Group Blog
 
All Blogs
 



เหตุเกิด!ที่บ้านเจ้าพระยา

เหตุเกิดที่บ้านเจ้าพระยา !

 

  “มันเป็นกิจวัตรไปแล้วสำหรับพนักงานที่นี่ว่าทุกเที่ยงพวกเขาจะถือถ้วยถือจานมาคนละใบยืนต่อคิวกันที่ลานหน้าออฟฟิศมารับข้าวที่เหล่ามวลชนพันธมิตรฯมาตั้งครัวเลี้ยงกันที่เอเอสทีวี”ตุลย์ ศิริกุลย์พิพัฒน์ นักข่าวอาวุโส ซึ่งเป็นที่เคารพของน้องๆในวงการ บอกพลางชี้มือไปที่แถวยาวเหยียดตรงหน้าเรา

          หนุ่มสาวแขวนบัตรพนักงานเอเอสทีวียืนต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบ บ้างก็คุยหยอกล้อเล่นกันสนุกสนาน เบื้องหน้าคือหม้อสแตนเลสใบเบ้อเริ่ม มีแม่ครัว  3-4 คน แต่ละคนคาดผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ๋อย กำลังตักข้าว ตักแกง อย่างทะมัดทะแมง มือคดข้าว ปากก็ ตะโกนถามผู้ที่ถือถ้วยอยู่ตรงหน้า

“จะเอาอะไรดีอีหนู”

“ ข้าวราดแกงค่ะป้า” 

ถ้วยชามคืออาวุธประจำกายของคนที่นี่

บทสนทนาที่เป็นกันเอง ยิ่งทำให้ผมสนใจวิถีชีวิตของคนที่นี่มากขึ้นอีกหลายเท่า

เหลือบไปดูด้านหลัง แม่ครัวอีก 2 คน  กำลังตอกไข่นับร้อยๆฟอง  ทอดไข่เจียวนับร้อยๆใบในกะทะใบยักษ์ไม่สนใจว่าราคามันแพงขนาดไหนในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์

          “พวกเราอยู่กันอย่างนี้ มีก็กินด้วยกันอดก็อดด้วยกัน คนที่มาช่วยเขามีน้ำใจเห็นว่าเอเอสทีวีทำงานเพื่อประชาชน ก็อยากสนับสนุน เราทำเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าทำงานสื่อไม่ต้องนายทุนเราก็อยู่ได้ ถ้าเราทำข่าวเพื่อประชาชน ก็จะมีประชาชนให้การสนับสนุน เราอยู่ได้เพราะแรงศรัทธา”  

          ตรงกับที่ “สุรวิชช์ วีรวรรณ” บก.บห.เอเอสทีวี  บอกว่า “รายได้หลักของเอเอสทีวีมาจากสินค้าของพี่น้องพันธมิตรฯ โดยเฉพาะปุ๋ยของลุงจำลองขายดีมาก  

          ผมยืนดูบรรยากาศอันอบอุ่นซักพักก็มีเสียงจากหลังครัวตะโกนโหวกเหวก “อ้าวเถียร มาทำอะไร”พี่หญิง อัมพา สันติเมทนีดล แต่ก่อนออยู่บางกอกโพสต์ เดี๋ยวนี้มาทำงานที่เอเอสทีวีเต็มตัว

          “อ๋อ มาช่วยเพื่อนสัมภาษณ์ทำวิทยานิพนธ์เรื่องพันธมิตรหน่ะครับ”

          อารมณ์พี่หญิงดีใจเหลือกำลังที่ได้เจอผม เพราะรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอกันซะนาน จนจำไม่ได้ว่าเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เคยเจอพี่หญิงอยู่ในจอสีเหลือง แต่อย่างว่ามันก็ทักทายกันไม่ได้

          “มาๆๆชั้นจะพาเธอไปดู” พี่หญิงดึงแขนผมเดินไปรอบๆโรงครัว เห็นบนโต๊ะมีกล่องรับบริจาคสีเหลืองแปร๊ดใบหนึ่งเขียนว่า “บริจาค ทำอาหารเลี้ยงพันธมิตรและพนักงานASTV ขอบคุณครับ”

          “นี่เธอรู้มั้ย คนที่มาทำอาหารให้พวกเรา แต่ละคนมีสตางค์ทั้งนั้น เป็นเจ้าของร้านใหญ่โต แต่เธอดูสิต้องมานั่งตักข้าว มาหั่นผัก เพราะเขาอยากให้พวกเราทำข่าวอย่างอิสระไม่ต้องถูกนายทุนครอบงำ”

          พี่หญิง ครูนักข่าวคนแรกๆของผม

พี่หญิงยังเล่าไม่ทันจบ “โสภณ องค์การ” คอลัมนิสต์และพิธีกรแนว"ฮาร์ดคอร์" ก็เรียกให้หันไปดูชายวัยกลางคน ผิวขาวจั๊วะแบบอาเสี่ยกำลังยืนตักน้ำหมูแดงราดข้าวอยู่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

