Group Blog
 
All Blogs
 




 

โคะโทริจัง นกน้อยข้างหน้าต่าง


ถึง
ครอบครัวนกน้อยข้างบ้านที่รัก


ฉันไม่เคยนึกถึงการมีอยู่ของครอบครัวเธอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ก็เห็นแม่นกมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่ที่กระถางต้นโมกหน้าบ้าน
เห็นมีรังน้อยๆ อยู่บนยอดต้นไม





มองไปก็อดขำไม่ได้
เวลาสร้างรัง พวกเธอก็คงเลือกที่ที่ปลอดภัยที่สุดในความคิดของเธอ
อุตสาห์มาอยู่ชั้นสูงสุด เลือกต้นไม้ที่สูงสุดของชั้นนี้
แต่ต้นไม้ที่สูงสุดบนตึกชั้นที่สูงสุดของแถวนี้ มันสูงเท่าระดับสายตาของฉัน





ฉันไม่เคยสนใจอะไรเกี่ยวกับนกน้อยเลย
แต่เมื่อมาใกล้ชิดกันขนาดนี้ เป็นเพื่อนบ้านกันก็ต้องออกไปทักทายกันหน่อย





เปิดประตูออกไประเบียงบ้าน
เอากล้องติดมือ ออกไปเขย่งถ่ายรูปมา
เมื่อเห็นภาพที่ติดมาในกล้อง
ฉันสารภาพตามตรงว่า
ขนลุก ว่ะ
........






มันมีตัวอะไรดำๆ น่ากลัวๆ อยู่ในรัง
ประมาณเอาเองว่า มันคือลูกนก
มันตรงข้ามกับจินตนาการว่า ลูกนก มันต้องน่ารักอย่างที่เคยเห็นในรูปถ่าย





เห็นแค่นั้น ตอนแรกก็ถอดใจไม่ถ่ายต่อแล้ว
มันน่ากลัวมาก
เรียนตามตรงเลยนะเธอ




แต่ไอ้เสียงร้องจิ๊บๆ กับการที่พ่อนกบินไปแม่นกบินมา
ให้อาหารลูกนก ก็เรียกร้องความสนใจฉันอีกครั้ง
คุณพี่ที่นั่งดูลูกนกอยู่ด้วยกันก็บอกว่า
เป็นพ่อแม่นี่มันลำบากเนอะ
ลูกมันกินกันทั้งวันเลย
บินไปเที่ยวนึง ก็ได้หนอนมาตัวนึง
บินไปบินมากี่เที่ยวลูกถึงจะอิ่มกันนะ





ไปเขย่งถ่ายรูปมาอีกครั้ง
ลูกๆ ของเธอ ทำให้ฉันกินไก่ไม่ลง
ด้วยความสัตย์จริง!








แต่เราก็เป็นเพื่อนบ้านกันแล้วนะ
ดีใจจริงๆ ที่เราเป็นเพื่อนบ้านกัน


วันก่อนฉันงานยุ่งไม่ได้ออกไปเยี่ยมเธอ
พออีกวันออกไป
ลูกเธอก็ทำฉันตกใจอีกรอบ





ทำไมโตเร็วอย่างนี้เนี่ย!








ขนขึ้นเต็มตัวแล้วก็ดูดีเหมือนกันนะเรา





อ่ะ ดูไปดูมาเข้าขั้นน่ารักเลยแฮะ









อ่ะ หันมามองหน้ากันด้วย





แต่ฉันนึกไม่ถึงว่า นี่จะเป็นรูปสุดท้ายและครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน
ฉันทำงานหนักและไม่ได้อยู่บ้านแค่คืนเดียว ไม่ได้โผล่หน้าไปทักทายเธอ

เช้าวันนั้น
ฉันโผล่หน้าไปทักทายเธอ
แต่พบกับรังที่ว่างเปล่า

ฉันเข้าใจความรู้สึกของ จา พนม ในเรื่องต้มยำกุ้งขึ้นมาทันใด

นก กู อยู่ ไหน

แน่นอน

เธอไม่ใช่นกของฉัน
แต่ว่า

นก อยู่ ไหน

ฉันเศร้ามากนะ รู้หรือเปล่า

นึกไปถึงว่า มีใคร แอบมาเอาลูกนกไปทอดกรอบ
หรือเอาไปใส่กรง
คิดไปโน่น
แต่ก็คิดในแง่ดีว่า
ลูกเธอ โตเร็ว บินเป็นเร็ว และบินไปแล้ว
ฉันไม่ได้อยู่เห็นตอนลูกเธอหัดบิน

