Group Blog
 
All Blogs
 



เมื่อโรงหนังสกาล่ากลายเป็นแหล่งมั่วสุมทางความคิด

เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมงาน Creativities Unfold 2010 ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปีของ TCDC (ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ) ที่โรงหนังสกาล่า สยามสแควร์ครับ

 เนื้อหาสัมมนาของปีนี้คือ “Play : From Passion to Business ทำเป็นเล่น เห็นเงินล้าน”  จะเห็นโลโก้คำว่า PLAY ใหญ่เบ้อเริ่มหน้าโรงหนัง  บังเอิญว่า อ.ธัญญา ผลอนันต์เพิ่งไปพูดในงาน Go Training Live Talk ครั้งที่ 2 เรื่อง Play เช่นกัน แสดงว่ากระแสเรื่องการเล่นหรือ Play กำลังมาแรง

 

 อ.ธัญญา ผลอนันต์ สุดยอดกูรูด้าน Mind Map ของเมืองไทยก็มาฟังด้วยครับ

  

 ที่ข้างหน้าโรงหนังมีผ้าคลุมรถสีสันสดใส 

  

 งานนี้เป็นการสัมมนาโดยขุนพลทางความคิด นักคิด นักออกแบบ นวัตกร มาบอกเล่าขานเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยจัดทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมได้เข้าร่วม เพราะคุณจรินทร์ทิพย์หรือคุณปุ๋ม นักวิจัยแห่ง TCDC ได้กรุณามอบบัตรงานนี้ให้แก่ผมตอนที่ผมไปพูดในงาน IgniteBKK   ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

 

 

งานมีสองวันคือ เสาร์ที่ 20 และ อาทิตย์ที่ 21 มีนาคม บัตร 1 วันราคา 900 บาท แต่ถ้าซื้อบัตรร่วมงานทั้งสองวัน จะราคา 1,500 บาท ซึ่งหลังจากที่ผมได้เข้าร่วมงานทั้งสองวันแล้ว อยากบอกว่าถึงจะจ่ายเงิน 1,500 บาทก็คุ้มสุดคุ้มมากครับ  นอกจากนี้ TCDC ยังได้จัดโปรแกรมสำหรับนักศึกษา โดยมอบบัตรฟรีให้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ มาร่วมงานด้วย ซึ่ง TCDC ได้มอบบัตรฟรีแก่นิสิตจุฬาฯ 10 ใบ ด้วยครับ ผมจึงชวนลูกศิษย์ของผมให้มาร่วมงานด้วย

 

ลูกศิษย์สาวล้อเลียนอาจารย์

 

ที่โรงหนังชั้น 1 ได้จัดนิทรรศการ Baht & Brains  

นิทรรศการ Baht & Brains ได้สัมภาษณ์ผมในวิชา Innovative Thinking  และเปิดวิดีโอการสอนในวิชาผม พร้อมกับลูก juggling สำหรับผู้ดูที่อยากหัดโยนไปด้วย

 

  ภาพนี้ถ่ายกับอวตาร (รูปประจำตัวตนเอง) ในผ้าโฆษณา Baht & Brains

 

ที่ป้ายฉายภาพยนตร์ ตอนนี้แสดงรายชื่อและข้อมูลของวิทยากรทั้งหมด

 

 

เดินขึ้นไปชั้นสอง คนมากมายเต็มไปหมด ผมไปถึงเวลาประมาณ 10.50 น. แต่งานเริ่มเวลา 11 น.ครับ ผมประหลาดใจกึ่งดีใจที่พบว่ามีคนมาร่วมงานนี้อย่างล้นหลาม เพราะตอนแรกผมคิดว่าหลายคนอาจไม่อยากมา เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงได้ออกตระเวณทั่วกรุงในวันนั้น ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งถึงกับเปลี่ยนใจไม่มางาน เพราะกลัวจะออกมาไม่ได้  ผมไม่ได้เห็นโรงหนังสกาล่ามีคนเต็มโรงอย่างนี้มานานแล้วครับ สมัยนี้ไปดูหนังที่สกาล่าทีไร เสียวทุกครั้งว่าจะยกเลิกฉายหนังหรือเปล่า เพราะคนค่อนข้างโหรงเหรง นึกถึงสมัยผมเรียนปริญญาตรี 20 ปีก่อน  เวลามาดูหนังที่สกาล่าทีไร จะมี “ผี” ขายตั๋วทุกครั้ง เพราะคนดูเยอะมาก