          “คนพวกนี้บางคนรวยเป็นล้าน เขาจะอยู่บ้านนอนนับเงินสบายๆก็ได้ แต่ก็ไม่ทำ ดูสิมาทำกับข้าวให้เรา อย่างปลาตัวนี้กิโลนึงหลายร้อย พวกเราไม่ต้องออกซักบาท”พี่โสภณ ชี้ให้ดูปลาทอดร่างอวบอิ่มที่นอนอวดโฉมบนจานกระเบื้องรอให้พนักงานเอเอสทีวี จ้วงแทงอย่างเฉยเมย 

          ผมยืนฟังคนเอเอสทีวีให้ข้อมูลอย่างเร้าใจ กลางแดดเปรี้ยง หันไปดูในมือมีคั่วไก่หอมฉุยมาอยู่ได้ยังไงไม่รู้ แต่รสชาติอร่อยชะมัด

เฮียคนนี้ที่ "พี่โสภณ" พูดถึง    

    พี่ๆที่เอเอสทีวี คงเห็นผมยืนกินเก้ๆกังๆ  เลยชวนมานั่งกินบนโต๊ะแบบเป็นเรื่องเป็นราว น้ำชามะนาวเย็นมาเสิร์ฟแบบไม่รู้ตัว  เรื่องราวที่คุยก็ยังเป็นเรื่องวิถีชีวิตของคนเอเอสทีวีกับความผูกพันกับเหล่าแม่ยก พ่อยกที่ติดสอยห้อยตามจากม็อบมาเปิดโรงครัวต่อที่ทำงานบ้านเจ้าพระยาซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านพระอาทิตย์ ถ้ำใหญ่ของ “สนธิ ลิ้มทองกุล”  

          ถัดจากโต๊ะผมไปไม่กี่เมตร อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรฯก็นั่งทานอาหารอยู่ ผมเข้าไปทักทายตามประสาคนเคยทำข่าวกันมานาน

 

  “เห็นมีข่าวว่าอาจารย์เป็นอัมพฤกษ์”

          อาจารย์สมเกียรติ ยกนิ้วชี้ไปที่ศรีษะ “เส้นเลือดในสมองตีบ แต่ตอนนี้โอเค เริ่มดีขึ้น วันนี้ผมจะเข้าไปประชุมสภา”

          ผมก็เห็นว่าเป็นอย่างนั้น ไม่ได้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตเหมือนที่เป็นข่าวซะหน่อยกินอาหารได้ตั้งเยอะ แถมเดินเหินสะดวก แต่ดูผอมลงไปหน่อย และพูดน้อยลงพอสมควร

          ผมขอตัวออกมาเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทานอาหาร   

   

อาจารย์สมเกียรติ ยังดูปกติ พูดคุย ทานข้าวได้แต่ช้าลงนิดหน่อย

             กลับมาคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะ อยู่ๆหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมคาดว่าจะอยู่ฝ่ายข่าวอยู่ๆก็เริ่มตาแดง แล้วน้ำตาก็ไหลผ่านแว่นลงมาอาบแก้ม ระหว่างที่พูดถึงน้ำใจของชาวเสื้อเหลืองที่มอบให้พนักงานเอเอสทีวี

          “พูดแล้วมันตื้นตัน ยิ่งตอนสิ้นเดือน เงินเดือนเราออกช้า เราต้องใช้เงินกันประหยัดกันสุดๆ ข้าวปลา ของพี่น้องพันธมิตรฯมีความหมายกับเรามาก.....

          ...ถึงแม้ว่าที่นี่เงินเดือนจะไม่มากแต่เราอยู่แล้วสบายใจ ตรงนี้สำคัญที่สุด”

          วงข้าวที่กำลังสนุกสนานนั่งเงียบ จ้องมองสาวแว่นหนาเป็นตาเดียวกัน เธอกำลังร้องให้ อย่างตื้นตันใจ

           ผมคิดในใจ

          จะมีซักกี่คนที่โชคดีเหมือนเธอ ได้ทำงานที่ตัวเองรัก ในที่ทำงานที่เธอรัก ในที่ๆเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายใจ ที่ๆเธอมีความสุข ไม่ใช่จากเงินค่าตอบแทน แต่มีความสุขทางใจ

          มองดูเวลาแล้วเครียด งานที่รออยู่ข้างหน้าเริ่มกระชับพื้นที่เวลาเข้ามาใกล้ตัวเหลือเกิน

 “ผมต้องไปก่อน  ขอบคุณน้ำใจที่มอบให้ วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่ครับ”

          นี่คือเหตุการณ์ที่บ้านเจ้าพระยาที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟัง

/-/-/-/-/-/-/

Create Date : 09 กรกฎาคม 2553
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 0:09:53 น. 0 comments
Counter : 636 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

boyberm
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




boyberm
Friends' blogs
[Add boyberm's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.