เศร้า

แต่ก็คิดได้ ว่านกเรา ก็ต้องมีทางบินเป็นของตัวเอง

แต่ก็ยังพยายามมองๆ นกที่บินมากินข้าวที่หน้าบ้านอยู่

จนวันนี้ ฉันเห็นเธอกับที่รักบินมาโฉบๆ ที่รัง
ก็ยังดีใจนิดนึง
แต่ว่า ว่างๆ พาลูกมาเยี่ยมกันบ้างนะ


รัก


จาก


ฉันเอง
เพื่อนบ้านผ่านกระจกของเธอ












Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 26 มีนาคม 2553 23:55:47 น.
Counter : 671 Pageviews.  




 

ท่องเที่ยวปักกิ่ง ยุค 2010

knun
Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 26 มีนาคม 2553 23:55:21 น.
Counter : 395 Pageviews.  




 

ที่มาของบทเพลง ดอยหลวงเชียงดาว วง บูรพา

“ร่วมประกวดภาพถ่ายประเพณีวันสงกรานต์ 2552 ”
Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 26 มีนาคม 2553 23:55:09 น.
Counter : 422 Pageviews.  




 

เจ้าชาย สีน้ำ หุบเขา และข้าวก่ำ (3)


 

ชื่อภาพ      อรุณไรที่ไร่ผาแดง
สถานที่ บ้านแม่ป๋าม ต.ปิงโค้ง  อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
เทคนิค        สีน้ำบนกระดาษ
ขนาด          ๒๔+๓๒ ซ.ม.
ภาพโดย    พิบูลศักดิ์  ละครพล 
 

 
 

 
 

 
  

ในบรรดาสัตว์ๆทั้งหลายในบ้านปีกไม้หุบผาแดง ผมต้องยกให้ ‘ข้าวก่ำ’ มันเป็นพระเอกของเรื่องเลยละ
เพราะแต่ละคนที่มาเยือนจะต้องเจอกับความซน ความซื่อ ความดื้อและความฉลาดของมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

แน่ละ มันชอบเล่นบทปล้ำแบบแรงๆ ด้วยความตัวใหญ่ล่ำของมัน หลายต่อหลายครั้งจึงถูกมันหยอกเย้าจนหน้าหงาย บ้างถูกมันงับท่อนแขนเล่น มันสนุกแต่เราเจ็บ หรือไม่จะเห็นมันชอบงับ หรือ อมหัวเจ้าเหมียวแมวลายเพื่อนต่างพันธุ์โชว์ให้เราดู เหมือนจะบอกทุกคนว่า- -เพราะรักดอกถึงหยอกงับ 

วันก่อน ผมเห็นข้าวก่ำแอบคาบกระดูกไปซ่อนไว้ในโพรงดินหน้าบ้าน มันใช้เท้าหน้าตะกุยดิน ขุดหลุม แล้วคาบกระดูกลงไป ใช้ปากดุนดินกลบไปมาสองสามที ก่อนมันจะลุกยืนหันซ้ายแลขวา เหมือนว่านี่คือขุมทรัพย์อันล้ำค่า คือหลุมความลับที่ไม่ต้องการให้ใครรู้เห็น ก่อนจะวิ่งมาป้วนเปี้ยน หยอกล้อเจ้าปีโป้ หมาน้อยอีกตัวหนึ่งดังเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้นพอได้จังหวะทีเผลอ มันกลับงับกระดูกไปจากปากปีโป้ไปแทะอย่างหน้าตาเฉย 

ผมยืนอยู่หน้าระเบียงเงียบๆ และเห็นความฉลาดแกมโกงของเจ้าข้าวก่ำ ซึ่งมักมีให้เห็นอยู่เนืองๆ และทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้ 

ถ้าคุณอยากรู้กิตติศัพท์ของเจ้าข้าวก่ำ  ลองอ่านงานที่พี่ปอน ‘พิบูลศักดิ์ ละครพล’ เขียนถึงในบางบทบางตอนดูสิ, 
 