 

กำลังต่อแถวเข้าในงาน 

พิธีกรสาวสวยในงานผู้มากความสามารถ ขออภัยที่ไม่ทราบชื่อจริงครับ  

 

วิทยากรท่านแรกคือ คุณคาร่า จอห์นสัน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุแห่งบริษัท IDEO  ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านการออกแบบระดับโลก ในวิชา Innovative Thinking ที่ผมสอน ผมจะเปิดวิดีโอการทำงานของบริษัท IDEO ให้นิสิตดูด้วย ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นที่จะได้พบคนจากบริษัท IDEO มาพูดให้ฟัง  เธอพูดถึงหนังสือของเธอชื่อ “I Miss My Pencil (ฉันคิดถึงดินสอ) และเล่าเรื่องการทดลองกับงานออกแบบต่างๆ ให้ฟังครับ เช่น แอร์ที่ปรับอุณหภูมิด้วยการเป่าลมใส่ตัวเซนเซอร์ เป็นต้น

 ผมถามเธอว่าทำไมตั้งชื่อหนังสือว่า “ฉันคิดถึงดินสอ” เธอตอบว่า สมัยนี้คนส่วนใหญ่เริ่มต้นออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ ไม่ค่อยเริ่มจากการเขียนด้วยดินสอหรือวัสดุต่างๆ เธอจึงนึกถึงสมัยก่อนที่ใช้ดินสอเป็นตัวเริ่มต้นในการออกแบบครับ 

 

คุณคาร่าพูดเสร็จเกือบบ่ายโมง ก็หยุดพักรับประทานอาหารกลางวันหนึ่งชั่วโมง เริ่มอีกทีตอนบ่ายสอง การหาอาหารรับประทานที่สยามสแควร์เป็นเรื่องที่ไม่ต้องกังวลเลย จริงไหมครับ เพราะมีร้านอาหารมากมายในละแวกนั้น หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ผมก็ขึ้นมาเตร็ดเตร่ที่หน้าโรงหนัง เพราะห้องยังไม่เปิด แต่เอ๊ะ นั่นหุ่นยนตร์นี่น่า !!!

  

วิทยากรท่านที่สองในวันนี้คือ คุณเฉลิมพล ปุณโณทก CEO แห่งบริษัท CT Asia Robotics  ซึ่งผมเคยฟังคุณเฉลิมพลบรรยายในงาน Go Training  Live Talk ครั้งที่ 1 ปีที่แล้ว คุณเฉลิมพลมีแนวคิดที่น่าสนใจมากครับ และคำพูดก็ “โดน” ทั้งนั้น เช่น คุณเฉลิมพลบอกว่า มีนักศึกษาไทยหลายคนที่อยากมีเจ้านายเป็นฝรั่งเพราะอยากฝึกภาษาอังกฤษ แต่ทำไมไม่คิดอยากมีลูกน้องเป็นฝรั่งบ้าง

 

Passion หรือความหลงใหลของคุณเฉลิมพลคือ อยากสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยครับ คุณเฉลิมพลได้ทำบริษัทขายซอฟต์แวร์ Call Center ซึ่งมีชื่อเสียงมาก และตอนนี้เริ่มทำบริษัทด้านหุ่นยนตร์ โดยได้สร้างหุ่นยนตร์ชื่อ “ดินสอ” โดยได้รวบรวมทีมนักศึกษาที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันหุ่นยนตร์ในที่ต่างๆ มาร่วมกันสร้าง

 

คุณเฉลิมพลบอกว่า หุ่นยนตร์ดินสอใช้งบในการสร้างประมาณ 1 ล้านบาท โดยได้ใส่อารมณ์สีหน้าไปด้วย “ดินสอ” จะอารมณ์ดีตลอดเวลาครับ แถมใส่มุขแบบไทยๆ เช่น ทำหน้าแพนด้า หรือแสดงอารมณ์ต่างๆ ได้ด้วย ซึ่งหุ่นอาซิโมของญี่ปุ่นทำไม่ได้  เพราะอาซิโมจะหน้ามืดตลอดเวลาครับ

