ในที่สุดการเจรจาระหว่างรัฐบาลนำโดยนายกอภิสิทธิ์และ นปช นำโดยนายวีระ ก็จบลงโดยที่สื่อให้ความหมายว่าคล่ำโต๊ะเจรจา ซึ่งสื่อไปถึงว่าไม่สามารถที่จะจบลงได้ทั้งสองฝ่าย เงื่อนไขยุบสภา = ยอมรับทั้งสองฝ่าย เงื่อนไขระยะเวลา = ไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะฉนั้นมันก็เลยเป็นปัญหาที่เงื่อนไขระยะเวลา ทางฝ่ายรัฐบาลต้องการอย่างน้อย 9 เดือน ฝ่าย นปช ต้องการภาคใน 15 วัน ซึ่งต่างกันพอสมควร แต่ถ้าหากประเมินจากบรรยากาศของการเจรจาถือว่าราบรื่นพอสมควร มีหลุดบ้างก็เพราะอารมณ์ของคนเรานั้นเอง เมื่อมีครั้งที่ 1,2แล้ว คล่ำการเจรจาลงกลางคัน ไม่สามารถที่จะหาจุดจบหรือว่าจุดที่ของเอ๋ยได้ทั้งสองฝ่าย เลยมีคำถามที่คาใจของประชาชนอยู่ว่าจะมีครั้งที่ 3 อีกหรือไม่ ??? หากเรากลับไปถามฝั่งรัฐบาล จะได้รับคำตอบทันทีว่าต้องการมีการเจรจาอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 พร้อมเปิดกว้างตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว แต่ถ้าหากเรากลับไปถามฝ่าย นปช ก็รู้อยู่แล้วว่าแดงตัวพ่อ อย่าง ทักษิณ ประกาศออกมาอย่างชัดเจนเมื่อคืนว่า ต้องใส่รองเท้าคอนเวิดล์ ตัวใครตัวมันแล้ว รวมทังคำประกาศของแกนนำเสื้อแดงที่จะไม่ยอมเจรจาอีกต่อไปและจะยกระดับการชุมนุมขึ้น ยกระดับการชุมนุมขึ้นหมายความว่าอย่างไร นั้นหมายถึงอาจจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม หรือ ว่าอาจจะถึงขั้นที่จะแตกหักกับรัฐบาล ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับแกนนำเสื้อแดงและ แดงตัวพ่อ แต่ว่ายังมีปัจจัยหลายประการที่จะทำให้เสื้อแดงหันกลับมาเจรจาอีกรอบ ปัจจัยแรก จำนวนผู้มาชุมนุม ที่เริ่มลดน้อยลงทุกขณะ และกำลังเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นที่แน่นอนผู้ชุมนุมจำเป็นต้องทยอยกลับบ้านตามประเพณี ปัจจัยที่สอง การดิ้นร้นของแดงตัวพ่อ ที่กำลังประสบปัญหากับการอพยพถิ่นฐานเพราะบางประเทศไม่ต้องการให้ใช้ประเทศของตนโจมตีประเทศไทย กำลังกลับกลายเป็นเจ้าไม่มีศาล นกเร่รอนไร้ถิ่นฐานอยู่ตอนนี้ ปัจจัยที่สาม สามเกลอแกนนำเสื้อแดง กำลังออกอาการที่เรียกว่าหาทางลงให้ตัวเอง ถ้าขืนสู้เอาตายดาบหน้ามีหวังติดคุกหัวโต ซึ่งจุดนี้เองสามเกลอคิดอยู่ว่าได้ไม่คุ้มเสีย ปัจจัยที่สี่ แกนนำเสื้อแดงกำลังหลอกแดงตัวพ่อ กำลังเล่นละครหลอกตัวเอง สร้างภาพว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่มาชุมนุมมาด้วยใจรัก ทักษิณ และคนกรุงเทพพร้อมที่จะสนับสนุน แต่ที่ใหนได้ใช้เงินชื้อทั้งนั้น อีกทั้งสร้างภาพหลอกกันเอง ซื้อดอกไม้แจกจ่ายจ้างคนมาเชียร์แบบออกหน้าออกตา แต่ที่จริงแล้วเงินมาคนมาเงินหมดคนหายและที่สำคัญเจอะแรงต่อต้านจากกรุงเทพฯ ปัจจัยสุดท้าย การทะเลาะกันเองของแกนนำเสื้อแดงเมื่องานเลี้ยงใกล้จะเลิกลาแต่ว่าแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัว มีการชักหัวคิวกันมั่ว ผลสุดท้ายตัวใครตัวมันสลายไปเอง ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวที่จะทำให้ แดงตัวพ่อ ต้องหันมาตัดสินใจใหม่อีกครั้งว่าจะเดินหน้าหรือจะหยุดอยู่ที่การเจรจา เพราะถ้าหากว่าก่อนโดนคำพิพากษาจะเห็นว่าแดงตัวพ่อ ต้องการที่จะเจรจาตลอดแต่ว่าไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล ถ้าหากเดินหน้าต้องจ่ายน้ำเลี้ยงเพิ่มโอกาสที่จะชนะแทบจะไม่มี แต่ถ้าหากหยุดเพียงเท่านี้ หยุดจ่ายน้ำเลี้ยงต่อรองเรื่องระยะเวลากับรัฐบาล หันไปเอาเวทีในสภา เก็บนำเลี้ยงไปใว้ตอนเลือกตั้งผลประโยชน์จะเกิดขึ้นมากกว่า คนอย่างแดงตัวพ่อ สมองมีแต่ผลประโยชน์ ประกอบกับปัจจัยต่างๆที่คลางแคลงใจอยู่ และหากได้รับแรงสนับสนุนจากสามเกลอในเรื่องการเจรจา จึงน่าจะมีการเจรจารอบที่ 3 เกิดขึ้นนั้นเอง
ขอบคุณภาพจาก nationgroup |