 ...หมาแสนรู้ชื่อข้าวก่ำ เดินอาด ๆ ผ่านหัวข้าพเจ้าขึ้นไปปลุกเจ้าของบ้าน “ภู-ภู..”สาบาน, ข้าพเจ้าได้ยินสุนัขขานชื่อเจ้าของ พร้อมเคาะประตูห้องนอน  เมื่อวานเย็นก็ทีแล้ว มันช่วยเจ้าของคาบหัวปลีมาจากหุบไร่ วางไว้หน้าหม้อแกงเดือดปุด และเอ่ยเอื้อน “น่าอร่อย ๆ”

ข้าพเจ้าเย้าเจ้าของบ้านว่า  ถ้าหมาพูดได้มากกว่าจินตนาการ ชีวิตนายคงไม่ต้องกินแกงส้มหัวปลีใส่ปลากระป๋อง “ครับเจ้านาย สิ่งเดียวที่ผมทำไม่ได้คือการเป็นนักเขียน” เหมือนเจ้าข้าวก่ำจะรู้ว่าถูกนินทา มันจ้องหน้าข้าพเจ้าและพูด

พระเจ้า มันยกขาหน้าพาดราวระเบียงเบิ่งชมอรุณไรเลียนแบบเจ้าของ ข้าพเจ้าอดขำไม่ได้ ว่าที่ผู้จัดการสุนัขมนุษย์อุ่นเครื่องโชว์ทีวี เขาลงไปนอนบนเก้าอี้ไม้ สุนัขกระโดดขึ้นไปนอนหนุนตักออเซาะ เรียกเสียงหัวเราะจากข้าพเจ้า

บ้านปีกไม้ใต้ผาแดงมีสุนัขสองแมวหนึ่ง  หมาน้อยหน้ายุ่งสีกะปินั้นชื่อปีโป้ เป็นพันธุ์ปนเประหว่างชิสุกับพุดเดิ้ล ต่างจากเจ้าข้าวก่ำ ขนสีดำตัวน้องๆหมี  มีเชื้อผู้ดีอังกฤษนอกคอกลาบาดอร์และโกลเด้นท์ ส่วนเจ้าแมวพื้นเมืองชื่อเหมียว เชี่ยว-แสนรู้และกลมเกลียวกันดีหน้าขนสองตัว ยกเว้นกับนังปุกกี้ คู่สวาทของเจ้าข้าวก่ำ ถ้ามันข้ามมาให้ท่าข้าวก่ำเมื่อไหร่ นังเหมียวเป็นได้ขู่ฟ่อและฝากรอยเล็บไว้เป็นที่หมั่นไส้ออกบ่อย

น่าจะเป็นเหตุเข้าพระเข้านางนี้กระมัง เจ้าหมาปีโป้ตัวกะเปี๊ยกมีนิสัยพิลึก ชอบขึ้นขย่มนังเหมียว ราวกับว่ามันเป็นหมาหน้าตาเฉย

ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความมีชีวิต-ชีวา ของบ้านน้อยเชิงดอยผาแดงฯลฯ  

(พิบูลศักดิ์  ละครพล ‘ผาแดง แสงดาว และข้าวก่ำ’
คอลัมน์ผ่านตามาตรึงใจ, กรุงเทพธุรกิจ วันอาทิตย์ 24 ม.ค.2553)

 

ทุกเช้า ขณะผมเดินอ่อยข้าวให้ไก่บนลานดินหน้าบ้าน ไก่พันธุ์ไข่สีขาวตัวอวบอ้วนจะวิ่งมาก้มจิกกินอาหารอย่างสบายใจ เจ้าข้าวก่ำชอบเดินเข้าไปใกล้ฝูงไก่ ใช้จมูกฟุดฟิดๆ ดมๆ เหมือนจะหอมแก้มไก่เบาๆ ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่า สัตว์ทั้งหลายเมื่อมันเติบโตมาในสถานที่เดียวกัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมในแห่งหนเดียวกัน มันจะผูกพัน รักกัน และไม่ทำร้ายกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ซึ่งแตกต่างกับคนเรา... 

