท็นโนธิลัน และในยุคอาณานิคมที่ยาวนานของนิวสเปน อาคารหลากหลายยังคง เฉิดฉายเปล่งประกายสะท้อนยุคสมัยของตัวเองอย่างน่าทึ่ง เมโตรโปลิแตน คาธีดรอล์ ดูเหมือนจะเป็นจุดรวมจิตใจของเม็กซิกันชน ทั้งยังคงตั้งเด่นอยู่ในทำเลที่น่าเกรงขาม ที่สามารถสบตาโดยตรงกับ พลาซ่า เดอ ลา กอนติตูชิออง ซึ่งยืนยงอยู่ร่วมกับประวัติศาสตร์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยอาณาจักรแอ๊สเต็กโบราณ ล่วงมาจนถึงยุคอาณานิคมสเปน จวบจนมาถึงยุคสมัยใหม่ของชนชาติเม็กซิโกในปัจจุบัน ต่อมาผมได้เดินผ่านเข้าไปในประตูที่แสนยิ่งใหญ่ของเมโตรโปลิแตน คาธีดรอล์ ทันทีที่ผ่านพ้นขอบประตูผมก็ต้องตื่นตลึงกับความอลังการณ์ ในงานศิลปะที่แสนยิ่งใหญ่จากพลังศรัทธาของชาวเม็กซิกัน ผมจึงเลือก หาที่นั่งพักสงบจิตใจอยู่ที่ม้านั่งภายในโบสถ์ที่ถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศ อันน่าทึ่งและค่อยๆ ละเลียดพิจารณาถึงความยิ่งใหญ่ของพลังศรัทธา ที่ไม่สามารถประเมินความรู้สึกถึงความตื่นเต้นภายในจิตใจในขณะนั้นได้ หลังจากนั้นผมก็เดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่งของย่านเมืองเก่าที่มีการขุดพบ ซากอาคารโบราณที่เชื่อกันว่าเป็น เมเจอร์เทมเปิลของชาวแอ๊สเต๊กโบราณ ซึ่งเพิ่งจะถูกค้นพบโดยบังเอิญเมื่อปี 1978 นี่เอง จึงทำให้ผมหวนกลับ ไปนึกถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของชนชาวพื้นเมืองแห่งเมโสอเมริกา ที่มีนครเธนโนธิทลันที่เคยตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นเมืองหลวง ในอดีตก่อนที่ พวกสเปนจะเดินทางมาถึงที่นี่ ในต้นศตวรรษที่ 16 นครแห่งนี้เคยมีผู้คน อาศัยอยู่ถึง 300,000 คน ซึ่งในขณะนั้นถือได้ว่าเป็นนครที่มีประชากรมาก ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก อาณาจักรแอ๊สเต็กซึ่งมีขนาดใหญ่โตสามารถปกครอง ผู้คนได้มากกว่าหนึ่งล้านคน แต่หลังจากที่กองเรือของพวกกองกิสตะดอร์ ที่นำโดย แอร์นัน คอร์เต๊ส ได้ขึ้นฝั่งที่เมืองเบราครูสในปี 1521 ดินแดนแห่งนี้ ก็ได้ถึงจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ จากบันทึกของผู้ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับคอร์เต็ส ได้บรรยายถึงการเดินทาง ครั้งที่พวกเขาเดินทางขึ้นมายืนอยู่บนยอดสุดของภูเขา แล้วมองลงไปยัง หุบเขาเบื้องล่างซึ่งเป็นที่ตั้งของนครเธนโนธิทลันที่ยิ่งใหญ่ของชาวแอ๊สเต็ก ว่าความงดงามของนครแห่งนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขาอย่าง หาสิ่งใดมาเปรียบมิได้ แต่หลังจากนั้นคอร์เต๊สและพวกทหารที่โหดเหี้ยม ละโมบโลภมากซึ่งพร้อมด้วยอาวุธยุทธโธปกรที่เหนือกว่าจากอีกโลกหนึ่ง ก็ได้ยัดเยียดเอาความปราชัยที่แสนโหดร้ายมามอบให้เจ้าของถิ่นฐานที่ เคยอยู่อาศัยกันอย่างสงบด้วยความเลวร้ายอันเหลือคณานับ ผมพยายามเดินสลัดความหดหู่จากเรื่องราวของผู้มาเยือนที่แสนโหดร้าย จากอีกซีกโลกให้ออกไปจากสมองให้มากที่สุด มองไปที่อาคารแห่ง ประวัติศาสตร์หลากหลายอาคารจากยุคอาณานิคมที่ยาวนานของ พวกสเปนที่รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณของพลาซ่าที่ยิ่งใหญ่ ที่วันนี้ต่าง ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยริ้วธงชาติอย่างวิจิตรบรรจงเพื่อจะเตรียมฉลอง วันชาติที่แสดงถึงความอิสระจากชนชาติอื่นที่พวกเขาได้มันกลับมาอีกครั้ง หลังจากต้องตรอมตรมจากเจ้าอาณานิคมมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ต่อจากนั้นผมก็ได้แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมอาคารและสถานที่อีกมากมาย อย่างไม่รู้เบื่อ ในบริเวณรอบๆ เซ็นโตรอิสโตริโก แวะร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านหนังสือที่เปี่ยมสเน่ห์ และแวะทานอาหารเม็กซิกันเลิศรสในร้านอาหารเล็กๆ ในซอกตึกที่ชาวพื้นเมืองของที่นี่นั่งกันอยู่เกือบๆ จะแน่นร้าน เวลาผ่านไปผมเดินเลยออกไปในย่านธุรกิจที่ไม่ไกลมากนัก สภาพอาคาร ของย่านนี้ทันสมัยและสะท้อนถึงเศรษฐกิจ และสามารถมองเห็นสัญลักษณ์ แห่งความเก่าแก่ปะปนกับความทันสมัยของอาคารระฟ้าและความเจริญ ที่รุดหน้าประเทศอื่นๆ ในลาตินอเมริกาไปมากพอสมควร
Music Playlist at MixPod.com |