คุณเฉลิมพลให้ข้อคิดว่า อย่าทำอะไรที่ง่ายๆ หรือทำเหมือนกับคนอื่น เช่น ใครๆ ก็อยากมีร้านกาแฟเล็กๆ ก็เลยมีร้านกาแฟเต็มบ้านเต็มเมือง และแข่งขันกันเองจนแทบอยู่ไม่รอด แต่ถ้าเราทำเรื่องยากๆ ที่ไม่มีใครทำ เราจะเป็นผู้นำตลาดด้านนั้น  

  

สาเหตุที่ตั้งชื่อว่า “ดินสอ” เพราะฟังดูเป็นไทย ๆ และดินสอเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ง่าย เราคุ้นเคยดีอยู่แล้ว  คุณเฉลิมพลบอกว่า วิสัยทัศน์ตอนนี้คือ อีก 20 ปีข้างหน้า 1 บ้าน 1 หุ่นยนตร์ครับ เหมือนกับที่บิล เกตส์เคยตั้งวิสัยทัศน์ว่า 1 บ้าน 1 พีซี  ตอนนี้สุกี้เอ็มเคได้สั่งซื้อดินสอไปแล้ว 4 ตัวครับ

 คุณเฉลิมพลทิ้งท้ายว่า ขอให้พวกเราหาเวลาในการวางแผนเพื่ออนาคตหรือทำ Future Thinking ด้วย เพราะส่วนใหญ่เราง่วนกับปัญหาในปัจจุบัน จนไม่ได้คิดวางแผนสำหรับอนาคต และคนไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ตามที่ดี ดังนั้นจงหัดเป็นผู้นำ  อีกทั้งคนไทยเก่งๆ มีเยอะ แต่เรายังขาดศิลปะการบริหารคนเก่ง (เหมือนกับวาทยกร) ที่ประสานคนเก่งให้ทำงานด้วยกันได้ ถ้าใครสนใจด้านหุ่นยนตร์ เข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.ctasia-robotics.com ครับ    

 

วิทยากรท่านที่สามคือ คุณวินัย ฉัยรักษ์พงศ์ ซึ่งเป็นนักออกแบบนิทรรศการและ event ต่างๆ มากมาย รวมทั้งนิทรรศการของ TCDC ด้วยครับ  นิทรรศการหนึ่งที่คุณวินัยพูดถึงคือ การนำอาหารมาจัดในนิทรรศการ แล้วปล่อยให้ค่อยๆ บูดเน่า เช่น แอปเปิลเน่าจะมีหนอน ฟังดูน่าขยะแขยง ใช่ไหมครับ แต่คุณวินัยก็มีวิธีในการจัดแสดงงานให้น่าสนใจและดึงดูดครับ เว็บไซต์ของคุณวินัยคือ www.bugstudio.com

 

วิทยากรท่านสุดท้ายคือ คุณคริส แบงเกิล (Chris Bangle) อดีตผู้อำนวยการออกแบบรถยนตร์ของ BMW  คุณคริสมีลูกเล่นและมุขแพรวพราวมาก  ทีเด็ดหนึ่งที่คุณคริสนำมาโชว์คือ การออกแบบรถยนตร์ต้นแบบที่ใช้ผ้าเป็นวัสดุ ชื่อ GINA BMW  สามารถดูได้ใน youtube ที่นี่ครับ

 

 

คุณคริสฝากข้อคิดสามข้อว่า จงตั้งคำถามท้าทายทุกอย่าง (challenge everything)  คำนึงถีงวัฒนธรรม (culture counts)  และ จงกล้าลงมือทำ โดยอ่านเป็นภาษาไทยให้ฟังเลย

 

งานเลิกประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ ผมกลับบ้านพร้อมกลับความรู้และแรงบันดาลใจที่เต็มอิ่ม และลุ้นว่า วันอาทิตย์จะได้ฟังอะไรดีๆ อีกบ้างครับ

Create Date : 25 มีนาคม 2553
Last Update : 25 มีนาคม 2553 23:49:05 น. 0 comments
Counter : 652 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

boyberm
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




boyberm
Friends' blogs
[Add boyberm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.