ข้าวก่ำ ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่มันเท่าตัวตุ่น เผลอผ่านไปเพียงขวบปีมันโตเท่าหมีดีๆ นั่นเอง แต่มันไม่เคยดุร้าย ทำร้ายใคร แต่มีบ้างที่หมาในหมู่บ้านชอบข่มและขู่มัน เวลาเดินลงดอยไปตามถนนในชุมชน เมื่อหมารุมทำร้ายมัน มันหันมาสู้ ขู่กรรโชกด้วยน้ำเสียงคำราม จนหมาบ้านต้องผงะถอยไม่เป็นขบวนเหมือนกัน 

เวลาผมไม่อยู่บ้าน เมื่อกลับมาทีไร มักได้ยินชาวบ้านเล่าขานถึงมันออกบ่อย...
“มันไปกำราบหมาเจ้าถิ่นละแวกสนามกีฬาหมู่บ้านจนอยู่หมัดแล้ว”

และหลายครั้ง  ที่มันยืนเอาขาหน้าเกาะขอบกระบะรถผม เมื่อขับเคลื่อนผ่านไปในชุมชน มันชอบเห่ายั่วล้อหมาชาวบ้านให้โกรธและวิ่งไล่ตามเห่ากันดังลั่นหัวซอยท้ายซอย เสียงเห่าของมันนั้นเหมือนจะบอกว่า แน่จริงก็วิ่งไล่สิโว้ย...หรือไม่คงบอกว่า เห่าอยู่บนรถ สบายกว่า ไม่ต้องเจ็บตัว ประมาณนั้น 

ผมชอบภาพข้าวก่ำ นั่งมองเขาเขียนรูปสีน้ำอยู่เงียบๆ  ใต้ร่มเงาไม้
และผมชอบภาพขณะเขากำลังเตรียมตัวออกเดินทางกลับในวันนั้น...

ข้าวก่ำเดินมาส่งถึงหน้าประตูรถ  นั่งมองเขาเงียบๆ ด้วยดวงตาละห้อยเหมือนอาลัยและบอกว่า...
“แล้วมาใหม่นะ”

 

Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 26 มีนาคม 2553 23:55:01 น.
Counter : 389 Pageviews.  




 

นาคปรก : เจตนาไม่รู้ แต่ผลลัพธ์แย่อยู่นะ อิอิ

Genre : Action/Drama

Director : ภวัติ พนังคศิริ

Actors : สมชาย เข็มกลัด, เร แมคโดนัลด์, ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์, ทราย เจริญปุระ, สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์

ตอนที่ผมได้ดูหนังตัวอย่างเรื่องนี้ ปฏิกิริยาแรกก็คือตาลุกวาวครับ เพราะดูเป็นหนังที่น่าสนใจมาก ถึงขนาดแอบหวังว่าหนังเรื่องนี้อาจจะเป็นหนัง Action/Drama สัญชาติไทยที่ดีเทียบชั้นกับที่ครั้งหนึ่งหนังเรื่อง “ต้องปล้น” ซึ่งนำแสดงโดยอำพล ลำพูน พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง และวรเชฐษ์ นิ่มสุวรรณ เคยทำได้ในยุค 80 หรือแม้แต่เคียงไหล่ไปกับ “เฉือน” ที่เป็น Suspense ไทยดีเด่นยุคนี้ จึงตั้งหน้าตั้งตารอดูมาหลายวัน จนในที่สุดก็ปลีกตัวไปดูในวันพุธตามประสาคนรักความประหยัด เพราะราคาเพียง 60 บาทเท่านั้น 555 แต่เมื่อดูจบก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่รอดูหนังเรื่องนี้ในราคา 60 บาท

นาคปรกว่าด้วยเรื่องของโจรสามคน ป่าน ปอ และสิงห์ ที่ปล้นเงินมาได้จำนวนหนึ่งแต่ไม่ทันได้แบ่งกันตำรวจก็ตามมาจนทั้งสามต้องแยกกัน ระหว่างที่หนีตำรวจอยู่นั่นเอง ปอดันทำกระเป๋าใส่เงินหล่นลงไปในหลุมในเขตก่อสร้างของวัดป่าล้อม โจรหนุ่มทั้งสามจึงรวมตัวกันกลับมาที่วัดซอมซ่อเพื่อเอาเงินที่ปอทำหล่นไว้ แต่เรื่องก็ยุ่งยากขึ้นเมื่อหลุมที่ปอทำเงินหล่นไว้โดนโบสถ์สร้างใหม่ทับไปซะแล้ว พวกเขาจึงต้องปลอมเป็นพระเพื่อหาทางขุดเงินที่อยู่ใต้โบสถ์ขึ้นมาให้ได้

บอกตามตรงตอนผมดูหนังตัวอย่างนี่ผมอยากดูมาก เพราะมีไม่บ่อยหรืออาจจะไม่มีเลยมั้งที่จะมีหนังเสียดสีวงการสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ยิ่งโฆษณาว่าถูกเซนเซอร์จนไม่ได้ฉายมา 3 ปียิ่งอยากดูใหญ่ว่าหนังมีประเด็นอะไรที่แรงได้มากขนาดนั้นหว่า? แต่เอาเข้าจริงหนังก็ไม่ได้แรงอย่างที่คิด ในทางกลับกัน ออกจะเบาบางและอ่อนแอด้วยซ้ำ

ยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นศาสนาเลยครับ เอาแค่ในทางหนังที่วางไว้เป็น Action/Drama ที่จริงจัง เข้มข้นนาคปรกก็สอบตกทันที แม้พล็อตและสถานการณ์ของหนังจะดูน่าสนุกมาก (เห็นได้จากหนังตัวอย่างที่น่าดูสุดๆ) แต่พอแตกออกมาแล้วกลับไม่สนุกจนแทบจะน่าเบื่อเลยทีเดียว เทียบไม่ได้กับหนังฝาแฝดคนละยุคอย่าง “ต้องปล้น” ที่ทั้งเข้มข้น จริงจัง และลุ้นสนุก แม้แต่นิด (หากใครเคยดูคงจำได้ว่าหนังต้องปล้นก็เป็นเรื่องของโจรสามคนที่ปล้นธนาคารแล้วหนีตำรวจที่ไล่ล่าเหมือนกัน แต่ต่างตรงใน “ต้องปล้น” โจรทั้งสามหนีขึ้นไปจนมุมอยู่บนคอนโดแห่งหนึ่ง) การเดินเรื่องเป็นไปอย่างอืดเอื่อย งง แถมใส่มุกตลกอย่างไม่ถูกกาละเทศะ ทำให้หนังหลงทางไปในท้ายที่สุด โชคยังดีที่มีการแสดงที่ดีของนักแสดงหลักทั้งสามบวกสาวทรายอีกหนึ่งให้ตามดู ไม่งั้นคงหลับไปตั้งแต่ยังไม่ครึ่งเรื่องดี เต๋าเหมาะกับบทคนเลวกลับใจแบบนี้มาก ส่วนเรนั้น แม้บทจะไม่มีอะไรเลยนอกจากให้เลวๆๆ เขาก็ยังไม่คิดมากและก็ทำได้สถุลถึงใจ ส่วนปิติศักดิ์ก็ทำเท่าที่บทจะอำนวยแล้ว ทั้งสามเล่นดีมาก

ทีนี้ก็มาถึงประเด็นศาสนาครับ คอนเซ็ปท์ในการโฆษณาของหนังเรื่องนี้ชัดเจน คือ “แรงและหมิ่นเหม่ที่จะลบหลู่พุทธศาสนา” โดยขายคำที่ว่า “แรงจนถูกดองมา 3 ปี” “ครบทุกฉาก ไม่มีตัด” และยังตามมาด้วยคำอธิบายคร่าวๆ ว่าอย่าเพิ่งด่าว่าเรื่องความรุนแรงต่างๆ ในหนัง เช่นภาพพระถือปืนหรือพระอยู่กับสีกา เพราะทั้งหมดนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเชิดชูพระศาสนา

กับผมแล้ว ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ลบหลู่พระศาสนาจริงครับ แต่ไม่ได้ลบหลู่เพราะภาพพระถือปืน พระถูกปืนจ่อหัว หรือพระปิดห้องอยู่กับสีกาอะไรนั่นหรอกนะครับ เพราะสำหรับผมหรือใครที่เคยดูหนังรุนแรงอย่างหนัง Cult ทั้งหลายหรือหนังที่มีประเด็นหมิ่นเหม่ทางวัฒนธรรมความเชื่ออื่น ไม่ว่าจะเป็นบรรดาหนังก่อการร้ายที่ลบหลู่ศาสนาอิสลามตรงๆ หรือแม้แต่ The Passion Of The Christ ที่หมิ่นเหม่ต่อผู้นับถือมากกว่านาคปรกหลายขุมแล้ว ภาพในหนังนาคปรกก็เป็นเพียงแค่ของเด็กเล่นเท่านั้นเอง

ดังนั้นการลบหลู่พระศาสนาจึงไม่ได้เกิดจากภาพเด็กเล่นเหล่านั้น แต่อยู่ที่ “แก่น” ของหนังที่นอกจากคนทำหนังจะไม่เข้าใจพระศาสนาแล้ว หนำซ้ำยังจะพาคนดูที่ความรู้เรื่องพุทธไม่แข็งแรงออกทะเลไปด้วยกันอีกต่างหาก

(ต่อจากนี้อาจมีสปอยล์เล็กน้อยและต่อว่ามากเป็นพิเศษครับ) นาคปรกดูจะพยายามตั้งคำถามว่าพระศาสนาจะขัดเกลาคนเลวให้เป็นคนดีได้มั้ย โดยพล็อตให้มีคนเลวหนีเข้าวัดแล้วตอนจบก็จะกลายเป็นคนดี ตามพล็อตแบบนี้โจรจะกลับใจได้ก็ด้วยการได้สัมผัสความดีงามอีกด้านจากพระ ซึ่งพวกเขาที่อยู่ในสังคมเลวไม่เคยพบเจอ แต่จากที่ผมได้ดูก็ต้องบอกว่า พระในหนังไม่ได้เกี่ยวข้องหรือช่วยเหลืออะไรพวกโจรอะไรเลย

ซึ่งก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก เพราะคนสร้างจงใจให้พระวัดป่าล้อมทั้งหมดดูโง่ ขี้กลัว ขี้โมโห อ่อนต่อโลกทั้งสิ้น ไม่ได้สอนอะไรโจรทั้งสามเลย เห็นสอนก็ย้ำอยู่แต่เรื่อง “บัวสี่เหล่า” ซึ่งเป็นเพียงคำสอนเล็กๆ ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ยังมีที่สำคัญกว่านี้อีกมากกกก ก็อาจจะคิดเข้าข้างคนทำหนังไปได้ว่า เขาอาจจะพยายามสื่อเรื่องตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ซึ่งเป็นอีกคำสอนหนึ่งของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าจะสื่อเรื่องนั้น ก็ไม่เห็นต้องเสี่ยงเซทฉากหลังเป็นวัดมาล่อเป้ากองเซนเซอร์เลย อีกอย่าง หากพระสอนแต่เรื่องบัวสี่เหล่านี้แบบนี้ มันจะเปลี่ยนโจรเลวๆ ให้กลับใจได้ยังไงเล่า อย่างนี้กลุ่มโจรอำพล พงษ์พัฒน์ในหนัง “ต้องปล้น” หนีขึ้นคอนโดไปยังได้แง่มุมดีๆ กว่ากลุ่มโจรเต๋า เรที่หนีเข้าวัดเสียอีก 555

อย่างที่บอก ในหนังไม่มีพระดีๆ ให้เห็นเลย พระในวัดป่าล้อมทั้งหมดดูโง่ ขี้กลัว ขี้โมโห อ่อนต่อโลกทั้งสิ้น ไม่ตรงกับภาพของพระศาสดาที่เป็น “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” หรือ “ผู้ชนะโลก” เลยสักนิด จริงอยู่แม้สถาบันสงฆ์ปัจจุบันจะมี "พระไม่ดี" อยู่มาก แต่ก็มี "พระดี" มากกว่าเสมอ ทำไมคนสร้างไม่คิดจะฉายภาพของพระดีที่เข้าถึงพุทธรรมออกมาบาลานซ์บ้างหนอ ก็เข้าใจว่าคนทำหนังคงพยายามให้คนดูเห็นภาพพระที่ไม่ดีเพื่อสะท้อนความดีตามภาษาหนัง แต่ผมว่าหากใส่พระดีๆ เข้าไปสักรูปนอกจากจะเชิดชูพระศาสนาอย่างที่คุยไว้ มันยังน่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของตัวละครและทำให้หนังลงตัวกว่านี้เยอะเลย

ที่หนักคือ ฉากสำคัญในช่วงท้ายหลายฉากอาจทำให้คนที่มีความรู้ในศาสนาไม่แข็งแรงเข้าใจศาสนาพุทธผิดอย่างรุนแรง เช่น ฉากการฆ่าตัวตายของใครบางคนที่อาจทำให้เข้าใจคำว่า “หลุดพ้น” ในทางพุทธผิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ หรือฉากที่พยายามสื่อให้เห็นถึงข้อห้ามในอริยวินัยก็ทำออกมาจนกฏเหล่านั้นดูตื้นเขิน ไร้สาระ และไร้ใจซะเหลือเกิน

 

สรุปแล้ว ผมเข้าใจนะครับว่าคนทำหนังพยายามสะท้อนภาพลบของคนเลวที่เอาศาสนามาบังหน้า จึงทำให้ตัวละครหลักทั้งหลายเลวสุดๆ ซึ่งนั่นก็สะท้อนได้ดีมากทีเดียว และการหมิ่นศาสนาก็ไม่ได้มาจากจุดนั้น แต่ด้วยภาพวัดป่าล้อมอันโกโรโกโส ชีวิตพระอันไม่น่าอภิรมย์ใดๆ สักนิด บวกกับบรรดาพระลูกวัดตัวรองๆ (นอกจากหลวงพ่อชื่น) ที่ไม่ได้ทำหน้าที่สะท้อนความเลวอย่างตัวละครหลัก ซึ่งตัวละครเหล่านี้น่าจะสะท้อนภาพ "พระน้ำดี" เพื่อสะท้อนพระเลวให้ชัดชึ้น แต่กลายเป็นว่าพระน้ำดีในเรื่องกลับถูกจังหวะและภาษาภาพพลิกให้เป็นตัวตลกที่ล้วนขี้กลัว อ่อนต่อโลก และดูน่าสงสารยิ่งกว่าโจรไปซะ สิ่งที่พลาดเหล่านี้ทำให้ผมต้องย้อนกลับมาดูที่คนสร้างบอกว่าทำหนังเรื่องนี้เพื่อส่งเสริมเชิดชูพระศาสนาอีกครั้งว่า มันเชิดชูจริงหรือ เมื่อดูจบ ผมกับพี่ที่ไปดูด้วยกันยังตั้งคำถามเลยว่า “แล้วศาสนาพุทธนี่ดียังไงหว่า?” “การบวชเป็นพระมันไม่ได้ช่วยขัดเกลาคนเลยเหรอ?” ฯลฯ ก็เลยต้องตั้งคำถามไปยังคนทำหนังว่า “ตกลงหนังเรื่องนี้ส่งเสริมเชิดชูพระศาสนายังไง?” เพราะเมื่อผมดูจบแล้ว ไม่เห็นด้านดีของศาสนาพุทธสะท้อนออกมาจากหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ

แน่นอน “พุทธรรม” คำสอนของพระพุทธเจ้า รวมทั้งคำสอนของศาสดาในทุกศาสนานั้น มากมายและครอบคลุมไปทั่ว ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ยันเรื่องใหญ่ๆ เป็นสิทธิ์ของคนทำหนังที่จะหยิบจุดไหนมาสร้างก็ได้ ซึ่งจุดไหนก็สำคัญทั้งสิ้น แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจได้ ขนาดพระเทศน์ตรงๆ กันทั้งประเทศ ยังหาคนที่ซึมซับไปได้น้อยเลย อย่าว่าแต่นาคปรกใช้วิธีแสดงด้านลบเพื่อสะท้อนให้เห็นด้านดีก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ และในที่นี้บอกได้ว่าผู้สร้างเอาไม่อยู่

สิ่งที่ควรคิดก็คือ ไม่ว่าจะทำหนังแบบแสดงด้านลบฆ่ากันเป็นเบือ หรือแสดงด้านดีพระเอกบวชแล้วมีความสุขจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งก็ตาม หนังควรสะท้อนความสวยงามหรือคุณค่าบางอย่างของ “พระ” และ “ธรรม” ในศาสนาพุทธออกมา เหมือนที่ Mel Gibson สื่อแก่นคริสต์เรื่อง "ความรัก" ออกมาจากหนังที่ทรมานเลือดสาดกันทั้งเรื่องอย่าง The Passion Of The Christ ได้ชนิดเหลือเชื่อ แต่หากทำไม่ได้ “ส่งเสริมเชิดชูศาสนา” อาจพลิกเป็น “หมิ่นศาสนา” ได้โดยไม่รู้ตัว

เป็นข้อบกพร่องของตัวบท? วิธีการเล่าเรื่องผิดพลาด? เข้าใจพระศาสนาคลาดเคลื่อน? หรือเพียงเอากระแสต่อต้านการเซนเซอร์และพระศาสนามายำเพื่อขายของเท่านั้น? ตัวคนทำเท่านั้นที่ตอบได้ และหากเป็นอย่างหลังสุดผมว่ามันออกจะบาปกรรมอยู่นะ อิอิ

Create Date : 26 มีนาคม 2553    
Last Update : 26 มีนาคม 2553 23:54:53 น.
Counter : 803 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  116  

boyberm
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




boyberm
Friends' blogs
[Add boyberm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.